เซิ่งฟางได้ยินประโยคนี้ก็โกรธจัด ยกกระบี่ในมือขึ้นหมายแทงเข้าใส่เฉินหย่งเหนียน ทหารหน้าประตูเมืองดูสถานการณ์แล้ว ต่างรีบยกเอาอาวุธในมือขึ้นคุ้มกันข้างหน้าของเฉินหย่งเหนียน “หยุดอยู่ตรงนั้น หากเจ้ากล้าเข้ามาอีกก้าว ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!” เซิ่งฟางโกรธจนทั้งร่างสั่นเทา คนที่ตอนนั้นเขาเคยให้ความเอ็นดู บัดนี้กลับปฏิบัติต่อเขาเช่นนี้ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเขม่นใส่กัน เจี่ยนอันอันก็สาวเท้าก้าวเข้ามา นางเอ่ยกับเซิ่งฟาง “ท่านเจ้าเมืองเซิ่งไม่ต้องรีบร้อนใจไป เรื่องนี้ปล่อยให้ข้าจัดการเถิด” เซิ่งฟางมองไปยังเฉินหย่งเหนียนระคนหยามหยัน ก่อนถอยห่างออกมาเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา เขาก็กล่าวอย่างดูแคลน “แล้วเจ้าเป็นใครอีก ช่างบังอาจกล้ามาช่วยพูดแทนเขา!” ใบหน้าของเจี่ยนอันอันปรากฏความเย้ยหยันในเสี้ยวรอยยิ้ม นางไม่ได้พูดสิ่งใด ทว่ากลับนำสร้อยคอทองคำเส้นหนึ่งออกมาจากมิติ ด้านบนสลักไพลินสีฟ้าเป็นจี้ห้อยเฉินหย่งเหนียนไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันคิดจะทำสิ่งใดกันแน่ เห็นแค่นางหยิบเอาสร้อยคอเส้นหนึ่งขึ้นมากวัดแกว่งไปมาเพียงเท่านั้น เฉินหย่งเหนียนรู้สึกแต่เพียงว่าเบื
“ยารักษาบาดแผลหลายขวดนี้ พวกเจ้าเก็บไว้ใช้ระหว่างทางเถิด” เจี่ยนอันอันหยิบเอายารักษาบาดแผลจำนวนหนึ่งออกมาจากมิติหานซื่อรับยารักษาบาดแผลมา ประสานมือคารวะเจี่ยนอันอัน “ขอบคุณคุณหนูใหญ่เจี่ยนยิ่งนัก”ทหารรักษาพระองค์หลายนายที่ได้รับบาดเจ็บ ต่างก็พากันประสานมือคารวะ แสดงคำขอบคุณอย่างล้นหลามรอจนทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงเดินมาถึงหน้ารถม้า ในเมื่อหานซื่อไม่ต้องการนำเสบียงอาหารพวกนี้ไปด้วย นางก็ยินดีนำรถม้ากลับเข้าเมืองอินเป่ยเหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงที่ยืนออกันอยู่ในเมือง เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มีบ่าวรับใช้เข้ารับช่วงต่อภาระกุมบังเหียนรถม้าฮูหยินใหญ่ตรงเข้ามาหา เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อันอัน นายทหารพวกนั้นจะทำอย่างไรดีเล่า? หากพวกเขารู้ว่าพวกเราให้ท่านเจ้าเมืองเซิ่งเข้ามาด้วย จะต้องคอยตามรังควานพวกเราเป็นแน่ เจ้าว่าเรื่องนี้ควรทำอย่างไรดี?” เจี่ยนอันอันตบเบาๆ บนแขนของฮูหยินใหญ่ หัวเราะน้อยๆ พลางตอบ “ฮูหยินใหญ่วางใจเถิดเจ้าค่ะ ข้ามีวิธีของข้า” เจี่ยนอันอันจัดแจงให้ทุกคนรออยู่ในเมืองไปก่อน ส่วนนางกลับมาหาพลทหารพวกนั้นอีกครั้ง ก่อนเอ่
ชายชราผู้นั้นเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อของเฉินหย่งเหนียนเมื่อเห็นว่าเขาไม่พูดไม่จา“หย่งเหนียน เจ้าเป็นอะไรไป พูดอะไรบ้างสิ!”ครั้นเห็นว่าเฉินหย่งเหนียนยังคงปิดปากเงียบดังเดิม ชายชราก็เริ่มร้อนใจขึ้นมาเฉินหย่งเหนียนเป็นคนที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะคนหมู่บ้านชิงสุ่ย เขาสุภาพกับชาวบ้านที่นี่มากแต่หลังจากกลายเป็นทหารของเมืองอินเป่ย เขาก็ไม่ค่อยกลับมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ยอีกวันนี้กลับมาก็ไม่พูดไม่จาสักคำ ซ้ำยังพาคนมาเยอะขนาดนี้นี่เป็นครั้งแรกที่ชายชราเห็นเฉินหย่งเหนียนเป็นแบบนี้เจี่ยนอันอันเห็นชายชราเริ่มร้อนใจก็ช่วยสะกิดเฉินหย่งเหนียน“บอกไปสิ บอกไปว่าพวกข้าเป็นผู้ใด”หลังจากถูกเจี่ยนอันอันสะกิด เฉินหย่งเหนียนราวกับได้รับคำสั่งอย่างไรอย่างนั้น เขาเอ่ยว่า“ท่านปู่เฉิน คนพวกนี้คือเยียนอ๋องและครอบครัวของเขา พวกเขาถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยตามคำสั่งของฮ่องเต้ ข้าจำได้ว่าหมู่บ้านชิงสุ่ยของเรามีเรือนที่ไม่มีผู้อาศัยอยู่ ด้วยเหตุนี้จึงพาพวกเขามา”ครั้นได้ยินว่าคนเหล่านี้ถูกเนรเทศมาที่นี่ตามคำสั่งของฮ่องเต้ชายชราก็ใช้ดวงตาขาวขุ่นของตัวเองจ้องมองไปที่ครอบครัวของฉู่จวินสิงเวลานี้ชาว
หลังจากที่ท่านปู่เฉินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะจัดหาที่พักให้พวกเขาก่อนค่อยว่ากัน“ถ้าเช่นนั้น พวกเจ้าก็ตามข้ามาเถิด”ท่านปู่เฉินพูดแล้วก็พาครอบครัวของฉู่จวินสิงเดินไปทางบ้านที่ไม่มีคนอยู่หลังนั้นทว่าคำพูดของท่านปู่เฉินกลับได้รับการคัดค้านอย่างรุนแรงจากชาวบ้านคนอื่นๆหญิงสาวผิวซีดตัวผอมนางนั้นวิ่งมาบังหน้าท่านปู่เฉินและขวางทางทุกคนไว้“ท่านปู่เฉิน ท่านจะให้พวกเขาอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยของเราไม่ได้”บุรุษที่จำเซิ่งฟางได้ผู้นั้นก็ร้องคัดค้านเช่นกัน“ใช่แล้วท่านปู่เฉิน พวกเขาเป็นผู้ใดมาจากไหนก็ไม่รู้ จะให้อยู่ที่นี่ไม่ได้”ชาวบ้านคนอื่นร้องเสียงดัง ต้องการขับไล่ครอบครัวของฉู่จวินสิงออกจากหมู่บ้านท่านปู่เฉินลำบากใจเช่นกันด้านหนึ่งก็เป็นผู้ถูกเนรเทศโดยราชโองการของฮ่องเต้ อีกด้านก็เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขาไม่อยากล่วงเกินฝ่ายใดทั้งนั้นในตอนนี้เอง เฉินหย่งเหนียนที่นิ่งทื่อมาโดยตลอดก็พูดขึ้นว่า“ท่านปู่รีบพาพวกเขาไปที่บ้านหลังนั้นเถิด นี่เป็นราชโองการจากฮ่องเต้ พวกเราไม่อาจขัดขืน”คำพูดของเฉินหย่งเหนียนทำให้ชาวบ้านพวกนั้นเงียบเสียงทันที
เขามองเจี่ยนอันอันแล้วมองคนอื่นๆครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดคัดค้านจึงยอมเก็บเงินก้อนนี้เข้าสู่อกเสื้อ“ดีๆ ๆ นับจากวันนี้พวกเจ้าก็จงพักอยู่ที่นี่ หากวันหน้ามีปัญหาอะไร ก็มาหาข้าที่บ้านที่อยู่ทางสุดขอบตะวันตกของหมู่บ้านชิงสุ่ยได้ ที่นั่นคือบ้านของข้าเอง”เจี่ยนอันอันส่งยิ้มเห็นฟันให้อีกฝ่าย “เกรงว่าหลังจากนี้คงมีเรื่องต้องรบกวนท่านปู่เฉินเยอะมาก หวังว่าท่านจะไม่รังเกียจ”ท่านปู่เฉินเห็นเจี่ยนอันอันเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเช่นนี้มีรอยยิ้มซื่อๆ เผยออกมา“ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เช่นนั้นข้ากลับก่อนล่ะ”หลังจากที่ท่านเฉินปู่กลับไป เจี่ยนอันอันจึงมองไปยังเฉินหย่งเหนียนที่ยืนอยู่ด้านข้างนางดีดนิ้วใส่เฉินหย่งเหนียนพลางพูดว่า “จำไว้ เจ้าเป็นคนพาพวกข้ามาที่นี่ด้วยความเต็มใจ หากมีผู้ใดถาม เจ้าก็ห้ามโต้แย้งใดๆ ทั้งสิ้น”เฉินหย่งเหนียนพยักหน้าอย่างเหม่อลอยเจี่ยนอันอันปัดมือว่า “เจ้ากลับไปเถอะ ที่นี่ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว”เฉินหย่งเหนียนทำความเคารพให้กับเจี่ยนอันอันแล้วสาวเท้ายาวๆ จากไปหลังจากที่เฉินหย่งเหนียนจากไป ฮูหยินใหญ่จึงค่อยมองห้องหับเหล่านี้นางมีสีหน้าเป็นกังวลสถานที่แห่งนี้ไม่อาจเทีย
พวกเขาต่างถอนหายใจโล่งอกเมื่อพบว่าบนรถม้ามีฟืนอยู่หนึ่งกระสอบสาวใช้สองนางไปตักน้ำจากบ่อน้ำร้างอยู่นานกว่าจะตักน้ำได้หนึ่งถังพวกเขามีอาหารอยู่เต็มรถม้า วันนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีอาหารแล้วหลังจากที่สาวใช้สองนางล้างทำความสะอาดหม้อเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็มอบตะบันไฟอันหนึ่งให้พวกนางบ่าวรับใช้สองสามคนเริ่มขนอาหารบนรถม้า รวมถึงไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าเข้ามาในบ้านไม่นานบรรดาสาวใช้ก็เริ่มก่อไฟทำอาหารเจี่ยนอันอันซื้อเกลือกับเครื่องปรุงรสเพิ่มจากร้านค้าในมิติแล้วมอบให้สาวใช้ทั้งสองฮูหยินใหญ่กับคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ว่างเช่นกันพวกนางเริ่มปัดกวาดฝุ่นภายในห้องมีเพียงฉู่จวินสิงกับฉู่จวินหลุนที่นั่งมองทุกคนยุ่งกับการทำงานอยู่กลางลานบ้านส่วนเหยียนเซ่าเว่ยที่ถูกจับมาก็เอาแต่นั่งเงียบอยู่ในมุมทันใดนั้นเอง มีเสียงกรีดร้องดังมาจากในบ้านครั้นเจี่ยนอันอันมาถึงก็พบว่าฮูหยินรองกำลังชี้ไปที่หนูตัวหนึ่งด้วยสีหน้าซีดเผือดเจี่ยนอันอันเห็นว่ามีหนูตัวผอมแห้งตัวหนึ่งนอนอยู่ที่พื้นมันกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าทีละน้อยๆเซิ่งฟางเดินมาดูเช่นกัน เมื่อเห็นว่าฮูหยินรองกลัวหนูก็เดินเข้าไปกระทืบมันตา
ห้องที่อยู่ด้านขวาสุดมีเตียงอุ่นสองหลัง ตรงกลางถูกคั่นด้วยกำแพงดินสามารถให้บ่าวรับใช้พักอยู่ที่ห้องนั้นได้หนึ่งห้องยกให้ครอบครัวของฉู่จวินหลุนทว่าอีกสองห้องที่เหลือกลับทำให้ฮูหยินใหญ่ลำบากใจนางกับฮูหยินรอง และญาติสายรองอีกห้าคนสามารถพักอยู่ในห้องเดียวกันนอกจากนี้ภายในห้องก็มีกำแพงกั้นเช่นกันสามารถให้ฉู่อันเจ๋อกับญาติสายรองห้าคนนั้นนอนบนเตียงอุ่นหลังเดียวกันได้แต่ปัญหาก็คือ ตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงยังไม่ได้แต่งงานกันหากจะให้พวกเขาสองคนพักอยู่ห้องเดียวกัน เกรงว่าเจี่ยนอันอันคงไม่เห็นด้วยยิ่งไปกว่านั้นยังมีเซิ่งฟางอีกคน จะจัดหาที่พักให้เขาอย่างไรดี?ฮูหยินใหญ่กล่าวกับเจี่ยนอันอันด้วยความลำบากใจ “อันอัน เจ้าก็เห็นแล้วว่ามีห้องแค่นี้ เจ้าอยู่กับจวินสิงได้หรือไม่?”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าต้องนอนห้องเดียวกันกับฉู่จวินสิง ก็อดมองไปทางเขาไม่ได้พบว่าเขาไม่ได้มีท่าทีคัดค้านแต่อย่างใดตรงกันข้าม แววตาของฉู่จวินสิงฉายแววคาดหวังเจี่ยนอันอันก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีฮูหยินใหญ่เห็นเจี่ยนอันอันไม่ตอบตกลงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆหากเป็นสมัยที่ยังอยู่จวนเยียนอ๋อง ไม่
เหยียนเซ่าลุกขึ้นเดินมาหาฉู่จวินสิง จากนั้นคุกเข่าข้างหนึ่งลงพื้นดังตุบนอกจากฉู่จวินสิงกับเซิ่งฟางแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแต่ตกตะลึงกับการกระทำของเหยียนเซ่าพวกเขามองเหยียนเซ่าด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร?ได้ยินเพียงเหยียนเซ่าพูดว่า “ข้าน้อยคารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงพยักหน้าให้เหยียนเซ่า ก่อนจะให้เซิ่งฟางช่วยแก้มัดเจี่ยนอันอันนึกถึงเรื่องที่เซิ่งฟางเคยเล่าให้ฟังว่าบุรุษผู้นี้เคยช่วยชีวิตเขาไว้ในที่สุดนางก็เข้าใจ ที่แท้บุรุษที่มีนามว่าเหยียนเซ่าผู้นี้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิง ฉู่จวินสิงแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “ขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือผู้ใต้บังคับบัญชาของข้า นามว่าเหยียนเซ่า เป็นคนที่สนิทที่ข้าให้แฝงไว้ข้างกายฉู่ชางเหยียน เป็นคนที่เชื่อถือได้”เมื่อฉู่จวินสิงแนะนำเช่นนี้ ทุกคนก็เข้าใจทันทีมิน่าเล่า ฉู่จวินสิงถึงไม่คิดจะสังหารเขาสักที ซ้ำยังยืนกรานว่าจะพามาที่นี่ด้วยที่แท้ก็เป็นคนของฉู่จวินสิงเซิ่งฟางลุกขึ้นพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความตื้นตัน “เหยียนเซ่าเว่ย ไม่พบกันนาน หากตอนนั้นท่านไม่ช่วยข้าไว้ เกรงว่าตอนนี้ข้าคงกลายเป็นวิญญาณเฝ้าเมืองอินเป่ยไปนานแล้ว”เซิ่งฟางพูดแล้วปร