เมื่อนายอำเภอเห็นเข้า ก็เตะเข้าไปยังท้องของชายชราชายชราถูกเตะจนร้อง “โอ๊ย” ดังออกมา ก่อนจะซวนเซไปหลายก้าว แล้วล้มนั่งลงบนพื้น”กระดูกแก่ๆ ของเขารับการเตะนี้ไม่ไหว ชั่วขณะก็ถูกเตะเข้าเสียจนใบหน้าซีดขาว ผ่านไปนานก็ยังลุกไม่ขึ้นหญิงชราเมื่อเห็นเข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาประคองชายชราขึ้นนางชี้นิ้วไปยังนายอำเภอและเจี่ยนอันอันด้วยมือสั่นเทา“พวกเจ้าสร้างหายนะฆ่าคนเป็นผักเป็นปลา ข้าจะแจ้งไปทางท่านเจ้าเมือง ให้ท่านเจ้าเมืองช่วยตัดสินให้พวกเรา!”หญิงชราพูดออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับเด็กรับใช้ด้วยความโมโห “ยังจะนิ่งอึ้งกันทำอะไร ยกจางต้าไปสิ”เด็กรับใช้รีบก้าวมาข้างหน้า แล้วยกศพของจางต้าขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพวกเขาจะจากไป เหล่าชาวบ้านเองก็ไม่พอใจนักพวกเขาทั้งหมดล้อมรอบกันเข้ามา อย่างต้องการคำอธิบายจากหญิงชราและชายชรา“จางต้าของพวกเจ้าใส่น้ำยาคูหยาลงบนที่ดินของพวกเรา ทำให้ผลผลิตอาหารที่ปลูกจากที่ดินของพวกเรามีพิษ” “พวกเจ้าคิดจะจากไป ไม่มีทางเสียหรอก!”เรื่องที่จางต้าใส่น้ำยาคูหยาลงบนที่ดินของชาวบ้านนั้น ทั้งสองผู้เฒ่าต่างก็รู้พวกเขาเองก็เคยชื่นชมอวี้เฟิ่งที่เสนอความคิดได้ดีเมื่อชาวบ้านติดค
เจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มองเห็นท่านปู่เฉินหลับตาแน่น หายใจรัวเร็วขึ้นเจี่ยนอันอันรีบตรวจชีพจรให้ท่านปู่เฉิน นางเปิดเปลือกตาของท่านปู่เฉินไม่นานนางก็สรุปได้ว่า พิษในตัวท่านปู่เฉินเริ่มจู่โจมแล้ว และก็เป็นในตอนนี้ ที่มีชาวบ้านหลายคนพากันกุมท้อง ล้มลงบนพื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวดร่างกายของพวกเขาพากันกระตุก มุมปากมีฟองขาวออกมาชาวบ้านคนอื่นๆ เมื่อเห็นเข้า ต่างก็พากันตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าวพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเพียงแค่ชั่วครู่ก็มีคนล้มลงไปหลายคน?เจี่ยนอันช่วยตรวจให้ชาวบ้านเหล่านั้นด้วย อาการของพวกเขาคล้ายคลึงกันกับท่านปู่เฉินเพียงแต่พิษในกายของพวกเขา ดูจะมีมากกว่าท่านปู่เฉินอยู่เล็กน้อยดูเหมือนว่าพวกเขาจะต้องกินอาหารที่มีน้ำยาคูหยาอยู่ ถึงได้เป็นเช่นนี้ตอนนี้วิธีการที่จะทำให้พวกเขาฟื้นขึ้นมานั้น ก็มีเพียงแค่ใช้พิษแก้พิษเจี่ยนอันอันหยิบเข็มเงินสลายพิษมาจากห้วงมิติฝังลงไปบนกายชาวบ้านเหล่านั้นชาวบ้านเหล่านั้นไม่นานก็หยุดชักกระตุกลง ผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาต่างก็ทยอยกันได้สติขึ้นมาเจี่ยนอันอันดึงเข็มพิษออกมา ก่อนจะฝังให้ท่านปู่เฉินหลังจากที่ท่านปู
ท่านปู่เฉินขอบคุณติดต่อกัน ก่อนจะเหลือบมองชาวบ้านเหล่านั้นที่อยู่บนพื้นเขาพูดร้องของออกมาด้วยใบหน้าเป็นกังวล “ได้โปรดขอแม่นางช่วยเหลือด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันส่งเสียงเย็นชาออกมา “เมื่อครู่นี้ข้าก็เพิ่งจะช่วยพวกเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีหน้าที่ไปสนใจพวกเขาอีก”ท่านปู่เฉินเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมช่วยเหลือชาวบ้านเหล่านั้น เขายังคิดจะพูดอะไรออกมา แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันยกมือห้ามเอาไว้“ท่านปู่เฉินไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความแล้ว ในตอนนั้นที่พวกเรามายังหมู่บ้านชิงสุ่ย พวกเขาคัดค้านไม่ให้พวกเราพักอยู่ที่นี้อย่างรุนแรง” “ตอนนี้มาร้องขอข้า สายไปเสียแล้ว”ท่านปู่เฉินถอนหายใจอย่างแรง ถึงแม้ว่าเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน แต่เขาก็ไม่อาจบังคับให้เจี่ยนอันอันทำอะไรได้เขาเหลือบมองไปยังชาวบ้านเหล่านั้น ก่อนจะส่ายศีรษะอย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วหันหลังจากไปชาวบ้านที่นอนอยู่บนพื้นเหล่านั้น หลังจากที่ได้ยินคำของเจี่ยนอันอันแล้ว ก็พากันรู้สึกเสียใจขึ้นมาตอนนั้นพวกเขาช่างตาบอดไปจริงๆ มองไม่ออกว่าเจี่ยนอันอันจะมีความสามารถเช่นนี้ตอนนี้พวกเขาพากันล่วงเกินเจี่ยนอันอัน อยากจะให้นางช่วยเหลือพวกเข
หลายปีมานี้ในตอนที่เขาเป็นนายอำเภอ ก็ทำเรื่องร้ายแรงไปไม่น้อยจริงๆเขาตัดสินคดีที่ไม่เป็นธรรมมาไม่น้อย ขอเพียงแค่มีเงินมากพอ เขาก็ไม่ใส่ใจว่าชาวบ้านเหล่านั้นจะถูกใส่ความหรือไม่ ก็ใช้กฎหมายโยนเข้าคุกรับโทษไปชาวบ้านของเมืองไถหยาง ต่างก็พากันโกรธแค้นเขาเข้ากระดูกมานานแล้วสีหน้าของนายอำเภอประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวดำ เขายังคงไม่อยากมอบตำแหน่งนายอำเภอนี้มอบให้ผู้อื่นเขายืดคอตัวเองอย่างคิดจะอธิบายให้ตัวเองเจี่ยนอันอันไม่ให้โอกาสนายอำเภอได้แก้ตัว นางก้าวออกมาแล้วแย่งดาบในมือของนายอำเภอไปและด้วยการกระทำที่รวดเร็วของเจี่ยนอันอัน นายอำเภอยังไม่ทันได้ตอบโต้ ดาบในมือก็ถูกแย่งไปเขามองไปยังมือที่ว่างเปล่า ลำคอก็ถูกดาบจ่อเอาไว้นายอำเภอตกใจเสียสีหน้าไม่น่ามอง คุกเข่าลงอย่างสั่นเทาสองมือของเขาประสานกันพูดร้องขอออกมา “ขอร้องแม่นางได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้าจะลาออกจากตำแหน่งนายอำเภอทันที”นายอำเภอพูดออกมา ก่อนจะถอดหมวกผ้าสีดำบนศีรษะออกมาเจี่ยนอันอันเย้ยหยันออกมา “เพียงแค่ของเหล่านี้คงจะไม่เพียงพอ ถอดเกราะจิ่นอวิ๋นบนกายเจ้าออกมาด้วย”นายอำเภอเมื่อได้ยินว่าให้เขาถอดเกราะจิ่นอวิ๋นออกมา ทันใดนั
ฉู่อันเจ๋อเมื่อได้ยินเข้า ก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที“พี่เซิ่งจะเป็นนายอำเภอแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องแสดงความยินดีกับพี่เซิ่งแล้ว”เซิ่งฟางยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด ล้วนแต่เป็นเพียงแค่อันอันล้อเล่นเท่านั้น”เจี่ยนอันอันวางชามและตะเกียบลง แล้วพูดอย่างจริงจังออกมา “พี่เซิ่ง ข้าไม่ได้ล้อเล่น” “ข้าบอกว่าสามารถให้พี่เป็นนายอำเภอได้ พี่ก็จะได้เป็น”เมื่อถึงตอนนี้ ฉู่จวินสิงในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา“อันอัน เจ้ามีวิธีการอย่างไร ที่จะทำให้พี่เซิ่งได้เป็นนายอำเภอ?”ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นเพียงแต่พวกเขาตอนนี้ล้วนแต่มีสถานะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป แล้วนางจะมีพลังอำนาจใด ที่จะให้เจ้าเมืองเห็นด้วยกับความคิดของนาง เจี่ยนอันอันกัดฟันยิ้มออกมา “เมื่อถึงเวลาท่านก็จะรู้เอง”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันยังคงปิดไว้ก่อน เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากที่คนทั้งหลายกินข้าวกันแล้ว เจี่ยนอันอันก็ไปปรุงยาถอนพิษให้ท่านปู่เฉิน ท่านปู่เฉินก็บังเอิญมาที่จวนในเวลานี้พอดีเจี่ยนอันอันยกชามยาเข้ามา ส่งให้ท่านปู่เฉิน
นางรีบดึงมือกลับมา แล้วลูบไปยังหน้าผากของฉู่จวินสิง ก่อนจะแตะไปที่หน้าผากตัวเอง“ท่านก็ไม่ได้มีไข้นี่ ทำไมถึงได้พูดจาไร้สาระตั้งแต่กลางวัน”รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่จวินสิงยิ่งกว้างขึ้น“เจ้าก็แค่พูดว่า ข้าฉลาดหรือไม่”เจี่ยนอันอันตะโกนออกมา นางเคยเห็นคนหน้าไม่อายมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายจนถึงขนาดนี้มาก่อน“หากว่าไม่มีข้า อิฐหินที่ท่านเก็บไว้พวกนั้น เกรงว่าตอนนี้ก็คงจะถูกเก็บไว้ในจวนเยียนอ๋องเท่านั้น”เมื่อเห็นใบหน้าของเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยท่าทีไม่ยินยอม ฉู่จวินสิงก็หัวเราะออกมาเบาๆ“ท่านหัวเราะอะไรกัน ข้าพูดผิดไปอย่างนั้นหรือ?” เจี่ยนอันอันต่อยไปยังฉู่จวินสิงอย่างอารมณ์ไม่ดีนักฉู่จวินสิงคว้ามือเจี่ยนอันอันเอาไว้ในคราวเดียว ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าอก“หากไม่มีเจ้าคงจะไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้ายิ่งอยากจะแต่งงานกับเจ้ามากขึ้นแล้ว”ฉู่จวินสิงพูดออกมา ก่อนจะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วจ้องมองเจียนอันอันด้วยสายตาลุกโชนทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ ของเจี่ยนอันอันก็แดงก่ำขึ้นมา นางรีบดึงมือกลับไป ก่อนจะเอียงหน้าไปอีกด้านหนึ่ง อย่างไม่กล้าสบสายตากับฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงยกมือขึ้น หยิบผมที่ร่วงลงมาต
เมื่อรถม้าออกจากหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็มุ่งหน้าไปในทิศทางหนึ่งเจี่ยนอันอันถามด้วยความสงสัย “พี่เซิ่ง ที่นี่เป็นทางไปที่ว่าการมณฑลหรือ?”เซิ่งฟางฟาดแส้ไปที่ม้าพลางตอบโดยไม่หันกลับมามอง “ใช่แล้ว ที่นี่เป็นทางไปที่ว่าการมณฑล”“ที่ว่าการอำเภออยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการมณฑล อีกทั้งยังไกลกว่าที่ว่าการอำเภอด้วย”เจี่ยนอันอันรับคำ ก่อนจะเงียบไปนางเริ่มคิดแผนในใจ หากผู้ว่าการมณฑลเป็นขุนนางซื่อสัตย์ นางจะพูดจาด้วยดีๆหากฝ่ายตรงข้ามเป็นเหมือนนายอำเภอ เป็นขุนนางทุจริตที่รับสินบน เจี่ยนอันอันก็เตรียมท่าไม้ตายไว้แล้วรถม้าเดินทางมากว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูที่ว่าการมณฑลเมื่อรถม้าจอดลง ก็พอดีกับมีเกี้ยวหลังหนึ่งมาจอดอยู่หน้าที่ว่าการมณฑลเช่นกันคนผู้หนึ่งก้าวลงจากเกี้ยว สวมชุดขุนนางสีน้ำเงินเข้ม และสวมหมวกแพรดำเมื่อผู้ว่าการมณฑลก้าวลงมาแล้ว ก็หันไปมองรถม้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งฟางเขาถึงกับชะงักอยู่ที่เดิมไปชั่วขณะแต่ไม่นานก็กลับคืนสติ ขมวดคิ้วและแค่นเสียงเย็นชาออกมาจากนั้นผู้ว่าการมณฑลสะบัดแขนเสื้อแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในที่ว่าการมณฑลเซิ่งฟางลงจากรถม้า ในใจ
ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก เห็นใต้เท้าแล้วเหตุใดยังไม่คุกเข่า?”“ทหาร จับพวกมันทุกคน!”เหล่าเจ้าหน้าที่ในที่ว่าการมณฑลกว่าสิบคนที่อยู่ในห้องโถงรับคำสั่งทันที พวกเขารีบรุดเข้ามาเพื่อจับตัวเจี่ยนอันอันและพรรคพวกทั้งสามคนแต่พอพวกเขาเข้ามาใกล้ เซิ่งฟางก็ร้องตวาดขึ้นด้วยความโกรธทันที “ดูสิว่าใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าคนผู้นั้นเดี๋ยวนี้”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ชะงักและหยุดฝีเท้าลงในทันทีผู้ว่าการมณฑลโกรธจัด ขว้างไม้เรียกสติที่อยู่ในมือไปทางเซิ่งฟาง“เจ้ามันโจรทรยศเมืองบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนที่ว่าการมณฑลของข้า““พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่ จับพวกมันให้หมด!”เซิ่งฟางคว้าไม้เรียกสติที่ถูกขว้างมาได้อย่างรวดเร็วจากนั้นเขายกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าดุดันทันทีพวกเขาชักดาบจากเอวออกมาและพุ่งเข้าฟันใส่ทั้งสี่คน เจี่ยนอันอันเตะเข้าที่ข้อมือของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ดาบในมือเขากระเด็นลอยไปนางคว้าดาบนั้นไว้และเริ่มต่อสู้กับเจ
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”