ฉู่อันเจ๋อเมื่อได้ยินเข้า ก็เบิกตากว้างขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที“พี่เซิ่งจะเป็นนายอำเภอแล้ว เช่นนั้นข้าคงต้องแสดงความยินดีกับพี่เซิ่งแล้ว”เซิ่งฟางยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “เรื่องนี้ยังไม่แน่ชัด ล้วนแต่เป็นเพียงแค่อันอันล้อเล่นเท่านั้น”เจี่ยนอันอันวางชามและตะเกียบลง แล้วพูดอย่างจริงจังออกมา “พี่เซิ่ง ข้าไม่ได้ล้อเล่น” “ข้าบอกว่าสามารถให้พี่เป็นนายอำเภอได้ พี่ก็จะได้เป็น”เมื่อถึงตอนนี้ ฉู่จวินสิงในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา“อันอัน เจ้ามีวิธีการอย่างไร ที่จะทำให้พี่เซิ่งได้เป็นนายอำเภอ?”ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้นเพียงแต่พวกเขาตอนนี้ล้วนแต่มีสถานะเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป แล้วนางจะมีพลังอำนาจใด ที่จะให้เจ้าเมืองเห็นด้วยกับความคิดของนาง เจี่ยนอันอันกัดฟันยิ้มออกมา “เมื่อถึงเวลาท่านก็จะรู้เอง”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันยังคงปิดไว้ก่อน เขาก็ทำเพียงแค่ยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรต่อหลังจากที่คนทั้งหลายกินข้าวกันแล้ว เจี่ยนอันอันก็ไปปรุงยาถอนพิษให้ท่านปู่เฉิน ท่านปู่เฉินก็บังเอิญมาที่จวนในเวลานี้พอดีเจี่ยนอันอันยกชามยาเข้ามา ส่งให้ท่านปู่เฉิน
นางรีบดึงมือกลับมา แล้วลูบไปยังหน้าผากของฉู่จวินสิง ก่อนจะแตะไปที่หน้าผากตัวเอง“ท่านก็ไม่ได้มีไข้นี่ ทำไมถึงได้พูดจาไร้สาระตั้งแต่กลางวัน”รอยยิ้มบนใบหน้าของฉู่จวินสิงยิ่งกว้างขึ้น“เจ้าก็แค่พูดว่า ข้าฉลาดหรือไม่”เจี่ยนอันอันตะโกนออกมา นางเคยเห็นคนหน้าไม่อายมาก่อน แต่ไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายจนถึงขนาดนี้มาก่อน“หากว่าไม่มีข้า อิฐหินที่ท่านเก็บไว้พวกนั้น เกรงว่าตอนนี้ก็คงจะถูกเก็บไว้ในจวนเยียนอ๋องเท่านั้น”เมื่อเห็นใบหน้าของเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยท่าทีไม่ยินยอม ฉู่จวินสิงก็หัวเราะออกมาเบาๆ“ท่านหัวเราะอะไรกัน ข้าพูดผิดไปอย่างนั้นหรือ?” เจี่ยนอันอันต่อยไปยังฉู่จวินสิงอย่างอารมณ์ไม่ดีนักฉู่จวินสิงคว้ามือเจี่ยนอันอันเอาไว้ในคราวเดียว ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าอก“หากไม่มีเจ้าคงจะไม่ได้จริงๆ ตอนนี้ข้ายิ่งอยากจะแต่งงานกับเจ้ามากขึ้นแล้ว”ฉู่จวินสิงพูดออกมา ก่อนจะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วจ้องมองเจียนอันอันด้วยสายตาลุกโชนทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ ของเจี่ยนอันอันก็แดงก่ำขึ้นมา นางรีบดึงมือกลับไป ก่อนจะเอียงหน้าไปอีกด้านหนึ่ง อย่างไม่กล้าสบสายตากับฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงยกมือขึ้น หยิบผมที่ร่วงลงมาต
เมื่อรถม้าออกจากหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็มุ่งหน้าไปในทิศทางหนึ่งเจี่ยนอันอันถามด้วยความสงสัย “พี่เซิ่ง ที่นี่เป็นทางไปที่ว่าการมณฑลหรือ?”เซิ่งฟางฟาดแส้ไปที่ม้าพลางตอบโดยไม่หันกลับมามอง “ใช่แล้ว ที่นี่เป็นทางไปที่ว่าการมณฑล”“ที่ว่าการอำเภออยู่ตรงข้ามกับที่ว่าการมณฑล อีกทั้งยังไกลกว่าที่ว่าการอำเภอด้วย”เจี่ยนอันอันรับคำ ก่อนจะเงียบไปนางเริ่มคิดแผนในใจ หากผู้ว่าการมณฑลเป็นขุนนางซื่อสัตย์ นางจะพูดจาด้วยดีๆหากฝ่ายตรงข้ามเป็นเหมือนนายอำเภอ เป็นขุนนางทุจริตที่รับสินบน เจี่ยนอันอันก็เตรียมท่าไม้ตายไว้แล้วรถม้าเดินทางมากว่าหนึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูที่ว่าการมณฑลเมื่อรถม้าจอดลง ก็พอดีกับมีเกี้ยวหลังหนึ่งมาจอดอยู่หน้าที่ว่าการมณฑลเช่นกันคนผู้หนึ่งก้าวลงจากเกี้ยว สวมชุดขุนนางสีน้ำเงินเข้ม และสวมหมวกแพรดำเมื่อผู้ว่าการมณฑลก้าวลงมาแล้ว ก็หันไปมองรถม้า สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของเซิ่งฟางเขาถึงกับชะงักอยู่ที่เดิมไปชั่วขณะแต่ไม่นานก็กลับคืนสติ ขมวดคิ้วและแค่นเสียงเย็นชาออกมาจากนั้นผู้ว่าการมณฑลสะบัดแขนเสื้อแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในที่ว่าการมณฑลเซิ่งฟางลงจากรถม้า ในใจ
ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก เห็นใต้เท้าแล้วเหตุใดยังไม่คุกเข่า?”“ทหาร จับพวกมันทุกคน!”เหล่าเจ้าหน้าที่ในที่ว่าการมณฑลกว่าสิบคนที่อยู่ในห้องโถงรับคำสั่งทันที พวกเขารีบรุดเข้ามาเพื่อจับตัวเจี่ยนอันอันและพรรคพวกทั้งสามคนแต่พอพวกเขาเข้ามาใกล้ เซิ่งฟางก็ร้องตวาดขึ้นด้วยความโกรธทันที “ดูสิว่าใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าคนผู้นั้นเดี๋ยวนี้”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ชะงักและหยุดฝีเท้าลงในทันทีผู้ว่าการมณฑลโกรธจัด ขว้างไม้เรียกสติที่อยู่ในมือไปทางเซิ่งฟาง“เจ้ามันโจรทรยศเมืองบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนที่ว่าการมณฑลของข้า““พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่ จับพวกมันให้หมด!”เซิ่งฟางคว้าไม้เรียกสติที่ถูกขว้างมาได้อย่างรวดเร็วจากนั้นเขายกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าดุดันทันทีพวกเขาชักดาบจากเอวออกมาและพุ่งเข้าฟันใส่ทั้งสี่คน เจี่ยนอันอันเตะเข้าที่ข้อมือของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ดาบในมือเขากระเด็นลอยไปนางคว้าดาบนั้นไว้และเริ่มต่อสู้กับเจ
เมื่อผู้ว่าการมณฑลได้ยินดังนั้น ก็รีบสั่งให้คนไปตรวจสอบที่หมู่บ้านชิงสุ่ยทันทีส่วนนายอำเภอ เมื่อได้ยินว่าเจี่ยนอันอันเพียงแค่เอ่ยถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลงบ้างเรื่องของหมู่บ้านชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะมีส่วนผิด แต่คนที่ลงมือวางยาพิษจริงๆ ไม่ใช่เขาถึงจะถูกตรวจสอบจนเจอความจริง เขาก็ไม่ถึงขั้นถูกตัดหัวเขาสามารถอ้างได้ว่า ที่ทำไปเพราะถูกน้องเขยอย่างจางต้าบีบบังคับอย่างไรจางต้าก็ตายไปแล้ว ไม่มีหลักฐานมายืนยันอีกต่อไปเขาจะพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบเจี่ยนอันอันก้มลงมองนายอำเภอ และเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขานางก็รู้ถึงความคิดในใจของนายอำเภอทันทีเจี่ยนอันอันจึงพูดต่อไปว่า “หากใต้เท้าส่งคนไปสอบสวนเพียงแค่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ย ย่อมไม่สามารถค้นพบความผิดทั้งหมดของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้”“ใต้เท้าจำเป็นต้องส่งคนไปสอบถามชาวบ้านในอำเภอไถหยางด้วย เพื่อดูว่าพวกเขาจะว่าอย่างไรบ้าง”ผู้ว่าการมณฑลขมวดคิ้วแน่นขึ้นในฐานะผู้ว่าการมณฑล เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กสาวคนหนึ่งล้อเล่นนางบอกว่ามีหลักฐาน แต่กลับไม่ได้นำออกมาให้เห็น แถมยังบอกให้เขาส่งคน
นายอำเภอคิดหาทางแก้ตัวเอาไว้แล้ว เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัวและร้องแก้ต่างออกมาทันที“ใต้เท้า ข้าน้อยถูกน้องเขยบังคับ จึงต้องส่งมอบน้ำยาคูหยาให้ไป แต่ข้าน้อยไม่ได้เป็นคนลงมือวางยา ข้าน้อยถูกใส่ความจริงๆ ขอรับ!”เจี่ยนอันอันหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อกับคำพูดของนายอำเภอฉู่จวินสิงถีบนายอำเภอเข้าไปหนึ่งทีแล้วตวาดอย่างโกรธจัด “เจ้าเป็นถึงนายอำเภอ แต่กลับบอกว่าถูกน้องเขยข่มขู่”“เจ้าคิดว่าพูดออกมาแล้วจะมีใครเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเจี่ยนอันอันและพรรคพวก แต่คำพูดของนายอำเภอก็เต็มไปด้วยช่องโหว่เขาย่อมไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของนายอำเภอเลยผู้ว่าการมณฑลตบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนด้วยความโกรธ “ไร้สาระ!”“หากเจ้ายังไม่พูดความจริง ข้าจะปลดเจ้าจากตำแหน่งนายอำเภอเดี๋ยวนี้!”นายอำเภอรู้ว่าผู้ว่าการมณฑลกำลังพูดกับเขา ตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง รีบหดคอด้วยความกลัวเดิมทีเขาคิดว่าคำพูดของตนไม่มีช่องโหว่ และผู้ว่าการมณฑลต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่า ผู้ว่าการมณฑลจะไม่เชื่อในคำพูดของเขาเช่นกันนายอำเภออึกอักอยู่ครู่หนึ่ง สมองพยายามคิดหาทางออกอย่างร
ฉู่จวินสิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจี่ยนอันอันจะมีป้ายคำสั่งลายมังกรอยู่ในครอบครองป้ายคำสั่งนี้เป็นของล้ำค่าที่เก็บไว้ในคลังหลวง แต่กลับมาอยู่ในมือของเจี่ยนอันอันได้ดูท่าทางเจี่ยนอันอันไม่เพียงแค่ขนสมบัติทั้งหมดจากจวนเยียนอ๋อง แต่ยังบุกไปขนสมบัติจากคลังหลวงอีกด้วยนางช่างกล้าบ้าบิ่นเกินคนจริงๆ!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากขณะเดียวกันบนใบหน้าของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏรอยยิ้มลำพองใจนางพูดกับผู้ว่าการมณฑลด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฮ่องเต้มีราชโองการ ปลดนายอำเภอออกจากตำแหน่งทันที แต่งตั้งเซิ่งฟางเป็นนายอำเภอแทน”แม้ว่าภายในใจของผู้ว่าการมณฑลจะไม่เต็มใจอย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรตอนนี้เมืองอินเป่ยตกอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นไท่ยวนแล้ว หากฮ่องเต้ออกคำสั่ง เขาในฐานะผู้ว่าการมณฑลจะกล้าขัดได้อย่างไร“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเขียนร่างคำสั่ง เพื่อแต่งตั้งเซิ่งฟางเป็นนายอำเภอ”ผู้ว่าการมณฑลพูดเสร็จแล้วก็ยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเจี่ยนอันอันส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “ยังคุกเข่าอยู่ทำไม รีบไปเขียนร่างคำสั่งเร็วเข้าสิ!”
เจี่ยนอันอันมองไปทางเจ้าเมือง “เจ้ามีอันใดไม่พอใจเกี่ยวกับการตัดสินใจของข้าหรือไม่?”เจ้าเมืองรีบค้อมกายตอบ “ข้าน้อยไม่กล้าไม่พอใจ”“หึ แค่ไม่กล้าเท่านั้นรึ?”เจี่ยนอันอันจ้องเจ้าเมืองเขม็งจนฝ่ายตรงข้ามต้องก้มศีรษะลง“ข้าน้อยมิกล้า แต่ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ เหตุใดพวกท่านจึงต้องการให้เซิ่งฟางเป็นนายอำเภอ?”ในเมื่อเซิ่งฟางกลับเมืองอินเป่ยมาพร้อมกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ เขาไม่ควรได้รับตำแหน่งสูงกว่านั้นหรอกหรือไยจึงได้เป็นแค่นายอำเภอตัวเล็กๆ คนหนึ่งเล่า?นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเมืองคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันมองบนใส่เจ้าเมือง “พวกข้าทำเช่นนี้ยังต้องอธิบายต่อเจ้าอีกงั้นรึ”เจี่ยนอันอันกล่าวจบก็ก้าวยาวๆ ออกไปจากโถงใหญ่ฉู่จวินสิงและเหยียนเซ่าก็ตามออกมาเช่นกันเจ้าเมืองรีบตามออกมาส่งเขามองส่งรถม้าจากไปแล้วค่อยเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากเวลานั้นเอง เจ้าหน้าที่ทางการที่ถูกเจ้าเมืองส่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก็ก้าวออกมาตรงหน้าเจ้าเมือง“ใต้เท้า ข้าน้อยสืบได้ความแล้วขอรับ กลุ่มคนที่มาเมื่อครู่นี้เพิ่งมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยได้ไม่กี่วันนี่เอง”“ได้ยินคนหมู่บ้านชิงสุ่ยพูดกันว่า
จวบจนเวลานี้ พวกเขาจึงได้รู้ว่า ที่แท้ในหมู่บ้านชิงสุ่ยมิได้มีตาน้ำเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่นี่ก็มีตาน้ำเช่นกันเพียงแต่ภัยแล้งที่มีมาหลายปี ทำให้ตาน้ำถูกฝังอยู่ในใต้ดินลึกน้ำจึงไม่อาจผุดขึ้นมาเหนือดินเท่านั้นหากไม่เพราะฉู่จวินสิงบอกให้พวกเขาขุดหลุม เกรงว่าชาตินี้คงไม่มีผู้ใดได้รู้ ว่าบริเวณนี้มีตาน้ำที่ผุดจากใต้ดินขึ้นมาทุกคนต้องจ้องมองไปที่หลุมแทบไม่กะพริบตา แต่เนื่องจากหลุมที่ชาวบ้านขุดมาค่อนข้างใหญ่ หลังจากน้ำผุดขึ้นมาแล้ว จึงถูกดินในหลุมนั้นกลบทับซ้ำอีกแต่พวกเขาก็ไม่เป็นกังวล เพราะขอเพียงขุดพบตาน้ำ น้ำในหลุมนี้ก็จะผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่หยุดหย่อนใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น น้ำใต้ดินก็ได้ผุดขึ้นมาสะสมจนเกือบครึ่งหลุมแล้วชาวบ้านต่างพากันโห่ร้องดีใจ และสายตาที่มองฉู่จวินสิงก็เต็มไปด้วยความซาบซึ้งยิ่งอวี๋ว่านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขารีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง“ขอบคุณคุณชายฉู่ที่ช่วยเหลือ ทำให้หมู่บ้านชิงสุ่ยมีแหล่งน้ำเพิ่มขึ้นอีกแห่งหนึ่ง”“เช่นนี้นับว่าดีมาก ต่อไปไม่ว่าเราจะปลูกผักหรือทำอาหาร จะได้มาใช้น้ำที่นี่อย่างสะดวก”ชาวบ้านต่างพากันโค้งคำนับขอบคุณฉู่จวิน
“ถ้ายังลดลงไปอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ อีกไม่นานบ่อของพวกเราคงกลายเป็นบ่อแห้งหมด”ขณะที่ชาวบ้านกำลังวิจารณ์อยู่นั้น ฉู่จวินสิงได้ยกมือสื่อให้พวกเขาหยุดพูดก่อน“ทุกคนจงฟังข้า น้ำในบ่อของพวกท่านจะไม่ไหลมาทางนี้แน่นอน”ชาวบ้านได้ยินฉู่จวินสิงพูดดังนี้ จึงต้องการฟังความเห็นจากเขาฉู่จวินสิงเคยนำทัพออกศึกมาหลายปี และเคยสั่งให้ทหารหาแหล่งน้ำขุดตาน้ำขึ้นมา เพื่อบรรเทาความขาดน้ำของกองทัพจึงมีความรู้ด้านนี้มากกว่าเหล่าชาวบ้านเขากล่าวเสียงก้อง “ทุกท่านวางใจได้ ตาน้ำที่นี่แม้จะเชื่อมโยงไปถึงบ่อน้ำในบ้านพวกท่าน แต่จะไม่ทำให้น้ำในบ่อ ไหลย้อนกลับมาที่นี่แทน”ฉู่จวินสิงกล่าวพลาง สายตามองไปยังทุ่งนาแวบหนึ่งจึงได้ถามอวี๋ว่าน “พี่อวี๋ ก่อนหน้าที่หมู่บ้านชิงสุ่ยจะประสบภาวะภัยแล้ง บริเวณทุ่งนาเคยมีบ่อเลี้ยงปลามาก่อนหรือไม่?”อวี๋ว่านและหลิวซื่อต่างสบตากัน รีบร้อนกล่าวตอบ “เมื่อก่อนแถวนี้เคยมีบ่อเลี้ยงปลาจริง แต่น้ำไม่ลึกมาก ภายในเลี้ยงปลาตัวเล็ก จำนวนไม่มากนัก”ฉู่จวินสิงพยักหน้า และให้อวี๋ว่านพาไปดูที่ที่เคยเป็นบ่อเลี้ยงปลาผู้อื่นได้ติดตามไปด้วยเช่นกันอวี๋ว่านชี้ลงพื้นดินที่เหยียบอยู่ พลางกล
ขณะที่เจี่ยนอันอันนึกข้องใจอยู่นั้น ฉู่จวินสิงได้เดินมาใกล้เขากลับถึงบ้านได้สั่งให้พ่อบ้านหลิวและบ่าวไพร่หลายคน ช่วยกันลำเลียงผักจากรถม้าไปเก็บไว้ในห้องเก็บของแต่ด้วยความเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน จึงเดินมายังบ้านอวี๋ว่านอีกฉู่จวินสิงเห็นน้ำในบ่อมีแววลดต่ำลงไปเรื่อยๆ จึงได้ถาม“ในละแวกหมู่บ้านชิงสุ่ยแห่งนี้ มีตาน้ำอยู่ที่ใด?”คำถามของฉู่จวินสิง ทำให้อวี๋ว่านและหลิวซื่อต่างชะงักงันอวี๋ว่านเป็นผู้ตั้งสติกลับมาก่อน จึงรีบกล่าวตอบ “เมื่อเจ็ดปีก่อนแถวหมู่บ้านมีตาน้ำแห่งหนึ่งจริงๆ แต่เนื่องจากเผชิญภัยแล้งต่อเนื่องมาหลายปี จึงทำให้ตาน้ำนั้นแห้งขอดไปด้วย”เจี่ยนอันอันยังมิวายหายข้องใจ “ท่านพี่ แล้วตาน้ำนั้นเกี่ยวข้องอย่างไรกับบ่อในบ้านพี่อวี๋ด้วย?”อวี๋ว่านกับหลิวซื่อก็มองหน้าฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยเช่นกัน“นั่นสิคุณชายฉู่ เรื่องนี้เป็นมาอย่างไร วานท่านช่วยบอกได้หรือไม่?”ฉู่จวินสิงกล่าวตอบ “เท่าที่ข้าดู ด้านล่างของตาน้ำน่าจะเชื่อมโยงไปถึงบ่อของแต่ละบ้าน”“เพียงแต่เมื่อตาน้ำเริ่มแห้ง น้ำในบ่อทุกครัวเรือนก็ย่อมน้อยลงเช่นกัน”“และเนื่องจากอันอันทำให้น้ำในบ่อทุกบ้านกลายเป็นน้ำพุใส น้ำใต
เมื่อคิดได้ดังนี้ ถังหมิงเซวียนจึงนั่งกับพื้นด้วยอาการยิ้มปริ่ม พร้อมรอคอยให้ผักที่ปลูกไว้รีบขึ้นมาเร็วไวมีชาวบ้านเดินผ่านไปมา เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเข้าต่างก็ทักทายทั้งคู่ด้วยความสนิทสนมซึ่งทั้งคู่ก็ตอบรับเช่นกันแต่พอชาวบ้านหันไปมองถังหมิงเซวียน จึงแอบคิดในใจว่าหนุ่มผู้นี้เป็นใครกัน ไฉนพวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อนอวี๋ว่านก็เดินมาเช่นกัน เขาเคยพบถังหมิงเซวียนมาก่อน รู้ดีว่าเขาสนิทกับเจี่ยนอันอันมากหลังจากทักทายคนทั้งสามแล้ว จึงชักชวนชาวบ้านพากันไปดูแปลงผักสองวันนี้ชาวบ้านต้องหมั่นมาดูผักเป็นระยะ ด้วยเกรงว่าเมื่อปลูกขึ้นมาแล้ว จะถูกตัวหนอนกัดกินเสียหมดยิ่งยามนี้ผักที่ปลูกไว้ ต่างโผล่พ้นดินขึ้นมา พวกเขายิ่งไม่กล้าปล่อยให้คลาดสายตามีชาวบ้านผู้หนึ่งถามอวี๋ว่าน “คุณชายผู้นั้นเป็นใครกัน? ท่านรู้จักด้วยรึ?”อวี๋ว่านมองไปทางถังหมิงเซวียน พลางกล่าวตอบ “เป็นเพื่อนของแม่นางเจี่ยน รู้วิชาแพทย์ด้วยก่อนหน้านี้ผู้คนในตัวเมืองล้วนป่วยเป็นวัณโรค เพราะได้คุณชายถังผู้นี้ไปกับแม่นางเจี่ยน จึงช่วยรักษาพวกเขาได้”เมื่อฟังคำอธิบายจากอวี๋ว่าน สายตาที่ชาวบ้านมองดูถังหมิงเซวียน ต่าง
วันนี้เขาไม่ได้ควบม้าให้วิ่งเร็วจนเกินไป ด้วยเกรงว่าหากไม่ระวัง อาจพลาดพลั้งตกจากหลังม้าได้อีกทั้งยามนี้ยังรู้สึกปวดศีรษะยิ่ง จนแทบอยากฟุบหลับที่หลังม้าสักครู่หนึ่งเจี่ยนอันอันเห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามา จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาถังหมิงเซวียนให้ม้าหยุดลง ก้มหน้ามองดูเจี่ยนอันอัน“แม่นางเจี่ยน เจ้าขำเรื่องอันใด เมื่อเช้านี้ข้าได้ล้างหน้าแล้ว”ถังหมิงเซวียนกล่าว พลางลูบใบหน้าตนเอง ทั้งยังเขี่ยขี้ตาเล็กน้อยดีที่เมื่อเช้าเขาล้างหน้าล้างตาออกมาเรียบร้อย หาไม่เจี่ยนอันอันคงได้ขำขันมากกว่านี้เป็นแน่เจี่ยนอันอันกล่าวพลางหัวเราะ “ถังหมิงเซวียน เมื่อคืนเจ้าดีใจจนนอนไม่หลับใช่หรือไม่? ดูขอบตาดำ ถุงใต้ตาห้อยจนเกือบถึงคางแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ พร้อมหัวเราะชอบใจขึ้นมาอีกจนแม้แต่ฉู่จวินสิงซึ่งอยู่ด้านข้าง ก็พลอยเม้มปากอมยิ้มไปด้วยแต่เพราะในโรงเตี๊ยมไม่มีคันฉ่อง ถังหมิงเซวียนจึงไม่อาจเห็นสภาพหน้าตาของตนเองแต่หากเขาไปหาเหยียนซวงในสภาพนี้ คงจะถูกนางรังเกียจเป็นแน่เมื่อนึกถึงตรงนี้ ถังหมิงเซวียนก้มหน้าลงด้วยความอับอายเจี่ยนอันอันหยิบคันฉ่องบานเล็กออกมาหนึ่งบาน พร้อมยื่นให้ถังหม
เหวยป๋อจื่อเพียงหัวเราะเบาๆ มิได้กล่าวอันใดต่อทั้งคู่ต่างบรรลุข้อตกลง จึงมิได้สนใจเจี่ยนหลิงเยว่อีก พร้อมก้าวออกจากห้องไประหว่างทางกลับหมู่บ้านชิงสุ่ย ฉู่จวินสิงได้ถามขึ้น “เจ้าใช้ของสิ่งใด จึงทำให้บ้านนั้นระเบิดจนเหลือเพียงเศษซาก?”เจี่ยนอันอันไม่คิดว่าจะมาพูดเรื่องคลังอาวุธในเวลานี้ นางจึงกล่าวโกหก “นั่นเป็นดินระเบิดที่ข้าซื้อจากเมืองจิงโจวมา”“เดิมคิดว่าจะใช้สังหารกู้มั่วหลี แต่ไม่นึกว่าเขาจะใส่เสื้อเกราะทองไว้”“ครั้งนี้เราพลั้งมือ ซ้ำปล่อยให้มันมีคนมาช่วยอีก มันน่าเจ็บใจนัก!”เมื่อเห็นเจี่ยนอันอันยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธเคือง ฉู่จวินสิงจึงรีบกล่าวปลอบใจครั้งนี้ไม่อาจระเบิดมันให้ตายได้ คงต้องปล่อยให้รอดชีวิตก่อนวันหน้าหากได้พบเจออีกครั้ง จะไม่ยอมปล่อยให้หลบหนีไปง่าย ๆเจี่ยนอันอันก็คิดเช่นนี้ นางกล่าวเสียงเย็นชา “หึ ให้มันอยู่อีกหลายวันก็ได้”เมื่อกลับถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งคู่จึงเดินเข้าห้องไปพักผ่อนเจี่ยนอันอันถือโอกาสที่ฉู่จวินสิงเข้านอนแล้ว แอบเข้าไปในห้วงมิตินางจัดการให้ตนเองได้อาบน้ำอุ่นก่อน จากนั้นจึงค้นหาตำราสามชะตามรรคาลี้ลับออกมา แล้วเริ่มอ่านอยู่ในห้วงมิติจว
เพราะนางได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของฉู่จวินสิงแล้ว จึงเกิดความพอใจต่อเขาเป็นอย่างมากและหากไม่เพราะกู้มั่วหลีให้นางกินยาพิษ มีหรือนางต้องทนรับความทรมานถึงเพียงนี้เหวยป๋อจื่อหัวเราะเล็กน้อย ก่อนนั่งลงข้างกายเจี่ยนหลิงเยว่“ต่อไปมาใช้ชีวิตอยู่กับข้าดีหรือไม่?”เดิมเจี่ยนหลิวเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นที่เหวยป๋อจื่อมานั่งใกล้ชิดอยู่แล้วเมื่อได้ฟังคำพูดจากเขาอีก นางยิ่งตื่นเต้นเสียจนวางตัวไม่ถูก“คุณชายพูดเรื่องกระไรเจ้าคะ ข้าไม่รู้ชื่อของท่านด้วยซ้ำ และยิ่งไม่เคยรู้จักท่านเลย”“จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้อย่างไร?”เจี่ยนหลิงเยว่กล่าวพลาง ทำตัวเกร็งพร้อมกระเถิบไปยังด้านข้างเหวยป๋อจือหาได้ถือสาไม่ และมิได้เขยิบตัวตามนางไปด้วย“ข้าชื่อเหวยป๋อจื่อ เคยเป็นหมอดูอยู่ที่แคว้นไท่ยวน”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นหมอดูของแคว้นไท่ยวน พลันรีบหันหน้าไปมองเขา“ท่านก็คือหมอดูเหวยผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นไท่ยวนหรอกหรือ?”เจี่ยนหลิงเยว่เคยได้ยินบิดาของนางเอ่ยถึงว่า สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ในราชสำนักมีโหราจารย์อยู่ผู้หนึ่งแต่เป็นโหราจารย์ที่ทำตัวลึกลับ ไม่เคยเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้ใดได้เห็น
ภายหลังรู้สึกว่าร่างกายไม่สู้เจ็บปวดดังเดิม เจี่ยนหลิงเยว่จึงค่อยเบาใจลง“คุณชายหัวเราะข้าด้วยเรื่องอันใด ข้าทำสิ่งใดผิดกระนั้นรึ?”เจี่ยนหลิงเยว่มองหน้าเหวยป๋อจื่อด้วยความฉงน รอจนอีกฝ่ายหัวเราะพอแล้ว จึงได้ยินเขากล่าวตอบ “เพียงรู้สึกว่าเจ้าเป็นหญิงที่น่าสนใจ”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชมว่านางน่าสนใจ ใบหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ค่อยมีรอยยิ้มออกมาบ้างนางเห็นเหวยป๋อจื่อจ้องมองนางแทบไม่ละสายตา จู่ๆ ใบหน้าจึงได้แดงเรื่อขึ้นนางรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “เหตุใดคุณชายจึงจ้องมองข้าเช่นนี้ ข้าวางตัวไม่ถูกแล้ว”เจี่ยนหลิงเยว่แม้ไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เดาจากน้ำเสียงการพูดจาของเขา คาดว่าคงเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สองมือบิดชายเสื้อไปมา ท่าทีมีความขวยเขินเป็นอย่างมากเหวยป๋อจื่อมองหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง พลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง“เงยหน้าขึ้นมา”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินดังนี้ จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความเขินอายสายตาที่มองเหวยป๋อจื่อนั้น แฝงความกระดากเล็กน้อยเหวยป๋อจื่อสบสายตานางนิ่ง คล้ายต้องการค้นหาความรู้สึกบางอย่างเจี่ยนหลิงเยว่ถูกเขาจ้องมองเสีย
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายค่อยบรรเทาไปมากพอสมควรเจี่ยนหลิงเยว่นึกถึงยาที่กู้มั่วหลีให้นางกินไปก่อนหน้านี้มีแค่กู้มั่วหลีเท่านั้นที่มียาถอนพิษเจี่ยนหลิงเยว่คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งร้อนใจอยากหากู้มั่วหลีให้พบนางตามหาทางออกประตูหลังพลางร้องเรียกชื่อกู้มั่วหลีเสียงดังแต่ภายในเรือนที่ว่างเปล่า นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยลมเย็นยะเยือกพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่สั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ฤดูร้อนที่เดิมทีร้อนจัด ลมหอบนี้กลับหนาวเย็นผิดปกติเจี่ยนหลิงเยว่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มืดสนิทตอนนี้แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังอ่อนแสงหาใดเปรียบหลายครั้งทีเดียวที่นางสะดุดก้อนหินใต้ฝ่าเท้าจนเกือบจะล้มหัวทิ่มเจี่ยนหลิงเยว่เดิมก็เป็นคุณหนูรองตระกูลใหญ่ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กู้มั่วหลีพูดเองว่าไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้นไม่ใช่รึ เหตุใดเขาจึงเอานางมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวเล่า?ถ้าตอนนั้นกู้มั่วหลีไม่ได้ดึงนางไว้ นางคงหนีไปอยู่ข้างกายฉู่จวินสิงแล้วต่อให้เจี่ยนอันอันจะแค้นนางปานนี้ แต่ก็ไม่มีทางทำอย่างไรกับนางอย่างไรเสียพวกนางก็มีบิ