ที่ปรึกษาที่อยู่ข้างๆ เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็โมโหขึ้นมาทันที“พวกเจ้าช่างบังอาจนัก เห็นใต้เท้าแล้วเหตุใดยังไม่คุกเข่า?”“ทหาร จับพวกมันทุกคน!”เหล่าเจ้าหน้าที่ในที่ว่าการมณฑลกว่าสิบคนที่อยู่ในห้องโถงรับคำสั่งทันที พวกเขารีบรุดเข้ามาเพื่อจับตัวเจี่ยนอันอันและพรรคพวกทั้งสามคนแต่พอพวกเขาเข้ามาใกล้ เซิ่งฟางก็ร้องตวาดขึ้นด้วยความโกรธทันที “ดูสิว่าใครกล้าเข้ามา ข้าจะฆ่าคนผู้นั้นเดี๋ยวนี้”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหล่าเจ้าหน้าที่ชะงักและหยุดฝีเท้าลงในทันทีผู้ว่าการมณฑลโกรธจัด ขว้างไม้เรียกสติที่อยู่ในมือไปทางเซิ่งฟาง“เจ้ามันโจรทรยศเมืองบังอาจนัก กล้าดีอย่างไรถึงมาป่วนที่ว่าการมณฑลของข้า““พวกเจ้ามัวทำอะไรกันอยู่ จับพวกมันให้หมด!”เซิ่งฟางคว้าไม้เรียกสติที่ถูกขว้างมาได้อย่างรวดเร็วจากนั้นเขายกเท้าขึ้นถีบเข้าที่ท้องของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจนอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปเมื่อเจ้าหน้าที่คนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็แสดงสีหน้าดุดันทันทีพวกเขาชักดาบจากเอวออกมาและพุ่งเข้าฟันใส่ทั้งสี่คน เจี่ยนอันอันเตะเข้าที่ข้อมือของเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ดาบในมือเขากระเด็นลอยไปนางคว้าดาบนั้นไว้และเริ่มต่อสู้กับเจ
เมื่อผู้ว่าการมณฑลได้ยินดังนั้น ก็รีบสั่งให้คนไปตรวจสอบที่หมู่บ้านชิงสุ่ยทันทีส่วนนายอำเภอ เมื่อได้ยินว่าเจี่ยนอันอันเพียงแค่เอ่ยถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลของเขาก็เริ่มผ่อนคลายลงบ้างเรื่องของหมู่บ้านชิงสุ่ย แม้ว่าเขาจะมีส่วนผิด แต่คนที่ลงมือวางยาพิษจริงๆ ไม่ใช่เขาถึงจะถูกตรวจสอบจนเจอความจริง เขาก็ไม่ถึงขั้นถูกตัดหัวเขาสามารถอ้างได้ว่า ที่ทำไปเพราะถูกน้องเขยอย่างจางต้าบีบบังคับอย่างไรจางต้าก็ตายไปแล้ว ไม่มีหลักฐานมายืนยันอีกต่อไปเขาจะพูดอะไรก็ได้ตามใจชอบเจี่ยนอันอันก้มลงมองนายอำเภอ และเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขานางก็รู้ถึงความคิดในใจของนายอำเภอทันทีเจี่ยนอันอันจึงพูดต่อไปว่า “หากใต้เท้าส่งคนไปสอบสวนเพียงแค่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ย ย่อมไม่สามารถค้นพบความผิดทั้งหมดของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้”“ใต้เท้าจำเป็นต้องส่งคนไปสอบถามชาวบ้านในอำเภอไถหยางด้วย เพื่อดูว่าพวกเขาจะว่าอย่างไรบ้าง”ผู้ว่าการมณฑลขมวดคิ้วแน่นขึ้นในฐานะผู้ว่าการมณฑล เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเด็กสาวคนหนึ่งล้อเล่นนางบอกว่ามีหลักฐาน แต่กลับไม่ได้นำออกมาให้เห็น แถมยังบอกให้เขาส่งคน
นายอำเภอคิดหาทางแก้ตัวเอาไว้แล้ว เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัวและร้องแก้ต่างออกมาทันที“ใต้เท้า ข้าน้อยถูกน้องเขยบังคับ จึงต้องส่งมอบน้ำยาคูหยาให้ไป แต่ข้าน้อยไม่ได้เป็นคนลงมือวางยา ข้าน้อยถูกใส่ความจริงๆ ขอรับ!”เจี่ยนอันอันหัวเราะออกมาอย่างเหลือเชื่อกับคำพูดของนายอำเภอฉู่จวินสิงถีบนายอำเภอเข้าไปหนึ่งทีแล้วตวาดอย่างโกรธจัด “เจ้าเป็นถึงนายอำเภอ แต่กลับบอกว่าถูกน้องเขยข่มขู่”“เจ้าคิดว่าพูดออกมาแล้วจะมีใครเชื่อเจ้าอย่างนั้นหรือ?”แม้ว่าผู้ว่าการมณฑลจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเจี่ยนอันอันและพรรคพวก แต่คำพูดของนายอำเภอก็เต็มไปด้วยช่องโหว่เขาย่อมไม่เชื่อคำพูดไร้สาระของนายอำเภอเลยผู้ว่าการมณฑลตบโต๊ะอย่างแรงและตะโกนด้วยความโกรธ “ไร้สาระ!”“หากเจ้ายังไม่พูดความจริง ข้าจะปลดเจ้าจากตำแหน่งนายอำเภอเดี๋ยวนี้!”นายอำเภอรู้ว่าผู้ว่าการมณฑลกำลังพูดกับเขา ตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง รีบหดคอด้วยความกลัวเดิมทีเขาคิดว่าคำพูดของตนไม่มีช่องโหว่ และผู้ว่าการมณฑลต้องเข้าข้างเขาอย่างแน่นอนแต่คิดไม่ถึงว่า ผู้ว่าการมณฑลจะไม่เชื่อในคำพูดของเขาเช่นกันนายอำเภออึกอักอยู่ครู่หนึ่ง สมองพยายามคิดหาทางออกอย่างร
ฉู่จวินสิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจี่ยนอันอันจะมีป้ายคำสั่งลายมังกรอยู่ในครอบครองป้ายคำสั่งนี้เป็นของล้ำค่าที่เก็บไว้ในคลังหลวง แต่กลับมาอยู่ในมือของเจี่ยนอันอันได้ดูท่าทางเจี่ยนอันอันไม่เพียงแค่ขนสมบัติทั้งหมดจากจวนเยียนอ๋อง แต่ยังบุกไปขนสมบัติจากคลังหลวงอีกด้วยนางช่างกล้าบ้าบิ่นเกินคนจริงๆ!เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากขณะเดียวกันบนใบหน้าของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏรอยยิ้มลำพองใจนางพูดกับผู้ว่าการมณฑลด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฮ่องเต้มีราชโองการ ปลดนายอำเภอออกจากตำแหน่งทันที แต่งตั้งเซิ่งฟางเป็นนายอำเภอแทน”แม้ว่าภายในใจของผู้ว่าการมณฑลจะไม่เต็มใจอย่างที่สุด แต่เขาก็ไม่กล้าพูดอะไรตอนนี้เมืองอินเป่ยตกอยู่ภายใต้การปกครองของแคว้นไท่ยวนแล้ว หากฮ่องเต้ออกคำสั่ง เขาในฐานะผู้ว่าการมณฑลจะกล้าขัดได้อย่างไร“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะเขียนร่างคำสั่ง เพื่อแต่งตั้งเซิ่งฟางเป็นนายอำเภอ”ผู้ว่าการมณฑลพูดเสร็จแล้วก็ยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนเจี่ยนอันอันส่งเสียงฮึดฮัดเบาๆ แล้วพูดว่า “ยังคุกเข่าอยู่ทำไม รีบไปเขียนร่างคำสั่งเร็วเข้าสิ!”
เจี่ยนอันอันมองไปทางเจ้าเมือง “เจ้ามีอันใดไม่พอใจเกี่ยวกับการตัดสินใจของข้าหรือไม่?”เจ้าเมืองรีบค้อมกายตอบ “ข้าน้อยไม่กล้าไม่พอใจ”“หึ แค่ไม่กล้าเท่านั้นรึ?”เจี่ยนอันอันจ้องเจ้าเมืองเขม็งจนฝ่ายตรงข้ามต้องก้มศีรษะลง“ข้าน้อยมิกล้า แต่ข้าน้อยมีเรื่องหนึ่งไม่เข้าใจ เหตุใดพวกท่านจึงต้องการให้เซิ่งฟางเป็นนายอำเภอ?”ในเมื่อเซิ่งฟางกลับเมืองอินเป่ยมาพร้อมกับเหล่าเชื้อพระวงศ์ เขาไม่ควรได้รับตำแหน่งสูงกว่านั้นหรอกหรือไยจึงได้เป็นแค่นายอำเภอตัวเล็กๆ คนหนึ่งเล่า?นี่เป็นเรื่องที่เจ้าเมืองคิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจเจี่ยนอันอันมองบนใส่เจ้าเมือง “พวกข้าทำเช่นนี้ยังต้องอธิบายต่อเจ้าอีกงั้นรึ”เจี่ยนอันอันกล่าวจบก็ก้าวยาวๆ ออกไปจากโถงใหญ่ฉู่จวินสิงและเหยียนเซ่าก็ตามออกมาเช่นกันเจ้าเมืองรีบตามออกมาส่งเขามองส่งรถม้าจากไปแล้วค่อยเช็ดเหงื่อเย็นบนหน้าผากเวลานั้นเอง เจ้าหน้าที่ทางการที่ถูกเจ้าเมืองส่งไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก็ก้าวออกมาตรงหน้าเจ้าเมือง“ใต้เท้า ข้าน้อยสืบได้ความแล้วขอรับ กลุ่มคนที่มาเมื่อครู่นี้เพิ่งมาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านชิงสุ่ยได้ไม่กี่วันนี่เอง”“ได้ยินคนหมู่บ้านชิงสุ่ยพูดกันว่า
“เจ้าทำอะไรอยู่?” ฉู่จวินสิงค่อนข้างสงสัยเจี่ยนอันอันหันมายิ้มกว้างให้เขา “ข้ากำลังปลูกมันเทศ”ฉู่จวินสิงนึกถึงมันเทศแห้งๆ ที่เคยกินที่วัดร้างมันเทศแห้งๆ ในตอนนั้นเกือบส่งเขาไปสู่สุคติเสียแล้วมุมปากเขากระตุกยิบ คิดในใจว่าชั่วชีวิตนี้เขาไม่อยากกินมันเทศอีกเลยวันนี้เจี่ยนอันอันเหนื่อยมากเอาการ นางล้างมือแล้วกลับห้องไปพักผ่อนเมื่อฉู่จวินสิงกลับมาที่ห้องก็เห็นเจี่ยนอันอันนอนหงายกางแขนขาหลับปุ๋ยเขาส่ายหน้ายิ้มๆ นั่งลงบนขอบเตียงอุ่นพลางมองดูเจี่ยนอันอันเสียงเคาะประตูของสาวใช้สี่เอ๋อร์ดังขึ้นในเวลานั้นเอง“นายน้อยรองเจ้าคะ มีคนมาหาฮูหยินน้อยรองเจ้าค่ะ”ฉู่จวินสิงเดินไปเปิดประตู“อันอันนอนอยู่ ไม่ว่าใครก็ห้ามรบกวนนาง”ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็จะปิดประตูเวลานั้นเอง เสียงสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นจากในลานเรือน“แม่นางได้โปรดช่วยหลานชายข้าด้วยเถอะ เขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว”ฉู่จวินสิงเห็นสตรีผู้หนึ่งอุ้มเด็กชายวัยสองขวบไว้ในอ้อมอกเด็กน้อยสองตาปิดแน่น ร่างกายชักกระตุก น้ำลายฟูมปากสตรีผู้นั้นน้ำตานองหน้า นางคุกเข่าลงบนพื้นเสียงดังฉู่จวินสิงกำลังจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงฝีเท้าจากด้านหลังเ
ผ่านไปไม่นาน สี่เอ๋อร์ก็ยกถ้วยยากลับมาเจี่ยนอันอันรับถ้วยยามาเป่าให้เย็นลงก่อน แล้วค่อยป้อนให้เด็กน้อยทีละคำเด็กน้อยกินยาไปได้ไม่นานก็ฟื้นขึ้นมาเขาลืมดวงตากลมโตมองเจี่ยนอันอันที่อยู่ตรงหน้าเนื่องจากสัมผัสได้ถึงรสขมในปาก เด็กน้อยจึงเบะปากทำท่าจะร้องไห้เจี่ยนอันอันรีบซื้อลูกกวาดกระต่ายขาวจากร้านค้าในมิติออกมาให้เด็กน้อยกินพอได้ลูกกวาดกระต่ายขาวไป เด็กชายก็หยุดร้องไห้ทันทีเจี่ยนอันอันถามเด็กน้อยเสียงอ่อนโยน “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “ข้าชื่อเสี่ยวโต้วจื่อ”เจี่ยนอันอันคิดในใจว่านี่คงเป็นชื่อเล่นของเด็กคนนี้นางยิ้มหวานให้เด็กน้อย “เสี่ยวโต้วจื่อเด็กดี นอนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอไปคุยกับย่าของเจ้าสักประเดี๋ยว”เสี่ยวโต้วจื่อพยักหน้าอย่างว่าง่าย ปากยังอมลูกกวาดกระต่ายขาวเสียงดังแจ๊บๆเจี่ยนอันอันบอกให้ฉู่จวินสิงคอยดูเด็กชาย ส่วนนางเปิดประตูออกไปข้างนอกสตรีผู้นั้นเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็รีบเข้ามาถาม “หลานชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเห็นนางร้อนใจถึงเพียงนี้ก็เอ่ยปลอบว่า “เสี่ยวโต้วจื่อไม่เป็นไรแล้ว นอนอีกสักครู่ก็จะดีขึ้นเอง”สตรีผู้นั้นได้
เจี่ยนอันอันถามสตรีผู้นั้น “น้ำข้าวต้มที่บ้านท่านยังเหลืออยู่หรือไม่?”ใบหน้าหญิงชราฉายแววกลัดกลุ้ม“น้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่นั้น ข้าให้เสี่ยวโต้วจื่อกิน ตัวข้าเองตัดใจกินไม่ลงด้วยซ้ำ”“ตอนนี้ข้าเอาข้าวสารที่ปนเปื้อนพิษพวกนั้นไปฝังหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”นางกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เจี่ยนอันอันเห็นอีกฝ่ายน่าสงสาร โดยเฉพาะในบ้านนางยังมีเด็กน้อยวัยสองขวบคนหนึ่งอีกด้วยนางบังเกิดความเห็นใจต่อสตรีตรงหน้าขึ้นมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “ท่านตามข้ามา”หญิงชราไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะทำอะไร เพียงตามหลังนางไปคนทั้งสองเดินมาถึงหน้าโรงเก็บของ เจี่ยนอันอันเปิดประตูโรงเก็บของแล้วหยิบข้าวสารกระสอบเล็กออกมาหนึ่งกระสอบ“ข้าวสารของข้าไม่มีพิษ ท่านนำกลับไปหุงให้เสี่ยวโต้วจื่อกินเถิด”“รอจนถึงเย็นนี้ ร่างกายของเสี่ยวโต้วจื่อก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์”สตรีผู้นั้นเห็นข้าวสารที่เจี่ยนอันอันส่งมาให้ก็รีบร้อนโบกมือ“ไม่ได้ ข้าจะเอาข้าวสารของท่านไม่ได้”“หมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราแล้งนานฝนน้อย เพาะปลูกไม่ค่อยได้อยู่แล้ว”“ท่านยกข้าวสารให้ข้า วันหน้าคนในครอ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า
เจียงหว่านเอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างเบา ๆ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็กลืนคำพูดเหล่านั้นกลับลงไปพอนางส่งถาดอาหารในมือให้เจี่ยนอันอัน ก็หันหลังเดินจากไปด้วยขอบตาที่แดงเรื่อนับแต่เสิ่นจือเจิ้งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่พูดจาเย็นชากับนางไม่เคยมีคำพูดใดที่แสดงความห่วงใยต่อนางเลยแม้แต่คำเดียวนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงปฏิบัติต่อนางเช่นนี้หรือว่าเป็นเพราะเขาสูญเสียความทรงจำ นิสัยถึงได้เปลี่ยนไปและเย็นชาต่อนางถึงเพียงนี้?เจี่ยนอันอันมองตามแผ่นหลังของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่เดินจากไป ร่างบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจนางอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถือถาดอาหารเดินมาข้างหน้าเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ ท่านจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ข้าว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ก็ไม่ใช่คนไม่ดีสักหน่อย”“ต่างก็เป็นคนที่ถูกโชคชะตาเล่นตลก ถูกเนรเทศมาไกลถึงที่นี่ เผชิญความลำบากมากมาย”“จะอย่างไรตอนนี้นางเป็นภรรยาของท่านแล้ว ท่านให้โอกาสนางได้ใกล้ชิดกับท่านมากขึ้นหน่อยเถิด”เสิ่นจือเจิ้งยังคงทำหน้านิ่ง ไม่พูดอะไรจนกระทั่งเห็นเจี่ยนอันอันนำอาหารในถาดออกมา เขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเข็มเงินอยู่ใช่หรือไม่ ลองตรวจดูส
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”“ต่อไปเจ้าก็จะเข้าใจเอง” เสิ่นจือเจิ้งไม่คิดจะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “สองวันมานี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเจี่ยนอันอันนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสองวันนี้ นางก็รู้สึกอึดอัดใจขึ้นมานางเล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนประสบพบเจอในช่วงสองวันนี้ให้เสิ่นจือเจิ้งฟังเสิ่นจือเจิ้งดึงตัวเจี่ยนอันอันเข้ามาหา พลางสำรวจนางตั้งแต่หัวจรดเท้า“ชายที่ชื่อกู้มั่วหลีผู้นั้นไม่ได้ทำอะไรเจ้าใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงในลำคอ ดวงตาเผยจิตสังหารอันเหี้ยมโหด“กู้มั่วหลีน่าชังผู้นั้นพยายามจะลวนลามข้าหลายครั้ง น่าชิงชังเสียจริง!”“หากข้าเอาชนะเขาได้ ข้าคงแล่เนื้อเขาเป็นชิ้น ๆ แล้วเอาไปทำปุ๋ยเสีย”เจี่ยนอันอันยิ่งพูดยิ่งโกรธ มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเส้นเลือดปูดผงสลายศพที่นางคิดค้นขึ้นเองกลับไร้ผลต่อกู้มั่วหลีนางไม่เข้าใจเลยว่าเขากินยาแก้พิษอะไรเข้าไปนางต้องไปคิดค้นวิจัยยาพิษใหม่ที่สามารถใช้กับกู้มั่วหลี่โดยเฉพาะให้ได้แววตาของเสิ่นจือเจิ้งฉายประกายอำมหิตกล้าทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสาวของเขา หากเขาได้เจอ เขาจะไม่มีวันปล่อยกู้มั่วห
ซ่างตงเยว่เป็นคนนำน้ำมาส่งให้พวกเขาตลอดสองวันมานี้และน้ำที่บ้านของซ่างตงเยว่ก็รสชาติดีกว่าน้ำที่บ้านพวกเขาไม่รู้กี่เท่าน้ำนี้หวานและอร่อย ทำให้จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วดื่มแล้วหยุดไม่ได้ซ่างตงเยว่เห็นทั้งสองคนดื่มติดต่อกันสองกระบวยใหญ่ก็ร้องว่า “พวกท่านดื่มน้อยหน่อย ท่านพ่อกับอาอวี๋ยังไม่ได้ดื่มเลย”ทั้งสองคนได้ยินดังนี้ก็รีบวางกระบวยตักน้ำลงพวกเขาเช็ดปากก่อนจะหัวเราะแหะๆ ให้ซ่างตงเยว่จ้าวลิ่วยิ้มว่า “นังหนูอย่าคิดมากขนาดนั้นสิ พวกข้าทำงานให้ท่านพ่อของเจ้าไม่น้อยเลยนะ”ซ่างตงเยว่กลอกตามองบนใส่จ้าวลิ่ว คิดในใจว่างานเล็กน้อยที่เจ้าทำเทียบกับที่ท่านพ่อของข้าทำไม่ได้เลยจ้าวอู่มองน้ำในถัง เขาอดถามไม่ได้ว่า “ตงเยว่ เหตุใดน้ำของบ้านเจ้าจึงรสชาติดีเช่นนี้ ไม่ได้เปรี้ยวและฝาดเหมือนน้ำที่บ้านข้า ดื่มยากสุดๆ”ซ่างตงเยว่หันไปมองเจี่ยนอันอันปราดหนึ่งแต่ไม่ได้พูดอะไรนางไม่มีทางบอกจ้าวอู่ว่าเจี่ยนอันอันเป็นคนช่วยจัดการบ่อน้ำที่บ้านของนางตอนนั้นเจี่ยนอันอันเห็นบ่อน้ำที่บ้านของนางทั้งเหลืองทั้งขุ่นจึงทำการเทน้ำพุวิญญาณลงไปจำนวนหนึ่ง จากนั้นน้ำที่บ้านนางก็ใสสะอาดและมีรสชาติดีนี่เป็นความล
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป