ผ่านไปไม่นาน สี่เอ๋อร์ก็ยกถ้วยยากลับมาเจี่ยนอันอันรับถ้วยยามาเป่าให้เย็นลงก่อน แล้วค่อยป้อนให้เด็กน้อยทีละคำเด็กน้อยกินยาไปได้ไม่นานก็ฟื้นขึ้นมาเขาลืมดวงตากลมโตมองเจี่ยนอันอันที่อยู่ตรงหน้าเนื่องจากสัมผัสได้ถึงรสขมในปาก เด็กน้อยจึงเบะปากทำท่าจะร้องไห้เจี่ยนอันอันรีบซื้อลูกกวาดกระต่ายขาวจากร้านค้าในมิติออกมาให้เด็กน้อยกินพอได้ลูกกวาดกระต่ายขาวไป เด็กชายก็หยุดร้องไห้ทันทีเจี่ยนอันอันถามเด็กน้อยเสียงอ่อนโยน “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “ข้าชื่อเสี่ยวโต้วจื่อ”เจี่ยนอันอันคิดในใจว่านี่คงเป็นชื่อเล่นของเด็กคนนี้นางยิ้มหวานให้เด็กน้อย “เสี่ยวโต้วจื่อเด็กดี นอนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอไปคุยกับย่าของเจ้าสักประเดี๋ยว”เสี่ยวโต้วจื่อพยักหน้าอย่างว่าง่าย ปากยังอมลูกกวาดกระต่ายขาวเสียงดังแจ๊บๆเจี่ยนอันอันบอกให้ฉู่จวินสิงคอยดูเด็กชาย ส่วนนางเปิดประตูออกไปข้างนอกสตรีผู้นั้นเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็รีบเข้ามาถาม “หลานชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเห็นนางร้อนใจถึงเพียงนี้ก็เอ่ยปลอบว่า “เสี่ยวโต้วจื่อไม่เป็นไรแล้ว นอนอีกสักครู่ก็จะดีขึ้นเอง”สตรีผู้นั้นได้
เจี่ยนอันอันถามสตรีผู้นั้น “น้ำข้าวต้มที่บ้านท่านยังเหลืออยู่หรือไม่?”ใบหน้าหญิงชราฉายแววกลัดกลุ้ม“น้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่นั้น ข้าให้เสี่ยวโต้วจื่อกิน ตัวข้าเองตัดใจกินไม่ลงด้วยซ้ำ”“ตอนนี้ข้าเอาข้าวสารที่ปนเปื้อนพิษพวกนั้นไปฝังหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”นางกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เจี่ยนอันอันเห็นอีกฝ่ายน่าสงสาร โดยเฉพาะในบ้านนางยังมีเด็กน้อยวัยสองขวบคนหนึ่งอีกด้วยนางบังเกิดความเห็นใจต่อสตรีตรงหน้าขึ้นมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “ท่านตามข้ามา”หญิงชราไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะทำอะไร เพียงตามหลังนางไปคนทั้งสองเดินมาถึงหน้าโรงเก็บของ เจี่ยนอันอันเปิดประตูโรงเก็บของแล้วหยิบข้าวสารกระสอบเล็กออกมาหนึ่งกระสอบ“ข้าวสารของข้าไม่มีพิษ ท่านนำกลับไปหุงให้เสี่ยวโต้วจื่อกินเถิด”“รอจนถึงเย็นนี้ ร่างกายของเสี่ยวโต้วจื่อก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์”สตรีผู้นั้นเห็นข้าวสารที่เจี่ยนอันอันส่งมาให้ก็รีบร้อนโบกมือ“ไม่ได้ ข้าจะเอาข้าวสารของท่านไม่ได้”“หมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราแล้งนานฝนน้อย เพาะปลูกไม่ค่อยได้อยู่แล้ว”“ท่านยกข้าวสารให้ข้า วันหน้าคนในครอ
เจี่ยนอันอันแปลงคำว่ายามซวีในหัวถึงเข้าใจว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว“ดึกขนาดนี้แล้วหรือ สงสัยข้าจะไม่ได้กินมื้อเย็นแล้วสิ”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็จะซื้อขนมปังจากร้านค้าในมิติแต่กลับได้ยินฉู่จวินสิงพูดว่า “ข้าให้สาวใช้เก็บอาหารบางส่วนไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะบอกให้พวกนางนำไปอุ่นให้เจ้ากินก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงทำท่าจะลงไปจากเตียงอุ่นก็ร้องเรียกเขาไว้“ไม่ต้องรบกวนพวกนางหรอก ข้าไปอุ่นเองก็ได้”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็ลงไปจากเตียงอุ่นนางมาถึงในครัวก็เห็นข้าวสวยสองถ้วยวางอยู่บนโต๊ะนางจึงนำไปทำข้าวผัดไข่เสียเลยตั้งแต่มาที่นี่ นางไม่ได้กินข้าวผัดไข่มานานมากแล้วเจี่ยนอันอันยกข้าวผัดไข่ออกไปกินในลานบ้านฉู่จวินสิงเดินมานั่งลงข้างๆ นางแสงจันทร์สาดส่องลงมายังคนทั้งสองในลานเรือนกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่โชยมาตามลมฉู่จวินสิงมองดูข้าวผัดไข่จานใหญ่ใบนั้นแล้วลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเขาจ้องข้าวผัดไข่ก็เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “ท่านก็กินด้วยกันสิ ข้าวผัดไข่ที่ข้าทำอร่อยมากเลยนะ”ฉู่จวินสิงเบือนหน้าหนี บอกว่าตนเองไม่หิวเจี่ยนอันอันมองดูท่าทางลอบกลืนน้ำ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงกินข้าวเสร็จแล้วกำลังจะเก็บจานแต่แล้วสี่เอ๋อร์กลับรีบเดินเข้ามา“ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ นายน้อยรองกับฮูหยินน้อยรองรีบเข้าไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันยิ้มให้สี่เอ๋อร์แล้วกลับเข้าห้องเนื่องจากก่อนหน้านี้นอนมานานมาก อีกทั้งเมื่อครู่ก็กินข้าวเยอะเจี่ยนอันอันจึงได้แต่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับนางตัดสินใจลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูเดินออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกไปก็รีบตามไปตอนนี้ร่างกายเขาใกล้หายดีแล้ว นอกจากมือที่ยังมีผ้าพันแผล ส่วนอื่นก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วเจี่ยนอันอันหันศีรษะกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พบว่าฉู่จวินสิงตามออกมานางถามด้วยความสงสัย “ท่านตามออกมาทำอันใด?”ฉู่จวินสิงกระแอมไอเบาๆ “ข้านอนคนเดียวไม่หลับ”เจี่ยนอันอันปิดปากลอบหัวเราะ ที่แท้เขาก็ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อนเวลานอนหรือนี่เจี่ยนอันอันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกจึงเปิดประตูลานบ้านฉู่จวินสิงรีบตามออกไป“เจ้าจะไปที่ใด?”เจี่ยนอันอันนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับสตรีเมื่อช่วงบ่ายนางรู้สึกว่าเรื่องที่ครอบครัวของเสี่ยวโต้วจื่อถูกวางยาพิษต้องเกี่ยวข้องครอบครัวอวี้
เจี่ยนอันอันนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้หญิงชราบ้านอวี้เฟิ่งบอกว่า ต่อให้จางต้าตายเป็นผีไปแล้วก็จะไม่ปล่อยคนพวกนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเริ่มปลอมเป็นผีมาหลอกคนไวขนาดนี้ชายชราใช้ท่อนไม้ฟาดใส่บ่าวรับใช้คนนั้นแต่ถึงอย่างไรบ่าวรับใช้ก็เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน เขาหลบท่อนไม้ที่ฟาดเข้ามาพลางใช้เท้าถีบชายชราชายชราถูกถีบให้ถอยไปหลายก้าวและเกือบล้มลงพื้นลูกชายของเขาเห็นดังนี้ก็เดือดดาลเขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือใส่ศีรษะของบ่าวรับใช้บ่าวรับใช้จับท่อนไม้เอาไว้แล้วถีบท้องลูกชายของชายชราให้ล้มลงพื้น ชายชราเห็นลูกชายตัวเองถูกถีบล้มก็โกรธจนตัวสั่น“กล้าแตะต้องลูกชายของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”ชายชราจะฟาดท่อนไม้ใส่บ่าวรับใช้ต่อแต่ท่อนไม้ในมือเขายังไม่ทันจะฟาดถูกร่างอีกฝ่ายก็ถูกแย่งไปเสียแล้วบ่าวรับใช้ฟาดท่อนไม้ใส่จมูกของชายชราภายในหัวชายชรามีเสียง ‘วิ้ง’ เขากุมจมูกและเซถอยไปหลายก้าวครั้นลดมือลงมองก็พบว่าในนั้นมีแต่โลหิตสตรีในบ้านได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกก็รีบเดินออกมาดูนางตกใจจนเข่าอ่อนนั่งลงที่ประตูเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า“ฆ่าคนแล้ว ช่วยด้วย!” สตรีนางนี้ร้องเสียงดัง หวังว่าจะดึงดู
บ่าวรับใช้เริ่มหวาดกลัวในที่สุด เขาร้องวิงวอนขอความเมตตาด้วยเสียงแหบแห้ง“แม่นางปล่อยข้าไปเถิด ข้าเองก็ทำตามคำสั่งของเจ้านาย”“พวกเขาสั่งให้ข้าปลอมเป็นผีมาหลอก ข้าจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง”“นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของข้าแต่อย่างใด”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น ไม่ได้เอาท่อนไม้ออกแต่อย่างใด“เจ้านายเจ้าสั่งแค่ให้หลอกผีอย่างเดียว ไม่ได้สั่งอะไรอย่างอื่นหรือ?”นางไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาหากเรื่องราวมันง่ายขนาดนั้นจริงก็คงไม่ใช่บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งแล้วนางจำสายตาที่พ่อแม่สามีอวี้เฟิ่งหันมามองพวกนางก่อนจากไปได้เป็นอย่างดีสายตานั้นโหดเหี้ยมอำมหิต ประหนึ่งอยากจะถลกหนังแล้วกินนางกับฉู่จวินสิงเป็นๆบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่เชื่อที่ตัวเองพูดก็กัดฟันยอมพูดความจริงในที่สุด“นอกจากการปลอมเป็นผีมาหลอกชาวบ้านแล้ว เจ้านายของข้ายังส่งบ่าวรับคนอื่นๆ ไปสร้างปัญหาที่บ้านพวกเจ้าเช่นกัน”“เวลานี้พวกเขาน่าจะอยู่ที่บ้านพวกเจ้าแล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันสังหรณ์ใจไม่ดีนางไม่ได้กลัวอย่างอื่น ห่วงก็แต่เสบียงอาหารกับพืชผักพวกนั้นหากถูกบ่าวรับใช้จุดไฟเผา พวกนางคงไม่เหลืออาหารให้กินเจี่ยนอันอันพูดกับฉู่
บรรดาบ่าวรับใช้คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบเช่นนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกโซ่เหล็กล่ามไว้เหมือนสุนัข ตอนนี้แม้แต่จะเดินก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำฉู่จวินหลุนเคลื่อนรถเข็นมาหาฉู่จวินสิงเขาถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าสองคนออกไปตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่จวินสิงตอบเสียงทุ้ม “เพิ่งออกไปได้ไม่นานก็เจอพวกเขาปลอมเป็นผีไปหลอกชาวบ้าน”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ก็เข้าใจ มิน่าเล่า พวกเขาถึงได้กลับมาทันเวลาดูแล้วน่าจะทราบเรื่องที่มีคนมาหาเรื่องที่นี่จากทางบ้านที่มีคนหลอกผี“จะทำอย่างไรกับพวกเขา จะฆ่าหรือไม่?” ฉู่อันเจ๋อจับโซ่ไว้แน่นและเงยหน้ามองฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงมองว่าอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่จวนเยียนอ๋อง จะฆ่าคนตามใจชอบไม่ได้แต่จะให้ส่งตัวกลับไปให้บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งก็ดูจะสบายเกินไปหน่อย“พาพวกเขาไปขังที่ห้องใต้ดินก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยพาไปให้พี่เซิ่งจัดการที่ที่ว่าการอำเภอ”ทั้งสามคนเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิงพวกเขาคุมตัวพวกบ่าวรับใช้ไปที่ห้องใต้ดินเจี่ยนอันอันบังคับให้พวกเขากินยาพิษนางเตือนว่า “ทำตัวดีๆ หากกล้าเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกเจ้าได้ตายเพราะพิษกำเริบแน่”ก่อนออกไป นางหันกลับไปพ
ฉู่จวินสิงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากำลังรอดูว่าเจี่ยนอันอันจะข้ามมาฝั่งตัวเองเมื่อไรขณะที่ฉู่จวินสิงนับถึงสิบในใจ เจี่ยนอันอันก็ขยับตัวนางเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วเริ่มขยับมาฝั่งทางฉู่จวินสิงรอยยิ้มมุมปากของฉู่จวินสิงยกโค้งหนักกว่าเดิมท่านอนที่อยู่ไม่สุขของเจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงมองว่าเป็นอะไรที่น่ารักมากเจี่ยนอันอันขยับเพียงครู่หนึ่งก็นิ่งไป มือของนางเริ่มคลำไปทางซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากำลังคลำหาอะไรไม่นาน เจี่ยนอันอันก็พึมพำว่า “เหตุใดจึงร้อนเช่นนี้ พัดใบตองของข้าอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงฟังถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมาไม่ได้แต่เขาเพิ่งจะหัวเราะก็ได้ยินเจี่ยนอันอันดุว่า “นี่ เจ้าลิงบ้า ขืนยังหัวเราะอีก ข้าจะหักฟันเจ้าเสีย!”ฉู่จวินสิงส่ายหน้ายิ้มๆ เขาขยับเข้าไปใกล้เล็กน้อยและดึงเจี่ยนอันอันมาไว้ในอ้อมกอดศีรษะของเจี่ยนอันอันหนุนบนแขนฉู่จวินสิง นางพลิกตัวมาวางมือและเท้าบนตัวของฉู่จวินสิงนางพึมพำเสียงเบา “เจ้าวัวเฒ่าบ้านข้านี่แหละดีที่สุด รู้สึกดูแลเอาใจใส่ ไม่เหมือนเจ้าลิงบ้าที่ชอบหัวเราะ”เจี่ยนอันอันพูดจบก็กอดฉู่จวินสิงหลับไปอย่างสงบฉู่จวินสิงห่มผ้าลงบนตัวทั้งสอ
เพราะนางได้เห็นโฉมหน้าแท้จริงของฉู่จวินสิงแล้ว จึงเกิดความพอใจต่อเขาเป็นอย่างมากและหากไม่เพราะกู้มั่วหลีให้นางกินยาพิษ มีหรือนางต้องทนรับความทรมานถึงเพียงนี้เหวยป๋อจื่อหัวเราะเล็กน้อย ก่อนนั่งลงข้างกายเจี่ยนหลิงเยว่“ต่อไปมาใช้ชีวิตอยู่กับข้าดีหรือไม่?”เดิมเจี่ยนหลิวเยว่ก็รู้สึกตื่นเต้นที่เหวยป๋อจื่อมานั่งใกล้ชิดอยู่แล้วเมื่อได้ฟังคำพูดจากเขาอีก นางยิ่งตื่นเต้นเสียจนวางตัวไม่ถูก“คุณชายพูดเรื่องกระไรเจ้าคะ ข้าไม่รู้ชื่อของท่านด้วยซ้ำ และยิ่งไม่เคยรู้จักท่านเลย”“จะมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยได้อย่างไร?”เจี่ยนหลิงเยว่กล่าวพลาง ทำตัวเกร็งพร้อมกระเถิบไปยังด้านข้างเหวยป๋อจือหาได้ถือสาไม่ และมิได้เขยิบตัวตามนางไปด้วย“ข้าชื่อเหวยป๋อจื่อ เคยเป็นหมอดูอยู่ที่แคว้นไท่ยวน”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นหมอดูของแคว้นไท่ยวน พลันรีบหันหน้าไปมองเขา“ท่านก็คือหมอดูเหวยผู้เลื่องชื่อแห่งแคว้นไท่ยวนหรอกหรือ?”เจี่ยนหลิงเยว่เคยได้ยินบิดาของนางเอ่ยถึงว่า สมัยที่อดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์อยู่ ในราชสำนักมีโหราจารย์อยู่ผู้หนึ่งแต่เป็นโหราจารย์ที่ทำตัวลึกลับ ไม่เคยเผยโฉมหน้าแท้จริงให้ผู้ใดได้เห็น
ภายหลังรู้สึกว่าร่างกายไม่สู้เจ็บปวดดังเดิม เจี่ยนหลิงเยว่จึงค่อยเบาใจลง“คุณชายหัวเราะข้าด้วยเรื่องอันใด ข้าทำสิ่งใดผิดกระนั้นรึ?”เจี่ยนหลิงเยว่มองหน้าเหวยป๋อจื่อด้วยความฉงน รอจนอีกฝ่ายหัวเราะพอแล้ว จึงได้ยินเขากล่าวตอบ “เพียงรู้สึกว่าเจ้าเป็นหญิงที่น่าสนใจ”เมื่อได้ยินอีกฝ่ายชมว่านางน่าสนใจ ใบหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ค่อยมีรอยยิ้มออกมาบ้างนางเห็นเหวยป๋อจื่อจ้องมองนางแทบไม่ละสายตา จู่ๆ ใบหน้าจึงได้แดงเรื่อขึ้นนางรีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย “เหตุใดคุณชายจึงจ้องมองข้าเช่นนี้ ข้าวางตัวไม่ถูกแล้ว”เจี่ยนหลิงเยว่แม้ไม่เห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แต่เดาจากน้ำเสียงการพูดจาของเขา คาดว่าคงเป็นชายหนุ่มรูปงามอย่างแน่นอนนางกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน สองมือบิดชายเสื้อไปมา ท่าทีมีความขวยเขินเป็นอย่างมากเหวยป๋อจื่อมองหน้าเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยนัยน์ตาลึกซึ้ง พลางกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำชวนฟัง“เงยหน้าขึ้นมา”เจี่ยนหลิงเยว่ได้ยินดังนี้ จึงเงยหน้าขึ้นด้วยความเขินอายสายตาที่มองเหวยป๋อจื่อนั้น แฝงความกระดากเล็กน้อยเหวยป๋อจื่อสบสายตานางนิ่ง คล้ายต้องการค้นหาความรู้สึกบางอย่างเจี่ยนหลิงเยว่ถูกเขาจ้องมองเสีย
ผ่านไปอีกครู่ใหญ่ ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงในร่างกายค่อยบรรเทาไปมากพอสมควรเจี่ยนหลิงเยว่นึกถึงยาที่กู้มั่วหลีให้นางกินไปก่อนหน้านี้มีแค่กู้มั่วหลีเท่านั้นที่มียาถอนพิษเจี่ยนหลิงเยว่คิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งร้อนใจอยากหากู้มั่วหลีให้พบนางตามหาทางออกประตูหลังพลางร้องเรียกชื่อกู้มั่วหลีเสียงดังแต่ภายในเรือนที่ว่างเปล่า นอกจากนางแล้วก็ไม่มีใครอีกเลยลมเย็นยะเยือกพัดมาระลอกแล้วระลอกเล่า ทำให้เจี่ยนหลิงเยว่สั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ฤดูร้อนที่เดิมทีร้อนจัด ลมหอบนี้กลับหนาวเย็นผิดปกติเจี่ยนหลิงเยว่เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาแล้ว ที่นี่เดิมทีก็มืดสนิทตอนนี้แม้แต่แสงจันทร์ก็ยังอ่อนแสงหาใดเปรียบหลายครั้งทีเดียวที่นางสะดุดก้อนหินใต้ฝ่าเท้าจนเกือบจะล้มหัวทิ่มเจี่ยนหลิงเยว่เดิมก็เป็นคุณหนูรองตระกูลใหญ่ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้กู้มั่วหลีพูดเองว่าไม่ให้นางไปไหนทั้งนั้นไม่ใช่รึ เหตุใดเขาจึงเอานางมาทิ้งไว้ที่นี่แล้วหนีไปคนเดียวเล่า?ถ้าตอนนั้นกู้มั่วหลีไม่ได้ดึงนางไว้ นางคงหนีไปอยู่ข้างกายฉู่จวินสิงแล้วต่อให้เจี่ยนอันอันจะแค้นนางปานนี้ แต่ก็ไม่มีทางทำอย่างไรกับนางอย่างไรเสียพวกนางก็มีบิ
ชายสวมชุดขาวผู้นั้นคว้าตัวกู้มั่วหลีและเจี่ยนหลิงเยว่ แล้วโยนก้อนอะไรบางอย่างขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ยินเสียงดัง ‘ตู้ม’ ควันขาวกลุ่มหนึ่งพลันพวยพุ่งขึ้นฟ้ารอจนควันขาวนั้นสลายไป คนทั้งสามตรงหน้าซากปรักก็หายไปไร้ร่องรอยฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันรีบรุดเข้าไปดูแต่ก็สายเกินไปแล้ว“บัดซบจริงๆ คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?”เจี่ยนอันอันเตะก้อนหินตรงปลายเท้ากระเด็นด้วยความโมโหฉู่จวินสิงแววตาเย็นชา หลังจากเขานิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นเนิบช้าว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ คนผู้นั้นคงเป็นเหวยป๋อจื่อ”“อะไรนะ คนผู้นั้นก็คือเหวยป๋อจื่อที่ถ่ายทอดอาคมให้เฉียนซื่องั้นรึ? เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร หรือว่าเขาเป็นพวกเดียวกับกู้มั่วหลี?”เจี่ยนอันอันโมโหจนแทบอยากสบถคำหยาบคายออกมาเลยทีเดียว เหวยป๋อจื่อที่น่าตายผู้นี้ช่วยกู้มั่วหลีกับเจี่ยนหลิงเยว่ไปได้เสียแล้วหากไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเหวยป๋อจื่อ นางกับฉู่จวินสิงคงจัดการกู้มั่วหลีได้แล้วฉู่จวินสิงกวาดมองซากปรักหักพังด้วยสายตาเย็นชา เอ่ยว่า “พวกเราไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่า”เจี่ยนอันอันพยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวจากไปทันทีพวกเขาออกไ
โชคดีที่เขาสวมเสื้อเกราะทอง ระเบิดมือเมื่อครู่นี้จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้แต่แขนข้างนี้ถูกระเบิดจนไม่อาจออกแรงได้อีกแล้วเจี่ยนอันอันเห็นเสื้อเกราะทองที่โผล่ออกมาใต้อาภรณ์ขาดหลุดลุ่ยของกู้มั่วหลีในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดกู้มั่วหลีจึงไม่ถูกระเบิดจนตายที่แท้เขาก็สวมของล้ำค่าเช่นนี้เอาไว้นั่นเองฉู่จวินสิงก้าวมาขวางอยู่หน้าเจี่ยนอันอัน ป้องกันไม่ให้กู้มั่วหลีลงมือกับนางสายตาที่กู้มั่วหลีมองฉู่จวินสิงค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียมแต่เขาไม่ได้มองฉู่จวินสิงนานนัก สายตามองผ่านอีกฝ่ายไปจ้องมองเจี่ยนอันอันโดยตรง“เจี่ยนอันอัน เดิมข้าอยากมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เจ้า แต่ตอนนี้เห็นที ของขวัญชิ้นนี้คงไม่จำเป็นต้องมอบให้อีกแล้ว”กู้มั่วหลีเพิ่งพูดจบ เขาก็รู้สึกว่ามีเลือดพุ่งขึ้นมาในลำคอเขาหันหน้าไปอีกทาง พ่นเลือดสดๆ ออกมาคำหนึ่งแม้เขาจะสวมเสื้อเกราะทองอยู่ แต่ระเบิดเมื่อครู่ก็สั่นสะเทือนจนอวัยวะภายในของเขาได้รับบาดเจ็บถ้าไม่ใช่เพราะเขากินยามานานปี เกรงว่าป่านนี้คงลงไปกองอยู่บนพื้นเสียแล้วฉู่จวินสิงอาศัยจังหวะที่กู้มั่วหลีกระอักเลือด กระชับกระบี่เฝินเทียนในมือพุ่งเข้าโจมตีกู้ม
แต่คิดไม่ถึงเลยว่า หลังกินยาเม็ดนี้ลงไปแล้วก็พลันปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงผ่านไปไม่นาน กระทั่งอวัยวะภายในอื่นๆ ก็เริ่มปวดจนยากจะทานทนตามไปด้วย“โอ๊ย!” เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนลงไปเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้น อาภรณ์บนร่างเปียกชุ่มเหงื่อเย็นเจียงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ กอดเสิ่นคังถอยออกไปไม่ไกลนางถามอย่างสงสัยทั้งเนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ท่านให้นางกินอะไร?”กู้มั่วหลีไม่มองเจียงหว่านเอ๋อร์เลยสักแวบเดียว เขากล่าวเสียงเย็นชา “ย่อมให้นางกินยาหักกระดูกเก้าตลบที่ข้าทำขึ้นเองน่ะสิ”เพิ่งสิ้นเสียงกู้มั่วหลี ร่างกายของเจี่ยนหลิงเยว่ก็เริ่มบิดงอผิดรูปเสียงกระดูกหัก ‘กร๊อบแกร๊บ’ ยังดังมาจากภายในร่างของนางเจียงหว่านเอ๋อร์รีบกอดเสิ่นคังไว้ด้วยความตกใจแล้วหลบไปอยู่ไกลๆเสิ่นคังได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจี่ยนหลิงเยว่ก็แหงนหน้ามองเจียงหว่านเอ๋อร์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ท่านแม่ ข้ากลัว”“คังเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว แม่อยู่นี่”เจียงหว่านเอ๋อร์กอดเสิ่นคังแน่น กลัวว่าจะถูกกู้มั่วหลีทำร้ายอีกกู้มั่วหลีไม่สนใจคนทั้งคู่ เมื่อครู่เนื่องจากโกรธจัดเกินไป พิษในร่างจึงทำให้เขาเจ็บปวดอย่างรุนแรงไปทั้งตัวอีกครั้งเขารีบ
คำพูดของเจี่ยนหลิงเยว่ไม่ได้ทำให้กู้มั่วหลีปล่อยมือเขาตีหน้าเย็นชาถามเสียงทุ้มต่ำ “สิ่งที่เจี่ยนอันอันพูดมาทั้งหมดเป็นความจริงสินะ ยาถอนพิษถูกเจ้าทำหายไประหว่างทางแล้ว?”ก่อนหน้านี้เจี่ยนหลิงเยว่ยังบอกว่าจะเขียนจดหมายถึงเจี่ยนกั๋วกง ทำให้เขาไม่ได้ให้คนนำยาถอนพิษมาส่งตอนนี้เห็นที ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคำโกหกที่นางปั้นแต่งขึ้นมาถ้านางไม่รู้เรื่องนี้แล้วจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไรเล่าคิดถึงตรงนี้ เรี่ยวแรงที่มือของกู้มั่วหลีก็เพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายส่วนเจี่ยนหลิงเยว่รู้สึกว่าหนังศีรษะแทบจะถูกกู้มั่วหลีกระชากหลุดไปแล้ว เจ็บปวดจนนางตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง“คุณชายกู้ ข้าไม่ได้เอายาถอนพิษมาด้วยจริงๆ ท่านต้องเชื่อข้านะ!”เจี่ยนหลิงเยว่เจ็บปวดจนถึงที่สุด ตอนนี้แม้แต่บาดแผลบนใบหน้าของนางก็ยังถูกดึงจนเจ็บไปด้วยเสียงร้องแหลมของเจี่ยนหลิงเยว่พลันดังขึ้นภายในห้องเจี่ยนอันอันมองกู้มั่วหลีกระชากผมเจี่ยนหลิงเยว่ด้วยสายตาเย็นชา ในใจร่ำร้องสะใจรอยยิ้มเหี้ยมผุดขึ้นบนใบหน้าของนาง กล่าวยั่วยุเหมือนที่เจี่ยนหลิงเยว่เคยทำกับเจ้าของร่างเดิมว่า“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้นำยาถอนพิษมาด้วย แล้วเจ้าม
“เมื่อครู่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินการพูดคุยของพวกเจ้า คุณชายกู้อยากรู้ใช่ไหมว่า ยาถอนพิษที่ฮ่องเต้ให้มา เหตุใดตั้งหลายวันยังมาไม่ถึงอีก?”กู้มั่วหลีได้ยินประโยคนี้เข้า พลันเหยียดริมฝีปากขึ้น“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้ความนัย”เพราะหลายวันมานี้ เมื่อเข้าสู่ยามค่ำคืน พิษในตัวก็จะแผ่ขยายไปทั่วสรรพางค์กายกู้มั่วหลีต้องฝืนทนต่อความทรมานอย่างรุนแรง ตราบใดที่ไม่ได้กินยาถอนพิษ เขาจะไม่อาจพักผ่อนได้เลยสักวันเดียวและทุกๆ ครึ่งปี ฮ่องเต้จะให้คนมาส่งยาถอนพิษหนึ่งครั้ง จุดประสงค์เพื่อควบคุมความเคลื่อนไหวของเขาหากเขากล้าขัดพระบัญชาเมื่อใด ก็จะถูกพิษร้ายในตัวทรมานเสียจนยิ่งกว่าความตายมาเยือนด้วยเหตุนี้เขาได้ทดลองยาถอนพิษอยู่หลายแขนง แต่ก็ไม่อาจช่วยบรรเทาพิษร้ายที่อยู่ในตัวได้ยามนี้เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงเรื่องยาถอนพิษขึ้นมา แสดงว่านางคงรู้เรื่องราวบางอย่างสายตากู้มั่วหลีจับจ้องที่นางเขม็ง เพื่อจะจับพิรุธที่ออกทางสีหน้าบ้างแต่เจี่ยนอันอันยังคงมีสีหน้าเรียบเป็นปกติ “ข้าย่อมรู้เบื้องหลังแน่นอน ทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของเจี่ยนหลิงเยว่”เจี่ยนอันอันพุ่งเป้าไปยังเจี่ยนหลิงเยว่หน้าตาเฉยกู้มั่วหลี
เจียงหว่านเอ๋อร์กอดร่างน้อยของเสิ่นคังไว้ พร้อมร่ำไห้น้ำตานองเจี่ยนหลิงเยว่เห็นกู้มั่วหลีเชื่อฟังเจี่ยนอันอันเช่นนี้ นางยิ่งโมโหโกรธาจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเจี่ยนอันอันเป็นตัวอะไร จึงทำให้กู้มั่วหลีอยู่ใต้โอวาทได้เช่นนี้นางต้องทำให้เจี่ยนอันอันจบชีวิตลง!ขอเพียงเจี่ยนอันอันตายเสีย นางจึงจะได้ครอบครองทั้งกู้มั่วหลีและฉู่จวินสิงเพียงผู้เดียวเมื่อนึกถึงตรงนี้ เจี่ยนหลิงเยว่จึงไม่สนใจใบหน้าที่ยับเยินอีกนางเดินไปหาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงอย่างองอาจเมื่อสบสายตาเข้ากับฉู่จวินสิง ใบหน้านางจึงปรากฏแววเขินอายแดงเรื่อออกมา“พี่สาว ท่านนี้คงเป็นพี่เขยของข้ากระมัง” เจี่ยนหลิงเยว่กล่าว และไม่รอให้เจี่ยนอันอันตอบกลับ นางรีบหันไปคารวะต่อฉู่จวินสิง “คารวะพี่เขย ข้าคือเจี่ยนหลิงเยว่ เป็นคนที่ฮ่องเต้เคยประทานสมรสให้แก่ท่าน”เจี่ยนหลิงเยว่เปิดเผยฐานะที่แท้ ขณะพูดจานั้น นางยังเงยหน้าขึ้นพร้อมใช้สายตาจ้องมองฉู่จวินสิงแต่ฉู่จวินสิงกลับแสร้งมองไปทางอื่น แม้เพียงสายตาจริงจังก็ยังไม่ยอมมอบให้นางเจี่ยนหลิงเยว่กัดฟันเล็กน้อย รอยยิ้มบนใบหน้ายังคงอยู่“พี่เขยมาที่นี่เพื่อตามหาข้ากระนั้นรึ? ทั้งหมดน