ผ่านไปไม่นาน สี่เอ๋อร์ก็ยกถ้วยยากลับมาเจี่ยนอันอันรับถ้วยยามาเป่าให้เย็นลงก่อน แล้วค่อยป้อนให้เด็กน้อยทีละคำเด็กน้อยกินยาไปได้ไม่นานก็ฟื้นขึ้นมาเขาลืมดวงตากลมโตมองเจี่ยนอันอันที่อยู่ตรงหน้าเนื่องจากสัมผัสได้ถึงรสขมในปาก เด็กน้อยจึงเบะปากทำท่าจะร้องไห้เจี่ยนอันอันรีบซื้อลูกกวาดกระต่ายขาวจากร้านค้าในมิติออกมาให้เด็กน้อยกินพอได้ลูกกวาดกระต่ายขาวไป เด็กชายก็หยุดร้องไห้ทันทีเจี่ยนอันอันถามเด็กน้อยเสียงอ่อนโยน “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”เด็กน้อยตอบเสียงเจื้อยแจ้ว “ข้าชื่อเสี่ยวโต้วจื่อ”เจี่ยนอันอันคิดในใจว่านี่คงเป็นชื่อเล่นของเด็กคนนี้นางยิ้มหวานให้เด็กน้อย “เสี่ยวโต้วจื่อเด็กดี นอนอยู่ตรงนี้ก่อนนะ ข้าขอไปคุยกับย่าของเจ้าสักประเดี๋ยว”เสี่ยวโต้วจื่อพยักหน้าอย่างว่าง่าย ปากยังอมลูกกวาดกระต่ายขาวเสียงดังแจ๊บๆเจี่ยนอันอันบอกให้ฉู่จวินสิงคอยดูเด็กชาย ส่วนนางเปิดประตูออกไปข้างนอกสตรีผู้นั้นเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกมาก็รีบเข้ามาถาม “หลานชายข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเห็นนางร้อนใจถึงเพียงนี้ก็เอ่ยปลอบว่า “เสี่ยวโต้วจื่อไม่เป็นไรแล้ว นอนอีกสักครู่ก็จะดีขึ้นเอง”สตรีผู้นั้นได้
เจี่ยนอันอันถามสตรีผู้นั้น “น้ำข้าวต้มที่บ้านท่านยังเหลืออยู่หรือไม่?”ใบหน้าหญิงชราฉายแววกลัดกลุ้ม“น้ำข้าวต้มที่เหลืออยู่นั้น ข้าให้เสี่ยวโต้วจื่อกิน ตัวข้าเองตัดใจกินไม่ลงด้วยซ้ำ”“ตอนนี้ข้าเอาข้าวสารที่ปนเปื้อนพิษพวกนั้นไปฝังหมดแล้ว หลังจากนี้ไม่รู้เลยว่าจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร”นางกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เจี่ยนอันอันเห็นอีกฝ่ายน่าสงสาร โดยเฉพาะในบ้านนางยังมีเด็กน้อยวัยสองขวบคนหนึ่งอีกด้วยนางบังเกิดความเห็นใจต่อสตรีตรงหน้าขึ้นมาเจี่ยนอันอันลุกขึ้นเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “ท่านตามข้ามา”หญิงชราไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะทำอะไร เพียงตามหลังนางไปคนทั้งสองเดินมาถึงหน้าโรงเก็บของ เจี่ยนอันอันเปิดประตูโรงเก็บของแล้วหยิบข้าวสารกระสอบเล็กออกมาหนึ่งกระสอบ“ข้าวสารของข้าไม่มีพิษ ท่านนำกลับไปหุงให้เสี่ยวโต้วจื่อกินเถิด”“รอจนถึงเย็นนี้ ร่างกายของเสี่ยวโต้วจื่อก็จะฟื้นฟูโดยสมบูรณ์”สตรีผู้นั้นเห็นข้าวสารที่เจี่ยนอันอันส่งมาให้ก็รีบร้อนโบกมือ“ไม่ได้ ข้าจะเอาข้าวสารของท่านไม่ได้”“หมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราแล้งนานฝนน้อย เพาะปลูกไม่ค่อยได้อยู่แล้ว”“ท่านยกข้าวสารให้ข้า วันหน้าคนในครอ
เจี่ยนอันอันแปลงคำว่ายามซวีในหัวถึงเข้าใจว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว“ดึกขนาดนี้แล้วหรือ สงสัยข้าจะไม่ได้กินมื้อเย็นแล้วสิ”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็จะซื้อขนมปังจากร้านค้าในมิติแต่กลับได้ยินฉู่จวินสิงพูดว่า “ข้าให้สาวใช้เก็บอาหารบางส่วนไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะบอกให้พวกนางนำไปอุ่นให้เจ้ากินก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงทำท่าจะลงไปจากเตียงอุ่นก็ร้องเรียกเขาไว้“ไม่ต้องรบกวนพวกนางหรอก ข้าไปอุ่นเองก็ได้”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็ลงไปจากเตียงอุ่นนางมาถึงในครัวก็เห็นข้าวสวยสองถ้วยวางอยู่บนโต๊ะนางจึงนำไปทำข้าวผัดไข่เสียเลยตั้งแต่มาที่นี่ นางไม่ได้กินข้าวผัดไข่มานานมากแล้วเจี่ยนอันอันยกข้าวผัดไข่ออกไปกินในลานบ้านฉู่จวินสิงเดินมานั่งลงข้างๆ นางแสงจันทร์สาดส่องลงมายังคนทั้งสองในลานเรือนกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่โชยมาตามลมฉู่จวินสิงมองดูข้าวผัดไข่จานใหญ่ใบนั้นแล้วลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเขาจ้องข้าวผัดไข่ก็เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “ท่านก็กินด้วยกันสิ ข้าวผัดไข่ที่ข้าทำอร่อยมากเลยนะ”ฉู่จวินสิงเบือนหน้าหนี บอกว่าตนเองไม่หิวเจี่ยนอันอันมองดูท่าทางลอบกลืนน้ำ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงกินข้าวเสร็จแล้วกำลังจะเก็บจานแต่แล้วสี่เอ๋อร์กลับรีบเดินเข้ามา“ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ นายน้อยรองกับฮูหยินน้อยรองรีบเข้าไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันยิ้มให้สี่เอ๋อร์แล้วกลับเข้าห้องเนื่องจากก่อนหน้านี้นอนมานานมาก อีกทั้งเมื่อครู่ก็กินข้าวเยอะเจี่ยนอันอันจึงได้แต่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับนางตัดสินใจลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูเดินออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกไปก็รีบตามไปตอนนี้ร่างกายเขาใกล้หายดีแล้ว นอกจากมือที่ยังมีผ้าพันแผล ส่วนอื่นก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วเจี่ยนอันอันหันศีรษะกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พบว่าฉู่จวินสิงตามออกมานางถามด้วยความสงสัย “ท่านตามออกมาทำอันใด?”ฉู่จวินสิงกระแอมไอเบาๆ “ข้านอนคนเดียวไม่หลับ”เจี่ยนอันอันปิดปากลอบหัวเราะ ที่แท้เขาก็ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อนเวลานอนหรือนี่เจี่ยนอันอันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกจึงเปิดประตูลานบ้านฉู่จวินสิงรีบตามออกไป“เจ้าจะไปที่ใด?”เจี่ยนอันอันนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับสตรีเมื่อช่วงบ่ายนางรู้สึกว่าเรื่องที่ครอบครัวของเสี่ยวโต้วจื่อถูกวางยาพิษต้องเกี่ยวข้องครอบครัวอวี้
เจี่ยนอันอันนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้หญิงชราบ้านอวี้เฟิ่งบอกว่า ต่อให้จางต้าตายเป็นผีไปแล้วก็จะไม่ปล่อยคนพวกนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเริ่มปลอมเป็นผีมาหลอกคนไวขนาดนี้ชายชราใช้ท่อนไม้ฟาดใส่บ่าวรับใช้คนนั้นแต่ถึงอย่างไรบ่าวรับใช้ก็เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน เขาหลบท่อนไม้ที่ฟาดเข้ามาพลางใช้เท้าถีบชายชราชายชราถูกถีบให้ถอยไปหลายก้าวและเกือบล้มลงพื้นลูกชายของเขาเห็นดังนี้ก็เดือดดาลเขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือใส่ศีรษะของบ่าวรับใช้บ่าวรับใช้จับท่อนไม้เอาไว้แล้วถีบท้องลูกชายของชายชราให้ล้มลงพื้น ชายชราเห็นลูกชายตัวเองถูกถีบล้มก็โกรธจนตัวสั่น“กล้าแตะต้องลูกชายของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”ชายชราจะฟาดท่อนไม้ใส่บ่าวรับใช้ต่อแต่ท่อนไม้ในมือเขายังไม่ทันจะฟาดถูกร่างอีกฝ่ายก็ถูกแย่งไปเสียแล้วบ่าวรับใช้ฟาดท่อนไม้ใส่จมูกของชายชราภายในหัวชายชรามีเสียง ‘วิ้ง’ เขากุมจมูกและเซถอยไปหลายก้าวครั้นลดมือลงมองก็พบว่าในนั้นมีแต่โลหิตสตรีในบ้านได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกก็รีบเดินออกมาดูนางตกใจจนเข่าอ่อนนั่งลงที่ประตูเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า“ฆ่าคนแล้ว ช่วยด้วย!” สตรีนางนี้ร้องเสียงดัง หวังว่าจะดึงดู
บ่าวรับใช้เริ่มหวาดกลัวในที่สุด เขาร้องวิงวอนขอความเมตตาด้วยเสียงแหบแห้ง“แม่นางปล่อยข้าไปเถิด ข้าเองก็ทำตามคำสั่งของเจ้านาย”“พวกเขาสั่งให้ข้าปลอมเป็นผีมาหลอก ข้าจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง”“นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของข้าแต่อย่างใด”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น ไม่ได้เอาท่อนไม้ออกแต่อย่างใด“เจ้านายเจ้าสั่งแค่ให้หลอกผีอย่างเดียว ไม่ได้สั่งอะไรอย่างอื่นหรือ?”นางไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาหากเรื่องราวมันง่ายขนาดนั้นจริงก็คงไม่ใช่บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งแล้วนางจำสายตาที่พ่อแม่สามีอวี้เฟิ่งหันมามองพวกนางก่อนจากไปได้เป็นอย่างดีสายตานั้นโหดเหี้ยมอำมหิต ประหนึ่งอยากจะถลกหนังแล้วกินนางกับฉู่จวินสิงเป็นๆบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่เชื่อที่ตัวเองพูดก็กัดฟันยอมพูดความจริงในที่สุด“นอกจากการปลอมเป็นผีมาหลอกชาวบ้านแล้ว เจ้านายของข้ายังส่งบ่าวรับคนอื่นๆ ไปสร้างปัญหาที่บ้านพวกเจ้าเช่นกัน”“เวลานี้พวกเขาน่าจะอยู่ที่บ้านพวกเจ้าแล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันสังหรณ์ใจไม่ดีนางไม่ได้กลัวอย่างอื่น ห่วงก็แต่เสบียงอาหารกับพืชผักพวกนั้นหากถูกบ่าวรับใช้จุดไฟเผา พวกนางคงไม่เหลืออาหารให้กินเจี่ยนอันอันพูดกับฉู่
บรรดาบ่าวรับใช้คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบเช่นนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกโซ่เหล็กล่ามไว้เหมือนสุนัข ตอนนี้แม้แต่จะเดินก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำฉู่จวินหลุนเคลื่อนรถเข็นมาหาฉู่จวินสิงเขาถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าสองคนออกไปตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่จวินสิงตอบเสียงทุ้ม “เพิ่งออกไปได้ไม่นานก็เจอพวกเขาปลอมเป็นผีไปหลอกชาวบ้าน”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ก็เข้าใจ มิน่าเล่า พวกเขาถึงได้กลับมาทันเวลาดูแล้วน่าจะทราบเรื่องที่มีคนมาหาเรื่องที่นี่จากทางบ้านที่มีคนหลอกผี“จะทำอย่างไรกับพวกเขา จะฆ่าหรือไม่?” ฉู่อันเจ๋อจับโซ่ไว้แน่นและเงยหน้ามองฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงมองว่าอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่จวนเยียนอ๋อง จะฆ่าคนตามใจชอบไม่ได้แต่จะให้ส่งตัวกลับไปให้บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งก็ดูจะสบายเกินไปหน่อย“พาพวกเขาไปขังที่ห้องใต้ดินก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยพาไปให้พี่เซิ่งจัดการที่ที่ว่าการอำเภอ”ทั้งสามคนเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิงพวกเขาคุมตัวพวกบ่าวรับใช้ไปที่ห้องใต้ดินเจี่ยนอันอันบังคับให้พวกเขากินยาพิษนางเตือนว่า “ทำตัวดีๆ หากกล้าเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกเจ้าได้ตายเพราะพิษกำเริบแน่”ก่อนออกไป นางหันกลับไปพ
ฉู่จวินสิงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากำลังรอดูว่าเจี่ยนอันอันจะข้ามมาฝั่งตัวเองเมื่อไรขณะที่ฉู่จวินสิงนับถึงสิบในใจ เจี่ยนอันอันก็ขยับตัวนางเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วเริ่มขยับมาฝั่งทางฉู่จวินสิงรอยยิ้มมุมปากของฉู่จวินสิงยกโค้งหนักกว่าเดิมท่านอนที่อยู่ไม่สุขของเจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงมองว่าเป็นอะไรที่น่ารักมากเจี่ยนอันอันขยับเพียงครู่หนึ่งก็นิ่งไป มือของนางเริ่มคลำไปทางซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากำลังคลำหาอะไรไม่นาน เจี่ยนอันอันก็พึมพำว่า “เหตุใดจึงร้อนเช่นนี้ พัดใบตองของข้าอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงฟังถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมาไม่ได้แต่เขาเพิ่งจะหัวเราะก็ได้ยินเจี่ยนอันอันดุว่า “นี่ เจ้าลิงบ้า ขืนยังหัวเราะอีก ข้าจะหักฟันเจ้าเสีย!”ฉู่จวินสิงส่ายหน้ายิ้มๆ เขาขยับเข้าไปใกล้เล็กน้อยและดึงเจี่ยนอันอันมาไว้ในอ้อมกอดศีรษะของเจี่ยนอันอันหนุนบนแขนฉู่จวินสิง นางพลิกตัวมาวางมือและเท้าบนตัวของฉู่จวินสิงนางพึมพำเสียงเบา “เจ้าวัวเฒ่าบ้านข้านี่แหละดีที่สุด รู้สึกดูแลเอาใจใส่ ไม่เหมือนเจ้าลิงบ้าที่ชอบหัวเราะ”เจี่ยนอันอันพูดจบก็กอดฉู่จวินสิงหลับไปอย่างสงบฉู่จวินสิงห่มผ้าลงบนตัวทั้งสอ
เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน
ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ
และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค
จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื
จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง
ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห
เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา
“หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”
สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่