เจี่ยนอันอันลงจากเตียงด้วยความโมโหแล้วเดินไปทางประตูฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกไปก็พลิกตัวลงจากเตียงเช่นกันเวลานี้บรรดาสาวใช้กำลังหุงหาอาหาร ส่วนสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ก็ออกมานั่งตากลมเย็นข้างนอกอากาศวันนี้มีสายลมพัดคลอเบาๆ ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนที่ผ่านมาเจี่ยนอันอันไปที่โรงเก็บของด้านหลัง นางลงไปที่ชั้นใต้ดิน เห็นว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านในกำลังนอนกันเกลื่อนกลาดพวกเขาพากันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครั้นเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคืนนี้พวกเขาต่างก็เป็นกังวลกับเรื่องที่ตัวเองจะถูกตัดหัวคิดไว้ว่าหากได้เจอเจี่ยนอันอันแล้วจะขอร้องนางให้ปล่อยพวกเขาไปบ่าวรับใช้ที่อาวุโสมากที่สุดเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันทันทีที่เห็นนาง“แม่นาง พวกข้าสำนึกผิดไปแล้ว แม่นางโปรดเมตตาปล่อยพวกข้าไปเถิด”บ่าวรับใช้คนอื่นๆ คุกเข่าวิงวอนขอให้เจี่ยนอันอันปล่อยตัวเองไปเช่นกันเจี่ยนอันอันแสยะยิ้มพลางว่า “มาขอร้องเอาป่านนี้ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่”“พวกเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของบ้านแม่สามีอวี้เฟิ่ง คอยช่วยพวกเขาก่อกรรมทำชั่ว”“หากข้าปล่อยพวกเจ้าไป เกรงว่าสวรรค์คงไม่ยินยอม”
พวกบ่าวรับใช้คุกเข่าดัง ‘ตุบ’“ใต้เท้าให้พวกข้าไปห้องปลดทุกข์เถิด พวกข้าจะไม่ไหวกันแล้ว”“พวกข้าจะไม่หนีแน่นอน แค่อยากปลดทุกข์ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น”พวกบ่าวรับใช้พากันอ้อนวอน ทว่าฉู่จวินสิงยังคงไม่ไหวติงตอนนี้พวกเขามีความคิดถึงขั้นว่าอยากตายเจี่ยนอันอันไม่อยากได้กลิ่นเหม็นระหว่างทานอาหารซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารนางพูดกับพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาพวกเขาไปปลดทุกข์เถิด”พ่อบ้านหลิวขานตอบว่า “ขอรับ” จากนั้นลากโซ่พาพวกบ่าวรับใช้ไปปลดทุกข์พวกบ่าวรับใช้ลุกขึ้นขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำไปมาเจี่ยนอันอันปัดมือด้วยความรำคาญ ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกกระทั่งทุกคนกินข้าวกันเสร็จ พ่อบ้านหลิวถึงค่อยพาพวกบ่าวรับใช้เดินกลับมาพ่อบ้านหลิวมอบโซ่เหล็กให้ฉู่จวินสิง จากนั้นแยกตัวไปกินข้าวที่โต๊ะของบ่าวใช้คนเดียวเจี่ยนอันอันสังเกตเห็นว่าโต๊ะที่เขานั่งอยู่เหลือกับข้าวอยู่แค่นิดเดียวนางรู้สึกว่าคำแนะนำของตัวเองทำให้พ่อบ้านหลิวเสียเวลาเรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกผิด ด้วยเหตุนี้จึงซื้อเนื้อวัวเครื่องเทศชิ้นหนึ่งจากร้านค้าช่องมิติจากนั้นไปที่ห้องครัว หั่นเนื้อวัวให้เรียบร้อยแล้วยกมาให้พ่อบ้า
เจี่ยนอันอันกำลังจะพูดแต่ถูกเจี่ยนอันอันยกมือห้ามไว้“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ข้าเข้าใจว่าหญิงชราหมายถึงอะไร ตอนนี้ข้าอยากคิดบัญชีกับนาง”ท่านปู่เฉินยังไม่รู้ว่าเมื่อคืนแม่ของจางต้าส่งคนไปสร้างปัญหาที่บ้านของเจี่ยนอันอันเช่นกันเขามองเจี่ยนอันอันเดินผ่านข้างกายด้วยความงุนงงเจี่ยนอันอันมาถึงเบื้องหน้าแม่ของจางต้าแล้วตบหน้านางเต็มแรงจนอีกฝ่ายล้มลงกับพื้นแม่ของจางต้ากุมหน้าที่บวมของตัวเองพลางถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้ากล้าตบหน้าข้างั้นรึ ไม่มีขื่อไม่มีแปแล้วจริงๆ”“ข้าจะแจ้งที่ว่าการอำเภอ ให้นายอำเภอจับเจ้าเข้าคุก!”เจี่ยนอันอันมองลงไปที่หญิงชราแล้วแสยะยิ้มว่า “ไปแจ้งเลย จะได้ดูว่านายอำเภอจะช่วยข้าหรือว่าช่วยเจ้า”“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องที่เจ้าส่งคนมาก่อความไม่สงบที่บ้านข้าเมื่อคืนนะ”“ตอนนี้พวกเขาถูกข้าจับไว้หมดแล้ว อยากเห็นเหมือนกันว่าเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีก”แม่ของจางต้าลอบสบถในใจเมื่อได้ยินดังนี้“พวกสวะนี่ เลี้ยงมาตั้งหลายปีแต่เสียข้าวสุกกันหมด”“แค่งานง่ายๆ อย่างวางเพลิงยังทำไม่สำเร็จ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ”เจี่ยนอันอันลากให้แม่ของจางต้าลุกขึ้นโดยไม่รอให้นางแก้ตัว“ไปเถอะ
จนถึงตอนนี้ บ่าวรับใช้ที่ออกไปเมื่อคืนนี้ก็ยังไม่กลับมาส่วนตอนนี้ เจ้านายก็มาถูกจับ นี่ยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีเจี่ยนอันอันหันไปถลึงตาใส่บ่าวรับใช้สามคนนั้น “ยังไม่รีบตามมาอีก อยากให้ข้าจับหรืออย่างไร!”ทั้งสามคนตัวสั่นเทิ้มกับสายตาของเจี่ยนอันอันชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยกลัวผู้ใด ทว่าสายตาของเจี่ยนอันอันกลับเย็นยะเยียบผิดปกติ ทั้งสามคนสบตากันด้วยอาการขนหัวลุก จากนั้นโยนไม้กระบองทิ้งแล้วตามเจี่ยนอันอันไปตอนแรกเจี่ยนอันอันคิดว่าจะต้องออกแรงเพื่อจัดการเรื่องนี้เสียอีกนึกไม่ถึงว่าจะแก้ไขได้รวดเร็วปานนี้นางลากร่างของแม่จางต้าขึ้นไปบนรถม้า ตามด้วยให้ฉู่จวินสิงรออยู่ที่นี่เสร็จแล้วเข้าบ้านไปดึงโซ่ที่ล่ามบ่าวรับใช้แปดคนนั้นและพาพวกเขาออกมาเหยียนเซ่าได้ยินว่าพวกนางจะไปที่ว่าการอำเภอก็ขอตามมาด้วยฉู่จวินสิงมองรถม้าแล้วพูดเสียงทุ้ม “เจ้าไม่ต้องไปหรอก รถม้าจุคนได้ไม่เยอะขนาดนั้น”“ที่ว่าการอำเภอมีพี่เซิ่งอยู่ ข้ากับอันอันจะไม่เป็นอะไร”เหยียนเซ่าขานรับแล้วไม่ได้ตามขึ้นรถม้าเจี่ยนอันอันนำเชือกมามัดบ่าวรับใช้สามคนนั้นเพิ่มรอจนพวกเขาขึ้นรถม้ากันแล้วใช้เท้าเตะบ่าวรั
เมื่อมาถึงห้องพิจารณาคดี เซิ่งฟางก็ไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้นายอำเภอเขาตบไม้เรียกสติและพูดเสียงดัง “ทุกคนในห้องโถง เหตุใดพบข้าแล้วจึงไม่คุกเข่า?”สิ้นเสียงของเซิ่งฟาง เหล่าเจ้าหน้าที่ทางการในห้องโถงก็เคาะไม้พลองน้ำไฟ[1]พวกเขาตะโกนว่า “เวย...อู่!”พวกบ่าวรับใช้หวาดกลัวจนหน้าซีดและรีบคุกเข่าพ่อของจางต้าไม่กล้าหยาบคาย รีบคุกเข่าลงเช่นกันส่วนเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงยืนนิ่งอยู่กับที่บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการไม่กล้าส่งเสียงต่อ พวกเขายืนขนาบทั้งสองด้าน สายตามองตรงไปข้างหน้าเซิ่งฟางย่อมไม่ให้พวกเขาคุกเข่าอยู่แล้ว เขาตบไม้เรียกสติอีกครั้งและพูดเสียงดังกับพ่อของจางต้า“คนในห้องโถง เจ้าทำความผิดอะไร?”เจี่ยนอันอันยังไม่ทันตอบ พ่อของจางต้าก็ชิงพูดก่อนว่า “เหตุใดสองคนนี้ไม่คุกเข่า ข้าไม่ยอม!”แม้เซิ่งฟางจะไม่รู้ว่าชายชราผู้นี้เป็นผู้ใดแต่ในเมื่อตกอยู่ในกำมือของเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิง เช่นนั้นก็ต้องกระทำความผิดอะไรแน่นอนเซิ่งฟางตวาดลั่น “บังอาจ! ที่นี่ใช่ที่ที่เจ้าจะทำตัวหยาบคายได้หรือ”“หากยังกล้าก่อความไม่สงบในห้องพิจารณาคดีอีก ข้าจะสั่งโบยเจ้าห้าสิบไม้!”พ่อของจางต้าได้ยินว่าจะถ
พ่อของจางต้าโมโหเสียจนเลือดลมพลุ่งพล่าน เขาส่งเสียง “อั่ก!” ดังขึ้น ก่อนจะกระอักเลือดออกมาหลังจากที่พ่อของจางต้ากระอักเลือดออกมาแล้ว ก็ล้มลงนอนบนพื้น จับหน้าอกแล้วส่งเสียงร้องครวญครางดังมาไม่หยุดเซิ่งฟางถามออกมา “ที่พวกเจ้าพูดออกมาทั้งหมดนั้น มีหลักฐานหรือไม่?”เด็กรับใช้ที่ทำงานมานานกว่าหนึ่งปี รีบหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกจากกระเป๋าเสื้อของเขาออกทันทีเขายกกระดาษแผ่นนั้นเอาไว้ด้วยมือทั้งสอง แล้วพูดกับเซิ่งฟาง“ท่านนายอำเภอ นี่คือเรื่องเลวร้ายที่พวกเราทำมาทั้งหมด ข้าล้วนแต่เขียนเอาไว้ในกระดาษหมดแล้ว”“ข้ากลัวก็เพียงแต่ว่าวันหน้าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ข้าจะได้มีหลักฐานมาพิสูจน์ว่าตัวเองถูกเจ้านายบีบบังคับ”เซิ่งฟางเหลือบมองเจ้าหน้าที่ทางการที่ยืนอยู่ด้านข้าง เจ้าหน้าที่ทางการรีบเดินเข้ามา แล้วมอบกระดาษนั้นให้กับเซิ่งฟางเซิ่งฟางเปิดออกมา บนนั้นเขียนเอาไว้ถึงเรื่องเลวร้ายต่างๆ ที่ครอบครัวของจางต้าส่งพวกเขาไปทำมาหลายปีเซิ่งฟางตบกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะ แล้วพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว“ใครก็ได้ ลากชายชรานี่ไปตัดหัวเสีย ส่วนเด็กรับใช้พวกนี้เอาไปขังคุกรับโทษเสีย”พ่อของจางต้าเมื่อ
ฉู่จวินสิง “อ้อ” ดังขึ้นออกมาในตอนท้าย“หากพี่เซิ่งสะดวกพูดออกมาให้ฟังดู”เซิ่งฟางพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสองวันมานี้เมื่อวานนี้เมื่อเขามาถึงยังที่ว่าการอำเภอ ก็แสดงหนังสืออนุมัติจากท่านเจ้าเมืองออกมาเจ้าหน้าที่ทางการต่างก็ไม่เชื่อว่าหนังสืออนุมัตินี่เป็นของจริง พวกเขาต่างก็ทยอยนำอาวุธออกมา แล้วฟาดลงมายังทางด้านเซิ่งฟางแล้วเซิ่งฟางจะทำลายพวกเขาได้อย่างไรกันหลังจากการต่อสู้กันอยู่หลายครั้ง เจ้าหน้าที่ทางการเหล่านั้นที่เดิมก็ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ทั้งหมดก็ถูกเซิ่งฟางทุบตีจนล้มลงไปเซิ่งฟางเตือนพวกเขาออกมาว่า หากยังไม่ยอมเชื่อฟังอีก พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกฆ่าไปแน่แน่นอนว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ทางการย่อมมีใจไม่ยินยอม มีเจ้าหน้าที่ทางการคนหนึ่งสบถด่าเซิ่งฟางออกมาว่าเป็นคนชั้นต่ำขายเมืองเพื่อแลกความรุ่งโรจน์ของตนเมื่อเซิ่งฟางกรุ่นโกรธขึ้นมา ก็ตัดหัวเจ้าหน้าที่ทางการคนนั้นเสียเจ้าหน้าที่ทางการคนอื่นๆ เมื่อเห็นเข้า ต่างก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียววิธีการเชือดไก่ให้ลิงดูของเซิ่งฟาง ทำให้ในใจของเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาไม่ว่าจะอย่างไรพวกเขาเองก็เป็นเพียงแ
เมื่อเอาชนะใจของเจ้าหน้าที่ทางการเหล่านี้ได้แล้ว เรื่องต่างๆ ที่เซิ่งฟางจะทำก็กลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมา ช่วงบ่ายของเมื่อวาน มีชาวบ้านวิ่งมาตีกลองร้องทุกข์เซิ่งฟางในฐานะที่เป็นนายอำเภอคนใหม่ แน่นอนว่าย่อมต้องตัดสินคดีความอย่างยุติธรรม ชาวบ้านเหล่านั้นเองก็ไม่คิดว่า นายอำเภอในตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเซิ่งฟางเขายังคิดว่าเซิ่งฟางจะเป็นเหมือนกันกับนายอำเภอคนเก่า ที่จะคิดค่าตัดสินคดีจากพวกเขาแต่กลับไม่คิดเลยว่า เซิ่งฟางจะไม่คิดเงินพวกเขาแม้แต่อีแปะเดียว ก็ตัดสินคดีให้พวกเขาจนเสร็จทัศนคติที่ชาวบ้านเหล่านั้นมีต่อเซิ่งฟาง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเรื่องราวของเซิ่งฟางแล้ว เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเองต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้มองคนผิดไปเจี่ยนอันอันพูดกับเซิ่งฟางออกมา “พี่เซิ่งทำได้ดีมาก”“คิดว่าภายหน้าชาวบ้านเหล่านี้ จะต้องค่อยๆ เปลี่ยนความเป็นศัตรูที่มีต่อท่าน”เซิ่งฟางส่ายศีรษะออกมา ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ“ความโกรธแค้นที่ชาวบ้านมีต่อข้านั้นได้ฝังรากลึกแล้ว คิดอยากจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขา เกรงว่าคงจะยากยิ่ง”เจี่ยนอันอันพูดแนะนำออกมา “เรื่องในปีนั้นเดิมก็ไม่
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า