เจี่ยนอันอันแปลงคำว่ายามซวีในหัวถึงเข้าใจว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว“ดึกขนาดนี้แล้วหรือ สงสัยข้าจะไม่ได้กินมื้อเย็นแล้วสิ”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็จะซื้อขนมปังจากร้านค้าในมิติแต่กลับได้ยินฉู่จวินสิงพูดว่า “ข้าให้สาวใช้เก็บอาหารบางส่วนไว้ให้เจ้าแล้ว ข้าจะบอกให้พวกนางนำไปอุ่นให้เจ้ากินก็แล้วกัน”เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงทำท่าจะลงไปจากเตียงอุ่นก็ร้องเรียกเขาไว้“ไม่ต้องรบกวนพวกนางหรอก ข้าไปอุ่นเองก็ได้”เจี่ยนอันอันว่าแล้วก็ลงไปจากเตียงอุ่นนางมาถึงในครัวก็เห็นข้าวสวยสองถ้วยวางอยู่บนโต๊ะนางจึงนำไปทำข้าวผัดไข่เสียเลยตั้งแต่มาที่นี่ นางไม่ได้กินข้าวผัดไข่มานานมากแล้วเจี่ยนอันอันยกข้าวผัดไข่ออกไปกินในลานบ้านฉู่จวินสิงเดินมานั่งลงข้างๆ นางแสงจันทร์สาดส่องลงมายังคนทั้งสองในลานเรือนกลิ่นหอมของข้าวผัดไข่โชยมาตามลมฉู่จวินสิงมองดูข้าวผัดไข่จานใหญ่ใบนั้นแล้วลูกกระเดือกก็ขยับขึ้นลงเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเขาจ้องข้าวผัดไข่ก็เอ่ยขึ้นอย่างยิ้มแย้ม “ท่านก็กินด้วยกันสิ ข้าวผัดไข่ที่ข้าทำอร่อยมากเลยนะ”ฉู่จวินสิงเบือนหน้าหนี บอกว่าตนเองไม่หิวเจี่ยนอันอันมองดูท่าทางลอบกลืนน้ำ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงกินข้าวเสร็จแล้วกำลังจะเก็บจานแต่แล้วสี่เอ๋อร์กลับรีบเดินเข้ามา“ข้าจัดการเองเจ้าค่ะ นายน้อยรองกับฮูหยินน้อยรองรีบเข้าไปพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันยิ้มให้สี่เอ๋อร์แล้วกลับเข้าห้องเนื่องจากก่อนหน้านี้นอนมานานมาก อีกทั้งเมื่อครู่ก็กินข้าวเยอะเจี่ยนอันอันจึงได้แต่นอนพลิกตัวไปมาบนเตียง ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับนางตัดสินใจลุกจากเตียงแล้วเปิดประตูเดินออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกไปก็รีบตามไปตอนนี้ร่างกายเขาใกล้หายดีแล้ว นอกจากมือที่ยังมีผ้าพันแผล ส่วนอื่นก็ไม่ได้เป็นอะไรแล้วเจี่ยนอันอันหันศีรษะกลับไปมองเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า พบว่าฉู่จวินสิงตามออกมานางถามด้วยความสงสัย “ท่านตามออกมาทำอันใด?”ฉู่จวินสิงกระแอมไอเบาๆ “ข้านอนคนเดียวไม่หลับ”เจี่ยนอันอันปิดปากลอบหัวเราะ ที่แท้เขาก็ต้องมีคนอยู่เป็นเพื่อนเวลานอนหรือนี่เจี่ยนอันอันอยากออกไปเดินเล่นข้างนอกจึงเปิดประตูลานบ้านฉู่จวินสิงรีบตามออกไป“เจ้าจะไปที่ใด?”เจี่ยนอันอันนึกถึงบทสนทนาที่คุยกับสตรีเมื่อช่วงบ่ายนางรู้สึกว่าเรื่องที่ครอบครัวของเสี่ยวโต้วจื่อถูกวางยาพิษต้องเกี่ยวข้องครอบครัวอวี้
เจี่ยนอันอันนึกได้ว่า ก่อนหน้านี้หญิงชราบ้านอวี้เฟิ่งบอกว่า ต่อให้จางต้าตายเป็นผีไปแล้วก็จะไม่ปล่อยคนพวกนี้นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเริ่มปลอมเป็นผีมาหลอกคนไวขนาดนี้ชายชราใช้ท่อนไม้ฟาดใส่บ่าวรับใช้คนนั้นแต่ถึงอย่างไรบ่าวรับใช้ก็เคยผ่านการฝึกฝนมาก่อน เขาหลบท่อนไม้ที่ฟาดเข้ามาพลางใช้เท้าถีบชายชราชายชราถูกถีบให้ถอยไปหลายก้าวและเกือบล้มลงพื้นลูกชายของเขาเห็นดังนี้ก็เดือดดาลเขาเหวี่ยงท่อนไม้ในมือใส่ศีรษะของบ่าวรับใช้บ่าวรับใช้จับท่อนไม้เอาไว้แล้วถีบท้องลูกชายของชายชราให้ล้มลงพื้น ชายชราเห็นลูกชายตัวเองถูกถีบล้มก็โกรธจนตัวสั่น“กล้าแตะต้องลูกชายของข้า ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”ชายชราจะฟาดท่อนไม้ใส่บ่าวรับใช้ต่อแต่ท่อนไม้ในมือเขายังไม่ทันจะฟาดถูกร่างอีกฝ่ายก็ถูกแย่งไปเสียแล้วบ่าวรับใช้ฟาดท่อนไม้ใส่จมูกของชายชราภายในหัวชายชรามีเสียง ‘วิ้ง’ เขากุมจมูกและเซถอยไปหลายก้าวครั้นลดมือลงมองก็พบว่าในนั้นมีแต่โลหิตสตรีในบ้านได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกก็รีบเดินออกมาดูนางตกใจจนเข่าอ่อนนั่งลงที่ประตูเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า“ฆ่าคนแล้ว ช่วยด้วย!” สตรีนางนี้ร้องเสียงดัง หวังว่าจะดึงดู
บ่าวรับใช้เริ่มหวาดกลัวในที่สุด เขาร้องวิงวอนขอความเมตตาด้วยเสียงแหบแห้ง“แม่นางปล่อยข้าไปเถิด ข้าเองก็ทำตามคำสั่งของเจ้านาย”“พวกเขาสั่งให้ข้าปลอมเป็นผีมาหลอก ข้าจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง”“นี่ไม่ใช่เจตนาที่แท้จริงของข้าแต่อย่างใด”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น ไม่ได้เอาท่อนไม้ออกแต่อย่างใด“เจ้านายเจ้าสั่งแค่ให้หลอกผีอย่างเดียว ไม่ได้สั่งอะไรอย่างอื่นหรือ?”นางไม่มีทางเชื่อคำพูดของเขาหากเรื่องราวมันง่ายขนาดนั้นจริงก็คงไม่ใช่บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งแล้วนางจำสายตาที่พ่อแม่สามีอวี้เฟิ่งหันมามองพวกนางก่อนจากไปได้เป็นอย่างดีสายตานั้นโหดเหี้ยมอำมหิต ประหนึ่งอยากจะถลกหนังแล้วกินนางกับฉู่จวินสิงเป็นๆบ่าวรับใช้เห็นเจี่ยนอันอันไม่เชื่อที่ตัวเองพูดก็กัดฟันยอมพูดความจริงในที่สุด“นอกจากการปลอมเป็นผีมาหลอกชาวบ้านแล้ว เจ้านายของข้ายังส่งบ่าวรับคนอื่นๆ ไปสร้างปัญหาที่บ้านพวกเจ้าเช่นกัน”“เวลานี้พวกเขาน่าจะอยู่ที่บ้านพวกเจ้าแล้วล่ะ”เจี่ยนอันอันสังหรณ์ใจไม่ดีนางไม่ได้กลัวอย่างอื่น ห่วงก็แต่เสบียงอาหารกับพืชผักพวกนั้นหากถูกบ่าวรับใช้จุดไฟเผา พวกนางคงไม่เหลืออาหารให้กินเจี่ยนอันอันพูดกับฉู่
บรรดาบ่าวรับใช้คิดไม่ถึงว่าตัวเองจะต้องมีจุดจบเช่นนี้พวกเขาไม่เพียงแต่ถูกโซ่เหล็กล่ามไว้เหมือนสุนัข ตอนนี้แม้แต่จะเดินก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำฉู่จวินหลุนเคลื่อนรถเข็นมาหาฉู่จวินสิงเขาถามด้วยความสงสัย “พวกเจ้าสองคนออกไปตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่จวินสิงตอบเสียงทุ้ม “เพิ่งออกไปได้ไม่นานก็เจอพวกเขาปลอมเป็นผีไปหลอกชาวบ้าน”ฉู่จวินหลุนได้ยินดังนี้ก็เข้าใจ มิน่าเล่า พวกเขาถึงได้กลับมาทันเวลาดูแล้วน่าจะทราบเรื่องที่มีคนมาหาเรื่องที่นี่จากทางบ้านที่มีคนหลอกผี“จะทำอย่างไรกับพวกเขา จะฆ่าหรือไม่?” ฉู่อันเจ๋อจับโซ่ไว้แน่นและเงยหน้ามองฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงมองว่าอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่จวนเยียนอ๋อง จะฆ่าคนตามใจชอบไม่ได้แต่จะให้ส่งตัวกลับไปให้บ้านแม่สามีอวี้เฟิ่งก็ดูจะสบายเกินไปหน่อย“พาพวกเขาไปขังที่ห้องใต้ดินก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยพาไปให้พี่เซิ่งจัดการที่ที่ว่าการอำเภอ”ทั้งสามคนเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิงพวกเขาคุมตัวพวกบ่าวรับใช้ไปที่ห้องใต้ดินเจี่ยนอันอันบังคับให้พวกเขากินยาพิษนางเตือนว่า “ทำตัวดีๆ หากกล้าเดินออกไปแม้แต่ก้าวเดียว พวกเจ้าได้ตายเพราะพิษกำเริบแน่”ก่อนออกไป นางหันกลับไปพ
ฉู่จวินสิงรู้อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขากำลังรอดูว่าเจี่ยนอันอันจะข้ามมาฝั่งตัวเองเมื่อไรขณะที่ฉู่จวินสิงนับถึงสิบในใจ เจี่ยนอันอันก็ขยับตัวนางเลิกผ้าห่มขึ้นแล้วเริ่มขยับมาฝั่งทางฉู่จวินสิงรอยยิ้มมุมปากของฉู่จวินสิงยกโค้งหนักกว่าเดิมท่านอนที่อยู่ไม่สุขของเจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงมองว่าเป็นอะไรที่น่ารักมากเจี่ยนอันอันขยับเพียงครู่หนึ่งก็นิ่งไป มือของนางเริ่มคลำไปทางซ้ายขวา ไม่รู้ว่ากำลังคลำหาอะไรไม่นาน เจี่ยนอันอันก็พึมพำว่า “เหตุใดจึงร้อนเช่นนี้ พัดใบตองของข้าอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงฟังถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะ ‘พรืด’ ออกมาไม่ได้แต่เขาเพิ่งจะหัวเราะก็ได้ยินเจี่ยนอันอันดุว่า “นี่ เจ้าลิงบ้า ขืนยังหัวเราะอีก ข้าจะหักฟันเจ้าเสีย!”ฉู่จวินสิงส่ายหน้ายิ้มๆ เขาขยับเข้าไปใกล้เล็กน้อยและดึงเจี่ยนอันอันมาไว้ในอ้อมกอดศีรษะของเจี่ยนอันอันหนุนบนแขนฉู่จวินสิง นางพลิกตัวมาวางมือและเท้าบนตัวของฉู่จวินสิงนางพึมพำเสียงเบา “เจ้าวัวเฒ่าบ้านข้านี่แหละดีที่สุด รู้สึกดูแลเอาใจใส่ ไม่เหมือนเจ้าลิงบ้าที่ชอบหัวเราะ”เจี่ยนอันอันพูดจบก็กอดฉู่จวินสิงหลับไปอย่างสงบฉู่จวินสิงห่มผ้าลงบนตัวทั้งสอ
เจี่ยนอันอันลงจากเตียงด้วยความโมโหแล้วเดินไปทางประตูฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันเดินออกไปก็พลิกตัวลงจากเตียงเช่นกันเวลานี้บรรดาสาวใช้กำลังหุงหาอาหาร ส่วนสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ ก็ออกมานั่งตากลมเย็นข้างนอกอากาศวันนี้มีสายลมพัดคลอเบาๆ ไม่ได้ร้อนอบอ้าวเหมือนที่ผ่านมาเจี่ยนอันอันไปที่โรงเก็บของด้านหลัง นางลงไปที่ชั้นใต้ดิน เห็นว่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านในกำลังนอนกันเกลื่อนกลาดพวกเขาพากันลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงครั้นเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอันก็ลุกขึ้นนั่งทันทีเมื่อคืนนี้พวกเขาต่างก็เป็นกังวลกับเรื่องที่ตัวเองจะถูกตัดหัวคิดไว้ว่าหากได้เจอเจี่ยนอันอันแล้วจะขอร้องนางให้ปล่อยพวกเขาไปบ่าวรับใช้ที่อาวุโสมากที่สุดเข้ามาคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันทันทีที่เห็นนาง“แม่นาง พวกข้าสำนึกผิดไปแล้ว แม่นางโปรดเมตตาปล่อยพวกข้าไปเถิด”บ่าวรับใช้คนอื่นๆ คุกเข่าวิงวอนขอให้เจี่ยนอันอันปล่อยตัวเองไปเช่นกันเจี่ยนอันอันแสยะยิ้มพลางว่า “มาขอร้องเอาป่านนี้ ก่อนหน้านี้มัวทำอะไรอยู่”“พวกเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ของบ้านแม่สามีอวี้เฟิ่ง คอยช่วยพวกเขาก่อกรรมทำชั่ว”“หากข้าปล่อยพวกเจ้าไป เกรงว่าสวรรค์คงไม่ยินยอม”
พวกบ่าวรับใช้คุกเข่าดัง ‘ตุบ’“ใต้เท้าให้พวกข้าไปห้องปลดทุกข์เถิด พวกข้าจะไม่ไหวกันแล้ว”“พวกข้าจะไม่หนีแน่นอน แค่อยากปลดทุกข์ประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น”พวกบ่าวรับใช้พากันอ้อนวอน ทว่าฉู่จวินสิงยังคงไม่ไหวติงตอนนี้พวกเขามีความคิดถึงขั้นว่าอยากตายเจี่ยนอันอันไม่อยากได้กลิ่นเหม็นระหว่างทานอาหารซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารนางพูดกับพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาพวกเขาไปปลดทุกข์เถิด”พ่อบ้านหลิวขานตอบว่า “ขอรับ” จากนั้นลากโซ่พาพวกบ่าวรับใช้ไปปลดทุกข์พวกบ่าวรับใช้ลุกขึ้นขอบคุณเจี่ยนอันอันซ้ำไปมาเจี่ยนอันอันปัดมือด้วยความรำคาญ ไม่อยากสนใจพวกเขาอีกกระทั่งทุกคนกินข้าวกันเสร็จ พ่อบ้านหลิวถึงค่อยพาพวกบ่าวรับใช้เดินกลับมาพ่อบ้านหลิวมอบโซ่เหล็กให้ฉู่จวินสิง จากนั้นแยกตัวไปกินข้าวที่โต๊ะของบ่าวใช้คนเดียวเจี่ยนอันอันสังเกตเห็นว่าโต๊ะที่เขานั่งอยู่เหลือกับข้าวอยู่แค่นิดเดียวนางรู้สึกว่าคำแนะนำของตัวเองทำให้พ่อบ้านหลิวเสียเวลาเรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกผิด ด้วยเหตุนี้จึงซื้อเนื้อวัวเครื่องเทศชิ้นหนึ่งจากร้านค้าช่องมิติจากนั้นไปที่ห้องครัว หั่นเนื้อวัวให้เรียบร้อยแล้วยกมาให้พ่อบ้า
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”