ฉันรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวให้ตุลเหมือนเดิม ถึงจะสงสัยในตัวเขามาก ๆ ก็เถอะ แต่วันนี้คงไม่ได้กลับกรุงเทพแล้วแน่ ๆ “เมื่อวานก็ยังปกติทำไมวันนี้ถึงป่วย” ฉันถามออกไปตามตรง ตุลกรอกตามองดวงตาสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัว “เมื่อคืนนั่งตากน้ำค้างนอกบ้านจนเกือบเช้า แล้วอาบน้ำเย็น บอกแล้วว่าอาบน้ำเย็นไม่ได้ก็ไม่เชื่อ” คำตอบนั้นเหมือนจะกล่าวหาฉันเป็นนัย ๆ ด้วย ฉันขยับมาใกล้ ๆ ร่างที่นอนสั่นเทา ก่อนจะนั่งลงแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขา “ตัวร้อนขนาดนี้ควรไปหาหมอนะ” “ไม่มีรถ” เขาตอบเสียงแหบพร่า หรือว่าจะป่วยจริง ๆ ฉันคงมองในแง่ร้ายมากเกินไป “ไม่มีรถก็โทรบอกให้คนเอารถมาให้สิ”“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ”ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ปล่อยให้ช็อกตายไปเลยก็แล้วกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองแล้วกัน หายเมื่อไหร่ก็ไปส่งพี่ที่กรุงเทพด้วย”“… ลิล” ฉันรีบหันหลังกลับแล้วเดินเข้ามาในห้องเพราะไม่อยากมองใบหน้าและแววตาของเขานาน ๆ กลัวจะใจอ่อน แต่พอเข้ามาในห้องแล้วฉันกลับเอาแต่เป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ด้านนอก อากาศค่อนข้างเย็นที่นอนก็เป็นแค่โซฟาเฮ้อ!! ฉันไม่ได้ใจอ่อนสักหน่อย ก็แค่สงสารหรอก เข้ามาในห้องได้ไม่ถึ
Talk ตุล เหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่ผมจูบกับลิลและเธอดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เธอรีบหนีผมเข้าไปนอน มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่อยากเสียเธอไปมากขนาดไหน ผมไม่อยากพาเธอกลับกรุงเทพ อยากยื้อเวลาเอาไว้ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดว่าการง้อเมียมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดอีกครั้งเพราะอยากยื้อเวลาให้เธอที่นี่ไปเรื่อย ๆ แผนของผมก็คือเข้าไปอาบน้ำเย็นในห้องน้ำและออกมานั่งตากน้ำค้างที่หน้าบ้าน พอตัวเริ่มแห้งก็เข้าห้องน้ำเอาน้ำราดตัวอีก อย่างที่เคยบอกว่าผมไม่ค่อยถูกกับน้ำเย็นเพราะปกติอาบน้ำอุ่น ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ตัวเองป่วย ถ้าผมไม่สบายก็จะสามารถยื้อเอาไว้ได้อีกหลายวัน ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ!! ผมมีอาการตัวร้อนปวดหัวหนักตัวลุกไม่ขึ้น มันอาจจะแลกมาด้วยความทรมาน สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการป่วย เพราะผมไม่ชอบให้ตัวเองอ่อนแอ แต่ป่วยมันก็ดีไปอีกแบบเพราะผมสามารถอ้อนเมียได้ ตอนนี้ผมกำลังมองลิลที่กำลังเช็ดตัวให้ แววตาของเธอบ่งบอกว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน แต่เธอใจแข็งไม่ยอมให้อภัยผมสักที “มือเบาจัง” ผมบอกเสียงแหบพร่าแล้วยิ้มจาง ๆ แต่ถูกสายตาของคนตัวเล็กมองค้อนกลับมา “ต้องแก้ผ้าหรือเปล่า จะได
#กรุงเทพฉันมาส่งตุลที่อู่ ตอนแรกจะไปส่งเขาที่บ้านแต่เจ้าตัวไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลก็ดื้อรั้นงอแงไม่ยอมไป เหนื่อยใจกับเขามากจริง ๆ “มีอะไรก็โทรหากันนะไม่ต้องโทรหาพี่” ฉันพูดทิ้งท้ายเมื่อมาส่งเขาภายในห้องแล้ว “จะไปไหนมันดึกแล้วเดี๋ยวค่อยกลับบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ได้” “จะไปคลับ” ฉันตอบปัด ๆ ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนตุลก็รั้งแขนเอาไว้ อีกแล้ว!! เขาใช้สายตาละห้อยมองฉันอีกแล้ว “ไม่อยากให้ไป” ตุลบอกเสียงเบา ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนเด็กมากจริง ๆ “พี่จะไปหาเฮีย”“ไม่อยากให้ไปจริง ๆ นะ” เขายังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันตัดสินใจจะให้โอกาสแก้ตัวก็เลยงอแง ฉันเองก็คิด ๆ อยู่ว่าจะเอาแบบไหนดี ยังไม่ตัดสินใจซะทีเดียว “ขอนอนตักได้ไหม”“อย่าเรื่องเยอะ”“ไม่ได้เรื่องเยอะ ขอดี ๆ” ถึงปากจะบ่นแต่สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงแล้วตุลก็ค่อย ๆ ขยับศีรษะมาวางบนตักของฉัน “นิ่มกว่าหมอนอีก”“เดี๋ยวนี้หัดพูดเอาใจเก่งนะ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้”“ไม่ใช่คนชอบพูดอะไรเลี่ยน ๆ น่าจะรู้” “แล้วทำไมถึงพูดได้ล่ะ”“เมียจะทิ้ง” คำตอบของเขายังตรงไปตรงมาเหมือนเดิม แต่ทีไอ้เรื่องที่อยากให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเขากลับลัง
สรุปแล้วฉันก็ต้องโทรไปยกเลิกนัดกับเฮียเพราะตุลไม่ยอมปล่อยให้ออกมาจากห้อง และฉันก็ต้องอยู่กับเขาจนถึงเช้า เช้านี้อาการป่วยของตุลดีขึ้นตัวเขาไม่ร้อนผ่าวมากแบบก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะร่างกายแข็งแรงเลยฟื้นตัวได้เร็วฉันตื่นก่อนคิดว่าจะทำอาหารไว้ให้แล้วกลับบ้าน แต่ที่อู่ไม่มีเครื่องปรุงหรือข้าวเอาไว้ทำอาหารเลย ฉันจึงต้องสั่งข้าวต้มแบบออนไลน์มาให้แทน “พี่สั่งข้าวต้มมาไว้ให้นะ” ฉันเอาถุงวางไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว พี่บอกให้คนขับรถมารับแล้ว” พอได้ยินว่าจะกลับบ้านตุลที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำหน้างอทันที “เช้าอยู่เลยทำไมถึงรีบกลับ”“ถ้าอยากให้อภัยเร็ว ๆ ก็อย่าทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้” ฉันดุเขา เดี๋ยวนี้เขาทำนิสัยอย่างกับเด็กไปซะทุกเรื่อง “อืม แล้วจะโทรมาใช่ไหม?” เสียงที่ถามฟังดูแล้วมันทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดยังไงชอบกล ไม่รู้ว่าจะดึงดราม่าเพื่ออะไร ฉันก็แค่กลับบ้านโอกาสเขาก็ได้ไปแล้วแท้ ๆ “เดี๋ยวพี่แชตบอกแล้วกัน”“โทรมาไม่ได้เหรอ” “ตุล! อย่างอแงได้ไหมมันน่ารำคาญนะ” “พูดมาดิว่าจะโทร”“อื้อ ๆ โทรก็โทร กลับก่อนแล้วกัน” ฉันเดินออกมาจากอู่เพื่อมาขึ้นรถเพราะคนขับรถจอดรอสักพั
ฉันนั่งหน้าบึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่บนตักแกร่งของตุลตอนนี้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บรรยากาศก็เริ่มอึดอัด “พี่อยากเต้น” “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะให้เต้น” เขาคงจะมีปัญหากับชุดที่ฉันใส่มากจริง ๆ “ยุ่ง!! เป็นแค่คนที่ได้โอกาส ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”“อย่าลืมนะว่าหมั้นกันแล้ว” “จำได้หรือเปล่าที่พ่อพี่บอกน่ะ” ตุลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาปรับอารมณ์แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดเฉยเลย “อยากไปเที่ยวไหนไหมพรุ่งนี้” คนที่เอาแต่กอดฉันเอาไว้เอ่ยถามขึ้นมา “จะพาไปหรือไง” “บอกมา จะพาไปทุกที่”“ให้ตัวเองหายป่วยก่อนเถอะแล้วค่อยถาม”“อยากได้เมียคนเดิมกลับมาเร็ว ๆ ป่วยอยู่ก็ต้องรีบทำคะแนน”“ปล่อย พี่จะกลับแล้ว” ครั้งนี้ตุลยอมปล่อย พอฉันลุกขึ้นเขาก็ลุกขึ้นตามด้วย “ไปส่งที่อู่ด้วยได้ไหม ให้ไอ้กันมาส่งไม่ได้ขับรถมาเอง” “ก็ให้กันมารับสิ ไม่ได้ขอให้มาสักหน่อย” “ลิล” เขาเรียกชื่อฉันพร้อมกับแสดงสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง จะให้ใจอ่อนละสิ ก็นั่นแหละ ฉันใจอ่อน!“คราวหน้าจะไปไหนก็ขับรถตัวเอง จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่น” พูดจบฉันก็เดินนำออกมาจากคลับโดยไม่ได้เช็กบิลล์ เพราะเดี๋ยวเฮียจะเคลียร์เองเพราะที่นี่คือคลับของพี่ช
เช้าลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอตุลแล้วแต่มีกุหลาบช่อโตวางไว้ข้าง ๆ แทน เมื่อได้เห็นกุหลาบใบหน้าของฉันก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกนั่งแล้วจับช่อกุหลาบขึ้นมาใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกินเลยระหว่างเราสองคน ฉันรู้ดีกว่าตุลต้องอดทนกับความต้องการของตัวเองขนาดไหน เพราะไอ้ตรงนั้นของเขามันแข็งตัวตลอดเวลา “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่เอ่ยทักขึ้นมาอย่างสดใสทำให้ฉันที่กำลังเชยชมกุหลาบช่องามในมือรีบวางมันลง แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ตุลกำลังอมยิ้มอยู่ “พี่ต้องกลับบ้านแล้ว” ฉันขยับตัวมานั่งปลายเตียงเตรียมจะลุกขึ้น“หายป่วยแล้วนะ” ไม่พูดเปล่าตุลเดินมาตรงหน้าแล้วนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะจับมือฉันมาวางบนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงให้ลากผ่านพวงแก้มและมาหยุดที่ซอกคอตัวเขาไม่ร้อนแล้วจริง ๆ สีหน้าก็ดูสดใสขึ้น คนอะไรป่วยแค่ไม่กี่วัน “หายป่วยแล้วยังไง” “อยากไปไหนจะพาไปทุกที่เลย” แววตาของเขาเป็นประกายทุกครั้งที่มองหน้าฉัน“ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังไม่มีที่ที่อยากไป” “ต่างประเทศไหม?” “เบื่อต่างประเทศแล้ว” “ต่างจังหวัด”“เราเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดนะ” “ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไป
อุตส่าห์ขู่ว่ายังไม่ให้อภัย แต่คนที่อายุน้อยกว่าก็ไม่ฟัง เขาอุ้มฉันเข้ามาในห้องแล้ววางลงบนเตียง ก่อนจะหันหลังเดินไปล็อกประตู “นี่เหรอที่สัญญากับพี่ว่าจะอดทน” สิ้นเสียงของฉันตุลก็พูดสวนกลับมา “แล้วใครเป็นคนพูดให้หมดความอดทนก่อน” “พี่ไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นรึไง” “ให้โอกาสแต่ไม่ให้อภัย แล้วจะให้อยู่แบบไม่มีสถานะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใครมันจะทนได้ถามจริง” “ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนสิ ก็บอกว่าพูดเล่นจะจริงจังทำไม” “แล้วถ้าพูดแบบนั้นบ้างล่ะ จะโกรธไหม” “พี่ว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เอาไว้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยคุยดีกว่านะ” ฉันลุกขึ้นจากเตียง ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินก็ถูกผลักให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง “ไม่ให้กลับ” “เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น จากนั้นก็คร่อมมาบนตัวของฉัน “จะให้อภัยได้หรือยัง?” “ไม่! ถ้าคิดจะทำแบบนี้ก็อย่าหวังว่าพี่จะให้อภัย” ฉันเมินหน้าหนี มันหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ใจและคิดจะทำเรื่องบนเตียงทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ อุตส่าห์ตอนเช้าอารมณ์ดีแล้วแท้ ๆ เชียว จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด ปกติตุลเถียงตอบกลับแต่ครั้งนี้เขาเงียบ ก่อนจะรู้สึกเ
ฉันดีดตัวลุกขึ้นแล้วจ้องตุลเขม็งเมื่อรู้ว่าไอ้บทพูดเศร้า ๆ กับดวงตาแดงก่ำเมื่อครู่ เป็นเพียงแค่การแสดงละครของเขา อุตส่าห์เชื่อสนิทใจ ตอนนี้อยากจะทุบเขาแรง ๆ “ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไรจะยอมพูดว่าให้อภัย”“มันสมควรหรือไง”“สมควรสิเมียจ๋า ^_^”“ไม่ต้องมาเรียกเมีย พี่จะกลับบ้าน!!” ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นตุลก็รั้งแขนเอาไว้ก่อน เขายิ้มแก้มแทบแตกต่างกับฉันที่กำลังหงุดหงิดเพราะโดนหลอก “เมื่อกี้ใครพูดว่าให้อภัย”“คำพูดเป็นโมฆะเพราะถ้ารู้ว่าเป็นแค่การแสดงพี่ไม่… อื้อ~” ริมฝีปากของฉันถูกปิดไม่ให้พูดโดยริมฝีปากของตุล ฉันใช้มือทุบแผงอกแกร่งเพื่อให้เขาหยุด แต่การทำแบบนั้นเขายิ่งจูบหนักขึ้น จากที่ใช้มือทุบ ๆ เรี่ยวแรงมันก็ไม่มีและหยุดนิ่งไปในที่สุด ตุลค่อย ๆ ดันตัวของฉันให้นอนราบลงมาบนเตียง พร้อมกับตัวของเขาที่ขึ้นมาคร่อมเอาไว้ด้านบน ก่อนที่ริมฝีปากจะผละออกไป “ยอมรับความจริงได้สักทีว่าให้อภัยผัวเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว” เขาพูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไร และมันก็เป็นความจริงฉันให้อภัยเขามานานแล้ว แค่รู้สึกสับสนกับตัวเองและอยากให้เขาแสดงความจริงใจมากกว่านี้ให้เห็น “พี่โกรธอยู่” “เลิกโกรธได้แล้ว เอาแต่โ
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ