Talk ตุล เหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่ผมจูบกับลิลและเธอดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เธอรีบหนีผมเข้าไปนอน มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่อยากเสียเธอไปมากขนาดไหน ผมไม่อยากพาเธอกลับกรุงเทพ อยากยื้อเวลาเอาไว้ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดว่าการง้อเมียมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดอีกครั้งเพราะอยากยื้อเวลาให้เธอที่นี่ไปเรื่อย ๆ แผนของผมก็คือเข้าไปอาบน้ำเย็นในห้องน้ำและออกมานั่งตากน้ำค้างที่หน้าบ้าน พอตัวเริ่มแห้งก็เข้าห้องน้ำเอาน้ำราดตัวอีก อย่างที่เคยบอกว่าผมไม่ค่อยถูกกับน้ำเย็นเพราะปกติอาบน้ำอุ่น ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ตัวเองป่วย ถ้าผมไม่สบายก็จะสามารถยื้อเอาไว้ได้อีกหลายวัน ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ!! ผมมีอาการตัวร้อนปวดหัวหนักตัวลุกไม่ขึ้น มันอาจจะแลกมาด้วยความทรมาน สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการป่วย เพราะผมไม่ชอบให้ตัวเองอ่อนแอ แต่ป่วยมันก็ดีไปอีกแบบเพราะผมสามารถอ้อนเมียได้ ตอนนี้ผมกำลังมองลิลที่กำลังเช็ดตัวให้ แววตาของเธอบ่งบอกว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน แต่เธอใจแข็งไม่ยอมให้อภัยผมสักที “มือเบาจัง” ผมบอกเสียงแหบพร่าแล้วยิ้มจาง ๆ แต่ถูกสายตาของคนตัวเล็กมองค้อนกลับมา “ต้องแก้ผ้าหรือเปล่า จะได
#กรุงเทพฉันมาส่งตุลที่อู่ ตอนแรกจะไปส่งเขาที่บ้านแต่เจ้าตัวไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลก็ดื้อรั้นงอแงไม่ยอมไป เหนื่อยใจกับเขามากจริง ๆ “มีอะไรก็โทรหากันนะไม่ต้องโทรหาพี่” ฉันพูดทิ้งท้ายเมื่อมาส่งเขาภายในห้องแล้ว “จะไปไหนมันดึกแล้วเดี๋ยวค่อยกลับบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ได้” “จะไปคลับ” ฉันตอบปัด ๆ ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนตุลก็รั้งแขนเอาไว้ อีกแล้ว!! เขาใช้สายตาละห้อยมองฉันอีกแล้ว “ไม่อยากให้ไป” ตุลบอกเสียงเบา ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนเด็กมากจริง ๆ “พี่จะไปหาเฮีย”“ไม่อยากให้ไปจริง ๆ นะ” เขายังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันตัดสินใจจะให้โอกาสแก้ตัวก็เลยงอแง ฉันเองก็คิด ๆ อยู่ว่าจะเอาแบบไหนดี ยังไม่ตัดสินใจซะทีเดียว “ขอนอนตักได้ไหม”“อย่าเรื่องเยอะ”“ไม่ได้เรื่องเยอะ ขอดี ๆ” ถึงปากจะบ่นแต่สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงแล้วตุลก็ค่อย ๆ ขยับศีรษะมาวางบนตักของฉัน “นิ่มกว่าหมอนอีก”“เดี๋ยวนี้หัดพูดเอาใจเก่งนะ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้”“ไม่ใช่คนชอบพูดอะไรเลี่ยน ๆ น่าจะรู้” “แล้วทำไมถึงพูดได้ล่ะ”“เมียจะทิ้ง” คำตอบของเขายังตรงไปตรงมาเหมือนเดิม แต่ทีไอ้เรื่องที่อยากให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเขากลับลัง
สรุปแล้วฉันก็ต้องโทรไปยกเลิกนัดกับเฮียเพราะตุลไม่ยอมปล่อยให้ออกมาจากห้อง และฉันก็ต้องอยู่กับเขาจนถึงเช้า เช้านี้อาการป่วยของตุลดีขึ้นตัวเขาไม่ร้อนผ่าวมากแบบก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะร่างกายแข็งแรงเลยฟื้นตัวได้เร็วฉันตื่นก่อนคิดว่าจะทำอาหารไว้ให้แล้วกลับบ้าน แต่ที่อู่ไม่มีเครื่องปรุงหรือข้าวเอาไว้ทำอาหารเลย ฉันจึงต้องสั่งข้าวต้มแบบออนไลน์มาให้แทน “พี่สั่งข้าวต้มมาไว้ให้นะ” ฉันเอาถุงวางไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว พี่บอกให้คนขับรถมารับแล้ว” พอได้ยินว่าจะกลับบ้านตุลที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำหน้างอทันที “เช้าอยู่เลยทำไมถึงรีบกลับ”“ถ้าอยากให้อภัยเร็ว ๆ ก็อย่าทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้” ฉันดุเขา เดี๋ยวนี้เขาทำนิสัยอย่างกับเด็กไปซะทุกเรื่อง “อืม แล้วจะโทรมาใช่ไหม?” เสียงที่ถามฟังดูแล้วมันทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดยังไงชอบกล ไม่รู้ว่าจะดึงดราม่าเพื่ออะไร ฉันก็แค่กลับบ้านโอกาสเขาก็ได้ไปแล้วแท้ ๆ “เดี๋ยวพี่แชตบอกแล้วกัน”“โทรมาไม่ได้เหรอ” “ตุล! อย่างอแงได้ไหมมันน่ารำคาญนะ” “พูดมาดิว่าจะโทร”“อื้อ ๆ โทรก็โทร กลับก่อนแล้วกัน” ฉันเดินออกมาจากอู่เพื่อมาขึ้นรถเพราะคนขับรถจอดรอสักพั
ฉันนั่งหน้าบึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่บนตักแกร่งของตุลตอนนี้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บรรยากาศก็เริ่มอึดอัด “พี่อยากเต้น” “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะให้เต้น” เขาคงจะมีปัญหากับชุดที่ฉันใส่มากจริง ๆ “ยุ่ง!! เป็นแค่คนที่ได้โอกาส ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”“อย่าลืมนะว่าหมั้นกันแล้ว” “จำได้หรือเปล่าที่พ่อพี่บอกน่ะ” ตุลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาปรับอารมณ์แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดเฉยเลย “อยากไปเที่ยวไหนไหมพรุ่งนี้” คนที่เอาแต่กอดฉันเอาไว้เอ่ยถามขึ้นมา “จะพาไปหรือไง” “บอกมา จะพาไปทุกที่”“ให้ตัวเองหายป่วยก่อนเถอะแล้วค่อยถาม”“อยากได้เมียคนเดิมกลับมาเร็ว ๆ ป่วยอยู่ก็ต้องรีบทำคะแนน”“ปล่อย พี่จะกลับแล้ว” ครั้งนี้ตุลยอมปล่อย พอฉันลุกขึ้นเขาก็ลุกขึ้นตามด้วย “ไปส่งที่อู่ด้วยได้ไหม ให้ไอ้กันมาส่งไม่ได้ขับรถมาเอง” “ก็ให้กันมารับสิ ไม่ได้ขอให้มาสักหน่อย” “ลิล” เขาเรียกชื่อฉันพร้อมกับแสดงสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง จะให้ใจอ่อนละสิ ก็นั่นแหละ ฉันใจอ่อน!“คราวหน้าจะไปไหนก็ขับรถตัวเอง จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่น” พูดจบฉันก็เดินนำออกมาจากคลับโดยไม่ได้เช็กบิลล์ เพราะเดี๋ยวเฮียจะเคลียร์เองเพราะที่นี่คือคลับของพี่ช
เช้าลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอตุลแล้วแต่มีกุหลาบช่อโตวางไว้ข้าง ๆ แทน เมื่อได้เห็นกุหลาบใบหน้าของฉันก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกนั่งแล้วจับช่อกุหลาบขึ้นมาใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกินเลยระหว่างเราสองคน ฉันรู้ดีกว่าตุลต้องอดทนกับความต้องการของตัวเองขนาดไหน เพราะไอ้ตรงนั้นของเขามันแข็งตัวตลอดเวลา “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่เอ่ยทักขึ้นมาอย่างสดใสทำให้ฉันที่กำลังเชยชมกุหลาบช่องามในมือรีบวางมันลง แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ตุลกำลังอมยิ้มอยู่ “พี่ต้องกลับบ้านแล้ว” ฉันขยับตัวมานั่งปลายเตียงเตรียมจะลุกขึ้น“หายป่วยแล้วนะ” ไม่พูดเปล่าตุลเดินมาตรงหน้าแล้วนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะจับมือฉันมาวางบนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงให้ลากผ่านพวงแก้มและมาหยุดที่ซอกคอตัวเขาไม่ร้อนแล้วจริง ๆ สีหน้าก็ดูสดใสขึ้น คนอะไรป่วยแค่ไม่กี่วัน “หายป่วยแล้วยังไง” “อยากไปไหนจะพาไปทุกที่เลย” แววตาของเขาเป็นประกายทุกครั้งที่มองหน้าฉัน“ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังไม่มีที่ที่อยากไป” “ต่างประเทศไหม?” “เบื่อต่างประเทศแล้ว” “ต่างจังหวัด”“เราเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดนะ” “ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไป
อุตส่าห์ขู่ว่ายังไม่ให้อภัย แต่คนที่อายุน้อยกว่าก็ไม่ฟัง เขาอุ้มฉันเข้ามาในห้องแล้ววางลงบนเตียง ก่อนจะหันหลังเดินไปล็อกประตู “นี่เหรอที่สัญญากับพี่ว่าจะอดทน” สิ้นเสียงของฉันตุลก็พูดสวนกลับมา “แล้วใครเป็นคนพูดให้หมดความอดทนก่อน” “พี่ไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นรึไง” “ให้โอกาสแต่ไม่ให้อภัย แล้วจะให้อยู่แบบไม่มีสถานะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใครมันจะทนได้ถามจริง” “ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนสิ ก็บอกว่าพูดเล่นจะจริงจังทำไม” “แล้วถ้าพูดแบบนั้นบ้างล่ะ จะโกรธไหม” “พี่ว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เอาไว้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยคุยดีกว่านะ” ฉันลุกขึ้นจากเตียง ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินก็ถูกผลักให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง “ไม่ให้กลับ” “เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น จากนั้นก็คร่อมมาบนตัวของฉัน “จะให้อภัยได้หรือยัง?” “ไม่! ถ้าคิดจะทำแบบนี้ก็อย่าหวังว่าพี่จะให้อภัย” ฉันเมินหน้าหนี มันหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ใจและคิดจะทำเรื่องบนเตียงทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ อุตส่าห์ตอนเช้าอารมณ์ดีแล้วแท้ ๆ เชียว จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด ปกติตุลเถียงตอบกลับแต่ครั้งนี้เขาเงียบ ก่อนจะรู้สึกเ
ฉันดีดตัวลุกขึ้นแล้วจ้องตุลเขม็งเมื่อรู้ว่าไอ้บทพูดเศร้า ๆ กับดวงตาแดงก่ำเมื่อครู่ เป็นเพียงแค่การแสดงละครของเขา อุตส่าห์เชื่อสนิทใจ ตอนนี้อยากจะทุบเขาแรง ๆ “ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไรจะยอมพูดว่าให้อภัย”“มันสมควรหรือไง”“สมควรสิเมียจ๋า ^_^”“ไม่ต้องมาเรียกเมีย พี่จะกลับบ้าน!!” ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นตุลก็รั้งแขนเอาไว้ก่อน เขายิ้มแก้มแทบแตกต่างกับฉันที่กำลังหงุดหงิดเพราะโดนหลอก “เมื่อกี้ใครพูดว่าให้อภัย”“คำพูดเป็นโมฆะเพราะถ้ารู้ว่าเป็นแค่การแสดงพี่ไม่… อื้อ~” ริมฝีปากของฉันถูกปิดไม่ให้พูดโดยริมฝีปากของตุล ฉันใช้มือทุบแผงอกแกร่งเพื่อให้เขาหยุด แต่การทำแบบนั้นเขายิ่งจูบหนักขึ้น จากที่ใช้มือทุบ ๆ เรี่ยวแรงมันก็ไม่มีและหยุดนิ่งไปในที่สุด ตุลค่อย ๆ ดันตัวของฉันให้นอนราบลงมาบนเตียง พร้อมกับตัวของเขาที่ขึ้นมาคร่อมเอาไว้ด้านบน ก่อนที่ริมฝีปากจะผละออกไป “ยอมรับความจริงได้สักทีว่าให้อภัยผัวเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว” เขาพูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไร และมันก็เป็นความจริงฉันให้อภัยเขามานานแล้ว แค่รู้สึกสับสนกับตัวเองและอยากให้เขาแสดงความจริงใจมากกว่านี้ให้เห็น “พี่โกรธอยู่” “เลิกโกรธได้แล้ว เอาแต่โ
เสื้อผ้าที่สวมใส่ของเราสองคนถูกถอดกระจัดกระจายเต็มพื้น เมื่อเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าตุลก็ใช้สายตาที่เป็นประกายสำรวจมองเรือนร่างของฉันจนทำให้รู้สึกเขินอาย “ม… มองนานเกินไปแล้วนะ” “อยากมองเมียนาน ๆ ไม่ได้เลยหรือไง”“พี่เขิน” แก้มฉันมันคงแดงไปหมดแล้วแน่ ๆ ตอนนี้ ตุลมองอีกครั้งแล้วพูดเสียงหวาน “สวยไปทั้งตัว” ร่างหนาโน้มลงมาจูบลงบนริมฝีปากของฉันแล้วค่อย ๆ ดูดเม้มเบา ๆ สลับกับแลกลิ้นกันไปมา ครู่หนึ่งตุลก็ผละจูบออก ก่อนที่จะขยับริมฝีปากมาตวัดเลียใบหูของฉันทำให้ขนลุกซู่อย่างเสียวซ่าน เขาค่อย ๆ ลากลิ้นสากตวัดเลียและขบเม้มไล่ลงมาบริเวณซอกคอ และต่ำลงมาเรื่อย ๆ หน้าอกสองเต้าถูกอุ้งปากที่ร้อนระอุครอบงำพร้อมทั้งฝ่ามือใหญ่เริ่มบีบเคล้นหนัก ๆ “อ๊า~” ฉันแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยและกระตุกเกร็งเพราะถูกลิ้นสากหยอกล้อที่เม็ดไตบนเนินหน้าอกอย่างชำนาญ“รู้สึกดีไหมครับ” เขาเอ่ยถามเสียงหวาน ทำเอาหัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นแรงเพราะคำถามนั้น“อื้อ~” เสียงครางเบา ๆ ในลำคอแทนคำตอบว่าตอนนี้รู้สึกดีขนาดไหนเมื่อหยอกล้อกับหน้าอกสองเต้าจนพอใจ ใบหน้าคมคายก็ค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ เรียวขาสองข้างถูกฝ่ามือใหญ่จับแ