สรุปแล้วฉันก็ต้องโทรไปยกเลิกนัดกับเฮียเพราะตุลไม่ยอมปล่อยให้ออกมาจากห้อง และฉันก็ต้องอยู่กับเขาจนถึงเช้า เช้านี้อาการป่วยของตุลดีขึ้นตัวเขาไม่ร้อนผ่าวมากแบบก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะร่างกายแข็งแรงเลยฟื้นตัวได้เร็วฉันตื่นก่อนคิดว่าจะทำอาหารไว้ให้แล้วกลับบ้าน แต่ที่อู่ไม่มีเครื่องปรุงหรือข้าวเอาไว้ทำอาหารเลย ฉันจึงต้องสั่งข้าวต้มแบบออนไลน์มาให้แทน “พี่สั่งข้าวต้มมาไว้ให้นะ” ฉันเอาถุงวางไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว พี่บอกให้คนขับรถมารับแล้ว” พอได้ยินว่าจะกลับบ้านตุลที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำหน้างอทันที “เช้าอยู่เลยทำไมถึงรีบกลับ”“ถ้าอยากให้อภัยเร็ว ๆ ก็อย่าทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้” ฉันดุเขา เดี๋ยวนี้เขาทำนิสัยอย่างกับเด็กไปซะทุกเรื่อง “อืม แล้วจะโทรมาใช่ไหม?” เสียงที่ถามฟังดูแล้วมันทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดยังไงชอบกล ไม่รู้ว่าจะดึงดราม่าเพื่ออะไร ฉันก็แค่กลับบ้านโอกาสเขาก็ได้ไปแล้วแท้ ๆ “เดี๋ยวพี่แชตบอกแล้วกัน”“โทรมาไม่ได้เหรอ” “ตุล! อย่างอแงได้ไหมมันน่ารำคาญนะ” “พูดมาดิว่าจะโทร”“อื้อ ๆ โทรก็โทร กลับก่อนแล้วกัน” ฉันเดินออกมาจากอู่เพื่อมาขึ้นรถเพราะคนขับรถจอดรอสักพั
ฉันนั่งหน้าบึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งอยู่บนตักแกร่งของตุลตอนนี้ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว บรรยากาศก็เริ่มอึดอัด “พี่อยากเต้น” “ไปเปลี่ยนชุดก่อนแล้วจะให้เต้น” เขาคงจะมีปัญหากับชุดที่ฉันใส่มากจริง ๆ “ยุ่ง!! เป็นแค่คนที่ได้โอกาส ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง”“อย่าลืมนะว่าหมั้นกันแล้ว” “จำได้หรือเปล่าที่พ่อพี่บอกน่ะ” ตุลเงียบไปครู่หนึ่ง เขาปรับอารมณ์แล้วก็เปลี่ยนเรื่องพูดเฉยเลย “อยากไปเที่ยวไหนไหมพรุ่งนี้” คนที่เอาแต่กอดฉันเอาไว้เอ่ยถามขึ้นมา “จะพาไปหรือไง” “บอกมา จะพาไปทุกที่”“ให้ตัวเองหายป่วยก่อนเถอะแล้วค่อยถาม”“อยากได้เมียคนเดิมกลับมาเร็ว ๆ ป่วยอยู่ก็ต้องรีบทำคะแนน”“ปล่อย พี่จะกลับแล้ว” ครั้งนี้ตุลยอมปล่อย พอฉันลุกขึ้นเขาก็ลุกขึ้นตามด้วย “ไปส่งที่อู่ด้วยได้ไหม ให้ไอ้กันมาส่งไม่ได้ขับรถมาเอง” “ก็ให้กันมารับสิ ไม่ได้ขอให้มาสักหน่อย” “ลิล” เขาเรียกชื่อฉันพร้อมกับแสดงสีหน้าแววตาที่เศร้าหมอง จะให้ใจอ่อนละสิ ก็นั่นแหละ ฉันใจอ่อน!“คราวหน้าจะไปไหนก็ขับรถตัวเอง จะได้ไม่ต้องลำบากคนอื่น” พูดจบฉันก็เดินนำออกมาจากคลับโดยไม่ได้เช็กบิลล์ เพราะเดี๋ยวเฮียจะเคลียร์เองเพราะที่นี่คือคลับของพี่ช
เช้าลืมตาตื่นขึ้นมาก็ไม่เจอตุลแล้วแต่มีกุหลาบช่อโตวางไว้ข้าง ๆ แทน เมื่อได้เห็นกุหลาบใบหน้าของฉันก็ค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะค่อย ๆ ลุกนั่งแล้วจับช่อกุหลาบขึ้นมาใช้จมูกสูดดมกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ เมื่อคืนไม่ได้มีอะไรเกินเลยระหว่างเราสองคน ฉันรู้ดีกว่าตุลต้องอดทนกับความต้องการของตัวเองขนาดไหน เพราะไอ้ตรงนั้นของเขามันแข็งตัวตลอดเวลา “ตื่นแล้วเหรอ” เสียงที่เอ่ยทักขึ้นมาอย่างสดใสทำให้ฉันที่กำลังเชยชมกุหลาบช่องามในมือรีบวางมันลง แต่คงไม่ทันเพราะตอนนี้ตุลกำลังอมยิ้มอยู่ “พี่ต้องกลับบ้านแล้ว” ฉันขยับตัวมานั่งปลายเตียงเตรียมจะลุกขึ้น“หายป่วยแล้วนะ” ไม่พูดเปล่าตุลเดินมาตรงหน้าแล้วนั่งคุกเข่าลง ก่อนจะจับมือฉันมาวางบนหน้าผากของตัวเอง จากนั้นก็ค่อย ๆ ดึงให้ลากผ่านพวงแก้มและมาหยุดที่ซอกคอตัวเขาไม่ร้อนแล้วจริง ๆ สีหน้าก็ดูสดใสขึ้น คนอะไรป่วยแค่ไม่กี่วัน “หายป่วยแล้วยังไง” “อยากไปไหนจะพาไปทุกที่เลย” แววตาของเขาเป็นประกายทุกครั้งที่มองหน้าฉัน“ไม่รู้สิ ตอนนี้ยังไม่มีที่ที่อยากไป” “ต่างประเทศไหม?” “เบื่อต่างประเทศแล้ว” “ต่างจังหวัด”“เราเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดนะ” “ถ้ายังไม่รู้ว่าจะไป
อุตส่าห์ขู่ว่ายังไม่ให้อภัย แต่คนที่อายุน้อยกว่าก็ไม่ฟัง เขาอุ้มฉันเข้ามาในห้องแล้ววางลงบนเตียง ก่อนจะหันหลังเดินไปล็อกประตู “นี่เหรอที่สัญญากับพี่ว่าจะอดทน” สิ้นเสียงของฉันตุลก็พูดสวนกลับมา “แล้วใครเป็นคนพูดให้หมดความอดทนก่อน” “พี่ไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นรึไง” “ให้โอกาสแต่ไม่ให้อภัย แล้วจะให้อยู่แบบไม่มีสถานะแบบนี้ไปเรื่อย ๆ ใครมันจะทนได้ถามจริง” “ทนไม่ได้ก็ไม่ต้องทนสิ ก็บอกว่าพูดเล่นจะจริงจังทำไม” “แล้วถ้าพูดแบบนั้นบ้างล่ะ จะโกรธไหม” “พี่ว่าคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้ว เอาไว้ใจเย็นกว่านี้แล้วค่อยคุยดีกว่านะ” ฉันลุกขึ้นจากเตียง ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาเดินก็ถูกผลักให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง “ไม่ให้กลับ” “เอาแต่ใจเกินไปแล้วนะ” ตุลพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อออกแล้วทิ้งลงพื้น จากนั้นก็คร่อมมาบนตัวของฉัน “จะให้อภัยได้หรือยัง?” “ไม่! ถ้าคิดจะทำแบบนี้ก็อย่าหวังว่าพี่จะให้อภัย” ฉันเมินหน้าหนี มันหงุดหงิดที่เขาเอาแต่ใจและคิดจะทำเรื่องบนเตียงทั้งที่ฉันไม่เต็มใจ อุตส่าห์ตอนเช้าอารมณ์ดีแล้วแท้ ๆ เชียว จู่ ๆ บรรยากาศก็เงียบสงัด ปกติตุลเถียงตอบกลับแต่ครั้งนี้เขาเงียบ ก่อนจะรู้สึกเ
ฉันดีดตัวลุกขึ้นแล้วจ้องตุลเขม็งเมื่อรู้ว่าไอ้บทพูดเศร้า ๆ กับดวงตาแดงก่ำเมื่อครู่ เป็นเพียงแค่การแสดงละครของเขา อุตส่าห์เชื่อสนิทใจ ตอนนี้อยากจะทุบเขาแรง ๆ “ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วเมื่อไรจะยอมพูดว่าให้อภัย”“มันสมควรหรือไง”“สมควรสิเมียจ๋า ^_^”“ไม่ต้องมาเรียกเมีย พี่จะกลับบ้าน!!” ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นตุลก็รั้งแขนเอาไว้ก่อน เขายิ้มแก้มแทบแตกต่างกับฉันที่กำลังหงุดหงิดเพราะโดนหลอก “เมื่อกี้ใครพูดว่าให้อภัย”“คำพูดเป็นโมฆะเพราะถ้ารู้ว่าเป็นแค่การแสดงพี่ไม่… อื้อ~” ริมฝีปากของฉันถูกปิดไม่ให้พูดโดยริมฝีปากของตุล ฉันใช้มือทุบแผงอกแกร่งเพื่อให้เขาหยุด แต่การทำแบบนั้นเขายิ่งจูบหนักขึ้น จากที่ใช้มือทุบ ๆ เรี่ยวแรงมันก็ไม่มีและหยุดนิ่งไปในที่สุด ตุลค่อย ๆ ดันตัวของฉันให้นอนราบลงมาบนเตียง พร้อมกับตัวของเขาที่ขึ้นมาคร่อมเอาไว้ด้านบน ก่อนที่ริมฝีปากจะผละออกไป “ยอมรับความจริงได้สักทีว่าให้อภัยผัวเด็กคนนี้ตั้งนานแล้ว” เขาพูดเหมือนรู้ว่าฉันคิดอะไร และมันก็เป็นความจริงฉันให้อภัยเขามานานแล้ว แค่รู้สึกสับสนกับตัวเองและอยากให้เขาแสดงความจริงใจมากกว่านี้ให้เห็น “พี่โกรธอยู่” “เลิกโกรธได้แล้ว เอาแต่โ
เสื้อผ้าที่สวมใส่ของเราสองคนถูกถอดกระจัดกระจายเต็มพื้น เมื่อเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่าตุลก็ใช้สายตาที่เป็นประกายสำรวจมองเรือนร่างของฉันจนทำให้รู้สึกเขินอาย “ม… มองนานเกินไปแล้วนะ” “อยากมองเมียนาน ๆ ไม่ได้เลยหรือไง”“พี่เขิน” แก้มฉันมันคงแดงไปหมดแล้วแน่ ๆ ตอนนี้ ตุลมองอีกครั้งแล้วพูดเสียงหวาน “สวยไปทั้งตัว” ร่างหนาโน้มลงมาจูบลงบนริมฝีปากของฉันแล้วค่อย ๆ ดูดเม้มเบา ๆ สลับกับแลกลิ้นกันไปมา ครู่หนึ่งตุลก็ผละจูบออก ก่อนที่จะขยับริมฝีปากมาตวัดเลียใบหูของฉันทำให้ขนลุกซู่อย่างเสียวซ่าน เขาค่อย ๆ ลากลิ้นสากตวัดเลียและขบเม้มไล่ลงมาบริเวณซอกคอ และต่ำลงมาเรื่อย ๆ หน้าอกสองเต้าถูกอุ้งปากที่ร้อนระอุครอบงำพร้อมทั้งฝ่ามือใหญ่เริ่มบีบเคล้นหนัก ๆ “อ๊า~” ฉันแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยและกระตุกเกร็งเพราะถูกลิ้นสากหยอกล้อที่เม็ดไตบนเนินหน้าอกอย่างชำนาญ“รู้สึกดีไหมครับ” เขาเอ่ยถามเสียงหวาน ทำเอาหัวใจดวงน้อยของฉันมันเต้นแรงเพราะคำถามนั้น“อื้อ~” เสียงครางเบา ๆ ในลำคอแทนคำตอบว่าตอนนี้รู้สึกดีขนาดไหนเมื่อหยอกล้อกับหน้าอกสองเต้าจนพอใจ ใบหน้าคมคายก็ค่อย ๆ เลื่อนต่ำลงมาเรื่อย ๆ เรียวขาสองข้างถูกฝ่ามือใหญ่จับแ
ในขณะที่ตกอยู่ในห้วงความฝันก็ถูกเสียงหวานทุ้มกระซิบพูดใกล้ ๆ หู จนต้องงัวเงียตื่นขึ้น“ขี้เซาจัง ตื่นได้แล้ว” “อื้อ~”“ลิลครับ ตื่นได้แล้วนะ” “อื้อ” ฉันปรือตาขึ้นเห็นตุลยิ้มกว้าง จึงตะแคงตัวหันมากอดเขาแล้วพูดเสียงออดอ้อน “เพิ่งได้นอนตอนเช้านี่เอง ขอนอนต่ออีกหน่อยไม่ได้เหรอ” “แต่นี่มันบ่ายสองแล้วนะ ตื่นได้แล้วขี้เซาขนาดนี้เดี๋ยวก็โดนปลุกแบบพิเศษ” “ปลุกแบบพิเศษยังไงเหรอ” ฉันเงยหน้ามองแฟนเด็กของตัวเองพร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดเป็นคำถาม ตุลไม่ตอบอะไร เขาประครองใบหน้าฉันให้เงยขึ้นก่อนจะก้มลงมาจูบที่ริมฝีปากอย่างนุ่มนวล “อื้อ~” พอถูกจูบครู่หนึ่งฉันก็ตั้งสติแล้วผลักเขาออก จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองไว้“ทำไม?” สายตาคมมองการกระทำของฉันพร้อมกับถามเสียงดุ “เมื่อคืนก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว เอากันถึงเช้าพอตื่นมาจะผลักไสอีกรึไง” “ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย” “ไม่ใช่แบบนั้นแล้วแบบไหน แค่จูบยังทำท่าทางรังเกียจ” สีหน้าของตุลในตอนนี้มันจริงจังเอามาก ๆ แต่อยากจะบอกว่ามันไม่มีอะไรทั้งนั้น เขาคิดไปเองทั้งหมด “พี่ไม่ได้รังเกียจ แต่เพิ่งตื่นไงน้ำก็ยังไม่ได้อาบ ฟันก็ยังไม่ได้แปรง จะมาจูบได้ไงเล่า” ฉันตอบแบ
สามวันต่อมา ฉันเพิ่งได้กลับบ้านวันนี้ เหตุผลเพราะถูกแฟนเด็กอ้อนให้นอนกับเขาและฉันมันก็เป็นคนขี้ใจอ่อน แต่วันนี้ต้องขอกลับเพราะสภาพร่างกายไม่ไหวแล้ว ตุลเล่นทำเรื่องอย่างว่าชนิดที่แทบไม่ให้ได้พักผ่อน ทั้งเช้ากลางวันเย็นลากยาวไปเกือบจะเช้าของอีกวัน ไม่รู้ว่าไปอดอยากมาจากไหน จริงๆ เขาก็ไม่อยากให้กลับเท่าไรหรอก แต่ฉันอ้อนจนเขายอมใจอ่อน “ไม่ยอมกลับบ้านเลยนะ” เฮียเดินสวนทางกับฉันที่กำลังเดินเข้าบ้านมาพอดี “จะออกไปข้างนอกเหรอเฮีย” “จะไปดูบ่อนกับโกดังสินค้าหน่อย ช่วงนี้ยุ่งกับงานที่บริษัทไม่มีเวลาไปเท่าไหร่” ฉันพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่เฮียบอกมา ฉันรู้ว่าเฮียทำธุรกิจสีเทาด้วยแต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรเพราะเข้าใจว่ามันคือธุรกิจและมันทำเงินให้ได้มหาศาล “เมื่อไรหนูจะเห็นหน้าพี่สะใภ้สักทีคะ รอนานแล้วนะ” ฉันแกล้ง ๆ ถามเฮียเล่น “ถ้าอยากเห็น ฝันเอาง่ายกว่า” เป็นคำตอบที่ทำให้ฉันสิ้นหวังจริง ๆ เฮียนะเฮีย ไม่ยอมมีใครสักที “ให้หนูหาให้ไหม หนูมีเพื่อนที่ต่างประเทศเยอะนะ เฮียชอบแบบไหน แบบเด็ก ๆ …” “เด็กจะเอามาให้ปวดหัวรึไง แล้วก็ไม่ต้องช่วยหาอย่าทำตัวเป็นแม่สื่อ” เฮียกดีดหน้าผากฉันเบา ๆ “ก็หนูอยากให้เฮีย