“พี่ใหญ่เหงื่อออกร้อนหรือกลัว”
“ใครกลัวตามฉันมา” คนปากเก่งเดินนำหน้าไปพอเห็นลูกน้องของศัตรูก็เบรกแทบหัวทิ่มและให้ลูกน้องตัวเองนำหน้าไปเขาก็แค่กลัวตายนิดหน่อย
“ทำเป็นปากเก่ง” เฉินลี่หยางเดินนำหน้าและต่างคนต่างประจันหน้ากันอยู่ ซ่งห้าวอี้ที่รออยู่แล้วจึงหัวเราออกมาวันนี้ชัยชนะต้องเป็นของเขา
“ไม่ได้เจอกันเลยฉันคิดว่านายตายไปแล้วดวงแข็งยังฟื้นขึ้นมาได้อีก”
“ทุกอย่างเป็นฝีมือนายใช่ไหม”
“ไม่มีหลักฐานอย่ามาพูดมัว”
เฉินลี่หยางหยิบปืนออกมาวันนี้เขาจะฆ่ามันด้วยมือของเขาเองพวกที่ใช้วิธีสกปรกมักไม่ตายดีกัน
“จุ๊ๆ เด็กอย่างนายหลีกไป กลัวจนต้องไปหลบหลังเลยเหรอ”
“กูไม่เคยกลัวมึง” เฉินเหยียนเฟยพูดออกมาหน้าตาก็น่ากลัวจิตใจยังจะน่ากลัวอีกรอยแผลเป็นที่หน้าคงถูกใครหลายคนหมายหัวมา
“แล้วเรามาดูกันว่าใครจะกลัว ไปเอาตัวผู้หญิงมา!”
ลูกน้องของซ่งห้าวอี้ลากหลินเยี่ยนจือออกมาใบหน้าเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะกลัว
“เยี่ยนจือ / พี่สะใภ้!”
“ยิงมาสิมึงยิงกูยิงเมียมึง เสียดายหน้าสวยๆ แบบนี้ไม่น่าต้องตายเร็ว” ซ่งห้าวอี้จ่อกระบอกปืนไปที่ต้นคอของหญิงสาวที่ยื่นตัวสั่นอยู่มือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ด้วยเชือก
“ฮึก” ถึงแม้จะกลัวแต่ก็พยายามที่จะเข้มแข็งเพราะรู้ว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยก็ไม่ยอมช่วยเธออย่างแน่นอน
“ปล่อยพี่สะใภ้นะโว้ย”
“คุณชายเอาอย่างไรต่อครับ” เย่าหยางถามเพราะตอนนี้สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คุณผู้หญิงอาจจะได้รับอันตราย
“ถอยออกจากพื้นที่นี้แล้วฉันจะปล่อยเมียนายไป”
“หึ คิดว่าฉันจะปล่อยให้ผู้หญิงแค่คนเดียวมีค่าขนาดนั้นเลย?” เฉินเหยียนเฟยพูดออกมาอย่างเลือดเย็นตอนนี้เขาพยายามเข้าสู่โหมดโหดๆ ทั้งที่ในใจกลัวจนตัวสั่น
“ก็ดีงั้นฉันจะให้เลือกระหว่างปล่อยนายไปหรือปล่อยผู้หญิงไป”
“อยากทำอะไรก็ทำไปเลยดิวะถามกูทำเชี้ยไร ไอ้กุ้ย”
ทุกคนที่ได้ยืนถึงกับฟังไม่รู้ความหมายว่าสิ่งที่เฉินเยี่ยนเฟยพูดมาหมายความว่าอะไร “ปากดี”
ปัง!
ซ่งห้าวอี้ยิงปืนขึ้นฟ้าหนึ่งนัดเฉินเหยียนเฟยที่ยังเข็ดหลาบกับเสียงปืนก็ตกใจทิ้งปืนและหันหลังวิ่งออกไปจนลูกน้องบางส่วนวิ่งตามทำให้ฝ่ายเฉินลี่หยางจึงใช้โอกาสนี้ยิงไปที่ซ่งห้าวอี้จนกระสุนเข้าไปที่หัวไหล่
“พี่สะใภ้มาทางนี้” เฉินลี่หยางวิ่งมาคว้าตัวของหญิงสาวไว้และลากออกมาอีกทางต่างฝ่ายต่างสาดกระสุนใส่กันจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไม่นานตำรวจและทหารก็เข้ามา
“เย่าหยาง”
“คุณชายรองพาคุณผู้หญิงไปขึ้นรถก่อนที่เหลือผมจะเคลียร์ทางเอง”
เมื่อตกลงกันได้เฉินลี่หยางจึงพาหลินเยี่ยนจือวิ่งออกมาข้างหลังโกดังเขาไม่อยากให้ทางการจับได้ คนขาสั้นวิ่งตามชายหนุ่มไม่ทันจึงสะดุดล้มลง
“โอ๊ย”
“พี่สะใภ้เจ็บตรงไหนครับ”
“ฉันเจ็บขา” ตอนนี้ข้อเท้าของหญิงสาวแดงเถือกขึ้นมาและข้อศอกที่มีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เฉินลี่หยางเห็นท่าไม่ดีตอนนี้เสียงปืนเงียบลงแล้วเขาจึงอุ้มพี่สะใภ้ไปขึ้นรถส่วนพี่ชายเดี๋ยวก็มีคนจัดการเอง
“แฮ่กๆๆๆ แม่งกูตายแน่ๆ” เฉินเหยียนเฟยวิ่งไม่รู้ทิศทางจนมาหยุดที่ริมแม่น้ำที่เปลี่ยวและบรรยากาศรอบตัวที่เริ่มมืดพอให้เห็นแสงรำไร
“ที่ไหนวะเนี่ย”
หมับ!
“อ๊ากกก ผมเองครับ” ลี่เจินลงไปนอนที่พื้นเพราะถูกชายหนุ่มจับทุ่มลงพื้นอย่างแรงตอนนี้จึงลุกไม่ขึ้นเพราะจุกที่ท้องไม่น้อยดีนะที่เขาตามคุณชายมาทัน
“ลี่เจินฉันคิดว่าใคร”
“คุณชายช่วยพยุงผมหน่อยครับ”
ชายหนุ่มจึงพยุงลูกน้องขึ้นมาไม่รู้ว่าหญิงสาวจะเป็นอย่างไรบ้างเขากลัวจนสติแตกและทิ้งหลินเยี่ยนจือไว้ที่นั่นเพิ่งสัญญาไปกับพ่อของหญิงสาวแท้
‘คุณพ่ออย่ามาหลอกผมเลยนะผมกลัวปืนผมจะไม่ทิ้งเยี่ยนจือแบบนั้นอีกแล้ว’
เฉินเหยี่ยนเฟยคิดไปตลอดทางกลับหากว่าหลินเยี่ยนจือเป็นอะไรขึ้นมาเขาต้องรู้สึกผิดไปตลอดชีวิตแน่ “แล้วทุกคนละ”
“คุณผู้หญิงปลอดภัยแล้วครับคุณชายรองพากลับไปแล้ว” ลี่เจินเอ่ยออกไปอย่างสุภาพถ้าเอาเป็นคุณผู้หญิงเฉินเหยียนเฟยหัวขาดแน่
“เจ็บตรงไหนอีกคะ” สาวใช้ทำแผลให้คุณผู้หญิงที่สภาพดูไม่ได้เลยเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนน่าสงสารอยู่แล้วยังต้องมาเจออะไรอีก
“ไม่แล้วแหละแค่เจ็บตรงข้อเท้า”
โชคดีที่ยังพอเดินเองได้ตอนนี้เวลายี่สิบนาฬิกาแล้วแต่เฉินเหยียนเฟยยังไม่กลับมาอาจจะถูกยิงตายไปแล้วคนอะไรได้ยินเสียงปืนก็วิ่งหนีห่างจุดตูด
“เยี่ยนจือละ”
“คุณผู้หญิงได้รับบาดเจ็บนิดหน่อยค่ะตอนนี้พักผ่อนอยู่บนห้องค่ะ”
เฉินเหยียนเฟยไม่รอช้าที่จะเข้าไปหาหลินเยี่ยนจือที่ห้องเขาห่วงหญิงสาวแทบแย่กลัวว่าจะได้รับอันตรายพอได้ยินว่าได้รับบาดเจ็บอีกทำให้เรารู้สึกผิด
“เยี่ยนจือ”
“คุณเหยียนเฟยเข้ามาทำอะไร”
“สาวใช้บอกว่าเธอเจ็บ เจ็บตรงไหน” ชายหนุ่มเดินเข้ามากระชากผ้าห่มออกและสำรวจดูรอบตัวของหญิงสาวที่ตรงหน้าผากปูดบวมขึ้นมาเล็กน้อย
“คุณจะมาสนใจอะไรคะออกไปได้แล้วฉันต้องการพักผ่อน”
“ฉันขอโทษ”
“ออกไปค่ะฉันต้องการพักผ่อนฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” หญิงสาวพลิกตัวนอนหันหลังให้เฉินเหยียนเฟยเธอน้อยใจเขาที่สุดคนเคยเลวยังไงก็เปลี่ยนนิสัยไม่ได้
"ฉันจะให้แม่บ้านเข้ามาอยู่เป็นเพื่อน”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ตอบจึงเดินออกมาและให้คนมาอยู่เป็นเพื่อนหลินเยี่ยนจือ เฉินลี่หยางยืนรออยู่แล้ว “พี่เป็นอะไรกลัวอะไรขนาดนั้น”
“ฉะ ฉันแค่จำอะไรไม่ได้”
“อย่ามาอ้าง! พี่สะใภ้เกือบตายพี่ไม่เคยขี้คาดแบบนั้นถ้าพี่ดูแล้วเธอไม่ได้ก็ปล่อยเธอไป!” ชายหนุ่มปล่อยคอเสื้อพี่ชายเขาโกรธมากที่พี่ชายทำแบบนั้นไม่รักก้แค่ดูแลพี่สะใภ้ให้ดีไม่ใช่ทิ้งขว้าง
“เสียชาติเกิดมาเฟีย!”
“ถ้าอย่างรบกวนคุณไห่ลี่โอนเงินจำนวน 3 หมื่นหยวนเข้ามาในระบบเลยครับทางเราจะได้ทำเรื่องเบิกเงินให้ครับ” เมื่อเหยื่อหลงกลและโอนเงินเข้ามาทำให้เฉินเหยียนเฟยยิ้มออกมาอย่างพอใจที่สามารถหลอกเหยื่อให้ตายใจได้ เมื่อเงินถูกโอนเข้ามาในบัญชีเขาจึงรีบบล็อกทุกช่องทางการติดต่อโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่าเหยื่อจะเป็นอย่างไร “โห่พี่เก่งมากเลยนับถือ” “พี่แน่อยู่แล้วไอ้น้อง” เฉินเหยียนเฟย ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปีที่ทำอาชีพแก๊งคอเซนเตอร์หลอกลวงชาวบ้าน เขาอยู่วงการนี้มาเกือบสามปีแล้วใครว่าคนน่ากลัวความจนต่างหากที่น่ากลัวเขาปากกัดตีนถีบตัวเองมาจนมีเงินมีทองทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย “ไอ้หนุ่มดวงถึงแล้ว” ยายชราที่นั่งอยู่บริเวณคอสะพานเอ่ยขึ้นมาเมื่อเฉินเหยียนเฟยเดินผ่านหน้า เธอรู้เธอเห็นอีกไม่กี่ชั่วโมงหรอกน่าสงสารอายุยังน้อยอยู่เลย “ยายพูดอะไรแก่แล้วเลอะเลือนหรือไง” เขาหัวเสียขึ้นมาที่ถูกทักแบบนั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนแก่และเป็นหญิงชราเขาเตะหัวคว่ำไปแล้ว “อย่าเดินไปทางนั้นเลยไอ้หนู” “พูดอะไรของยายมาแช่งกันทำไม” “คนเราหนีไม่พ้นความตายหรอก” แล้วแต่
เฉินเหยียนเฟยพอจะเดาเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างเขานั่งจ้องใบหน้าของหลินเยี่ยนจือคนอะไรทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าพ่อมาเฟียตัวจริงก็โง่เสียยิ่งกว่าอะไรมีเมียสวยขนาดนี้ยังไม่รักเมีย “คุณเป็นภรรยาผมจริงๆ ใช่ไหม” “คุณถูกยิงที่หน้าอกทำไมสมองถึงได้รับความกระทบกระเทือน” หญิงสาวทำท่าทีสงสัยเพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาเขาจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจ “คนไข้การสูญเสียความทรงจำชั่วคราวครับอาจจะมีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ [1]” คุณหมออธิบายไปเกี่ยวกับอาการป่วยของชายหนุ่มแต่หลินเยี่ยนจือไม่เชื่อว่าเขาจะความจำเสื่อม เฉินเหยียนเฟยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือนเต็มถึงได้กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณชาย” สาวใช้ทั้งหลายต่างพากันมายืนรอต้อนรับเจ้านายที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล “ตามสบาย” เขาเดินตัวปลิวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตและเห็นรูปแต่งงานของเฉินเหยียนเฟยกับหลินเยี่ยนจือรู้สึกคันยุกยิกที่หัวใจไม่น้อย ‘นายตายไปแล้วต่อไปฉันจะดูแลหลินเยี่ยนจือเอง’
“ใครส่งพวกนายมา” เสียงโหดพอไหมวะชายหนุ่มปรับสีหน้าและแววตาให้ดูเหมือนคนโหดเหี้ยม แต่เหมือนคนร้ายจะไม่กลัวเลยสักนิด “ฮ่าๆๆ ฉันยอมตายดีกว่าพูด” “แล้วเราจะเอายังไงต่อมันไม่ยอมพูด” เฉินเหยียนเฟยหันมาถามเย่าหยางว่าเขาต้องทำยังไงต่อเจ็บตัวไม่พอยังต้องมาปวดสมองกับเรื่องไร้สาระอะไรอีก “ยิงมันเลยไหมครับ” ลี่เจินยื่นปืนให้คุณชาย “นายเอาออกไปไกลๆ อยากจะทำอะไรกับพวกมันก็ทำไป” เฉินเหยียนเฟยไม่ได้สนใจและให้ลูกน้องจัดการคนร้ายเขาอยากรู้ว่าคนพวกนี้จะทำยังไง พูดไม่ทันจะจบลี่เจินจึงยิงไปที่ต้นขาของคนร้ายหนึ่งนัด ปัง “เห้ยย” เฉินเหยียนเฟยใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มต้องแกล้งทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ความจริงอยากจะร้องออกมาและวิ่งหนีไปเลย “คุณชายครับ คุณชาย!” “อะไรวะ ตกใจหมดเลยนายอยากจะทำอะไรก็ทำไป” เย่าหยางพาคุณชายกลับมารอที่รถสักพักพวกนั้นก็พากันออกมาภาพที่คนถูกยิงยังติดตาเขาอยู่เลย ตายเพราะกระสุนปืนยังคงวนเวียนอยู่แต่กับปืน เทวดาตนไหนผลักให้เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี่
หลินเยี่ยนจือกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่ยอมพูดยอมจากันกับชายหนุ่มเธอกำลังโกรธเขาตามปีที่ผ่านมาเขาทรมานเธอไม่พออีกหรือหญิงสาวอยากหลุดพ้นไปจากตรงนี้ “ฮึก ฮือ คุณพ่อขา” เมื่อความอ่อนแอเล่นงานคนที่พยายามจะเข้มแข็งจึงร้องไห้ออกมาพ่อทิ้งเธอไว้ให้เผชิญโลกกว้างและเขาคนนั้นที่ทิ้งเธอไว้ จางหย่งคือผู้ชายที่เธอรักเขาจากโลกนี่ไปได้สามปีแล้ว ปัง! “คุณเข้ามาทำอะไรออกไป” “อยากออกไปอยู่หรอกมากินข้าวก่อน” เฉินเหยียนเฟยให้สาวใช้ถืออาหารเข้ามาให้หญิงสาวตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมานานมากแล้ว หญิงสาวทำนิ่ง “ออกไป” “กินก่อนเดี๋ยวฉันจะออกไป หรือกลัวว่าฉันจะวางยา” ชายหนุ่มหยิบขนมขึ้นมาและกดเข้าไปหนึ่งและเคี้ยวให้คนตัวเล็กดูแต่กินได้ไม่กี่คำรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก “นี่มันอะไร” “เซาปิ่ง[2] ทำจากแป้งผสมมันเทศ” หญิงสาวจำมันได้ดีเพราะจางหย่งแพ้มันเทศแต่หญิงสาวกับชอบกินเซาปิ่งแต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะหน้าดำหน้าแดงไอออกมา “แค่กๆๆ” “อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ” “ชะ ช่วยฉันด้วย...” เขาไม่รู้ว่าข้างในคือมันเทศเขาแพ้มันเทศซึ่งมันเคยทำให้เขาเกือ
ช่วงสายของมีขกเข้ามาขอพบเฉินเหยียนเฟยเขาคนนั้นคือเฉินลี่หยางลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มแต่เฉินเหยียนเฟยกับมีความทรงจำเกี่ยวกับน้องชาย “พี่ชายวันนี่ผมกลับมาแล้วงานที่ให้ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี” “งาน?” ชายหนุ่มสงสัยว่างานอะไรที่ให้น้องชายไปทำเพราะเขาจำไม่ได้นอกจากจะค้าขายกับต่างชาติยังมีอะไรอีก “ลืมไปว่าจำอะไรไม่ได้ก็พี่ส่งผมไปขายอาวุธให้รัฐบาลทางตอนใต้ไงได้เงินมาเยอะเลย” อาชีพที่ไม่ค่อยจะสุจริตพวกเขาก็ทำกันและยังมีผู้บัญชาการร่วมขบวนการ “อ้อฉันจำได้แล้ว” “ว้าวพี่สะใภ้วันนี่ผมมีของขวัญมาให้ด้วย” เฉินลี่หยางหยิบกำไรข้อมือออกมาเขาจำได้ว่าพี่สะใภ้ของเขาอายุครบยี่สิบสองปีแล้วชายหนุ่มจึงยื่นให้ “สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดครับ” “ขอบคุณค่ะคุณชายรอง” หญิงสาวหยิบขึ้นมาเป็นกำไรหยกสีเขียวสวยงามระรานตาราคาคงจะแพงไม่น้อย หลินเยี่ยนจือจึงส่งยิ้มให้เขา แต่เป็นเฉินเหยียนเฟยที่ตกหลุมพรางรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นเวลาอยู่กับน้องชายของเขาทำไมหญิงสาวจึงร่าเริงสดใสพออยู่กับเขากับทำท่าทีเหมือนจะขาดอากาศหายใจตาย “อะ แฮ่ม ไม่มีอะไรก็ไปทำงานข
แม่น้ำผู่ (หวงผู่) ไหลไปทางเหนือผ่านใจกลางเซี่ยงไฮ้ในยามค่ำคืนจะสวยงามกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาต้องการขอโทษหญิงสาวจึงให้คนขับรถพามาที่ร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ติดแม่น้ำผู่ที่ผู้คนนิยมมาออกเดตกัน “เราจะไปไหนกันคะ” “ฉันจะพาไปดินเนอร์” เฉินเหยียนเฟยตอบออกไปเขาตื่นเต้นเช่นกันเพราะไม่เคยออกไปไหนที่นี่ถือว่าเริ่มเจริญอย่างมากอีกไม่กี่ปีคงจะมีตึกสูงขึ้นมา “ทำไมมองผมแบบนั้น” “ฉันแค่สงสัยคุณสมองกระเทือนอย่างหนักหรืออะไร” เขาเปลี่ยนไปมากจนหญิงสาวเองก็ไม่ชินเธอกับเขาไม่เคยนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน “ทำไมเริ่มตกหลุมรักฉันขึ้นมาแล้วหรือ” ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบเมื่อหลินเยี่ยนจือเลือกที่จะเงียบเธอไม่มีอะไรที่จะถามเขา ตลอดเวลาเขาต้องการใบหย่าจากเธอพอมาวันที่เธอพร้อมเขากับไม่ยอมหย่า “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินลงมาจากรถร้านอาหารหรูขนาดนี้เธอไม่ค่อยได้มาเท่าไรตั้งแต่คุณพ่อเสียหญิงสาวก็ต้องหาเงินจนไม่มีเวลาออกไปไหน “ฉันสั่งอาหารไว้รอแล้ว” เขาไม่ได้สั่งเป็นเย่าหยางที่ดูแลทุกอย่างแค่อยากเอาใจหญิงสาว อาหารตรงหน้ามีแต่สิ่งที่หลินเยี่ยนจือชอบ
สามวันต่อมาหลินเยี่ยนจือจะออกไปพบเจอกับเพื่อสาวคนสนิทที่คอยอยู่ข้างกายเสมอมา ช่วงนี้แปลกเข้าไปใหญ่เมื่อเฉินเหยียนเฟยกับปล่อยให้เธอมีอิสระแถมยังให้เงินเก็บไว้ใช้อีก “เธอว่าคุณเฉินเขาเป็นอะไร” “หมอบอกความจำเสื่อมแต่การกระทำกลายเป็นคนละคนไปเลย” สองสาวนั่งพูดคุยกันอย่างออกรสใครก็ต่างรู้จักเฉินเหยียนเฟยดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร “ขนลุก”หลี่ย่าเสียนทำหน้าแบบสยองขึ้นมาขนลุกไปทั้งตัวไม่คิดว่าเจ้าพ่อมาเฟียจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้“เยี่ยนจือฉันต้องกลับแล้วมีธุระต้องไปต่อ”“เอาไว้เราค่อยเจอกัน”เมื่อเพื่อนออกจากร่นไปแล้วหญิงสาวจึงนั่งต่อสักพักและออกจากร้ายระหว่างนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหญิงสาวไม่ห่างพอรู้ตัวจึงเข้าประชิดและใช้ผ้าที่มียาสลบโป๊ะเข้าไปที่จมูกหลินเยี่ยนจือไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ“ได้เวลาแล้วครับ”“อะไรกันวะ” เฉินเหยียนจือต้องไปที่โกดังตามที่ลูกน้องบังคับก็ว่าได้ครั้งนี้มีเฉินลี่หยางตามติดไปด้วยแต่นั่งรถกันคนละคันชายหนุ่มใช้มือปาดเหงื่อเบาๆ“พี่ใหญ่เหงื่อออกร้อนหรือกลัว”“ใครกลัวตามฉันมา” คนปากเก่งเดินนำหน้าไปพอเห็นลูกน้องของศัตรูก็เบรกแทบหัวทิ่มแล
ผลัก ผัวะ “คุณชาย!” เย่าหยางวิ่งเข้ามาดูเจ้านายตัวเองที่ถูกเฉินลี่หยางต่อยเข้าไปที่หน้า “อย่า-เข้า-มา-ยุ่ง” “นายเป็นบ้าอะไร” เฉินเหยียนเฟยประคองตัวเองลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลหมัดเดียวทำให้เขาเกือบหลับ “พี่นะสิขี้ขลาดพี่สะใภ้น่าสงสารแค่ไหนพี่ก็ยังทนเห็นได้ใจดำวะ สมบัติที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้พี่ก็เอามาพี่แม่งทุเรสมาก” เฉินลี่หยางโมโหจนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้และกระชากเสื่อของเฉินเหยียนเฟยจนกระดุมหลุดร่วงลงพื้นเขามองดูที่หน้าอกข้างซ้าย “นายจะทำอะไร!” เฉินลี่หยางไม่ตอบเขาเดินจากไปทิ้งความสงสัยไว้ให้ชายหนุ่มดูเหมือนทุกคนจะเห็นใจหลินเยี่ยนจือไม่น้อยแต่เขาไม่ได้ทำอะไรหญิงสาวเสียหน่อยเขาแค่มาอาศัยร่างเฉินเหยียนเฟยอยู่ “ไอ้หมอนั่นมันบ้าฉิบ!” “คุณชายรองอาจเป็นห่วงคุณผู้หญิงครับ” “แล้วมันกระชากเสื้อฉันทำไมวะ” “คุณเฉินเหยียนเฟยไม่มีปานที่หน้าอก” เพล้ง แก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่มร่วงลงพื้นและแตกกระจายชายหนุ่มก้มลงไปมองปานที่หน้าอกของตัวเอง แสดงว่าเย่าหยางรู้มาตลอดว่าเขาไม่ใช่เฉิน
หลายเดือนผ่านไปหลินเยี่ยนจือตั้งครรภ์ครบแปดเดือนแล้วอีกไม่นานเธอจะได้เจอหน้าลูกน้อย ไม่รู้ว่าในท้องของเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย“อื้อออ”“ทำไมขี้อ้อนจังเลยคะ”“จะคลอดแล้วขอเข้าไปสะกิดลูกก่อนได้ไหม”สะกิดของเขาคงไม่ใช่การสะกิดธรรมดาเป็นแน่ ตั้งแต่เธอท้องมาเขาก็ขยันทำการบ้านเสียเหลือเกินวันไหนที่เขาว่าง จะเข้าไปทักทายลูกน้อยทุกครั้ง“คะ คุณอ่ะ”“รอบนี้จะทำเบาๆ นะครับ” แล้วเธอเคยปฏิเสธเขาได้ที่ไหนมีแต่ยอมทุกเขาทุกอย่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ห้ามเขาจึงไม่รอช้าหลังจากนี้คงไม่ได้ทำแบบนี้อีกนานหลายเดือน รอบหน้าจะเอาลูกหลายๆ คนเลยลูกน้องเต็มบ้านจะได้ช่วยกันเลี้ยง“ซี้ดดดด อ่าส์ นอนตะแคงนะ” เขาให้หญิงสาวนอนตะแคงข้างเพราะท้องโตมากแล้วต้องระวังให้มาก เขาจัดการสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามด้วยของหญิงสาว“เหยียนเฟยคะ อื้อ” หญิงสาวครางออกมาเมื่อชายหนุ่มก้มไปดูดเลียติ่งเสียวและใช้มือบดขยี้จนแดงเถือกลิ้นอุ่นๆ สัมผัสกับกลีบดอกไม้งาม “เจ็บให้บอกนะที่รัก อ่าส์”บทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หลินเยี่ยนจือนอนหมดแรงอยู่บนเตียงช่วงนี้เขาพร่าๆ ลงมาเยอะเพราะเธอใกล้จะคลอดแล้ว2 สัปดาห์ต่อมาหลินเยี่ยนจือให้กำเนิ
“โอ๊ยยยย” “คุณเหยียนเฟยคุณตบหน้าตัวเองทำไมคะ” ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้อีกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมาหรือเปล่าหรือว่าผู้ชายคนนั้นกลับมา “ผมฟื้นแล้วจริงๆ” ค่อยโล่งอกไปหน่อยคิดว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเจ็บแผลเหมือนตอนนั้นแต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันออกไป “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมเจอกับเขา...” เขาที่ชายหนุ่มหมายถึงหลินเยี่ยนจือรู้ดีว่าหมายถึงใคร “เขาฝากมาบอกว่าขอโทษคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาใจดีแล้วนะที่ยอมบอกหญิงสาว ทำเมียกูเจ็บยังจะมาฝากบอกอีกเขาไม่เตะหัวก็บุญแล้ว “เขาไปแล้วจริงๆ” หญิงสาวโล่งอกขึ้นมาต่อจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจอคนใจร้ายคนนั้นอีก ไม่อยากแม้แต่จะรู้จักแต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้วเธอได้แต่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป “ผมจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด จะดูแลคุณกับลูกของเราเอง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” เขาไม่อยากให้หลินเยี่ยนจือเศร้านานจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ดื้อเลยค่ะเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวไม่เคยแพ้ท้องเลยสักครั้ง และลูกก็ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนจะรู้ว่าคนเป็นแม่ก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว “ผมหลับไปหลา
หลินเยี่ยนจือนั่งมองเฉินเหยนเฟยที่นอนหลับไม่ได้สติมาสามวันแล้ว สามวันที่แสนจะทรมานสำหรับหญิงสาวเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกน้อยในท้อง“คุณผู้หญิงกลับไปพักก่อนเถอะครับ” เย่าหยางเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย หากมัวแต่โศกเศร้าอาการน่าจะทรุดไปตามๆ กัน“ฉันยังอยากอยู่กับเขา”หากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเธอเป็นคนแรก ขอร้องอย่าทิ้งเธอไปก็พอตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว“หากคุณชายตื่นผมจะรีบบอกคุณผู้หญิงคนแรกเลยครับ”หลินเยี่ยนจือจึงยอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านกลับได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากบ้านพักของเฉินลี่หยาง“ย่าเสียน! เธอมาทำอะไรที่นี่”“เยี่ยนจือช่วยฉันด้วย!” ย่าเสียนวิ่งเข้ามากอดเพื่อนสาวไว้เธออยากกลับไปอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่ยอม ความเสียใจบวกกับความโกรธทำให้เธอขาดสติทำร้ายเขา“เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวมองเจ้าของบ้านที่สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งไปกัดกับสุนัขมา หลินเยี่ยนจือมองทั้งสองคนสลับกันไปมาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่“ฉันอยากกลับไปหาพี่ชายฉัน ฮึก”“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” หญิงสาวหันมาถามเฉินหลี่ยางเธออยากถามเขาแต่ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องของหลี่ย่าเสียนเสียก่อน“ผมเปล่านะ
หลินเยี่ยนจือถูกพาตัวออกมาจากบ้านพัก หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นคนของซ่งห้าวอี้กำลังลำเลียงอาวุธขึ้นเรือ ดวงตาสบประสานกันกับหลี่ซืออี้ เวลานี้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปไม่ได้ “พามันขึ้นเรือไปด้วย” “ถ้าเราถึงจุดหมายปลายแล้วจะทำยังไงครับ” “ยิงมันทิ้งหรือไม่ก็ยกให้พวกบ้ากาม” ซ่งห้าวอี้มองหลินเยี่ยนจือด้วยแววตาที่สมน้ำหน้า “ไปกันเถอะ” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้หลี่ซืออี้เข้ามาจับตัว เธอแค่ขอให้เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน “คุณพ่อช่วยลูกด้วยนะคะ” “เจ้านายครับ! รถเที่ยวสุดท้ายถูกตำรวจจับไว้ได้ครับ” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้หญิงสาวพยายามที่จะฟัง ลูกน้องของซ่งห้าวอี้มารายงานว่ารถบรรทุกเที่ยวสุดท้ายถูกจับได้แล้ว “ไหนมึงบอกว่าตำรวจไม่เคยตรวจจุดนี้วะ” ซ่งห้าวอี้อารมณ์เสียขึ้นมา เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นมากพอสมควร “ตำรวจตั้งด่านเต็มเมืองไปหมดเลยครับ เราต้องรีบแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจแห่กันมาแน่” “รีบขนขึ้นเรือ!” เขาจะต้องไม่ถูกจับเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจหลายสิบนายบุกเข้ามา พร้อมกับคนที่เขาอยากจะเจอหน
เยี่ยนจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งมือยังคงถูกมัดอยู่ที่หัวเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แอด หญิงสาวหันไปที่ประตูที่เปิดออกตามมาด้วยคนตัวสูงที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว หลินเยี่ยนจือจำเขาได้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่ซืออี้ ตอนนี้เธอกำลังสับสนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร “หลี่ซืออี้เกิดอะไรขึ้น” “พี่ขอโทษเยี่ยนจือพี่จำเป็นต้องทำ” หากเขาไม่ทำตัวเขาและน้องสาวก็จะตกอยู่ในอันตรายเขาเชื่อว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยจะต้องมาตามหาหญิงสาว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี “คุณทำงานให้ใครหรือ?” เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นแต่คนเราก็ไม่สามารถหยั่งรู้ภายในจิตใจมนุษย์ได้ “เอาไว้เมื่อถึงเวลาจะรู้เอง ต่อจากนี้ทำตามที่พี่บอกก็พอเธอจะได้ไม่ลำบาก” “ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้” “พี่ทำเพื่อครอบครัว” หลี่ซืออี้เห็นสายตาที่ผิดหวังของหลินเยี่ยนจือก็รู้สึกเจ็บแต่พยายามที่จะเก็บอาการไว้ ยังไงเขาก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว “กินข้าวเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทาง” “เดินทาง? เราจะไปไหน”
“คุณจะไปไหนเหรอ” เฉินเหยียนเฟยเห็นหญิงสาวกำลังเตรียมของเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เขามีประชุมงานจึงไม่สามารถออกไปได้ “ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ” “แน่ใจว่าไปแค่นั้น” ไม่ใช่ว่าไปยืนอาลัยให้คนรักเก่าหรอกนะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อยู่กับเขาก็ต้องลืมคนรักเก่า “ค่ะ คุณจะให้ฉันไปไหนได้” “ระวังตัวด้วยนะผมเป็นห่วงคุณกับลูก” “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” หญิงสาวแก้มเขาและส่งเขาขึ้นรถ ส่วนเธอเตรียมตัวออกไปที่หลุมฝั่งร่างของบิดา วันนี้อากาศหนาวกว่าทุกวันและลมแรงทำให้หลินเยี่ยนจือต้องกระชับผ้าคลุมไว้แน่น เธอเดินถือดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าชื่อของบิดา “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะตอนนี้หนูสบายดีค่ะและกำลังจะมีหลานให้คุณพ่อด้วย” หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสักพักเมื่อได้สติจึงจะกลับไปรอเฉินเหยียนเฟยที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมีชายฉกรรค์เดินมาขวางทางเธอไว้ “พวกคุณเป็นใคร!” หญิงสาวมองไปที่ลูกน้องของเฉินเหยียนเฟยที่สลบอยู่ที่พื้นหญ้าไม่ไกลจากรถที่จอดรอรับเธอ หลินเยี่ยนจือรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ไปกับพวกผมดีๆ จะได้
ปัง! หลินเยี่ยนจือปิดประตูเสียงดังและมานั่งที่เก้าอี้มุมห้องคิดถึงคำพูดของเฉินลี่หยาง วันที่จางหย่งเสียชีวิตทุกคนลงความเห็นว่าเขาถูกคนร้ายยิงแต่ทำไมถึงเป็นฝีมือของเฉินเหยียนเฟยไปได้ “ทำไมต้องเป็นคุณด้วยตายไปแล้วก็กลับไปชดใช้สิ่งที่คุณเคยทำไว้ซะ” ชีวิตของเธอต้องอยู่ที่นั่งลำบากไม่เคยใช้ชีวิตเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกัน “แล้วคุณจะไปจากฉันหรือเปล่า” เฉินเหยียนเฟยคนนี้ทำให้เธออยากจะรักใครอีกครั้ง เธอยินดีที่จะมอบกายและหัวใจให้เขาแค่คนเดียว แต่พอมารู้แบบนี้แล้วเธออดที่จะโกรธเขาไม่ได้หญิงสาวรู้ว่าเฉินเหยียนเฟยเป็นคนละคนกัน เขาคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงเดินกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้งเห็นเขากำลังนั่งเล่นกับสุนัขที่เคยกัดเขา สุนัขคงจะรู้ว่าใครคือเจ้านายตัวจริงของมัน “ฉันอยากคุยกับคุณ” “พูดมาสิ” “คุณรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนยิงจางหย่ง” มือที่กำลังลูบหัวสุนัขจึงหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลินเยี่ยนจือ หรือว่าหญิงสาวจะได้ยินในสิ่งที่น้องชายของเขาพูด “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม” “เฉินเหยียนเฟยเป็นคนยิ่งเขาใ
“พี่ชาย!” หลี่ย่าเสียนเดินเข้ามาเห็นพี่ชายตัวเองเหมือนกำลังทำอะไรอยู่จนเธอมองไม่ทัน “ย่าเสียนวันหลังเข้ามาเคาะประตูด้วย” หลี่ซืออี้รีบเก็บของเข้าไปในตู้เซฟ และปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้น้องสาวสงสัยว่าเขาทำอะไร “พี่ชายช่วงนี้ไม่ค่อยเข้าไปทำงานเลย” “พี่ พี่งานยุ่งนะ” ความจริงเขาไม่ได้เข้าไปดูโรงงานนานแล้วเพราะเขามีแห่งหาเงินที่ดีกว่านั้น “มีอะไรบอกน้องได้เลยนะ” “มองอะไร” เขาเห็นหลี่ย่าเสียนมองไปที่ตู้เซฟจึงทำเสียงดุ “ไม่มีอะไรน้องออกไปข้างนอกนะคะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรหลี่ย่าเสียนจึงออกมาจากห้องทำงานของพี่ชาย เธอเองยังสงสัยว่าช่วงนี้พี่ชายเป็นอะไร “เงิน เงินทั้งนั้น” หลี่ซืออี้กำลังหลงมัวเมากับสิ่งผิดกฎหมายโรงงานของเขาขาดสภาพคล่องตัวทางด้านการเงิน เขาจึงหันหน้ามาเพิ่งซ่งห้าวอี้ กริ้ง กริ้ง “ครับ” “นายมาพบฉันที่เดิม” “ผมจะรีบไปครับ” เมื่อวางสายหลี่ซืออี้จึงรีบแต่งตัวช่วงนี้เขาเริ่มทิ้งโรงงานตัวเอง บางครั้งของผิดกฎหมายก็แอบเอาเข้ามาพักไว้ที่โกดังของเขาก่อนจะลำเลียงขึ้นเรือไป “ไม่รวยวันนี้
ลี่เจินเดินมารายงานเจ้านายตัวเองว่าหลินเยี่ยนจือไปหาหมอที่โรงพยาบาลและได้เจอกับซ่งห้าวอี้ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก “ไอ้หมอนี้สงสัยอยากไปเฝ้านรก” ตามติดชีวิตของเขายังกับเป็นเงาตามตัว เขานั่งรอหลินเยี่ยนจือเพราะรอคำตอบจากหญิงสาวเรื่องลูก “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วครับ” ลี่เจินเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพราะเห็นว่าเจ้านายคงอยากอยู่กับภรรยาตามลำพัง “สรุปท้องได้กี่เดือนแล้ว” “ไม่ต้องยุ่งได้ไหม” อารมณ์คนท้องจึงหงุดหงิดขึ้นมายิ่งเห็นหน้าของเฉินเหยียนเฟยเธอยิ่งหงุดหงิด เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดทุกอย่าง “นั้นถามใหม่คุณเมียแพ้ท้องไหมครับ” เขาแน่ใจว่ายังไงหญิงต้องท้อง หลินเยี่ยนจือคงไม่แพ้ท้องเพราะตอนนี้เขารับกรรมนั้นมาเต็มๆ “คุณอย่ามากวนประสาทฉันได้ไหม” “ใช่สิ คุณไม่ได้แพ้ท้องหนิจะไปรู้สึกอะไร” เขานี่เวียนหัวและอาเจียนจนไม่อยากลุกออกไปจากที่นอน โบราณเขาบอกถ้าแพ้ท้องแทนเมียแสดงว่ารักเมียมากคงจะจริง “คุณแพ้ท้องแทนฉันเหรอ” หลินเยี่ยนจือจึงเริ่มใจเย็นขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มไม่ดีขึ้น “อุ้ย จะทำอะไร!” “อยากกอดเมียอยา