หลินเยี่ยนจือกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่ยอมพูดยอมจากันกับชายหนุ่มเธอกำลังโกรธเขาตามปีที่ผ่านมาเขาทรมานเธอไม่พออีกหรือหญิงสาวอยากหลุดพ้นไปจากตรงนี้
“ฮึก ฮือ คุณพ่อขา” เมื่อความอ่อนแอเล่นงานคนที่พยายามจะเข้มแข็งจึงร้องไห้ออกมาพ่อทิ้งเธอไว้ให้เผชิญโลกกว้างและเขาคนนั้นที่ทิ้งเธอไว้ จางหย่งคือผู้ชายที่เธอรักเขาจากโลกนี่ไปได้สามปีแล้ว
ปัง!
“คุณเข้ามาทำอะไรออกไป”
“อยากออกไปอยู่หรอกมากินข้าวก่อน” เฉินเหยียนเฟยให้สาวใช้ถืออาหารเข้ามาให้หญิงสาวตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมานานมากแล้ว หญิงสาวทำนิ่ง
“ออกไป”
“กินก่อนเดี๋ยวฉันจะออกไป หรือกลัวว่าฉันจะวางยา” ชายหนุ่มหยิบขนมขึ้นมาและกดเข้าไปหนึ่งและเคี้ยวให้คนตัวเล็กดูแต่กินได้ไม่กี่คำรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก
“นี่มันอะไร”
“เซาปิ่ง[2] ทำจากแป้งผสมมันเทศ” หญิงสาวจำมันได้ดีเพราะจางหย่งแพ้มันเทศแต่หญิงสาวกับชอบกินเซาปิ่งแต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะหน้าดำหน้าแดงไอออกมา
“แค่กๆๆ”
“อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ”
“ชะ ช่วยฉันด้วย...” เขาไม่รู้ว่าข้างในคือมันเทศเขาแพ้มันเทศซึ่งมันเคยทำให้เขาเกือบตายมาแล้วหนึ่ง ครั้งนี่ดูเหมือนว่าจะไม่รอดอีกชายหนุ่มล้มลงไปชักที่พื้นจนหลินเยี่ยนจือใจคอไม่ค่อยดี
“คุณเหยียนเฟย! ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย”
หญิงสาวลงไปประคองศีรษะของชายหนุ่มขึ้นสาวใช้พ่อบ้านพากันได้ยินเสียงร้องของความช่วยเหลือจึงพากันรีบเข้ามาดู เย่าหยางกับลี่เจินเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพาคุณชายไปส่งโรงพยาบาลทันที โชคดีที่ถึงมือหมอทันเฉินเหยียนเฟยพ้นขีดอันตรายแพทย์ลงความเห็นว่าเขาแพ้มันเทศและถั่วขึ้นรุนแรงและแพ้มาตั้งแต่เกิด
“แพ้ถั่ว!” จะเป็นไปได้อย่างไรที่เฉินเหยียนเฟยแพ้ถั่วและมันปกติก็เห็นเขากินเป็นประจำ หลินเยี่ยนจือจึงหันมาถามเย่าหยางซึ่งรู้ทุกอย่างดีที่สุด
“คุณเหยียนเฟยแพ้ถั่วตั้งแต่ตอนไหน”
“ผะ ผมไม่ทราบเช่นกันครับคุณผู้หญิง” เย่าหยางเลือกที่จะโกหกคุณผู้หญิงเพราะเขานั่นรู้ดีเพื่อความสบายใจและเพื่อธุรกิจต้องเดินต่อเขาต้องปิดบังไว้
“คุณผู้หญิงเข้าไปดูคุณชายเถอะครับผมจะรออยู่ข้างนอก”
เมื่อเห็นว่าหลินเยี่ยนจือเข้าไปหาคุณชายแล้วเขาจึงถอนหายใจออกมาไม่รู้ว่าเรื่องแบบนี้จะปิดบังทุกคนไปถึงเมื่อไร
“ทำไมคุณชายเปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนกันเลยพี่” ลี่เจินถามออกมาอย่างสงสัยเพราะถึงแม้จะจับอะไรไม่ได้แต่ก็ไม่น่าเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้
“รู้แล้วก็หุบปากให้ดี”
“แสดงว่าคุณชายไม่ใช่!”
“ลี่เจินเรามีวันนี่เพราะใครไม่สำคัญหรอกว่าเขาคนนั้นเป็นใครแต่จำเอาไว้เรามีหน้าที่ปกป้องคุณชาย” เย่าหยางตบบ่าน้องชายเรื่องนี้จะให้คนรู้เยอะไม่ได้เขาอยู่กับตระกูลเฉินมาตั้งแต่เด็กและเป็นเพื่อนเล่นเฉินเหยียนเฟยมานาน
“อย่าบอกนะว่าวันนี้คุณชายเราตายไปจริงๆ ฮึก โอ๊ยแตะผมทำไม” ลี่เจิสนร้องไห้ออกมาเพราะเขานั้นรักคุณชายตัวจริงยิ่งกว่าอะไร
“ฉันบอกให้เงียบห้ามให้คุณผู้หญิงรู้เด็ดขาด”
เย่าหยางอยากจะหักคอน้องชายที่มาทำเป็นร้องไห้พออยู่ได้สวยกันกับเฉินเหยียนเฟยจริงๆ กับอยู่ไม่ได้เพราะฝ่ายนั้นโหดไม่มีความเมตตาให้ใคร
หลินเยี่ยนจือนั่งมองคนที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้เธอจำได้ว่าเฉินเหยียนเฟยไม่เคยแพ้อะไร ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปนิสัยของเขาคล้ายคลึงกับคนรักเก่าไม่มีผิด
“โอ๊ย ฉันตายอีกแล้วเหรอ”
“คุณตื่นแล้วเจ็บตรงไหนไหม” หลินเยี่ยนจือแสดงออกว่าเป็นห่วงเขามากตั้งแต่แต่งงานกันมาเธอไม่เคยแสดงออกว่าห่วงใยเขาเลยจนวันที่เขาถูกยิง
“ฉันตายยัง”
เพียะ
“โอ้ยยย เยี่ยนจือเธอตบฉันทำไม” เฉินเหยียนเฟยลุกขึ้นมาแล้ะมือกุมใบหน้าไว้เพราะถูกหญิงสาวตบแต่ก็ไม่เจ็บเท่าไรเพราะหลินเยี่ยนจือไม่ได้ลงน้ำหนักมือมาก
“คุณน่าจะตายไปเลย”
หญิงสาวพูดจบก็เดินออกไปและไม่ยอมมานอนเฝ้าเขาจนตอนเช้าหมอจึงอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลสงสัยต้องไปทำบุญล้างซวยหน่อยช่วงนี้ป่วยบ่อยเกินไป
สองวันแล้วที่หลินเยี่ยนจือพยายามหลบหน้าเขาแต่ใครจะสนตอนนี้มีเงินแล้วขอออกไปท่องราตรีหน่อยก็แล้วกันลูกน้องทั้งสองคนจึงติดตามไปด้วย ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเฉินเหยียนเฟยมีสาวสวยนั่งขนาบข้างทั้งสองข้าง
“คุณชายดื่มหน่อยนะคะ”
“กินนี่หน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มอ้าปากรับและนั่งฟังดนตรีไปด้วยถึงแม้จะน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็พอฟังได้ เขาดื่มไปเรื่อยๆ จนเริ่มเมามายลูกน้องทั้งสองจึงพากลับคฤหาสน์
“ทำไมวันนี่ถึงปิดไฟช้ากัน”
“วันนี่วันคล้ายวันเกิดของคุณผู้หญิงครับอาจจะอยู่ฉลองกัน” เขาจะบอกคุณชายแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้บอกป่านนี้คงแยกย้ายกันไปนอนแล้ว
“แล้วเมียฉันอายุกี่ขวบแล้ววะ~” คนเมาเสียงเริ่มยานครางเขาลืมหรือว่าไม่ได้ใส่ใจกันแน่ แต่ตอนนี้มึนหัวอยากนอนมากไม่สนใจแล้วว่าใครจะอยากเกิดวันไหน
“อายุครบ 22 ปีพอดีครับ” ไม่เด็กมากแสดงว่าเขาจิ้มได้แล้วชายหนุ่มเซไปหยุดที่หน้าประตูห้องของหลินเยี่ยนจือและเคาะเสียงดังพร้อมกับตะโกนออกมา
“เยี่ยนจื่อเปิดประตูให้โหน่ยยย”
“คุณมาโวยวายอะไร...” หญิงสาวได้กลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัวเขาใบหน้านั้นแดงก่ำไปหมดหลินเยี่ยนจือเดินถอยหลังออกห่างแต่เฉินเหยียนเฟยยิ่งเดินตามเข้ามา
“เมียฉันสวยจริงๆ ยิ่งมองใกล้ๆ” ชายหนุ่มโน้มตัวลงมาสูดดมกลิ่นกายของภรรยาในนามและหัวเราะออกมาเบาๆ ที่แกล้งหญิงสาวได้สำเร็จลูกกวางน้อยดูตื่นกลัวไปหมด
“คุณเมาแล้วก็ควรไปพักผ่อน”
“ฉันอยากนอนกับเมีย”
“อื้อ~” เขาขโมยจูบของเธอไปเป็นจูบแรกของเธอหญิงสาวพยายามขัดขืนแต่สู้แรงของเขาไม่ไหวจึงปล่อยให้เฉินเหยียนเฟยทำตามอำเภอใจ ลิ้นอุ่นชื้นดันเข้ามาในโพรงปากฉกชิมน้ำหวานอย่างพึงพอใจ
“อืม” ชายหนุ่มครางออกมาอย่างถูกใจถึงแม้ท่าทีของหญิงสาวจะจูบตอบแบบไร้เดียงสาแต่เขากลับชอบ มือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อตอบรับจูบของเขา
หลินเยี่ยนจือรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเขาออกห่างและแตะเข้าไปที่จุดยุทธศาสตร์อย่างเต็มแรงเธอผลักเขาออกให้พ้นจากประตูห้องและรีบปิดประตูเธอไม่สนใจว่าเขาจะเจ็บปวดตรงไหนหรือไม่
“โอ๊ย!! เยี่ยนจือออยัยตัวแสบ”
เฉินเหยียนเฟยล้มลงนอนที่พื้น ตัวงอเป็นกุ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหนออกมาทั้งจุกและเจ็บไปหมดคอยดูเถอะเขาได้โอกาสเมื่อไรอย่าหวังว่าจะได้หนีไปไหม เขานอนอยู่อย่างนั้นเมื่อเริ่มดีขึ้นมาจึงพยายามพยุงตัวเองกลับไปที่ห้องของเขา
“โอ๊ย แม่งกูหายเมาเลย”
ชายหนุ่มสบถคำหยาบออกมาและทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างอยู่ที่นี่ก็สบายดีอยู่หรอกแต่ไม่สามารถใช้โซเชียลได้สมัยนี้น่าจะมีแต่วิทยุและโทษทัศน์
“ใครมันผลักกูมาอยู่นี่วะปล่อยให้ตายยังดีกว่าเลย”
เพราะความตายคือของขวัญที่ดีที่สุดแล้วไม่ต้องผิดหวังไม่ต้องเสียใจไม่ต้องมีความเจ็บปวดอะไร แต่ตอนนี้ชายหนุ่มต้องเริ่มใช้ชีวิตใหม่แถมยังอยู่ท่วมกลางลูกกระสุนเขาจะตายวันไหนอีกก็ไม่ทราบได้
[2] เซาปิ่ง 燒餅 (shāobǐng) หรือ ฮวงกั๊วะเปี๊ยะ เป็นขนมโบราณของคนจีน ทำจากแป้งหรือแป้งผสมมันเทศบด สามารถกินได้สองแบบ คือแบบไม่มีไส้ กับแบบมีไส้ ซึ่งจะยัดไส้ด้วยถั่วเหลือง หรือเผือก กดให้แบนแล้วนำไปทอด บางสูตรอาจโรยงา
ช่วงสายของมีขกเข้ามาขอพบเฉินเหยียนเฟยเขาคนนั้นคือเฉินลี่หยางลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มแต่เฉินเหยียนเฟยกับมีความทรงจำเกี่ยวกับน้องชาย “พี่ชายวันนี่ผมกลับมาแล้วงานที่ให้ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี” “งาน?” ชายหนุ่มสงสัยว่างานอะไรที่ให้น้องชายไปทำเพราะเขาจำไม่ได้นอกจากจะค้าขายกับต่างชาติยังมีอะไรอีก “ลืมไปว่าจำอะไรไม่ได้ก็พี่ส่งผมไปขายอาวุธให้รัฐบาลทางตอนใต้ไงได้เงินมาเยอะเลย” อาชีพที่ไม่ค่อยจะสุจริตพวกเขาก็ทำกันและยังมีผู้บัญชาการร่วมขบวนการ “อ้อฉันจำได้แล้ว” “ว้าวพี่สะใภ้วันนี่ผมมีของขวัญมาให้ด้วย” เฉินลี่หยางหยิบกำไรข้อมือออกมาเขาจำได้ว่าพี่สะใภ้ของเขาอายุครบยี่สิบสองปีแล้วชายหนุ่มจึงยื่นให้ “สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดครับ” “ขอบคุณค่ะคุณชายรอง” หญิงสาวหยิบขึ้นมาเป็นกำไรหยกสีเขียวสวยงามระรานตาราคาคงจะแพงไม่น้อย หลินเยี่ยนจือจึงส่งยิ้มให้เขา แต่เป็นเฉินเหยียนเฟยที่ตกหลุมพรางรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นเวลาอยู่กับน้องชายของเขาทำไมหญิงสาวจึงร่าเริงสดใสพออยู่กับเขากับทำท่าทีเหมือนจะขาดอากาศหายใจตาย “อะ แฮ่ม ไม่มีอะไรก็ไปทำงานข
แม่น้ำผู่ (หวงผู่) ไหลไปทางเหนือผ่านใจกลางเซี่ยงไฮ้ในยามค่ำคืนจะสวยงามกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาต้องการขอโทษหญิงสาวจึงให้คนขับรถพามาที่ร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ติดแม่น้ำผู่ที่ผู้คนนิยมมาออกเดตกัน “เราจะไปไหนกันคะ” “ฉันจะพาไปดินเนอร์” เฉินเหยียนเฟยตอบออกไปเขาตื่นเต้นเช่นกันเพราะไม่เคยออกไปไหนที่นี่ถือว่าเริ่มเจริญอย่างมากอีกไม่กี่ปีคงจะมีตึกสูงขึ้นมา “ทำไมมองผมแบบนั้น” “ฉันแค่สงสัยคุณสมองกระเทือนอย่างหนักหรืออะไร” เขาเปลี่ยนไปมากจนหญิงสาวเองก็ไม่ชินเธอกับเขาไม่เคยนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน “ทำไมเริ่มตกหลุมรักฉันขึ้นมาแล้วหรือ” ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบเมื่อหลินเยี่ยนจือเลือกที่จะเงียบเธอไม่มีอะไรที่จะถามเขา ตลอดเวลาเขาต้องการใบหย่าจากเธอพอมาวันที่เธอพร้อมเขากับไม่ยอมหย่า “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินลงมาจากรถร้านอาหารหรูขนาดนี้เธอไม่ค่อยได้มาเท่าไรตั้งแต่คุณพ่อเสียหญิงสาวก็ต้องหาเงินจนไม่มีเวลาออกไปไหน “ฉันสั่งอาหารไว้รอแล้ว” เขาไม่ได้สั่งเป็นเย่าหยางที่ดูแลทุกอย่างแค่อยากเอาใจหญิงสาว อาหารตรงหน้ามีแต่สิ่งที่หลินเยี่ยนจือชอบ
สามวันต่อมาหลินเยี่ยนจือจะออกไปพบเจอกับเพื่อสาวคนสนิทที่คอยอยู่ข้างกายเสมอมา ช่วงนี้แปลกเข้าไปใหญ่เมื่อเฉินเหยียนเฟยกับปล่อยให้เธอมีอิสระแถมยังให้เงินเก็บไว้ใช้อีก “เธอว่าคุณเฉินเขาเป็นอะไร” “หมอบอกความจำเสื่อมแต่การกระทำกลายเป็นคนละคนไปเลย” สองสาวนั่งพูดคุยกันอย่างออกรสใครก็ต่างรู้จักเฉินเหยียนเฟยดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร “ขนลุก”หลี่ย่าเสียนทำหน้าแบบสยองขึ้นมาขนลุกไปทั้งตัวไม่คิดว่าเจ้าพ่อมาเฟียจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้“เยี่ยนจือฉันต้องกลับแล้วมีธุระต้องไปต่อ”“เอาไว้เราค่อยเจอกัน”เมื่อเพื่อนออกจากร่นไปแล้วหญิงสาวจึงนั่งต่อสักพักและออกจากร้ายระหว่างนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหญิงสาวไม่ห่างพอรู้ตัวจึงเข้าประชิดและใช้ผ้าที่มียาสลบโป๊ะเข้าไปที่จมูกหลินเยี่ยนจือไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ“ได้เวลาแล้วครับ”“อะไรกันวะ” เฉินเหยียนจือต้องไปที่โกดังตามที่ลูกน้องบังคับก็ว่าได้ครั้งนี้มีเฉินลี่หยางตามติดไปด้วยแต่นั่งรถกันคนละคันชายหนุ่มใช้มือปาดเหงื่อเบาๆ“พี่ใหญ่เหงื่อออกร้อนหรือกลัว”“ใครกลัวตามฉันมา” คนปากเก่งเดินนำหน้าไปพอเห็นลูกน้องของศัตรูก็เบรกแทบหัวทิ่มแล
ผลัก ผัวะ “คุณชาย!” เย่าหยางวิ่งเข้ามาดูเจ้านายตัวเองที่ถูกเฉินลี่หยางต่อยเข้าไปที่หน้า “อย่า-เข้า-มา-ยุ่ง” “นายเป็นบ้าอะไร” เฉินเหยียนเฟยประคองตัวเองลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลหมัดเดียวทำให้เขาเกือบหลับ “พี่นะสิขี้ขลาดพี่สะใภ้น่าสงสารแค่ไหนพี่ก็ยังทนเห็นได้ใจดำวะ สมบัติที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้พี่ก็เอามาพี่แม่งทุเรสมาก” เฉินลี่หยางโมโหจนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้และกระชากเสื่อของเฉินเหยียนเฟยจนกระดุมหลุดร่วงลงพื้นเขามองดูที่หน้าอกข้างซ้าย “นายจะทำอะไร!” เฉินลี่หยางไม่ตอบเขาเดินจากไปทิ้งความสงสัยไว้ให้ชายหนุ่มดูเหมือนทุกคนจะเห็นใจหลินเยี่ยนจือไม่น้อยแต่เขาไม่ได้ทำอะไรหญิงสาวเสียหน่อยเขาแค่มาอาศัยร่างเฉินเหยียนเฟยอยู่ “ไอ้หมอนั่นมันบ้าฉิบ!” “คุณชายรองอาจเป็นห่วงคุณผู้หญิงครับ” “แล้วมันกระชากเสื้อฉันทำไมวะ” “คุณเฉินเหยียนเฟยไม่มีปานที่หน้าอก” เพล้ง แก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่มร่วงลงพื้นและแตกกระจายชายหนุ่มก้มลงไปมองปานที่หน้าอกของตัวเอง แสดงว่าเย่าหยางรู้มาตลอดว่าเขาไม่ใช่เฉิน
“ต่อไปก็ห้ามมาหาฉันอีกฉันมีภรรยาแล้ว!”“นี่คุณจะเขี่ยฉันทิ้งเหรอ” หญิงสาวถามกลับด้วยความร้อนรนเมื่อชายหนุ่มพูดแบบนั้น เขาไม่เคยพูดแบบนี้กับเธอสักครั้งหรือเขาจะตกหลุมรักภรรยาตัวเองเข้าแล้ว“คุณรักมันใช่ไหม”“แล้วมันผิดตรงไหนที่ฉันจะรักภรรยาตัวเองไปรักคนอื่นสิแปลก” ผู้หญิงอะไรสวยแล้วยังไม่มีสมองอีกพระเจ้าลืมประทานคู่มือการใช้ความสวยให้หรืออย่างไร“คุณมาหลอกให้ความหวังฉันเหรอ” จางหลินซินหน้าเสียตั้งแต่เขาถูกยิงคราวนั้นมารอบนี้เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนและดูเหมือนเขาจะแคร์ภรรยาของเขาเหลือเกิน“ฉันให้ความหวังอะไร? มีแต่เธอหรือเปล่าที่หลอกตัวเองว่าฉันจะรัก”“คุณ!”“ออกไปจากชีวิตฉันอย่ามาวุ่นวายกับภรรยาของฉัน”เฉินเหยียนเฟยเบื่อหน่ายผู้หญิงคนนี้ดูไม่ออกหรือยังไงว่าผู้ชายเขาไม่เอายังจะตามตื๊อ ถ้าเป็นเขาไม่อยู่รอตั้งแต่แรกแล้วมาเฟียคนนั้นก็หน้าตัวเมียมากทางด้านหลินเยี่ยนจือกำลังลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตอนนี้ท้องร้องและหิวข้าวมากเมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้แต่ปล่อยวางเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสของเขาช่างอ่อนโยน“คุณผู้หญิงให้ฉันยกขึ้นมาข้างบนให้ไหมคะ”“ซีหลินมีอะไรไม่อยากให้ฉันรู้”“เอ่อ วันนี้ค
เจ็ดวันแล้วที่ทั้งสองห่างเหินไม่ยอมพูดคุยกันเฉินเหยียนเฟยก็มัวเรียนรู้แต่งานจนไม่มีเวลาที่จะปรับความเข้าใจกันส่วนหญิงสาวที่จะหลบหน้าตลอดเวลา “หลินเยี่ยนจือละ” “อยู่ที่สวนหลังบ้านค่ะ” เฉินเหยียนเฟยไม่รอช้าจะเดินเข้าไปหาหญิงสาวเขาจะต้องรีบปรับความเข้าใจกันไม่อย่างนั้นก็คงหลบหน้ากันอยู่แบบนี้ “อุ้ย คุณ” “หลบหน้าฉันทำไม?” เขาถามออกไปตรงๆ เขาก็อึดอัดใจเช่นกันแถมงานอะไรก็ไม่รู้รัดตัวเขาอยู่ตลอดจนขยับไปไหนไม่ได้เลย “ปะ เปล่าค่ะ” “โกหก! หากเรื่องคืนนั้นฉันพร้อมจะรับผิดชอบ” ทำไมต้องใช้คำนี้ด้วยเพราะทั้งสองก็เป็นสามีภรรยากันแล้วแต่ภายในจิตใจไม่ใช่เฉินเหยีนเฟยตัวจริง “คุณไม่สบายหรือเปล่า” ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้บางทีสมองอาจจะกระทบกระเทือนเกินไปถึงได้กลายเป็นคนละคนกัน “เยี่ยนจือพี่อยากดูแลเรา” เขาพูดความรู้สึกออกมาจากภายในจิตใจขอแค่ได้ดูแลก็ยังดีเขาจะชดเชยเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดให้หลินเยี่ยนจือเอง “...” “เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม” “คุณป่วยเหรอคะ” เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนเธอเองก
หลินเยี่ยนจือสงสารคนป่วยเลยเข้ามาดูแลหญิงสาวอยากอยู่ให้ห่างจากเขาเพราะกลัวหัวใจตัวเองว่าจะตกหลุมพรางเขาร้ายกาจยิ่งกว่าอะไร“ทำไมไม่ตายไปเลย” หญิงสาวบ่นออกมาเบาๆ โดยไม่ให้ชายหนุ่มได้ยิน“เธอกำลังด่าฉันอยู่หรือเปล่า” ทำปากแบบนั้นเขาเดาไม่ผิดแน่คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่ปากร้ายมาก ตอนนี้อยู่กับเจ้าของร่างตัวจริงจะปากเก่งแบบนี้ไหม“เปล่า”“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอด่าคนฉันเก่งมากเลย” ที่เจอกันครั้งแรกหลินเยี่ยนจือไม่ใช่คนที่จะมาต่อปากต่อคำอะไรด้วย“เหรอฉันไม่เห็นรู้” เธอไม่รู้จริงๆ ว่ากลายเป็นคนแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไร“จะทำอะไร!”“อาบน้ำให้ฉันหน่อย” เฉินเหยียนเฟยเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวกลิ่นกายช่างหอยั่วยวนเขามาก ไม่เคยคิดอยากจะแกล้งใครแบบนี้มาก่อน“ถอยออกไปไม่ต้องมาใกล้ขนาดนี้ก็ได้” หญิงสาวจึงเดินเข้าไปในห้องน้ำเฉินเหยียนเฟยจึงเดินตามเข้าไปโดยที่ยังไม่ถอดเสื้อผ้าออก “ถอดเสื้อผ้าสิครับคุณภรรยาคงไม่ให้ผมอาบทั้งชุดหรอกนะ”“คุณพิการหรือไง” ปากได้แต่ต่อว่าเขาสุดท้ายก็ยอมถอดเสื้อเขาออกตามด้วยกางเกงหญิงสาวจึงรีบอาบน้ำให้เขาโดยที่สายตาไม่ยอมมอง“เธอถูกหัวนมของฉันเป็นชั่วโมงแล้ว จนมันแข็งแล้ว”“บะ บ้าที่สุดเลย
“ไงไปกินข้าวกับผู้ชายมาอร่อยใช่ไหมล่ะ” เขาได้รับรายงานมาว่าหลินเยี่ยนจือออกไปทานข้าวกับอดีตนายจ้างตัวเอง เขามองมาจากดาวอังคารยังรู้ว่ามันคิดไม่ซื่อ “คุณให้คนแอบตามฉันเหรอ” “เปล่า ก็แค่บังเอิญผ่านไปเห็น” ใครจะกล้าบอกว่าเขาให้คนแอบตามหญิงสาว “ก็ดีค่ะมาเข้าเรื่องของเราดีกว่า” “เรื่องอะไร” เฉินเหยียนเฟยหน้าตั้งขึ้นมาเพราะเขาไม่อยากได้ยินคำว่าหย่าจากปากของหญิงสาว เรื่องอะไรที่จะต้องยอมหย่าให้ “ถ้าคุณไม่ยอมหย่านั้นเราก็มาเป็นสามีภรรยากัน” เธอทำตามที่หลี่ย่าเสียนแนะนำ หากไม่หย่าก็แค่ศึกษาดูใจกัน “คุณไม่สบายใช่ไหม” ชายหนุ่มใช้มือมาแตะหน้าผากของหญิงสาวเขาไม่อยากจะเชื่อว่าหลินเยี่ยนจือจะพูดแบบนั้นออกมา ปกติอยากได้แต่ใบหย่า “คุณแน่ใจนะที่พูดออกมา” “ใช่ แต่ฉันมีข้อแม้” ผู้ชายแบบเขาต้องตามให้ทันเธอไม่ใช่คนอ่อนแออีกต่อไปแล้ว “ข้อแม้อะไร” นาทีนี้อะไรก็ยอมทั้งนั้นจะทำได้หรือไม่ได้ก็อีกเรื่องหนึ่ง ตอนนี้แค่หญิงสาวต้องการอะไรเขาก็ทำให้ได้หมด “คุณต้องเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน” “ตกลง” เฉินเหยียนเฟยตอบตกลงอย่างรว
หลายเดือนผ่านไปหลินเยี่ยนจือตั้งครรภ์ครบแปดเดือนแล้วอีกไม่นานเธอจะได้เจอหน้าลูกน้อย ไม่รู้ว่าในท้องของเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย“อื้อออ”“ทำไมขี้อ้อนจังเลยคะ”“จะคลอดแล้วขอเข้าไปสะกิดลูกก่อนได้ไหม”สะกิดของเขาคงไม่ใช่การสะกิดธรรมดาเป็นแน่ ตั้งแต่เธอท้องมาเขาก็ขยันทำการบ้านเสียเหลือเกินวันไหนที่เขาว่าง จะเข้าไปทักทายลูกน้อยทุกครั้ง“คะ คุณอ่ะ”“รอบนี้จะทำเบาๆ นะครับ” แล้วเธอเคยปฏิเสธเขาได้ที่ไหนมีแต่ยอมทุกเขาทุกอย่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ห้ามเขาจึงไม่รอช้าหลังจากนี้คงไม่ได้ทำแบบนี้อีกนานหลายเดือน รอบหน้าจะเอาลูกหลายๆ คนเลยลูกน้องเต็มบ้านจะได้ช่วยกันเลี้ยง“ซี้ดดดด อ่าส์ นอนตะแคงนะ” เขาให้หญิงสาวนอนตะแคงข้างเพราะท้องโตมากแล้วต้องระวังให้มาก เขาจัดการสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามด้วยของหญิงสาว“เหยียนเฟยคะ อื้อ” หญิงสาวครางออกมาเมื่อชายหนุ่มก้มไปดูดเลียติ่งเสียวและใช้มือบดขยี้จนแดงเถือกลิ้นอุ่นๆ สัมผัสกับกลีบดอกไม้งาม “เจ็บให้บอกนะที่รัก อ่าส์”บทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หลินเยี่ยนจือนอนหมดแรงอยู่บนเตียงช่วงนี้เขาพร่าๆ ลงมาเยอะเพราะเธอใกล้จะคลอดแล้ว2 สัปดาห์ต่อมาหลินเยี่ยนจือให้กำเนิ
“โอ๊ยยยย” “คุณเหยียนเฟยคุณตบหน้าตัวเองทำไมคะ” ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้อีกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมาหรือเปล่าหรือว่าผู้ชายคนนั้นกลับมา “ผมฟื้นแล้วจริงๆ” ค่อยโล่งอกไปหน่อยคิดว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเจ็บแผลเหมือนตอนนั้นแต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันออกไป “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมเจอกับเขา...” เขาที่ชายหนุ่มหมายถึงหลินเยี่ยนจือรู้ดีว่าหมายถึงใคร “เขาฝากมาบอกว่าขอโทษคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาใจดีแล้วนะที่ยอมบอกหญิงสาว ทำเมียกูเจ็บยังจะมาฝากบอกอีกเขาไม่เตะหัวก็บุญแล้ว “เขาไปแล้วจริงๆ” หญิงสาวโล่งอกขึ้นมาต่อจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจอคนใจร้ายคนนั้นอีก ไม่อยากแม้แต่จะรู้จักแต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้วเธอได้แต่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป “ผมจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด จะดูแลคุณกับลูกของเราเอง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” เขาไม่อยากให้หลินเยี่ยนจือเศร้านานจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ดื้อเลยค่ะเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวไม่เคยแพ้ท้องเลยสักครั้ง และลูกก็ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนจะรู้ว่าคนเป็นแม่ก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว “ผมหลับไปหลา
หลินเยี่ยนจือนั่งมองเฉินเหยนเฟยที่นอนหลับไม่ได้สติมาสามวันแล้ว สามวันที่แสนจะทรมานสำหรับหญิงสาวเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกน้อยในท้อง“คุณผู้หญิงกลับไปพักก่อนเถอะครับ” เย่าหยางเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย หากมัวแต่โศกเศร้าอาการน่าจะทรุดไปตามๆ กัน“ฉันยังอยากอยู่กับเขา”หากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเธอเป็นคนแรก ขอร้องอย่าทิ้งเธอไปก็พอตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว“หากคุณชายตื่นผมจะรีบบอกคุณผู้หญิงคนแรกเลยครับ”หลินเยี่ยนจือจึงยอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านกลับได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากบ้านพักของเฉินลี่หยาง“ย่าเสียน! เธอมาทำอะไรที่นี่”“เยี่ยนจือช่วยฉันด้วย!” ย่าเสียนวิ่งเข้ามากอดเพื่อนสาวไว้เธออยากกลับไปอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่ยอม ความเสียใจบวกกับความโกรธทำให้เธอขาดสติทำร้ายเขา“เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวมองเจ้าของบ้านที่สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งไปกัดกับสุนัขมา หลินเยี่ยนจือมองทั้งสองคนสลับกันไปมาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่“ฉันอยากกลับไปหาพี่ชายฉัน ฮึก”“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” หญิงสาวหันมาถามเฉินหลี่ยางเธออยากถามเขาแต่ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องของหลี่ย่าเสียนเสียก่อน“ผมเปล่านะ
หลินเยี่ยนจือถูกพาตัวออกมาจากบ้านพัก หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นคนของซ่งห้าวอี้กำลังลำเลียงอาวุธขึ้นเรือ ดวงตาสบประสานกันกับหลี่ซืออี้ เวลานี้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปไม่ได้ “พามันขึ้นเรือไปด้วย” “ถ้าเราถึงจุดหมายปลายแล้วจะทำยังไงครับ” “ยิงมันทิ้งหรือไม่ก็ยกให้พวกบ้ากาม” ซ่งห้าวอี้มองหลินเยี่ยนจือด้วยแววตาที่สมน้ำหน้า “ไปกันเถอะ” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้หลี่ซืออี้เข้ามาจับตัว เธอแค่ขอให้เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน “คุณพ่อช่วยลูกด้วยนะคะ” “เจ้านายครับ! รถเที่ยวสุดท้ายถูกตำรวจจับไว้ได้ครับ” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้หญิงสาวพยายามที่จะฟัง ลูกน้องของซ่งห้าวอี้มารายงานว่ารถบรรทุกเที่ยวสุดท้ายถูกจับได้แล้ว “ไหนมึงบอกว่าตำรวจไม่เคยตรวจจุดนี้วะ” ซ่งห้าวอี้อารมณ์เสียขึ้นมา เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นมากพอสมควร “ตำรวจตั้งด่านเต็มเมืองไปหมดเลยครับ เราต้องรีบแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจแห่กันมาแน่” “รีบขนขึ้นเรือ!” เขาจะต้องไม่ถูกจับเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจหลายสิบนายบุกเข้ามา พร้อมกับคนที่เขาอยากจะเจอหน
เยี่ยนจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งมือยังคงถูกมัดอยู่ที่หัวเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แอด หญิงสาวหันไปที่ประตูที่เปิดออกตามมาด้วยคนตัวสูงที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว หลินเยี่ยนจือจำเขาได้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่ซืออี้ ตอนนี้เธอกำลังสับสนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร “หลี่ซืออี้เกิดอะไรขึ้น” “พี่ขอโทษเยี่ยนจือพี่จำเป็นต้องทำ” หากเขาไม่ทำตัวเขาและน้องสาวก็จะตกอยู่ในอันตรายเขาเชื่อว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยจะต้องมาตามหาหญิงสาว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี “คุณทำงานให้ใครหรือ?” เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นแต่คนเราก็ไม่สามารถหยั่งรู้ภายในจิตใจมนุษย์ได้ “เอาไว้เมื่อถึงเวลาจะรู้เอง ต่อจากนี้ทำตามที่พี่บอกก็พอเธอจะได้ไม่ลำบาก” “ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้” “พี่ทำเพื่อครอบครัว” หลี่ซืออี้เห็นสายตาที่ผิดหวังของหลินเยี่ยนจือก็รู้สึกเจ็บแต่พยายามที่จะเก็บอาการไว้ ยังไงเขาก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว “กินข้าวเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทาง” “เดินทาง? เราจะไปไหน”
“คุณจะไปไหนเหรอ” เฉินเหยียนเฟยเห็นหญิงสาวกำลังเตรียมของเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เขามีประชุมงานจึงไม่สามารถออกไปได้ “ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ” “แน่ใจว่าไปแค่นั้น” ไม่ใช่ว่าไปยืนอาลัยให้คนรักเก่าหรอกนะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อยู่กับเขาก็ต้องลืมคนรักเก่า “ค่ะ คุณจะให้ฉันไปไหนได้” “ระวังตัวด้วยนะผมเป็นห่วงคุณกับลูก” “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” หญิงสาวแก้มเขาและส่งเขาขึ้นรถ ส่วนเธอเตรียมตัวออกไปที่หลุมฝั่งร่างของบิดา วันนี้อากาศหนาวกว่าทุกวันและลมแรงทำให้หลินเยี่ยนจือต้องกระชับผ้าคลุมไว้แน่น เธอเดินถือดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าชื่อของบิดา “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะตอนนี้หนูสบายดีค่ะและกำลังจะมีหลานให้คุณพ่อด้วย” หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสักพักเมื่อได้สติจึงจะกลับไปรอเฉินเหยียนเฟยที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมีชายฉกรรค์เดินมาขวางทางเธอไว้ “พวกคุณเป็นใคร!” หญิงสาวมองไปที่ลูกน้องของเฉินเหยียนเฟยที่สลบอยู่ที่พื้นหญ้าไม่ไกลจากรถที่จอดรอรับเธอ หลินเยี่ยนจือรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ไปกับพวกผมดีๆ จะได้
ปัง! หลินเยี่ยนจือปิดประตูเสียงดังและมานั่งที่เก้าอี้มุมห้องคิดถึงคำพูดของเฉินลี่หยาง วันที่จางหย่งเสียชีวิตทุกคนลงความเห็นว่าเขาถูกคนร้ายยิงแต่ทำไมถึงเป็นฝีมือของเฉินเหยียนเฟยไปได้ “ทำไมต้องเป็นคุณด้วยตายไปแล้วก็กลับไปชดใช้สิ่งที่คุณเคยทำไว้ซะ” ชีวิตของเธอต้องอยู่ที่นั่งลำบากไม่เคยใช้ชีวิตเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกัน “แล้วคุณจะไปจากฉันหรือเปล่า” เฉินเหยียนเฟยคนนี้ทำให้เธออยากจะรักใครอีกครั้ง เธอยินดีที่จะมอบกายและหัวใจให้เขาแค่คนเดียว แต่พอมารู้แบบนี้แล้วเธออดที่จะโกรธเขาไม่ได้หญิงสาวรู้ว่าเฉินเหยียนเฟยเป็นคนละคนกัน เขาคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงเดินกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้งเห็นเขากำลังนั่งเล่นกับสุนัขที่เคยกัดเขา สุนัขคงจะรู้ว่าใครคือเจ้านายตัวจริงของมัน “ฉันอยากคุยกับคุณ” “พูดมาสิ” “คุณรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนยิงจางหย่ง” มือที่กำลังลูบหัวสุนัขจึงหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลินเยี่ยนจือ หรือว่าหญิงสาวจะได้ยินในสิ่งที่น้องชายของเขาพูด “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม” “เฉินเหยียนเฟยเป็นคนยิ่งเขาใ
“พี่ชาย!” หลี่ย่าเสียนเดินเข้ามาเห็นพี่ชายตัวเองเหมือนกำลังทำอะไรอยู่จนเธอมองไม่ทัน “ย่าเสียนวันหลังเข้ามาเคาะประตูด้วย” หลี่ซืออี้รีบเก็บของเข้าไปในตู้เซฟ และปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้น้องสาวสงสัยว่าเขาทำอะไร “พี่ชายช่วงนี้ไม่ค่อยเข้าไปทำงานเลย” “พี่ พี่งานยุ่งนะ” ความจริงเขาไม่ได้เข้าไปดูโรงงานนานแล้วเพราะเขามีแห่งหาเงินที่ดีกว่านั้น “มีอะไรบอกน้องได้เลยนะ” “มองอะไร” เขาเห็นหลี่ย่าเสียนมองไปที่ตู้เซฟจึงทำเสียงดุ “ไม่มีอะไรน้องออกไปข้างนอกนะคะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรหลี่ย่าเสียนจึงออกมาจากห้องทำงานของพี่ชาย เธอเองยังสงสัยว่าช่วงนี้พี่ชายเป็นอะไร “เงิน เงินทั้งนั้น” หลี่ซืออี้กำลังหลงมัวเมากับสิ่งผิดกฎหมายโรงงานของเขาขาดสภาพคล่องตัวทางด้านการเงิน เขาจึงหันหน้ามาเพิ่งซ่งห้าวอี้ กริ้ง กริ้ง “ครับ” “นายมาพบฉันที่เดิม” “ผมจะรีบไปครับ” เมื่อวางสายหลี่ซืออี้จึงรีบแต่งตัวช่วงนี้เขาเริ่มทิ้งโรงงานตัวเอง บางครั้งของผิดกฎหมายก็แอบเอาเข้ามาพักไว้ที่โกดังของเขาก่อนจะลำเลียงขึ้นเรือไป “ไม่รวยวันนี้
ลี่เจินเดินมารายงานเจ้านายตัวเองว่าหลินเยี่ยนจือไปหาหมอที่โรงพยาบาลและได้เจอกับซ่งห้าวอี้ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก “ไอ้หมอนี้สงสัยอยากไปเฝ้านรก” ตามติดชีวิตของเขายังกับเป็นเงาตามตัว เขานั่งรอหลินเยี่ยนจือเพราะรอคำตอบจากหญิงสาวเรื่องลูก “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วครับ” ลี่เจินเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพราะเห็นว่าเจ้านายคงอยากอยู่กับภรรยาตามลำพัง “สรุปท้องได้กี่เดือนแล้ว” “ไม่ต้องยุ่งได้ไหม” อารมณ์คนท้องจึงหงุดหงิดขึ้นมายิ่งเห็นหน้าของเฉินเหยียนเฟยเธอยิ่งหงุดหงิด เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดทุกอย่าง “นั้นถามใหม่คุณเมียแพ้ท้องไหมครับ” เขาแน่ใจว่ายังไงหญิงต้องท้อง หลินเยี่ยนจือคงไม่แพ้ท้องเพราะตอนนี้เขารับกรรมนั้นมาเต็มๆ “คุณอย่ามากวนประสาทฉันได้ไหม” “ใช่สิ คุณไม่ได้แพ้ท้องหนิจะไปรู้สึกอะไร” เขานี่เวียนหัวและอาเจียนจนไม่อยากลุกออกไปจากที่นอน โบราณเขาบอกถ้าแพ้ท้องแทนเมียแสดงว่ารักเมียมากคงจะจริง “คุณแพ้ท้องแทนฉันเหรอ” หลินเยี่ยนจือจึงเริ่มใจเย็นขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มไม่ดีขึ้น “อุ้ย จะทำอะไร!” “อยากกอดเมียอยา