“ถ้าอย่างรบกวนคุณไห่ลี่โอนเงินจำนวน 3 หมื่นหยวนเข้ามาในระบบเลยครับทางเราจะได้ทำเรื่องเบิกเงินให้ครับ”
เมื่อเหยื่อหลงกลและโอนเงินเข้ามาทำให้เฉินเหยียนเฟยยิ้มออกมาอย่างพอใจที่สามารถหลอกเหยื่อให้ตายใจได้ เมื่อเงินถูกโอนเข้ามาในบัญชีเขาจึงรีบบล็อกทุกช่องทางการติดต่อโดยไม่ทุกข์ร้อนอะไรว่าเหยื่อจะเป็นอย่างไร
“โห่พี่เก่งมากเลยนับถือ”
“พี่แน่อยู่แล้วไอ้น้อง”
เฉินเหยียนเฟย ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปีที่ทำอาชีพแก๊งคอเซนเตอร์หลอกลวงชาวบ้าน เขาอยู่วงการนี้มาเกือบสามปีแล้วใครว่าคนน่ากลัวความจนต่างหากที่น่ากลัวเขาปากกัดตีนถีบตัวเองมาจนมีเงินมีทองทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“ไอ้หนุ่มดวงถึงแล้ว” ยายชราที่นั่งอยู่บริเวณคอสะพานเอ่ยขึ้นมาเมื่อเฉินเหยียนเฟยเดินผ่านหน้า เธอรู้เธอเห็นอีกไม่กี่ชั่วโมงหรอกน่าสงสารอายุยังน้อยอยู่เลย
“ยายพูดอะไรแก่แล้วเลอะเลือนหรือไง” เขาหัวเสียขึ้นมาที่ถูกทักแบบนั้น ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนแก่และเป็นหญิงชราเขาเตะหัวคว่ำไปแล้ว
“อย่าเดินไปทางนั้นเลยไอ้หนู”
“พูดอะไรของยายมาแช่งกันทำไม”
“คนเราหนีไม่พ้นความตายหรอก” แล้วแต่สวรรค์จะกำหนดว่าใครจะอยู่หรือใครจะตายยายชราส่ายหน้าแม้จะห้ามแล้วแต่ชายหนุ่มก็ไม่ฟังเดินข้ามสะพานไป
“เห้ออ เวรกรรมหรือสวรรค์เมตตาก็ไม่รู้”
เฉินเหยียนเฟยเดินข้ามสะพานตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้วเขาต้องการพักผ่อนแต่คำพูดของยายชราทำให้เขาเริ่มคิดมาก ร้อยวันพันปีเจอหน้ากันทุกวันมานี้กลับมาแช่งเขา
“คนอย่างกูไม่ยอมตายหรอกถ้ามีเมียสวยๆ หุ่นบึ้มๆ เมื่อไรจะยอมตาย” เขากำลังจะเดินข้ามถนนไปแต่เหมือนมีเสียงแว่วๆ ของใครดังปลิวผ่านลมมา ‘อย่าเดินไป’
“คิดมากอีกแล้ว”
เฉินเหยียนเฟยเดินข้ามถนนที่ตอนนี้ไม่มีรถแล่นผ่านเพราะเป็นเวลาตีสี่แล้ว เพียงแค่ข้ามถนนได้ครึ่งทางก็มีเสียงปืนดังขึ้นมาหนึ่งนัดจนเขาต้องมองหาต้นตอของเสียง
ปัง ปัง ปัง
“เห้ย ไรวะแม่งซวยแล้วกู” เขาพยายามจะหาที่หลบกระสุนเมื่อเห็นกลุ่มคนยกพวกตีกันในมือมีทั้งอาวุธปืนและมีดดาบเต็มไปหมดกำลังวิ่งกรูกันมาทางที่เขายืนอยู่
“ไม่อยู่แล้วโว้ย”
ปัง
เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดเหมือนทุกอย่างกำลังจะหยุดนิ่งชายหนุ่มค่อย ๆ มองลงไปที่หน้าอกที่ตอนนี้เลือดกำลังไหลออกมา เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยสักนิด
เฉินเหยียนเฟยล้มลงที่กลางถนนเขามองเห็นผู้คนกำลังวิ่งหนีไปอีกทางและเสียงจากไฟหน้ารถ เขาไม่ได้ยินเสียงคนรอบข้างเขาถูกยิงเข้าที่หน้าอกข้างซ้ายตัดขั้วหัวใจหยดน้ำตาไหลลงมาก่อนจะล้มตัวลงนอนและสติค่อยๆ ดับไป
ตำรวจและรถพยาบาลต่างพากันนำคนไข้ส่งโรงพยาบาลเหตุเกิดจากการทะเลาะวิวาทของผู้มีอิทธิพลและมีคนเสียชีวิตหนึ่งรายในที่เกิดเหตุทราบชื่อคือ เฉินเหยียนเฟย
มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ 1980
หลินเยี่ยนจือกำลังนั่งรอคุณหมอที่หน้าห้องผ่าตัดด้วยแววตาที่สงบนิ่งไม่มีความดีใจหรือเสียใจ หลินเยี่ยนจือแต่งงานตั้งแต่อายุ 19 ปีจนตอนนี้อายุครบ 22 ปีแล้ว 3 ปีกับการแต่งงานแต่ไม่เคยอยู่กับสามีตัวเอง หญิงสาวถูกบังคับให้แต่งงานกับเฉินเหยียนเฟยซึ่งเป็นเจ้าพ่อมาเฟียที่มีอิทธิพลมากที่สุด
เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาหญิงสาวได้รับรายงานว่าสามีถูกยิงอาหารสาหัสตอนนี้หมอกำลังยื้อชีวิตของเขาอยู่ เฉินเหยียนเฟยคนที่ผู้คนต่างยำเกรงและเคารพเขามีผู้หญิงมากมายบางครั้งคนของเขาก็ตามราวีหลินเยี่ยนจือ
“ญาติของคุณเฉินเหยียนเฟยครับ”
“ฉันเองค่ะ”
“ตอนนี้คนไข้อยู่ในขั้นวิกฤติต้องรักษาตัวในห้องไอซียูก่อนครับกระสุนเข้าไปในจุดที่สำคัญ”
เฉินเหยียนเฟยถูกลอบทำร้ายในขณะที่กำลังไปเที่ยวผับกับผู้หญิงของ หญิงสาวที่เป็นภรรยาไม่เคยขึ้นเตียงกับเขาเลยสักครั้งเพราะชายหนุ่มนั้นรังเกียจเธอยิ่งกว่าอะไรชายหนุ่มต้องแต่งงานกับเธอเพราะคำว่าบุญคุณที่พ่อของเธอเคยช่วยเขาไว้ก่อนที่พ่อจะจากไปด้วยโรคร้ายหลังวันแต่งงานแค่สามวัน
“คุณผู้หญิงกลับก่อนนะครับ”
“ฝากทางนี้ด้วย” หญิงสาวกำลังจะหมุนตัวกลับแต่เห็นผู้หญิงของชายหนุ่มเดินเข้าทางนี้เสียก่อน
“ฉันมาเยี่ยมเหยียนเฟย” จางหลินซินเดินมาแสดงตัวหญิงสาวรอเวลานี้มานานแล้ว ภรรยาแต่งหรือจะสู้คนที่เขาหลับนอนด้วยเมื่อได้รับข่าวว่าเขาบาดเจ็บหญิงสาวจึงรีบมาทันที
“เย่าหยาง”
“ครับ”
“ไม่ต้องให้สวะคนไหนเข้ามาเยี่ยม” พูดจบหลินเยี่ยนจือจึงเดินทางกลับหลังจากที่เฝ้ารอดูอาการของเขามาหลายชั่วโมง เธอตัดสินใจแล้วว่าหากเขาหายดีเธอจะขอเขาหย่าและจะกลับไปใช้ชีวิตที่เงียบสงบตามลำพัง
หลินเยี่ยนจือลูกคุณหนูตระกูลหลินคือมั่งคั่งมาก่อนสุดท้ายบิดาก็จากไปด้วยโรคร้ายทิ้งสมบัติไว้มากมายให้เธอที่เป็นลูกคนเดียวที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างจนมีเฉินเหยียนเฟยเข้ามาดูแล
หญิงสาวหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าเฉินเหยียนเฟยไม่ค่อยได้กลับมาพักที่คฤหาสน์หลังโตนี้ เขาตราหน้าเธอทุกวันว่าเป็นตัวถ่วงชีวิตของเขา
“เยี่ยนจือคิดถึงคุณพ่อนะคะ”
กริ้ง
หญิงสาวสะดุ้งตื่นเพราะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่สายโทรเข้ามาจากโรงพยาบาลให้เธอรีบเข้าไปดูอาการของชายหนุ่มที่อาการไม่ค่อยสู้ดี
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“คุณชายจู่ๆ ก็ฟื้นขึ้นมาและร้องโวยวายไม่ให้ใครเข้าใกล้เลยครับ คุณผู้หญิงระวังตัวด้วย”
“ไม่เป็นอะไรฉันจะเข้าไปดูเขาเอง”
หญิงสาวเดินเข้ามาในห้องพักฟื้นของชายหนุ่มที่เพิ่งถูกย้ายออกมาจากห้องผู้ป่วยวิกฤต หมอนกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นหลินเยี่ยนจือจึงเดินไปพูดกับเขา
“คุณเป็นอะไรขึ้นมา”
“ถอยออกไป ไม่จริงฉันอยากตาย”
“กรี๊ดดด ช่วยด้วย” หญิงสาวกรีดร้องออกมาเมื่อคนป่วยวิ่งไปที่ระเบียงห้องและทำท่าทีจะกระโดดลงไปที่พื้นเบื้องล่าง
“คนไข้ใจเย็นๆ นะครับ”
“บอกฉันมาปีนี้ ค.ศ. อะไร” เฉินเหยียนเฟยมองไปรอบๆ กายและรู้สึกสับสนที่นี่ไม่คุ้นตาและสภาพแวดล้อมภายนอกเหมือนย้อนเวลากลับมาสู่ยุค 80 เสียอย่างนั้น แต่คนตรงหน้าชั่งสวยหยาดเยิ้มราวกับนางฟ้า
“ปีนี้ ค.ศ 1980 ค่ะคุณเข้ามาข้างในก่อน” หลิวเยี่ยนจือพยายามที่จะพูดคุยกับเขา ชายหนุ่มเหมือนไม่ใช่คนที่เธอเคยรู้จักมาก่อน
“ถอยออกไป” หรือว่าเขากำลังฝันไปชายหนุ่มตบเข้าไปที่แก้มของตัวเองและร้องออกมาเพราะรู้สึกเจ็บ
“คุณชายอย่าทำร้ายตัวเองครับ” ทั้งหมอและพยายามต่างพากันเข้ามาห้ามแต่ดูเหมือนว่าเฉินเหยียนเฟยกำลังตกอยู่ในความคิดของตัวเองเขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหญิงสาวตรงหน้า
“คุณเป็นใคร”
“เหยียนเฟยคุณจำฉันไม่ได้?” เขาเกลียดเธอจนต้องแกล้งจำเธอไม่ได้เชียวหรือ แต่แววตาที่แสนตื่นตระหนกนั้นทำให้เธอมั่นใจว่าไม่ใช่เขา
“ผมจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น” อย่างน้อยการแกล้งความจำเสื่อมก็อาจจะทำให้เขามีชีวิตรอดได้ แต่ทำไมจู่ๆ ความทรงจำเก่าๆ ถึงโผล่เข้ามาในสองของเขาเป็นตอนที่ถูกยิงแต่ความทรงจำนั้นไม่ใช่ของเขา
“นี้คุณผู้หญิงภรรยาของคุณชายครับ”
เฉินเหยียนเฟยหันไปมองหญิงสาวทันทีภรรยาแสดงว่าเขาต้องเข้ามาอยู่ในร่างของคนรวยแน่ๆ ถึงได้มีคนเรียกว่าคุณชายและมีภรรยาสวยขนาดนี้
“ผมอยากอยู่กับคุณตามลำพัง”
เฉินเหยียนเฟยพอจะเดาเรื่องราวที่ผ่านมาได้บ้างเขานั่งจ้องใบหน้าของหลินเยี่ยนจือคนอะไรทั้งสวยทั้งน่ารัก เจ้าพ่อมาเฟียตัวจริงก็โง่เสียยิ่งกว่าอะไรมีเมียสวยขนาดนี้ยังไม่รักเมีย “คุณเป็นภรรยาผมจริงๆ ใช่ไหม” “คุณถูกยิงที่หน้าอกทำไมสมองถึงได้รับความกระทบกระเทือน” หญิงสาวทำท่าทีสงสัยเพราะตั้งแต่นั่งคุยกันมาเขาจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจ “คนไข้การสูญเสียความทรงจำชั่วคราวครับอาจจะมีเรื่องอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจ [1]” คุณหมออธิบายไปเกี่ยวกับอาการป่วยของชายหนุ่มแต่หลินเยี่ยนจือไม่เชื่อว่าเขาจะความจำเสื่อม เฉินเหยียนเฟยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเกือบหนึ่งเดือนเต็มถึงได้กลับมาที่คฤหาสน์หลังโตที่เขาไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะได้มาอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ “ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะคุณชาย” สาวใช้ทั้งหลายต่างพากันมายืนรอต้อนรับเจ้านายที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล “ตามสบาย” เขาเดินตัวปลิวเข้ามาในบ้านหลังใหญ่โตและเห็นรูปแต่งงานของเฉินเหยียนเฟยกับหลินเยี่ยนจือรู้สึกคันยุกยิกที่หัวใจไม่น้อย ‘นายตายไปแล้วต่อไปฉันจะดูแลหลินเยี่ยนจือเอง’
“ใครส่งพวกนายมา” เสียงโหดพอไหมวะชายหนุ่มปรับสีหน้าและแววตาให้ดูเหมือนคนโหดเหี้ยม แต่เหมือนคนร้ายจะไม่กลัวเลยสักนิด “ฮ่าๆๆ ฉันยอมตายดีกว่าพูด” “แล้วเราจะเอายังไงต่อมันไม่ยอมพูด” เฉินเหยียนเฟยหันมาถามเย่าหยางว่าเขาต้องทำยังไงต่อเจ็บตัวไม่พอยังต้องมาปวดสมองกับเรื่องไร้สาระอะไรอีก “ยิงมันเลยไหมครับ” ลี่เจินยื่นปืนให้คุณชาย “นายเอาออกไปไกลๆ อยากจะทำอะไรกับพวกมันก็ทำไป” เฉินเหยียนเฟยไม่ได้สนใจและให้ลูกน้องจัดการคนร้ายเขาอยากรู้ว่าคนพวกนี้จะทำยังไง พูดไม่ทันจะจบลี่เจินจึงยิงไปที่ต้นขาของคนร้ายหนึ่งนัด ปัง “เห้ยย” เฉินเหยียนเฟยใช้มือปิดปากตัวเองไว้เพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ชายหนุ่มต้องแกล้งทำตัวให้เป็นปกติทั้งที่ความจริงอยากจะร้องออกมาและวิ่งหนีไปเลย “คุณชายครับ คุณชาย!” “อะไรวะ ตกใจหมดเลยนายอยากจะทำอะไรก็ทำไป” เย่าหยางพาคุณชายกลับมารอที่รถสักพักพวกนั้นก็พากันออกมาภาพที่คนถูกยิงยังติดตาเขาอยู่เลย ตายเพราะกระสุนปืนยังคงวนเวียนอยู่แต่กับปืน เทวดาตนไหนผลักให้เขาเข้ามาอยู่ในร่างนี่
หลินเยี่ยนจือกลับมาถึงคฤหาสน์ก็ไม่ยอมพูดยอมจากันกับชายหนุ่มเธอกำลังโกรธเขาตามปีที่ผ่านมาเขาทรมานเธอไม่พออีกหรือหญิงสาวอยากหลุดพ้นไปจากตรงนี้ “ฮึก ฮือ คุณพ่อขา” เมื่อความอ่อนแอเล่นงานคนที่พยายามจะเข้มแข็งจึงร้องไห้ออกมาพ่อทิ้งเธอไว้ให้เผชิญโลกกว้างและเขาคนนั้นที่ทิ้งเธอไว้ จางหย่งคือผู้ชายที่เธอรักเขาจากโลกนี่ไปได้สามปีแล้ว ปัง! “คุณเข้ามาทำอะไรออกไป” “อยากออกไปอยู่หรอกมากินข้าวก่อน” เฉินเหยียนเฟยให้สาวใช้ถืออาหารเข้ามาให้หญิงสาวตอนนี้เลยเวลาเที่ยงมานานมากแล้ว หญิงสาวทำนิ่ง “ออกไป” “กินก่อนเดี๋ยวฉันจะออกไป หรือกลัวว่าฉันจะวางยา” ชายหนุ่มหยิบขนมขึ้นมาและกดเข้าไปหนึ่งและเคี้ยวให้คนตัวเล็กดูแต่กินได้ไม่กี่คำรู้สึกว่าจะหายใจไม่ออก “นี่มันอะไร” “เซาปิ่ง[2] ทำจากแป้งผสมมันเทศ” หญิงสาวจำมันได้ดีเพราะจางหย่งแพ้มันเทศแต่หญิงสาวกับชอบกินเซาปิ่งแต่ดูเหมือนว่าคนตรงหน้าจะหน้าดำหน้าแดงไอออกมา “แค่กๆๆ” “อย่ามาล้อเล่นกับฉันนะ” “ชะ ช่วยฉันด้วย...” เขาไม่รู้ว่าข้างในคือมันเทศเขาแพ้มันเทศซึ่งมันเคยทำให้เขาเกือ
ช่วงสายของมีขกเข้ามาขอพบเฉินเหยียนเฟยเขาคนนั้นคือเฉินลี่หยางลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มแต่เฉินเหยียนเฟยกับมีความทรงจำเกี่ยวกับน้องชาย “พี่ชายวันนี่ผมกลับมาแล้วงานที่ให้ทำสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี” “งาน?” ชายหนุ่มสงสัยว่างานอะไรที่ให้น้องชายไปทำเพราะเขาจำไม่ได้นอกจากจะค้าขายกับต่างชาติยังมีอะไรอีก “ลืมไปว่าจำอะไรไม่ได้ก็พี่ส่งผมไปขายอาวุธให้รัฐบาลทางตอนใต้ไงได้เงินมาเยอะเลย” อาชีพที่ไม่ค่อยจะสุจริตพวกเขาก็ทำกันและยังมีผู้บัญชาการร่วมขบวนการ “อ้อฉันจำได้แล้ว” “ว้าวพี่สะใภ้วันนี่ผมมีของขวัญมาให้ด้วย” เฉินลี่หยางหยิบกำไรข้อมือออกมาเขาจำได้ว่าพี่สะใภ้ของเขาอายุครบยี่สิบสองปีแล้วชายหนุ่มจึงยื่นให้ “สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดครับ” “ขอบคุณค่ะคุณชายรอง” หญิงสาวหยิบขึ้นมาเป็นกำไรหยกสีเขียวสวยงามระรานตาราคาคงจะแพงไม่น้อย หลินเยี่ยนจือจึงส่งยิ้มให้เขา แต่เป็นเฉินเหยียนเฟยที่ตกหลุมพรางรอยยิ้มที่เขาไม่เคยเห็นเวลาอยู่กับน้องชายของเขาทำไมหญิงสาวจึงร่าเริงสดใสพออยู่กับเขากับทำท่าทีเหมือนจะขาดอากาศหายใจตาย “อะ แฮ่ม ไม่มีอะไรก็ไปทำงานข
แม่น้ำผู่ (หวงผู่) ไหลไปทางเหนือผ่านใจกลางเซี่ยงไฮ้ในยามค่ำคืนจะสวยงามกว่านี้ แต่ตอนนี้เขาต้องการขอโทษหญิงสาวจึงให้คนขับรถพามาที่ร้านอาหารสุดหรูที่อยู่ติดแม่น้ำผู่ที่ผู้คนนิยมมาออกเดตกัน “เราจะไปไหนกันคะ” “ฉันจะพาไปดินเนอร์” เฉินเหยียนเฟยตอบออกไปเขาตื่นเต้นเช่นกันเพราะไม่เคยออกไปไหนที่นี่ถือว่าเริ่มเจริญอย่างมากอีกไม่กี่ปีคงจะมีตึกสูงขึ้นมา “ทำไมมองผมแบบนั้น” “ฉันแค่สงสัยคุณสมองกระเทือนอย่างหนักหรืออะไร” เขาเปลี่ยนไปมากจนหญิงสาวเองก็ไม่ชินเธอกับเขาไม่เคยนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน “ทำไมเริ่มตกหลุมรักฉันขึ้นมาแล้วหรือ” ทั้งรถตกอยู่ในความเงียบเมื่อหลินเยี่ยนจือเลือกที่จะเงียบเธอไม่มีอะไรที่จะถามเขา ตลอดเวลาเขาต้องการใบหย่าจากเธอพอมาวันที่เธอพร้อมเขากับไม่ยอมหย่า “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเดินลงมาจากรถร้านอาหารหรูขนาดนี้เธอไม่ค่อยได้มาเท่าไรตั้งแต่คุณพ่อเสียหญิงสาวก็ต้องหาเงินจนไม่มีเวลาออกไปไหน “ฉันสั่งอาหารไว้รอแล้ว” เขาไม่ได้สั่งเป็นเย่าหยางที่ดูแลทุกอย่างแค่อยากเอาใจหญิงสาว อาหารตรงหน้ามีแต่สิ่งที่หลินเยี่ยนจือชอบ
สามวันต่อมาหลินเยี่ยนจือจะออกไปพบเจอกับเพื่อสาวคนสนิทที่คอยอยู่ข้างกายเสมอมา ช่วงนี้แปลกเข้าไปใหญ่เมื่อเฉินเหยียนเฟยกับปล่อยให้เธอมีอิสระแถมยังให้เงินเก็บไว้ใช้อีก “เธอว่าคุณเฉินเขาเป็นอะไร” “หมอบอกความจำเสื่อมแต่การกระทำกลายเป็นคนละคนไปเลย” สองสาวนั่งพูดคุยกันอย่างออกรสใครก็ต่างรู้จักเฉินเหยียนเฟยดีว่าเขาเป็นคนอย่างไร “ขนลุก”หลี่ย่าเสียนทำหน้าแบบสยองขึ้นมาขนลุกไปทั้งตัวไม่คิดว่าเจ้าพ่อมาเฟียจะเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้“เยี่ยนจือฉันต้องกลับแล้วมีธุระต้องไปต่อ”“เอาไว้เราค่อยเจอกัน”เมื่อเพื่อนออกจากร่นไปแล้วหญิงสาวจึงนั่งต่อสักพักและออกจากร้ายระหว่างนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหญิงสาวไม่ห่างพอรู้ตัวจึงเข้าประชิดและใช้ผ้าที่มียาสลบโป๊ะเข้าไปที่จมูกหลินเยี่ยนจือไม่มีโอกาสแม้แต่จะขอความช่วยเหลือ“ได้เวลาแล้วครับ”“อะไรกันวะ” เฉินเหยียนจือต้องไปที่โกดังตามที่ลูกน้องบังคับก็ว่าได้ครั้งนี้มีเฉินลี่หยางตามติดไปด้วยแต่นั่งรถกันคนละคันชายหนุ่มใช้มือปาดเหงื่อเบาๆ“พี่ใหญ่เหงื่อออกร้อนหรือกลัว”“ใครกลัวตามฉันมา” คนปากเก่งเดินนำหน้าไปพอเห็นลูกน้องของศัตรูก็เบรกแทบหัวทิ่มแล
ผลัก ผัวะ “คุณชาย!” เย่าหยางวิ่งเข้ามาดูเจ้านายตัวเองที่ถูกเฉินลี่หยางต่อยเข้าไปที่หน้า “อย่า-เข้า-มา-ยุ่ง” “นายเป็นบ้าอะไร” เฉินเหยียนเฟยประคองตัวเองลุกขึ้นมาอย่างทุลักทุเลหมัดเดียวทำให้เขาเกือบหลับ “พี่นะสิขี้ขลาดพี่สะใภ้น่าสงสารแค่ไหนพี่ก็ยังทนเห็นได้ใจดำวะ สมบัติที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้พี่ก็เอามาพี่แม่งทุเรสมาก” เฉินลี่หยางโมโหจนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ชายหนุ่มจึงเดินเข้าไปใกล้และกระชากเสื่อของเฉินเหยียนเฟยจนกระดุมหลุดร่วงลงพื้นเขามองดูที่หน้าอกข้างซ้าย “นายจะทำอะไร!” เฉินลี่หยางไม่ตอบเขาเดินจากไปทิ้งความสงสัยไว้ให้ชายหนุ่มดูเหมือนทุกคนจะเห็นใจหลินเยี่ยนจือไม่น้อยแต่เขาไม่ได้ทำอะไรหญิงสาวเสียหน่อยเขาแค่มาอาศัยร่างเฉินเหยียนเฟยอยู่ “ไอ้หมอนั่นมันบ้าฉิบ!” “คุณชายรองอาจเป็นห่วงคุณผู้หญิงครับ” “แล้วมันกระชากเสื้อฉันทำไมวะ” “คุณเฉินเหยียนเฟยไม่มีปานที่หน้าอก” เพล้ง แก้วที่อยู่ในมือของชายหนุ่มร่วงลงพื้นและแตกกระจายชายหนุ่มก้มลงไปมองปานที่หน้าอกของตัวเอง แสดงว่าเย่าหยางรู้มาตลอดว่าเขาไม่ใช่เฉิน
“ต่อไปก็ห้ามมาหาฉันอีกฉันมีภรรยาแล้ว!”“นี่คุณจะเขี่ยฉันทิ้งเหรอ” หญิงสาวถามกลับด้วยความร้อนรนเมื่อชายหนุ่มพูดแบบนั้น เขาไม่เคยพูดแบบนี้กับเธอสักครั้งหรือเขาจะตกหลุมรักภรรยาตัวเองเข้าแล้ว“คุณรักมันใช่ไหม”“แล้วมันผิดตรงไหนที่ฉันจะรักภรรยาตัวเองไปรักคนอื่นสิแปลก” ผู้หญิงอะไรสวยแล้วยังไม่มีสมองอีกพระเจ้าลืมประทานคู่มือการใช้ความสวยให้หรืออย่างไร“คุณมาหลอกให้ความหวังฉันเหรอ” จางหลินซินหน้าเสียตั้งแต่เขาถูกยิงคราวนั้นมารอบนี้เขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนและดูเหมือนเขาจะแคร์ภรรยาของเขาเหลือเกิน“ฉันให้ความหวังอะไร? มีแต่เธอหรือเปล่าที่หลอกตัวเองว่าฉันจะรัก”“คุณ!”“ออกไปจากชีวิตฉันอย่ามาวุ่นวายกับภรรยาของฉัน”เฉินเหยียนเฟยเบื่อหน่ายผู้หญิงคนนี้ดูไม่ออกหรือยังไงว่าผู้ชายเขาไม่เอายังจะตามตื๊อ ถ้าเป็นเขาไม่อยู่รอตั้งแต่แรกแล้วมาเฟียคนนั้นก็หน้าตัวเมียมากทางด้านหลินเยี่ยนจือกำลังลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวตอนนี้ท้องร้องและหิวข้าวมากเมื่อคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนได้แต่ปล่อยวางเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสของเขาช่างอ่อนโยน“คุณผู้หญิงให้ฉันยกขึ้นมาข้างบนให้ไหมคะ”“ซีหลินมีอะไรไม่อยากให้ฉันรู้”“เอ่อ วันนี้ค
หลายเดือนผ่านไปหลินเยี่ยนจือตั้งครรภ์ครบแปดเดือนแล้วอีกไม่นานเธอจะได้เจอหน้าลูกน้อย ไม่รู้ว่าในท้องของเธอจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย“อื้อออ”“ทำไมขี้อ้อนจังเลยคะ”“จะคลอดแล้วขอเข้าไปสะกิดลูกก่อนได้ไหม”สะกิดของเขาคงไม่ใช่การสะกิดธรรมดาเป็นแน่ ตั้งแต่เธอท้องมาเขาก็ขยันทำการบ้านเสียเหลือเกินวันไหนที่เขาว่าง จะเข้าไปทักทายลูกน้อยทุกครั้ง“คะ คุณอ่ะ”“รอบนี้จะทำเบาๆ นะครับ” แล้วเธอเคยปฏิเสธเขาได้ที่ไหนมีแต่ยอมทุกเขาทุกอย่างเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ห้ามเขาจึงไม่รอช้าหลังจากนี้คงไม่ได้ทำแบบนี้อีกนานหลายเดือน รอบหน้าจะเอาลูกหลายๆ คนเลยลูกน้องเต็มบ้านจะได้ช่วยกันเลี้ยง“ซี้ดดดด อ่าส์ นอนตะแคงนะ” เขาให้หญิงสาวนอนตะแคงข้างเพราะท้องโตมากแล้วต้องระวังให้มาก เขาจัดการสลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกตามด้วยของหญิงสาว“เหยียนเฟยคะ อื้อ” หญิงสาวครางออกมาเมื่อชายหนุ่มก้มไปดูดเลียติ่งเสียวและใช้มือบดขยี้จนแดงเถือกลิ้นอุ่นๆ สัมผัสกับกลีบดอกไม้งาม “เจ็บให้บอกนะที่รัก อ่าส์”บทรักที่ชายหนุ่มมอบให้ทำให้หลินเยี่ยนจือนอนหมดแรงอยู่บนเตียงช่วงนี้เขาพร่าๆ ลงมาเยอะเพราะเธอใกล้จะคลอดแล้ว2 สัปดาห์ต่อมาหลินเยี่ยนจือให้กำเนิ
“โอ๊ยยยย” “คุณเหยียนเฟยคุณตบหน้าตัวเองทำไมคะ” ตั้งแต่เขาฟื้นขึ้นมาแล้ว และตอนนี้อีกไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรมาหรือเปล่าหรือว่าผู้ชายคนนั้นกลับมา “ผมฟื้นแล้วจริงๆ” ค่อยโล่งอกไปหน่อยคิดว่าจะไม่กลับมาเสียแล้ว แต่ตอนนี้เขาเจ็บแผลเหมือนตอนนั้นแต่ความรู้สึกกลับแตกต่างกันออกไป “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” “ผมเจอกับเขา...” เขาที่ชายหนุ่มหมายถึงหลินเยี่ยนจือรู้ดีว่าหมายถึงใคร “เขาฝากมาบอกว่าขอโทษคุณสำหรับทุกอย่าง” เขาใจดีแล้วนะที่ยอมบอกหญิงสาว ทำเมียกูเจ็บยังจะมาฝากบอกอีกเขาไม่เตะหัวก็บุญแล้ว “เขาไปแล้วจริงๆ” หญิงสาวโล่งอกขึ้นมาต่อจากนี้เธอจะได้ไม่ต้องเจอคนใจร้ายคนนั้นอีก ไม่อยากแม้แต่จะรู้จักแต่เรื่องเกิดขึ้นมาแล้วเธอได้แต่ปล่อยวางและเดินหน้าต่อไป “ผมจะชดใช้ในสิ่งที่เขาทำลงไปทั้งหมด จะดูแลคุณกับลูกของเราเอง เจ้าตัวเล็กดื้อหรือเปล่า” เขาไม่อยากให้หลินเยี่ยนจือเศร้านานจึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ไม่ดื้อเลยค่ะเหมือนจะรู้ว่าฉันไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวไม่เคยแพ้ท้องเลยสักครั้ง และลูกก็ไม่ดื้อไม่ซนเหมือนจะรู้ว่าคนเป็นแม่ก็ทุกข์ใจอยู่แล้ว “ผมหลับไปหลา
หลินเยี่ยนจือนั่งมองเฉินเหยนเฟยที่นอนหลับไม่ได้สติมาสามวันแล้ว สามวันที่แสนจะทรมานสำหรับหญิงสาวเธอต้องเข้มแข็งเพื่อลูกน้อยในท้อง“คุณผู้หญิงกลับไปพักก่อนเถอะครับ” เย่าหยางเห็นใจหญิงสาวไม่น้อย หากมัวแต่โศกเศร้าอาการน่าจะทรุดไปตามๆ กัน“ฉันยังอยากอยู่กับเขา”หากชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจะได้เจอหน้าเธอเป็นคนแรก ขอร้องอย่าทิ้งเธอไปก็พอตอนนี้เธอไม่เหลือใครแล้ว“หากคุณชายตื่นผมจะรีบบอกคุณผู้หญิงคนแรกเลยครับ”หลินเยี่ยนจือจึงยอมและกลับมาพักผ่อนที่บ้านแต่ระหว่างที่กำลังจะก้าวเข้าบ้านกลับได้ยินเหมือนเสียงคนทะเลาะกันดังออกมาจากบ้านพักของเฉินลี่หยาง“ย่าเสียน! เธอมาทำอะไรที่นี่”“เยี่ยนจือช่วยฉันด้วย!” ย่าเสียนวิ่งเข้ามากอดเพื่อนสาวไว้เธออยากกลับไปอยู่บ้านแต่เขาก็ไม่ยอม ความเสียใจบวกกับความโกรธทำให้เธอขาดสติทำร้ายเขา“เกิดอะไรขึ้น!” หญิงสาวมองเจ้าของบ้านที่สภาพไม่ต่างจากคนที่เพิ่งไปกัดกับสุนัขมา หลินเยี่ยนจือมองทั้งสองคนสลับกันไปมาต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่“ฉันอยากกลับไปหาพี่ชายฉัน ฮึก”“คุณทำอะไรเพื่อนฉัน” หญิงสาวหันมาถามเฉินหลี่ยางเธออยากถามเขาแต่ตอนนี้ต้องจัดการเรื่องของหลี่ย่าเสียนเสียก่อน“ผมเปล่านะ
หลินเยี่ยนจือถูกพาตัวออกมาจากบ้านพัก หญิงสาวมองไปรอบๆ เห็นคนของซ่งห้าวอี้กำลังลำเลียงอาวุธขึ้นเรือ ดวงตาสบประสานกันกับหลี่ซืออี้ เวลานี้เธอมองเขาเป็นพี่ชายที่แสนดีอีกต่อไปไม่ได้ “พามันขึ้นเรือไปด้วย” “ถ้าเราถึงจุดหมายปลายแล้วจะทำยังไงครับ” “ยิงมันทิ้งหรือไม่ก็ยกให้พวกบ้ากาม” ซ่งห้าวอี้มองหลินเยี่ยนจือด้วยแววตาที่สมน้ำหน้า “ไปกันเถอะ” “อย่ามาแตะต้องตัวฉัน” หญิงสาวขยับตัวหนีเพื่อไม่ให้หลี่ซืออี้เข้ามาจับตัว เธอแค่ขอให้เขามาช่วยเธอไว้ได้ทัน “คุณพ่อช่วยลูกด้วยนะคะ” “เจ้านายครับ! รถเที่ยวสุดท้ายถูกตำรวจจับไว้ได้ครับ” เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้หญิงสาวพยายามที่จะฟัง ลูกน้องของซ่งห้าวอี้มารายงานว่ารถบรรทุกเที่ยวสุดท้ายถูกจับได้แล้ว “ไหนมึงบอกว่าตำรวจไม่เคยตรวจจุดนี้วะ” ซ่งห้าวอี้อารมณ์เสียขึ้นมา เพราะมูลค่าความเสียหายนั้นมากพอสมควร “ตำรวจตั้งด่านเต็มเมืองไปหมดเลยครับ เราต้องรีบแล้วไม่น่าจะถึงครึ่งชั่วโมงตำรวจแห่กันมาแน่” “รีบขนขึ้นเรือ!” เขาจะต้องไม่ถูกจับเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจหลายสิบนายบุกเข้ามา พร้อมกับคนที่เขาอยากจะเจอหน
เยี่ยนจือค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาด้วยความยากลำบากเหตุการณ์ต่างๆ หลั่งไหลเข้ามา หญิงสาวดีดตัวลุกขึ้นนั่งมือยังคงถูกมัดอยู่ที่หัวเตียง ไม่รู้เลยว่าตัวเองอยู่ที่ไหน แอด หญิงสาวหันไปที่ประตูที่เปิดออกตามมาด้วยคนตัวสูงที่ก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้หญิงสาว หลินเยี่ยนจือจำเขาได้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่ซืออี้ ตอนนี้เธอกำลังสับสนว่าเขากำลังคิดจะทำอะไร “หลี่ซืออี้เกิดอะไรขึ้น” “พี่ขอโทษเยี่ยนจือพี่จำเป็นต้องทำ” หากเขาไม่ทำตัวเขาและน้องสาวก็จะตกอยู่ในอันตรายเขาเชื่อว่ายังไงเฉินเหยียนเฟยจะต้องมาตามหาหญิงสาว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี “คุณทำงานให้ใครหรือ?” เขาไม่น่าจะใช่คนแบบนั้นแต่คนเราก็ไม่สามารถหยั่งรู้ภายในจิตใจมนุษย์ได้ “เอาไว้เมื่อถึงเวลาจะรู้เอง ต่อจากนี้ทำตามที่พี่บอกก็พอเธอจะได้ไม่ลำบาก” “ฉันไม่คิดว่าพี่จะทำแบบนี้” “พี่ทำเพื่อครอบครัว” หลี่ซืออี้เห็นสายตาที่ผิดหวังของหลินเยี่ยนจือก็รู้สึกเจ็บแต่พยายามที่จะเก็บอาการไว้ ยังไงเขาก็ทำมาถึงขนาดนี้แล้ว “กินข้าวเถอะพรุ่งนี้จะได้ออกเดินทาง” “เดินทาง? เราจะไปไหน”
“คุณจะไปไหนเหรอ” เฉินเหยียนเฟยเห็นหญิงสาวกำลังเตรียมของเหมือนจะออกไปข้างนอก แต่วันนี้เขามีประชุมงานจึงไม่สามารถออกไปได้ “ฉันจะไปหาคุณพ่อค่ะ” “แน่ใจว่าไปแค่นั้น” ไม่ใช่ว่าไปยืนอาลัยให้คนรักเก่าหรอกนะ เขาไม่ยอมเด็ดขาด อยู่กับเขาก็ต้องลืมคนรักเก่า “ค่ะ คุณจะให้ฉันไปไหนได้” “ระวังตัวด้วยนะผมเป็นห่วงคุณกับลูก” “คุณดูแลตัวเองดีๆ นะคะเดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” หญิงสาวแก้มเขาและส่งเขาขึ้นรถ ส่วนเธอเตรียมตัวออกไปที่หลุมฝั่งร่างของบิดา วันนี้อากาศหนาวกว่าทุกวันและลมแรงทำให้หลินเยี่ยนจือต้องกระชับผ้าคลุมไว้แน่น เธอเดินถือดอกไม้มาวางไว้ที่หน้าชื่อของบิดา “คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะตอนนี้หนูสบายดีค่ะและกำลังจะมีหลานให้คุณพ่อด้วย” หญิงสาวนั่งคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสักพักเมื่อได้สติจึงจะกลับไปรอเฉินเหยียนเฟยที่บ้าน แต่ไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนมีชายฉกรรค์เดินมาขวางทางเธอไว้ “พวกคุณเป็นใคร!” หญิงสาวมองไปที่ลูกน้องของเฉินเหยียนเฟยที่สลบอยู่ที่พื้นหญ้าไม่ไกลจากรถที่จอดรอรับเธอ หลินเยี่ยนจือรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย “ไปกับพวกผมดีๆ จะได้
ปัง! หลินเยี่ยนจือปิดประตูเสียงดังและมานั่งที่เก้าอี้มุมห้องคิดถึงคำพูดของเฉินลี่หยาง วันที่จางหย่งเสียชีวิตทุกคนลงความเห็นว่าเขาถูกคนร้ายยิงแต่ทำไมถึงเป็นฝีมือของเฉินเหยียนเฟยไปได้ “ทำไมต้องเป็นคุณด้วยตายไปแล้วก็กลับไปชดใช้สิ่งที่คุณเคยทำไว้ซะ” ชีวิตของเธอต้องอยู่ที่นั่งลำบากไม่เคยใช้ชีวิตเหมือนคนรุ่นราวคราวเดียวกัน “แล้วคุณจะไปจากฉันหรือเปล่า” เฉินเหยียนเฟยคนนี้ทำให้เธออยากจะรักใครอีกครั้ง เธอยินดีที่จะมอบกายและหัวใจให้เขาแค่คนเดียว แต่พอมารู้แบบนี้แล้วเธออดที่จะโกรธเขาไม่ได้หญิงสาวรู้ว่าเฉินเหยียนเฟยเป็นคนละคนกัน เขาคงไม่รู้เรื่องอะไรด้วย เมื่อตั้งสติได้หญิงสาวจึงเดินกลับมาหาชายหนุ่มอีกครั้งเห็นเขากำลังนั่งเล่นกับสุนัขที่เคยกัดเขา สุนัขคงจะรู้ว่าใครคือเจ้านายตัวจริงของมัน “ฉันอยากคุยกับคุณ” “พูดมาสิ” “คุณรู้ใช่ไหมว่าใครเป็นคนยิงจางหย่ง” มือที่กำลังลูบหัวสุนัขจึงหยุดชะงักและเงยหน้าขึ้นมาสบตากับหลินเยี่ยนจือ หรือว่าหญิงสาวจะได้ยินในสิ่งที่น้องชายของเขาพูด “คุณได้ยินแล้วใช่ไหม” “เฉินเหยียนเฟยเป็นคนยิ่งเขาใ
“พี่ชาย!” หลี่ย่าเสียนเดินเข้ามาเห็นพี่ชายตัวเองเหมือนกำลังทำอะไรอยู่จนเธอมองไม่ทัน “ย่าเสียนวันหลังเข้ามาเคาะประตูด้วย” หลี่ซืออี้รีบเก็บของเข้าไปในตู้เซฟ และปรับสีหน้าให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้น้องสาวสงสัยว่าเขาทำอะไร “พี่ชายช่วงนี้ไม่ค่อยเข้าไปทำงานเลย” “พี่ พี่งานยุ่งนะ” ความจริงเขาไม่ได้เข้าไปดูโรงงานนานแล้วเพราะเขามีแห่งหาเงินที่ดีกว่านั้น “มีอะไรบอกน้องได้เลยนะ” “มองอะไร” เขาเห็นหลี่ย่าเสียนมองไปที่ตู้เซฟจึงทำเสียงดุ “ไม่มีอะไรน้องออกไปข้างนอกนะคะ” เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรหลี่ย่าเสียนจึงออกมาจากห้องทำงานของพี่ชาย เธอเองยังสงสัยว่าช่วงนี้พี่ชายเป็นอะไร “เงิน เงินทั้งนั้น” หลี่ซืออี้กำลังหลงมัวเมากับสิ่งผิดกฎหมายโรงงานของเขาขาดสภาพคล่องตัวทางด้านการเงิน เขาจึงหันหน้ามาเพิ่งซ่งห้าวอี้ กริ้ง กริ้ง “ครับ” “นายมาพบฉันที่เดิม” “ผมจะรีบไปครับ” เมื่อวางสายหลี่ซืออี้จึงรีบแต่งตัวช่วงนี้เขาเริ่มทิ้งโรงงานตัวเอง บางครั้งของผิดกฎหมายก็แอบเอาเข้ามาพักไว้ที่โกดังของเขาก่อนจะลำเลียงขึ้นเรือไป “ไม่รวยวันนี้
ลี่เจินเดินมารายงานเจ้านายตัวเองว่าหลินเยี่ยนจือไปหาหมอที่โรงพยาบาลและได้เจอกับซ่งห้าวอี้ แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากนัก “ไอ้หมอนี้สงสัยอยากไปเฝ้านรก” ตามติดชีวิตของเขายังกับเป็นเงาตามตัว เขานั่งรอหลินเยี่ยนจือเพราะรอคำตอบจากหญิงสาวเรื่องลูก “คุณผู้หญิงกลับมาแล้วครับ” ลี่เจินเดินออกไปจากบริเวณนั้นเพราะเห็นว่าเจ้านายคงอยากอยู่กับภรรยาตามลำพัง “สรุปท้องได้กี่เดือนแล้ว” “ไม่ต้องยุ่งได้ไหม” อารมณ์คนท้องจึงหงุดหงิดขึ้นมายิ่งเห็นหน้าของเฉินเหยียนเฟยเธอยิ่งหงุดหงิด เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาไปหมดทุกอย่าง “นั้นถามใหม่คุณเมียแพ้ท้องไหมครับ” เขาแน่ใจว่ายังไงหญิงต้องท้อง หลินเยี่ยนจือคงไม่แพ้ท้องเพราะตอนนี้เขารับกรรมนั้นมาเต็มๆ “คุณอย่ามากวนประสาทฉันได้ไหม” “ใช่สิ คุณไม่ได้แพ้ท้องหนิจะไปรู้สึกอะไร” เขานี่เวียนหัวและอาเจียนจนไม่อยากลุกออกไปจากที่นอน โบราณเขาบอกถ้าแพ้ท้องแทนเมียแสดงว่ารักเมียมากคงจะจริง “คุณแพ้ท้องแทนฉันเหรอ” หลินเยี่ยนจือจึงเริ่มใจเย็นขึ้นมาเมื่อเห็นอาการของชายหนุ่มไม่ดีขึ้น “อุ้ย จะทำอะไร!” “อยากกอดเมียอยา