พิมฟื้นขึ้นมา แล้วกวาดสาตามองไปรอบๆห้อง ก็รู้ทันทีว่าตัวเองอยู่โรงพยาบาลเธอนั่งนิ่งทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น นึกถึงสภาพที่ตัวเองวิ่งตามรถของเตชินด้วยความหวาดกลัวก็รู้สึกโกรธเตชินจนไม่อยากให้อภัยแล้วแล้วภาพที่ผู้ชายลูบไล้บนตัวเธอ มองเธอด้วยสายตาหื่นกาม ริมฝีปากน่าขยะแขยงสัมผัสลงบนตัวเธอ ก็ลอยเข้ามาในหัวเธอรู้สึกรังเกียจ ขยะแขยงจนถอดสายน้ำเกลือทิ้งแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยสภาพจิตใจที่ย่ำแย่อารมณ์อยากจะฆ่าคนอีกใจหนึ่งเธอรู้สึกหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตัวเองเกือบจะถูกข่มขืนเธอเปิดน้ำแล้วถูร่องรอยพวกนั้นออกแรงๆ ตามมือ ตามแขน ซอกคอ ที่ถูกสัมผัส เธอรู้สึกเหมือนมันติดอยู่บนตัวเธอ เธอขยะแขยงจนน้ำตาไหลอาบแก้มร้องให้ด้วยความรังเกียจ เธอถูจนผิวบวมแดง เธอรู้สึกว่าถูเท่าไหร่ก็ถูไม่ออก เธอใช้มือตีตัวเองแล้วกรี๊ดขึ้นเสียงดัง" กรี๊ด!!! "ป๊อบกับเตชินเดินเข้ามาได้ยินพอดี ก็รีบวิ่งเข้ามาดูตามเสียงกรี๊ดที่ดังลั่นเห็นพิมนั่งในห้องน้ำทั้งถูทั้งตีตัวเองด้วยความรังเกียจและขยะแขยงใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาพร้อมกับพึมพำด้วยความโกรธแค้น" ฉันจะฆ่ามัน ฉันจะฆ่ามัน กรี๊ด! "จิตใจพิมที่ห
พิมเดินกะเผลกออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นป๊อบแล้ว แม้เธอไม่อยากคุยกับเตชินเลยแต่มันก็ไม่มีคนอื่นที่เธอพอจะพูดคุยหรือถามไถ่ได้ เธอเลยฝืนใจเอ่ยปากถามเตชินว่า" คุณป๊อบไปไหนแล้ว "เตชินไม่ค่อยพอใจที่เธอถามหาป๊อบแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรจึงเอ่ยตอบเธอไปอย่างไม่เต็มใจ" เขากลับไปแล้ว คงมีธุระด่วน "แล้วเขาก็เดินไปหยิบไดร์เป่าผมมาเสียบปลั๊กแล้วเอ่ยขึ้น" คุณมาเป่าผมเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบาย "พิมเดินเข้าไปหาเขาแล้วยื่นมือไปจับไดร์เป่าผมในมือเตชิน แต่เขากลับไม่ยอมให้ เธอจึงเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงแฝงความเย็นชาในน้ำเสียง" เอาไดร์เป่าผมมา "เตชินจึงเอ่ยว่า" คุณนั่งลงเถอะ เดี๋ยวผมจะเป่าให้ "พิมจึงเอ่ยว่า" ไม่ต้อง ผมของฉัน ฉันจะเป่าเอง "แววตาและน้ำเสียงของพิมเย็นชา ท่าทางห่างเหิน ทำให้เตชินไม่ชอบใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่เอ่ยอย่างใจเย็น" พิมผมขอโทษ ผมรู้ว่าผมผิด คุณอย่าทำหน้างอใส่กันแบบนี้อีกเลยได้มั้ย ต่อไปผมจะไม่ทำแบบนี้อีก "พิมจึงเอ่ยอย่างเย็นชาถ้อยคำเต็มไปด้วยความประชดประชัน" คุณขอโทษฉันทำไม คุณไม่ได้ทำอะไรผิด รถของคุณ คุณจะให้ใครขึ้นหรือทิ้งใครก็ได้ มันเป็นสิทธิ์ของคุณ อีกอย่างฉันเป็นแค่ลูกจ้าง
แล้วเตชินก็หมุนตัวออกไปเปิดประตู เดินออกไป พร้อมกับกดรับโทรศัพท์ทันที" ครับแม่ "เตชินเดินออกไปคุยที่ระเบียงที่ไม่ค่อยมีผู้คนเดินเพ่นพ่าน ผ่านไปผ่านมาคุณหญิงจารวีที่อยู่ปลายสายก็เอ่ยถามขึ้น" ช่วงนี้ลูกกับสาวใช้ของลูกสบายดีมั้ย "" ครับ พวกเราสบายดี "เตชินเอ่ยตอบ จากนั้นผู้เป็นแม่ก็เอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงกังวลใจ" นี่ก็สองเดือนแล้ว ลูกกับหล่อนคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว แม่หมายถึง หล่อนท้องหรือยัง "เตชินจึงเอ่ยตอบผู้เป็นแม่ว่า" เธอยังไม่ท้องครับ คุณแม่ไม่ต้องห่วง คุณแม่จัดการในส่วนของคุณแม่ให้เรียบร้อยเถอะ ส่วนทางผม คุณแม่สบายใจได้ ไม่นานผมจะทำให้เธอท้องลูกของผมให้ได้ครับ "คุณหญิงจารวีได้ยินดังนั้นก็ยิ้มอย่างสบายใจรู้สึกเบาใจขึ้นมาหน่อยแล้วเอ่ยถามลูกชายต่อ" ถ้าหล่อนคลอดลูกแล้ว แล้วหลังจากนั้นล่ะ ลูกจะเอายังไงกับหล่อน "เตชินจึงเอ่ยตอบไปว่า" หลังจากนั้นเหรอ ผมยังไม่ได้คิดครับ ยังไม่ได้วางแผนอะไร คงต้องหย่า ให้เธอกลับไปใช้ชีวิตอิสระของเธอ "คุณหญิงจารวีเอ่ยถามด้วยความสงสัย" แล้วลูกไม่ได้รู้สึกอะไรกับหล่อนเลยเหรอ "เตชินถอนหายใจแล้วตอบไปว่า" ไม่ครับ คุณแม่ก็รู้ว่าผมไม่สามารถให้ความรู้
พิมเดินผ่อนคลายอารมณ์คนเดียวอย่างเงียบๆพร้อมกับพึมพำในใจ[ เกิดเป็นพิมนี่เหนื่อยเหลือเกิน นอกจากเรียนดีเรียนเก่งแล้วอย่างอื่นล้วนไม่ดีสักอย่างต้องกัดปากตีนถีบตั้งแต่เด็ก อดทนกับความยากลำบากมาตลอด จนโตมาถึงตอนนี้ได้ไม่ใช่ง่ายๆเลย ]เธอเดินพึมพำกับตัวเองในใจเดินไปตามทางฟุตบาท ข้างทางร่มรื่นไปด้วยต้นไม่ใหญ่เรียงรายไปตลอดทางแล้วเธอก็เดินไปที่เก่า นั่นก็คือเกาะลอยที่เธอชอบมาปั่นจักรยานน้ำรูปเป็ด เธอไปจ่ายตังค์แล้วเดินลงไปนั่งในเรือหยิบไม้พายขึ้นมาแล้วทอดสายตามองไปยังอีกฝั่งแล้วเอ่ยอย่างฮึดสู้อีกครั้ง" เราจะมาท้อแท้ใจกับเรื่องแค่นี้ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อลงไปนั่งในเรือแล้ว เดินเรือเส้นทางนี้แล้ว ต่อให้มีลม มีฝนตกลงมากระหน่ำใส่ ต่อให้เรือชำรุด ต่อให้เหนื่อยหรือเจออะไรที่ยากลำบากแค่ไหนเราก็ต้องพาตัวเองไปให้รอด พายไปให้ถึงฝั่งให้ได้ "จากนั้นเธอก็ยกไม้พายขึ้นแล้วส่งเสียงดังออกมาน้ำเสียงฮึกเหิมราวกับพร้อมที่จะออกรบ" สู้...สู้ !!! "ทำเอาคนที่อยู่รอบๆ ที่อยู่แถวนั้นและคนที่เดินผ่านไปผ่านมา ต่างหันมามองเธออย่างงงงันบางคนแอบขำให้กับท่าทางของเธอเวลานี้เธอไม่สนใจใครหน้าไหนแล้วไม่แม้แต่จะแคร
เตชินเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวย คนที่จะมาเป็นคุณหญิงของเขาในอนาคต ไม่ใช่จะเลือกใครก็ได้ เขาเองก็เลือกคนที่เหมาะสมกับเขาเช่นกัน และเขาอาจจะมีตัวเลือกที่ดีกว่าพิมแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ได้แต่ถึงแม้เตชินจะเก่ง จะฉลาด รอบคอบแค่ไหน แต่บางเรื่องเขาก็มองข้ามไปโดยไม่รู้สึกเอะใจอะไรส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก เกี่ยวกับเรื่องเล็กน้อยของพิมเลยไม่เคยนึกสงสัยว่าเธอรู้จักและสนิทสนมกับป๊อบที่มีฐานะร่ำรวยได้ยังไงพิมนอนแช่น้ำในอ่างอย่างสบายใจ ฟองสบู่ลอยเหนือน้ำอุ่นๆส่งกลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายเมื่ออาบน้ำเสร็จเธอก็ลุกขึ้นมาจากอ่างแล้วเปิดฝักบัวล้างตัวอีกครั้งจากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดตัวมาปกปิดเรือนร่างแล้วสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเดินไปนั่งเป่าผม เตชินเห็นว่าเธออาบน้ำเสร็จแล้วเขาจึงจากจากเก้าอี้ เดินออกมาจากห้องน้ำงานแล้วไปหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำต่อพิมไปเปิดตู้เสื้อผ้า แล้วหยิบเอายานอนหลับที่เธอซ่อนไว้ในกระเป๋ามายัดใส่ลงในกระเป๋าเสื้อของชุดนอนที่เธอสวมใส่อยู่ จากนั้นก็กลับมานั่งเป่าผมที่เดิมเป่าผมเสร็จเธอก็ออกจากห้องแล้วเดินลงไปชั้นล่างเธอเดินเ
ในเช้าวันใหม่เตชินหลับไม่ยอมตื่นเพราะฤทธิ์ยานอนหลับที่เกินขาด จนพิมเริ่มกระวนกระวายใจ[ ตายละ ทำไมคุณเตชินไม่ตื่นสักที นี่มันจะสิบเอ็ดโมงแล้ว ทำยังไงดีๆ ]เธอกลัวคนอื่นจะสงสัย ตอนนี้เธอร้อนรนกระวนกระวายอยู่ไม่เป็นสุขแล้วผู้ช่วยคังที่มารอรับเตชินหน้าบ้านเขารู้สึกว่ามันผิดวิสัยเกินไป โดยปกติคุณชายของเขาจะเป็นคนตรงเวลามากจริงจังกับเรื่องเวลาเสมอจึงตัดสินใจโทรไปหา แต่ก็ไม่มีคนรับสาย เขาเลยเดินเข้าไปในบ้านแล้วเอ่ยถามกับป้าใจ" ป้าใจ คุณชายกับคุณพิมยังไม่ตื่นเหรอครับ "แม้มันจะเป็นการเสียมารยาทแต่เขาก็จำต้องถามแบบนี้เพราะเป็นห่วงเจ้านายแม้เจ้านายเขาจะเป็นคนฉลาดเป็นกรดแต่เขาก็กลัวพิมจะทำอะไรเจ้านายเขามากกว่าเพราะในความคิดเขา ผู้ชายมักจะพลาดท่าให้กับสาวงามเสมอ และเจ้านายเขาก็คล้ายจะอย่างงั้นป้าใจจึงเอ่ยตอบผู้ช่วยคังว่า" ยังค่ะ แต่แปลกนะคะ ทุกวันคุณชายกับคุณพิมจะตื่นเช้า แม้จะตื่นสายก็ไม่ได้สายขนาดนี้ "เมื่อผู้ช่วยคังรู้ว่าทั้งสองยังไม่ตื่น เขาก็ทำหน้านิ่งเฉย เอ่ยเพียงสั้นๆว่า" สงสัยจะหลับดึก "เอ่ยจบเขาก็ออกไปนั่งรอคุณชายของเขาที่ห้องรับแขก ใจหนึ่งอยากขึ้นไปเคาะประตูดู แต่อีกใจก็ก
เตชินนั่งทำงานในห้องของตัวเองในบริษัท ตอนบ่ายก็เรียกประชุมหัวหน้าของแต่ละแผนกการประชุมดำเนินไปอย่างราบรื่นจนจบการประชุม เมื่อเดินออกมาจากห้องประชุมผู้ช่วยคังก็รายงานว่า" คุณชายครับที่ดินแถวเชียงใหม่แปลงนั้น ดูเหมือนคุณหานจะกลับคำ ไม่ขายให้เราแล้วครับครับ "ได้ยินดังนั้น เตชินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทรงพลังน่าเกรงขามแฝงไปด้วยอำนาจบารมีและมีสีหน้าเคร่งขรึม ก้าวเท้าเดินตรงไปที่ห้องของตัวเองอย่างมั่นคงด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย" แล้วยังไง ก่อนหน้านี้เจ้าของที่ดิน ก็ตกลงจะขายให้เรา สัญญามัดจำก็เซ็นแล้ว เขามากลับคำแค่นี้ คุณก็จัดการไม่ได้เหรอ "ผู้ช่วยคังเหงื่อตกแล้วค่อยๆเอ่ยอธิบาย" ครับคุณชาย ก่อนหน้านี้คนที่ตกลงขายที่ดินให้เราคือนายหาน ต่อมาลูกสาวเขาเหมือนจะไม่ยอมให้ขายที่ดินผืนนั้น เขาเลยส่งลูกสาวมาเจรจากับคุณชายครับ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็เอ่ยว่า" หึ! ส่งลูกสาวมาเจรจางั้นเหรอ ได้ นัดมาเลย "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยว่า" ครับ วันนี้ห้าโมงเย็น เธอจะรอที่ร้านอาหาร Zara food ชั้น B ครับ "" ได้ งั้นเราก็ออกไปตอนนี้เลย "" ครับ "ทั้งสองเดินเข้าไปในลิฟท์ส่วนตัวของประธานบริษัทแล้วลงไปที่ลานจ
เช้าวันต่อมา ผู้ช่วยคังไปรับน้ำหนึ่งให้มาที่บริษัทเพื่อตรวจสอบเอกสารที่ใช้ในการ เซ็นสัญญาซื้อขายและโอนย้ายที่ดินน้ำหนึ่งเดินเข้ามาที่บริษัทโดยมีผู้ช่วยคังเดินนำ พาเธอมาที่ห้องประธานบริษัทเมื่อมาถึงผู้ช่วยคังก็ยกมือเคาะประตู จากนั้นก็พาน้ำหนึ่งเข้าไปในห้องทันทีภายในห้องเตชินนั่งรอเอกสารจากน้ำหนึ่ง พอน้ำหนึ่งเข้ามา เตชินก็เอ่ยพร้อมกับผายมืออย่างให้เกียรติ" เชิญนั่งครับ "" ขอบคุณค่ะ "น้ำหนึ่งเอ่ยขอบคุณพร้อมกับนั่งลงสายตาจิกเหยื่ออย่างเตชินสุดฤทธิ์เตชินรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังอ่อยเขาอยู่ เขายกยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น" คุณน้ำหนึ่งเตรียมเอกสารมามั้ยครับ "น้ำหนึ่งยื่นเอกสารไปให้เขา พร้อมกับโชว์เนินอกอันอวบอึ๋มที่สุดแสนจะยั่วยวนมาล่อตาล่อใจเตชิน พร้อมกับเอ่ยแบบอ่อยๆ" เตรียมมาพร้อมหมดทุกอย่างค่ะ หากคุณเตชินต้องการอะไรเพิ่มเติม น้ำหนึ่งยอมพลีกาย อุ๊บ... ยอมให้ได้ทุกอย่างค่ะ "เตชินยิ้มแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจดู จากนั้นก็เอ่ยว่า" อืม เอกสารครบ วันนี้เราออกเดินทางไปพร้อมกันเลยนะครับ ผมจะให้ผู้ช่วยคังไปส่งคุณกลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วเราเจอกันที่สนามบินเลยนะครับ "" ค
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ