เช้าวันต่อมา ผู้ช่วยคังไปรับน้ำหนึ่งให้มาที่บริษัทเพื่อตรวจสอบเอกสารที่ใช้ในการ เซ็นสัญญาซื้อขายและโอนย้ายที่ดิน
น้ำหนึ่งเดินเข้ามาที่บริษัทโดยมีผู้ช่วยคังเดินนำ พาเธอมาที่ห้องประธานบริษัท เมื่อมาถึงผู้ช่วยคังก็ยกมือเคาะประตู จากนั้นก็พาน้ำหนึ่งเข้าไปในห้องทันที ภายในห้องเตชินนั่งรอเอกสารจากน้ำหนึ่ง พอน้ำหนึ่งเข้ามา เตชินก็เอ่ยพร้อมกับผายมืออย่างให้เกียรติ " เชิญนั่งครับ " " ขอบคุณค่ะ " น้ำหนึ่งเอ่ยขอบคุณพร้อมกับนั่งลงสายตาจิกเหยื่ออย่างเตชินสุดฤทธิ์ เตชินรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังอ่อยเขาอยู่ เขายกยิ้มขึ้นที่มุมปาก จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น " คุณน้ำหนึ่งเตรียมเอกสารมามั้ยครับ " น้ำหนึ่งยื่นเอกสารไปให้เขา พร้อมกับโชว์เนินอกอันอวบอึ๋ม ที่สุดแสนจะยั่วยวนมาล่อตาล่อใจเตชิน พร้อมกับเอ่ยแบบอ่อยๆ " เตรียมมาพร้อมหมดทุกอย่างค่ะ หากคุณเตชินต้องการอะไรเพิ่มเติม น้ำหนึ่งยอมพลีกาย อุ๊บ... ยอมให้ได้ทุกอย่างค่ะ " เตชินยิ้มแล้วหยิบเอกสารขึ้นมาตรวจดู จากนั้นก็เอ่ยว่า " อืม เอกสารครบ วันนี้เราออกเดินทางไปพร้อมกันเลยนะครับ ผมจะให้ผู้ช่วยคังไปส่งคุณ กลับไปเอากระเป๋าที่โรงแรม แล้วเราเจอกันที่สนามบินเลยนะครับ " " ค่ะ " จากนั้นผู้ช่วยคังก็เข้ามาแล้วเอ่ยอย่างสุภาพ " เชิญครับ คุณน้ำหนึ่ง " แล้วน้ำหนึ่งลุกขึ้นเดินออกจากห้องของเตชินไป เตชินหันไปมองทางห้องน้ำ เห็นพิมเข้าไปนานแล้วไม่ออกมาสักที เขาเลยเดินเข้าไปหาเธอแล้วเคาะประตูพร้อมกับเอ่ยถาม " พิม คุณเป็นอะไรหรือเปล่า " พิมนั่งอยู่หน้ากระจกด้วยใบหน้าซีดเซียว เม็ดเหงื่อผุดออกมาทั่วใบหน้า เธอปวดท้องเมนส์และหน้ามืดกะทันหันจึงนั่งพัก พอได้ยินเสียงเตชิน เธอค่อยๆลุกขึ้นแล้วไปเปิดประตูให้เขา เตชินเห็นเธอหน้าซีดเซียวก็ตกใจจึงเอ่ยถามอย่างร้อนใจ " พิม คุณเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดเซียวขนาดนี้ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า " พิมไม่มีแรงเปล่งเสียงออกมาแล้วและไม่มีแม้แต่แรงที่จะใช้หายใจ จากนั้นเธอก็มองไม่เห็นอะไรอีกเลย ทุกอย่างกลายเป็นสีดำมืด สนิท แล้วเธอก็สลบไปในอ้อมแขนของเตชิน " พิม! พิม! คุณเป็นอะไร? " เตชินตกใจมาก จากนั้นเขาก็รีบอุ้มพิมขึ้นมาในอ้อมแขน แล้วรีบเดินไปที่ลิฟท์ พอลิฟท์ลงมาถึงลานจอดรถ เขาก็รีบพาเธอเข้าไปนอนในรถ จากนั้นก็รีบออกรถขับไปส่งเธอที่โรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว เมื่อไปถึงโรงพยาบาลเขารีบอุ้มเธอที่นอนสลบอยู่ ลงจากรถทันที เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเห็นก็รีบลากรถเข็นมาให้ แล้วพาพิมเข้าห้องฉุกเฉิน เตชินนั่งรอหน้าห้องฉุกเฉินอีกครั้งด้วยสีหน้าเคร่งเครียดที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล สักพักหมอและพยาบาลก็เปิดประตูออกมา เขาจึงลุกขึ้นถามหมอว่า " คุณหมอภรรยาผมเป็นอะไรครับ " หมอยิ้มแล้วเอ่ย " ภรรยาของคุณเป็นเมนส์ ที่เป็นลมหมดสติไปเกิดจากอาการปวดท้องน้อยที่ปวดมากกว่าปกติ เลยทำให้ร่างกายทนความเจ็บปวดไม่ไหว จึงสลบไป สักพักก็ฟื้นแล้วค่ะ คุณไม่สบายใจได้ มันไม่ได้มีอะไรร้ายแรง ภรรยาคุณสุขภาพแข็งแรงดี " หมอเห็นว่าเตชินและพิมดูเด็กหน้าตาหล่อสวย ทั้งคู่และยังดูรักและเป็นห่วงกันมากๆ หมอจึงเอ่ยแนะนำให้ความรู้เล็กๆน้อยๆกับเขาต่อว่า " แต่ช่วงเป็นเมนส์คุณต้องทำใจหน่อยนะคะ บางทีเขาอาจจะหงิดหงุด หรือโมโหง่ายกว่าปกติ มันเกิดจากฮอร์โมนที่ทำให้อารมณ์แปรปรวนอย่างหาสาเหตุไม่ได้ บางคนที่รู้ตัวจะคอยสังเกตความผิดปกติของตัวเอง เมื่อรู้ว่าอารมณ์แปรปรวนช่วงฮอร์โมน ก็จะพยายามระงับใจไม่ให้หงุดหงิดง่าย แต่ส่วนใหญ่จะไม่รู้ตัวกัน หรือบางคนรู้ตัว แต่ก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้เลย มันเป็นเรื่องเซนซิทิฟค่ะ บางคนช่วงฮอร์โมน ขี้น้อยใจก็มี ในฐานะที่คุณเป็นสามีควรจะต้องศึกษา และทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ให้มากๆ จะได้ไม่ผิดใจกัน บางคนมาทะเลาะกัน เลิกกัน เพราะช่วงนี้ก็มี ขอให้คุณเข้าใจ และอดทนให้ผ่านช่วงนี้ไป " เตชินฟังอย่างตั้งใจ ถ้าหมอไม่บอกเขาก็ไม่เคยรู้และไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย ที่ละเอียดอ่อนพวกนี้ของผู้หญิงเลย เขาจึงเอ่ยตอบว่า " ครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอ " เตชินเอ่ยขอบคุณเสร็จ หมอก็เดินออกไป ในห้องผู้ป่วยเตชินโทรไปหาผู้ช่วยคังแล้วเอ่ยว่า " คุณไปกับคุณน้ำหนึ่งก่อนเลย เดี๋ยวผมจะตามไปทีหลัง ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนนี้ " เอ่ยจบเขาก็กดวางสายไป พิมฟื้นขึ้นมาได้ยินเสียงเตชินคุยโทรศัพท์ เธอมองแผ่นหลังของเขาที่ยืนหันหลังให้เธออย่างเงียบๆ เธอไม่ชอบความรู้สึกอบอุ่นที่เกิดขึ้นในใจ เธอไม่ชอบที่เตชินมาทำดีกับเธอเกินไปแบบนี้ เธอจึงเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา " คุณเตชิน ฉันว่าคุณไปทำงานเถอะ อย่ามาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นตัวปัญหา ทำให้คุณต้องเลื่อนงานออกไป " ความจริงเธอไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวปัญหาอย่างที่พูด แต่เป็นเพราะเธอเกลียดความจอมปลอมของ เตชินที่แสร้งทำดีกับเธอเกินจริง จนทำให้เธอรู้สึกดีและหวั่นไหวต่างหาก เตชินได้ยินดังนั้นจึงหมุนตัวกลับมาดูเธอแล้วเดินเข้ามาหาเธอ พร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรื่อยเฉื่อยแฝงความห่วงใย " ไม่เป็นไรหรอก ผมไปทั้งๆที่คุณไม่สบายแบบนี้ผมเองก็ไม่สบายใจ ทำงานไปก็ไม่มีความสุข อีกอย่างคุณไม่ใช่ตัวปัญหาเลย ผมอยากอยู่ดูแลคุณเองต่างหาก " ความจริงเขาวางแผนที่จะพาพิมไปเที่ยวด้วยกันเขาอยากพาเธอกลับไปเที่ยวบ้านเกิด เพราะเห็นเธอเคยบ่นคิดถึงบ้าน พิมได้ยินดังนั้นเธอก็เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด ด้วยน้ำเสียงโมโห " คุณเตชิน ขอร้องล่ะ คุณเลิกเสแสร้งแกล้งทำดีกับฉันสักทีเถอะ ฉันเบื่อเต็มทีแล้ว " ไม่รู้หงุดหงิดจนทนไม่ไหวเพราะฮอร์โมนทำให้อารมณ์แปรปรวน หรือเพราะมีเรื่องอื่นที่ฝังใจ เธอก็แยกไม่ออก เตชินนึกถึงคำพูดของหมอ เขาพยายามไม่เก็บมาใส่ใจในสิ่งที่เธอพูด แล้วเขาก็เอ่ยอย่างใจเย็นว่า " พิมคุณอารมณ์ไม่ดีอยู่ คุณนอนพักเถอะ " พิมได้ยินดังนั้นเธอจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าบึ้งตึง " ฉันจะกลับบ้าน ฉันแค่เป็นเมนส์ นอนพักที่บ้านก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ต้องแอ็ดมิทหรอก " เตชินจึงเอ่ยว่า " ได้ ถ้าคุณไม่อยากแอ็ดมิทก็ไม่เป็นไร งั้นเรากลับบ้านกัน " แล้วเตชินก็กดออดขอรถเข็นให้พิม ไม่นานผู้ช่วยพยาบาลก็เอารถเข็นมาให้เตชิน ที่ห้อง แล้วเตชินก็อุ้มพิมมาวางลงบนรถเข็นแล้วเข็นเธอออกไปที่ลานจอดรถ จากนั้นก็ประคองเธอเข้าไปนั่งในรถแล้วขับรถออกจากโรงพยาบาล เมื่อถึงบ้านเขาก็ไม่ยอมให้พิมเดินเอง อุ้มพิมลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้านไป จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนห้อง วางเธอนอนลงบนเตียงเบาๆแล้วเอ่ย " คุณนอนพักนะ เดี๋ยวผมจะลงไปเอาถุงน้ำร้อนกับน้ำขิงอุ่นๆมาให้ " เอ่ยจบเขาก็เดินไปปรับแอร์ให้เธอแล้วออกจากห้องไป พิมนอนขดตัวอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวดที่ท้องน้อย เธอรู้สึกมึนๆหนักที่หัว ซึ่งเป็นอาการหลังจากเป็นลมแล้วฟื้นขึ้นมา จะรู้สึกแบบนี้ จากนั้นไม่นานเตชินก็เดินเข้ามา แล้วยื่นถุงประคบร้อนให้เธอ จากนั้นเขาก็ยื่นมือไปป้อนน้ำขิงให้เธอ พร้อมกับเอ่ย " ตัวคุณเย็นดื่มน้ำขิงหน่อยร่างกายจะได้อุ่นขึ้นเลือดลมจะได้ไหลเวียนดีหน่อย " พิมนั่งดื่มน้ำขิงที่เตชินป้อนโดยไม่เอ่ยอะไร เพราะเธอไม่มีแรงเอ่ยอะไรแล้ว เตชินป้อนจนหมด จากนั้นก็ห่มผ้าให้เธอแล้วเอ่ย " นอนพักเถอะ จะได้หายไวๆ " เอ่ยจบเขาก็นอนลงข้างๆเธอ ฝ่ามือใหญ่ตบไหล่เธอเบาๆ ไม่นานพิมก็เผลอหลับไปสามวันต่อมา อาการปวดท้องเมนส์ของพิม ก็หายเป็นปกติบนโต๊ะอาหารเย็น ทั้งสองนั่งทานข้าวกันอย่างเงียบๆระหว่างทานข้าวพิมเลยเอ่ยกับเตชินว่า" คุณเตชิน ฉันทำให้คุณเสียเวลามาสามวันแล้ว ฉันว่าคุณรีบไปเคลียร์เรื่องที่ดินของคุณให้เรียบร้อยเถอะค่ะ "เตชินเลื่อนสายตาจากจานข้าวไปมองหน้าพิมแล้วเอ่ยอย่างเอื่อยๆ" ผมไม่รีบ รอให้คุณหายดีก่อน ค่อยไป ระหว่างนี้ มีคุณคังคอยอยู่ดูแลทางโน้นแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นได้หรอก "ได้ยินดังนั้นพิมจึงเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาว่า" ฉันหายดีแล้ว แล้วทีหลังคุณก็ไม่ต้องมาทำดีกับฉันจนเกินไป อย่างครั้งนี้อีก ฉันไม่ชอบติดหนี้คุณความดีของใครฉันไม่อยากเกิดความรู้สึกเกรงใจ จนทำให้ตัวเองลำบากใจ "เตชินหยุดการเคลื่อนไหวในมือแล้วเอ่ยอย่างจริงจังด้วยน้ำเสียงหนักแน่น" คุณไม่ได้ติดหนี้ผม แต่มันเป็นหน้าที่ของสามีที่ต้องดูแลภรรยายามเจ็บป่วย ตอนนี้คุณเป็นภรรยาของผม ผมก็ควรจะทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด จะได้ไม่รู้สึกผิดทีหลัง "ประโยคหลัง ทำให้พิมเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว เธอถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วเอ่ยเพียงสั้นๆ ด้วยสีหน้าเย็นชาตามปกติ ในแววตาของเธอเจือความเศร้านิดๆ" อืม ฉันเข้าใจแล้ว
เมื่อไปถึงโรงแรม เตชินเดินเข้าไปเช็คอิน พนักงานโรงแรมก็ออกมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระไปที่ห้องเตชินเดินจูงมือพิมไปที่ห้องไม่ยอมปล่อย ราวกับกลัวเธอจะหายไปพิมได้แต่เดินตามเขาไปเงียบๆ พอเดินไปถึงห้องเตชินก็แตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเอ่ย" คุณไปอาบน้ำก่อนแล้วนอนพักเอาแรงเลย เย็นๆผมจะพาคุณไปดูที่ "พิมมองเขาด้วยสีหน้าบูดบึ้งแล้วเอ่ย" คุณชิน ฉันไม่ใช่เด็กนะที่คุณจะมาบังคับให้อาบน้ำแล้วฉันก็ต้องอาบน่ะ "เตชินหันมามองเธอแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา" พิมหรือคุณจะให้ผมอาบให้ อย่างงั้นเราก็มาอาบพร้อมกันเลย "พูดจบเขาก็จับพิมอุ้มขึ้นมาทันที พิมรีบเอ่ยเบรคเขาไว้ทันที สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน" ฉันอาบเอง คุณวางฉันลงเลย "แล้วเตชินก็วางเธอลงเบาๆ เธอเดินไปเปิดตู้แล้วหยิบเอาผ้าเช็ดตัวเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างถมึงทึงเตชินนั่งลงบนเตียงแล้วโทรไปหาผู้ช่วยคัง เมื่อผู้ช่วยคังรับสายเขาก็เอ่ยขึ้น" พรุ่งนี้คุณไปรับน้ำหนึ่งกับพ่อของเขาให้ไปที่สำนักงานที่ดินแต่เช้าเลยนะ "" ครับ "เมื่อสั่งงานเสร็จ เตชินก็วางสายไป นั่งรอพิมอาบน้ำอย่างเงียบๆสักพักพิมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ เธอสวมใส่เสื้อ
พิมยืนนิ่งจ้องไปยังน้ำหนึ่งอย่างไม่วางตา [ โลกกลมอะไรขนาดนี้เนี่ย มาเจอเจ้ากรรมนายเวรจนได้ เซ็ง ]เตชินเห็นความผิดปกติของพิมเขาจึงเอ่ยถามขึ้นเบาๆ" พิม คุณเป็นอะไรหรือเปล่า "พิมจึงเอ่ยตอบว่า" เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร "เตชินจึงเอ่ยต่อว่า" งั้นก็เข้าไปข้างในเถอะ "พิมเดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ ที่ถูกจัดไว้ข้างๆเตชิน ส่วนเตชินก็นั่งอยู่หัวโต๊ะพ่อของน้ำหนึ่ง นั่งข้างเตชินทางด้านซ้ายมือ ถัดมาก็คือน้ำหนึ่งส่วนผู้ช่วยคังนั่งทางฝั่งเดียวกันกับพิม น้ำหนึ่งนั่งมองหน้าพิมอย่างเงียบๆสลับกับย้ายสายตามามองเตชินแล้วพึมพำในใจ[ เธอไปรู้จักกับคุณเตชินได้ยังไงกัน ][ เธอเป็นเจ้ากรรมนายเวรของฉันหรือไงกันนะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็เจอแต่เธอ ฉันชอบอะไร อยากได้อะไร ก็ถูกเธอแย่งไปจนหมด ][ ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมแพ้ให้กับเธอแล้ว ฉันจะแย่งคุณเตชินมาให้ได้ ]เมื่อนั่งเรียบร้อยแล้วน้ำหนึ่งจึงเอ่ยขึ้น" คุณเตชินไม่แนะนำคนที่คุณพามาหน่อยเหรอคะ "[ ตอแหลเก่งจริงๆเลยนะน้ำหนึ่ง ]พิมแอบด่าในใจเธอนั่งหน้านิ่ง แล้วหันไปทางเตชิน รอฟังคำพูดที่เขาจะเอ่ย เตชินจึงเอ่ยแนะนำว่า" คุณพิม เป็น... "เตชินเอ่ยถึงแค่ " เป็น
ได้ฟังคำพูดของน้ำหนึ่งแล้ว ลึกๆเธอก็แอบเจ็บนะ เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆเตชินทำอย่างนั้นกับเธอ ทำราวกับเธอเป็นของเล่นใช้เธอเป็นเครื่องมือในการผลิตลูก แต่ต่อให้มันจริงแล้วยังไง แค่เธอไม่ได้ปักใจรัก ไม่ให้ถูกคุมเกมฝ่ายเดียวเธอก็ไม่แคร์หรอกว่าพวกคนรวยจะคิดกับเธอยังไง คิดได้ดังนั้นเธอก็ยิ้มเยาะขึ้นที่มุมปากแล้วเอ่ย" ดูแล้วเธอเองก็อยากจะเป็นของเล่นให้คุณเตชินจนตัวสั่นเหมือนกันนะ เสียใจด้วยที่แม้แต่ของเล่นเขายังไม่อยากได้เธอเป็นของเล่นเลยฉันว่าเธอเอาเวลาที่มาแซะ มาแขวะ มาหาเรื่องฉันเนี่ย ไปพิจารณาตัวเองดีกว่านะแล้วก็ ขอบคุณ ที่เป็นห่วงฉันเรื่องคุณเตชิน แต่เธอไม่ต้องห่วงหรอก ฉันฉลาดขนาดนี้ ไม่โง่ให้คุณเตชินตัดปีกกระดูกได้ง่ายๆหรอก เธอรอดูวันที่ฉันโบยบินอย่างสง่างามต่อไปละกัน "เอ่ยจบเธอก็หมุนตัวเดินออกไป" ฉันจะคอยดูแล้วกัน ว่าเธอจะปากเก่งแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า เธออย่าพลาดให้ฉันหัวเราะเยาะก็แล้วกัน "น้ำหนึ่งเอ่ยด้วยความโกรธแค้นที่ถูกพิมว่าให้จนเธอพูดไม่ออกทั้งน้ำเสียงและท่าทางของพิม ดูเย่อหยิ่ง เย็นชา น่าหมั่นไส้ จนน้ำหนึ่งเกลียดเข้ากระดูกดำพิมกลับเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารด้วยสีหน้า
ในเช้าวันต่อมา พิมพาเตชินไปทำบุญไหว้พระขอพรที่วัดพระธาตุดอยคำ ทั้งสองไปซื้อดอกมะลิถวาย แล้วจุดธูปขอพรจากองค์พระพุทธรูป หลวงพ่อทันใจเมื่อขอพรเสร็จทั้งสองก็เดินออกมา กลับไปขึ้นรถ ระหว่างทางในขณะที่นั่งอยู่ในรถเตชินก็หันมาเอ่ยถามพิมว่า" เมื่อกี้คุณขอพรอะไร "พิมจึงเอ่ยตอบไปตามตรงว่า" ฉันขอพรให้ตัวเองและครอบครัวมีความสุข ขอให้ตัวเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานมีเงินทองไหลมาเทมา แคล้วคลาดจากคนที่ไม่ชอบ แคล้วคลาดจากเจ้ากรรมนายเวรค่ะ "จากนั้นเธอก็ถามเตชินว่า" แล้วคุณล่ะ? "เตชินมองหน้าเธอแล้วยิ้มขึ้น" ผมขอให้คุณ มีลูกให้ผมเร็วๆและขอให้มีคุณอยู่ข้างๆผมแบบนี้ตลอดไป "พิมได้ยินดังนั้นเธอก็ตกใจแล้วโวยวายขึ้นมา" คุณเตชิน คุณไปขอพรแบบนั้นทำไม คุณรู้มั้ยว่าหลวงพ่อทันใจท่านศักดิ์สิทธิ์แค่ไหนหากใครขออะไรจากท่านแล้ว จะสมหวังดังใจปรารถนา ทุกประการตามที่ขอคุณไปขอแบบนั้นเท่ากับจะกักขังฉันไว้ข้างกายคุณตลอดชีวิตเลยนะ คุณต้องไปแก้ให้ฉัน ฉันไม่ได้อยากอยู่กับคนที่ไม่ได้รักฉันตลอดชีวิต และฉันก็ไม่ได้...(รักคุณ) " พิมพูดถึงแค่ ไม่ได้ แล้วก็หยุดชะงักไปเมื่อเตชินได้ยินประโยคหลัง เขาก็เอ่ยถามข
อาทิตย์ต่อมา น้ำหนึ่งมากรุงเทพแล้วโทรหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังรับสายแล้วเอ่ย" สวัสดีครับ "เธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณคังฉันเองน้ำหนึ่ง พอดีฉันมาเที่ยวกรุงเทพค่ะ ตอนนี้อยู่สนามบิน คุณช่วยมารับฉันหน่อยได้มั้ยคะ "ผู้ช่วยคังจึงเอ่ยตอบไปว่า" ได้ครับ "ได้ยินดังนั้นน้ำหนึ่งดีใจยิ้มหน้าระรื่นแล้วเอ่ย" ขอบคุณค่ะ "หลังจากวางสายผู้ช่วยคังก็เข้าไปในห้องของเตชินแล้วเอ่ยรายงาน" คุณชายครับ คุณน้ำหนึ่งมากรุงเทพครับตอนนี้อยู่สนามบิน เธอขอให้ผมไปรับครับ "เตชินหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่างในมือ สายตาจับจ้องบนตัวผู้ช่วยคังที่เข้ามารายงานเรื่องน้ำหนึ่ง คล้ายว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เอ่ยว่า" ไปรับเธอเถอะ อย่าให้เธอรอนาน "เอ่ยจบเตชินก็วางมือจากงานทุกอย่าง แล้วลุกจากเก้าอี้เดินออกมาทำเอาผู้ช่วยคังถึงกับงง ไม่เข้าใจ จึงเอ่ยถามขึ้น" เอ่อ คุณชายกำลังจะไปไหนครับ "เตชินมองผู้ช่วยคังแล้วเอ่ย" ก็ไปรับคุณน้ำหนึ่งไง "ผู้ช่วยคังยิ่งงงเข้าไปใหญ่ เขาจึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้งอย่างระมัดระวัง" คุณชายจะไปรับด้วยตัวเองเลยเหรอครับ แล้วคุณพิม...จะว่าอะไรมั้ยครับ "เตชินจึงเอ่ยว่า" คุณไม่ต้องห่วงหรอก แค่อย่าให้คุณ
เตชินลงจากรถแล้วเดินกลับเข้ามาในบ้านด้วยสีหน้าถมึงทึงเขานึกว่าพิมรอเขาในห้องนั่งเล่นจึงเดินเข้าไปดูเมื่อไร้เงาพิมเขาก็เดินออกจากห้องนั่งเล่นแล้วขึ้นไปบนห้องเขาเปิดประตูเดินเข้าไป ดันเห็นพิมกำลังหยอดอะไรบางอย่างลงในขวดน้ำเขาแอบดูเงียบๆพร้อมกับพึมพำในใจอย่างรู้แจ้งชัดเจนแล้ว[ สิ่งนี้สินะที่ทำให้เรารู้สึกมึนๆทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมา ที่แท้เป็นเพราะเธอแอบวางยาเรานี่เอง ]แววตาคมกริบจับจ้องบนตัวพิมอย่างผิดหวังและเสียใจแล้วนัยน์ตาก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวดุดันด้วยความโกรธและเจ็บช้ำในใจหลากหลายอารมณ์ความรู้สึกถาถมเข้ามาในใจของเขา จนเผลอกำมือแน่นอย่างไม่รู้ตัว แววตาแข็งกร้าวกลับกลายเป็นแดงก่ำ ความโกรธและความเศร้าเสียใจสุมเข้ามาเต็มอกจนคุมสติแทบไม่ได้แล้วเขาโกรธมากที่รู้ว่าเธอไม่เต็มใจมีอะไรกับเขาอย่างที่เขาเข้าใจและโกรธมากที่เธอหลีกเลี่ยงที่จะมีลูกกับเขา โกรธที่เธอไม่เคยรักเขาเลยพอได้สติเขาก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ สักพักเขาก็เดินเข้าไปหาพิมแล้วเอ่ย" คุณทำอะไรอยู่หรอพิม "พิมสะดุ้งเล็กน้อยหันมามองเขาอย่างตื่นเต้น แล้วเอ่ยขึ้น" เปล่าค่ะ "เธอไม่รู้ว่าเตชินกลับเข้ามาในห้องตั้งแต่ตอนไหน จ
ฉากร่วมรักที่บรรเลงในบทเพลงสวาท เพิ่งจะจบลงได้ไม่นาน ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว รุ่งอรุณเบิกฟ้า เริ่มเช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนใหญ่เรือนร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันกลมเกลียวใต้ผ้าห่มผืนใหญ่หนึ่งบุรุษหนึ่งหญิงงามนอนหลับไหลบนเตียงใหญ่ สภาพดูไร้เรี่ยวแรง อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจากกิจกรรมบนเตียงที่ต่อเนื่องตลอดทั้งคืนกว่าจะตื่นขึ้นมาเวลาก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว พิมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ แพขนตางามขยับเบาๆคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันเป็นปม เมื่อเธอเริ่มขยับตัว เธอรู้สึกเจ็บและปวดระบมไปทั้งตัว จนแทบขยับตัวไม่ไหว เตชินฝากร่องรอยของความป่าเถื่อน เอาไว้ทั่วเรือนร่างของเธอมีรอยเขียวช้ำชัดเจนเป็นจุดๆตามซอกคอลงไปถึงไหปลาร้าและเนินอกเธอค่อยๆขยับตัวทีละนิดๆ แบกร่างกายที่บอบช้ำระบมไปทั่วตัว ลงจากเตียง ไปหยิบเสื้อผ้าที่เตชินโยนทิ้งกระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมาสวมใส่เตชินค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหาคนในอ้อมกอดเมื่อเห็นว่าอ้อมแขนว่างเปล่าเขาก็เลื่อนสายตากวาดมองไปทางอื่น เห็นเธอกำลังสวมใส่เสื้อผ้า เตรียมจะก้าวขาไปข้างหน้าเขาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม" พิมคุณจะรีบตื่นไปทำไม แล้วนั่นคุณจะไปไหน กลับมาน
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ