ฉากร่วมรักที่บรรเลงในบทเพลงสวาท เพิ่งจะจบลงได้ไม่นาน ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว รุ่งอรุณเบิกฟ้า เริ่มเช้าวันใหม่ ภายในห้องนอนใหญ่เรือนร่างเปลือยเปล่านอนกอดกันกลมเกลียวใต้ผ้าห่มผืนใหญ่หนึ่งบุรุษหนึ่งหญิงงามนอนหลับไหลบนเตียงใหญ่ สภาพดูไร้เรี่ยวแรง อ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจากกิจกรรมบนเตียงที่ต่อเนื่องตลอดทั้งคืนกว่าจะตื่นขึ้นมาเวลาก็ปาไปสี่โมงเย็นแล้ว พิมค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ แพขนตางามขยับเบาๆคิ้วสวยได้รูปขมวดเข้าหากันเป็นปม เมื่อเธอเริ่มขยับตัว เธอรู้สึกเจ็บและปวดระบมไปทั้งตัว จนแทบขยับตัวไม่ไหว เตชินฝากร่องรอยของความป่าเถื่อน เอาไว้ทั่วเรือนร่างของเธอมีรอยเขียวช้ำชัดเจนเป็นจุดๆตามซอกคอลงไปถึงไหปลาร้าและเนินอกเธอค่อยๆขยับตัวทีละนิดๆ แบกร่างกายที่บอบช้ำระบมไปทั่วตัว ลงจากเตียง ไปหยิบเสื้อผ้าที่เตชินโยนทิ้งกระจัดกระจายบนพื้นขึ้นมาสวมใส่เตชินค่อยๆลืมตาขึ้นมามองหาคนในอ้อมกอดเมื่อเห็นว่าอ้อมแขนว่างเปล่าเขาก็เลื่อนสายตากวาดมองไปทางอื่น เห็นเธอกำลังสวมใส่เสื้อผ้า เตรียมจะก้าวขาไปข้างหน้าเขาก็ลุกขึ้นมานั่งแล้วเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้ม" พิมคุณจะรีบตื่นไปทำไม แล้วนั่นคุณจะไปไหน กลับมาน
คนอย่างเธอแม้จะจน แต่จะขอจนอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีเมื่อเธอยอมลดศักดิ์ศรีลง เอ่ยขอให้เขาขอเธอแต่งงาน หวังว่าเขาจะสงสารและเมตตาเธอบ้างแต่เขากลับปฏิเสธเธออย่างไม่ต้องคิดถ้อยคำที่เขาคอยพร่ามว่ารักเธอนักหนาล้วนเป็นแค่การโกหกหลอกลวง ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด เธอรู้สึกพอแล้วเหนื่อยแล้วจริงๆกับความรู้สึกดีๆที่มีให้เขา[ ฉันจะไม่ยอมเป็นหงส์พิการที่บินไม่ได้เพราะคุณหรอกนะคุณเตชินและจะไม่ยอมให้น้ำหนึ่งสมหวังในการรอคอยนั้นเด็ดขาด ]คิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกขึ้นมานั่ง น้ำที่เต็มอ่างล้นทลักออกมา โดยที่เธอไม่สนใจที่จะปิดน้ำเลยราวกับว่า จะชำระล้างร่างกายให้สะอาด แล้วให้สิ่งสกปรกที่ชำระล้างไหลไปตามน้ำที่ล้นออกเธอกลั้นหายใจในน้ำนาน พอลุกขึ้นยืนเหมือนกับเธอตายแล้วได้เกิดใหม่ เปลี่ยนไปเป็นอีกคนมีแววตาที่ไร้อารมณ์ สีหน้านิ่ง เย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึก ไม่หลงเหลือความเป็นเธอที่สดใสร่าเริงขี้อ้อนคนเดิมอีกต่อไปเธอปิดน้ำแล้วก้าวลงจากอ่าง หยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมเนินอกปกปิดร่างกายแล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นมือไปเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบเอาแผ่นแปะคุมกำเนิดในกระเป๋ามาแปะแล้วหยิบชุดชั้นใน
เตชินวิ่งตามพิมออกมาแล้วหยุดเธอไว้โดยการจับแขนของเธอแล้วเขาก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า" เรามีเรื่องต้องคุยกัน "พิมง้างมือขึ้นมาตบไปที่หน้าของเขาเต็มแรง แล้วมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดัน กลับมากำมือแน่นข้างลำตัว สีหน้าเธอดูนิ่งเฉย ยากจะรู้ระดับความโกรธที่มีในใจ ที่ยากจะควบคุมแล้วเตชินอึ้งไปเลยเกิดมาเขาไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อน ในชีวิตนี้ของเขาคงมีแต่พิมคนเดียวแล้วผู้ช่วยคังยิ่งอึ้งกว่า จากนั้นก็แอบพึมพำในใจ[ ไม่คิดว่าสาวน้อยตัวเล็กๆอย่างคุณพิมเวลาโกรธจะรุนแรงและน่ากลัวขนาดนี้ ]จากนั้นพิมก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา" ตบนี้คุณควรจะได้รับนานแล้ว ที่ผ่านมาฉันเกรงใจคุณถึงห้าส่วน ก็เพราะคิดว่าคุณเป็นนายจ้าง แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันจะบอกให้นะ ในชีวิตสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่พยายามจะทำให้ฉันเสียหายนี้แหละ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ใช่ว่าคุณอยากจะทำอะไรกับฉันก็ทำได้ "เอ่ยจบเธอก็ดึงแขนกลับมาอย่างแรงแล้วเดินผ่านเตชินไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นไอของความเย็นชา ที่แผ่ปกคลุ่มรอบตัวเธอ เตชินยังยืนนิ่งอยู่กับที่ทั้งโมโหที่ถูกตบต่อหน้าลูกน้องและสับสนว่าควรจะทำยั
ส่วนน้ำหนึ่งหากคิดที่จะเอาเรื่องของเธอไปพูด เธอเรียมรับมือกับปัญหาเหล่านั้นไว้แล้วเช่นกันเตชินได้ยินเธอยืนกรานที่จะหย่าเขาเลยเอ่ยเสียงแข็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า" ผมไม่หย่า และผมก็จะไม่ให้คุณไปฟ้องหย่ากับผมได้หรอกผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสถานะนี้ แต่ผมจำเป็นต้องขอให้คุณช่วยท้องลูกของผมเพราะมีเพียงคุณเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกผม ทายาทของตระกูลอัศววัฒน์สกุล ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะต้องสมองดี ฉลาด มีไหวพริบและหน้าตาดีเหมือนคุณไม่ก็เหมือนผมดังนั้น ผมไม่สามารถหย่ากับคุณได้จริงๆ อีกอย่างผมรักคุณมากนะพิมผมไม่อยากสูญเสียคุณไป ผมอยากจะมีคุณอยู่ด้วย แบบนี้ตลอดไปโดยไม่ต้องแต่งงานกัน "เตชินพูดออกมายาวเหยียดกลับได้ยินเพียงพิมแค่นเสียง เหอะ! ออกมาด้วยแววตาไร้อารมณ์เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่เดาใจเธอไม่ออก ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรอีกบรรยากาศอึมครึมปกคลุมรอบๆจนเงียบสนิท พิมมองออกไปนอกหน้าต่างเอ่ยพึมพำในใจอย่างเบื่อหน่าย[ มีทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเขาคือ ฟ้องหย่าเท่านั้น เมื่อไม่มีใจ ไม่ได้รักกัน ก็ไม่ควรให้เรื่องมันยืดเยื้อ ควรจบเรื่องได้สักที ] เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พรุ่งนี้เธอจะ
ในเช้าวันต่อมา พิมออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย หน้าระเบียงบ้าน อ้าแขนออกพร้อมกับเชิดคาง หงายหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอย่างสงบ ค่อยๆหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด กลิ่นหอมของดอกกาสะลองตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้านของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายสบายอารมณ์จากนั้นเธอก็เดินลงบันไดไป สวมใส่รองเท้าแล้วเดินไปใต้ต้นกาสะลองเก็บดอกกาสะลองที่ตกพื้นขึ้นมาดมแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สดใสบริสุทธิ์ ที่ไม่ถูกแต่งเติมใดๆเธอเก็บผมทัดใบหูแล้วเอาดอกกาสะลองขึ้นมาทัดหู แต่ดูเหมือนดอกนี้ยังไม่สดพอที่จะทำให้เธอพอใจ เธอแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างไม่รีรอพ่อคำนั่งหั่นเนื้อหมูช่วยแม่มะลิทำกับข้าวอยู่บนบ้านในห้องครัวเห็นลูกสาวปีนขึ้นไปบนต้นไม้เขาก็เผยรอยยิ้มจนปัญญาพร้อมกับส่ายหน้าพึมพำเบาๆ" ลูกคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ "แม่มะลิที่กำลังตำน้ำพริกอยู่เห็นสามียิ้มก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้" พ่อนั่งยิ้มอะไร? "พ่อคำจึงเอ่ยตอบไปว่า" ก็ลูกสาวเราโตขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกปีนต้นไม้เล่นอีกกลับมาถึงก็ปีนขึ้นต้นปีบหน้าบ้านอีกแล้ว ตกลงมากี่ครั้งก็ไม่รู้จักหลาบจำ "แม
พอได้สติ แม่มะลิก็เอ่ยขึ้น" พิมลูกไปช่วยแม่ตักแกงในครัวหน่อย "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ เธอรู้ดีว่าแม่เธอไม่ได้เจตนาจะให้เธอมาช่วยตักแกงอย่างที่พูดหรอกจากนั้นแม่มะลิกับพิมก็ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในครัว พ่อคำยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเป็นมิตร แม้ในใจจะไม่ค่อยพอใจเตชินที่ฉวยโอกาสหอมลูกสาวเขาต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจก็ตามแต่เขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาทที่จะไม่ไว้หน้าแขกที่มาบ้านครั้งแรกยิ่งแขกมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับลูกสาวเขาเขายิ่งให้เกียรติ" มาหนุ่มๆเรากินข้าวต่อ ไม่ต้องเกรงใจนะ "" ครับ " ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ยตอบจากนั้นก็ทานข้าวต่อเตชินแอบเป็นห่วงพิม เขาไม่รู้ว่าพิมจะถูกผู้เป็นแม่ตำหนิอะไรหรือเปล่าเขาได้แต่ชะเง้อมองเข้าไปในครัวเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องครัวแล้ว แม่มะลิก็เอ่ยกระซิบถามลูกสาวเสียงเข้มด้วยความสงสัย" เขาเป็นอะไรกับลูก ลูกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตั้งแต่ลูกตกต้นไม้แล้ว เขาโผล่มารับลูก ก็ว่าแปลกๆแล้ว นี่ยังมาฉวยโอกาสทำแบบั้นกับลูกอีก แม่กับพ่อรับไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของลูกใช่มั้ย "พิมไม่รู้จะบอกแม่ยังไง เธอก้มหน้ายืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นทำให้ผู้เป็นแม่ร้อนใจเอ่ยถามต่อ" ลูก
[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลยเพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไรที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจ
เตชินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เขาไม่สนใจหรอกเพราะยังไงตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาการมีลูกกับเธอก็จะง่ายขึ้น เธอไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวอะไรอีกเมื่อวิ่งกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินขึ้นไปบนบ้าน แม่มะลิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเห็นลูกสาวกับลูกเขยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น" พิม ลูกอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จพาคุณเตชินออกมากินข้าวเช้าเลยนะ "" ค่ะ แม่ "พิมเอ่ยตอบแม่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เตชินมองไปยังห้องครัว ที่ทำแยกออกไปอีกหลังแต่เชื่อมต่อกันกับตัวบ้านแล้วมองตามหลังพิมที่เดินเข้าห้องไป เขารู้สึกว่าครอบครัวของเธอดูอบอุ่นเป็นกันเองใช้ชีวิตสบายๆอยู่กับธรรมชาติ เขาอิจฉาชีวิตที่มีความสุขของพิมเข้าแล้วแม้พ่อกับแม่ของพิมจะไม่ค่อยชอบเขา แต่พ่อแม่ของพิมก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติไม่แสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลยแต่กลับกัน เขากลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พ่อของพิมก็ออกมาตั้งโต๊ะอาหารส่วนแม่ของพิมก็ตักข้าวตักแกงใส่โถ เตรียมไว้พอพิมกับเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พิมเห็นพ่อกำลังตั้งโต๊ะกินข
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ