เตชินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เขาไม่สนใจหรอก
เพราะยังไงตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขา การมีลูกกับเธอก็จะง่ายขึ้น เธอไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวอะไรอีก เมื่อวิ่งกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินขึ้นไปบนบ้าน แม่มะลิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว เห็นลูกสาวกับลูกเขยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น " พิม ลูกอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จพาคุณเตชินออกมากินข้าวเช้าเลยนะ " " ค่ะ แม่ " พิมเอ่ยตอบแม่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เตชินมองไปยังห้องครัว ที่ทำแยกออกไปอีกหลังแต่เชื่อมต่อกันกับตัวบ้าน แล้วมองตามหลังพิมที่เดินเข้าห้องไป เขารู้สึกว่าครอบครัวของเธอดูอบอุ่นเป็นกันเอง ใช้ชีวิตสบายๆอยู่กับธรรมชาติ เขาอิจฉาชีวิตที่มีความสุขของพิมเข้าแล้ว แม้พ่อกับแม่ของพิมจะไม่ค่อยชอบเขา แต่พ่อแม่ของพิมก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติ ไม่แสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลย แต่กลับกัน เขากลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พ่อของพิมก็ออกมาตั้งโต๊ะอาหาร ส่วนแม่ของพิมก็ตักข้าวตักแกงใส่โถ เตรียมไว้ พอพิมกับเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พิมเห็นพ่อกำลังตั้งโต๊ะกินข้าวเธอจึงเอ่ย " พ่อ หนูช่วยค่ะ " พ่อคำที่กำลังจัดโต๊ะอยู่ก็เอ่ยขึ้น " ไม่ต้องหรอกลูก จะเสร็จแล้ว ลูกไปยกกับข้าวกับปลาช่วยแม่เลย " " ได้ค่ะ " พิมเอ่ยตอบแล้วเดินเข้าไปในครัว เธอรู้สึกได้ถึงเตชินที่ยังนิ่งเฉยไม่ตามเธอมา เธอจึงหันหลังกลับไปมองเขาแล้วเอ่ย " คุณเตชินยืนบื้ออยู่ทำไม มาช่วยกันยกกับข้าวสิ ที่นี่ไม่เหมือนบ้านคุณหรอกนะ หิวข้าวก็ต้องหากินเอง ไม่มีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยงคอยเสิร์ฟข้าวปลาอาหารให้คุณถึงที่หรอก อีกอย่างบ้านเราไม่ถือว่าคุณเป็นแขกแล้ว เราจะไม่บริการคุณแล้วค่ะ อยู่แบบช่วยกันทำมาหากิน อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็หย่า " เอ่ยจบพิมก็เดินเข้าไปในครัวโดยไม่สนใจเตชินอีก แม้คำพูดของพิมจะฟังดูห้วนๆไม่รื่นหู แต่ก็ทำให้เตชินยิ้มได้และแอบดีใจ ที่บ้านพิมยอมรับเขาเป็นคนในครอบครัวแล้ว เตชินตามพิมเข้าไปในครัว แม่มะลิก็ยื่นโถข้าวลายไทยสีเงินไปให้เขาพร้อมกับเอ่ย " คุณเตชินยกโถข้าวออกไปวางเลยค่ะ เดี๋ยวแม่จะยกโถแกงออกไปเอง " " ครับ " จากนั้นเตชินก็ยกโถข้าวออกไปวางบนโต๊ะ พิมเดินเข้ามา ในมือถือถ้วยจานและช้อนส้อม มาจัดเรียงบนโต๊ะ แล้วตักข้าวตักแกงใส่ถ้วยจาน พ่อของพิมเดินไปหยิบขวดน้ำในตู้เย็น แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมกับแก้วน้ำในมือครบจำนวนคน จากนั้นทุกคนก็นั่งทานข้าวเช้ากันอย่างเงียบๆ แม่ของพิมเห็นว่าพิมไม่ทำหน้าที่ภรรยาที่ดีเลยสนใจแต่ข้าวตรงหน้าของตัวเอง เขาจึงเอ่ยขึ้น " พิม ตักกับข้าวให้คุณเตชินสิลูก " พิมเงยหน้ามองแม่อย่างไม่เข้าใจ แล้วเธอก็เอ่ยขึ้นแย้งขึ้น " แม่คะ นี่มันยุคสมัยไหนแล้วคะ เขามีมือก็ให้เขาตักเองสิ ทำไมต้องให้หนูมาดูแลเรื่องจุกจิกเล็กน้อยพวกนี้ด้วยคะ เขาสิที่ต้องมาดูแลหนู ไม่ใช่ให้หนูไปดูแลเขา " พ่อคำเห็นลูกสาวแสดงความเห็นที่ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเอง เขาจึงเอ่ยขึ้น " ที่ลูกพูดก็ถูกนะ แต่เมื่อเป็นสามีภรรยากันแล้ว ก็ต้องดูแลเอาใจใส่กันให้ดี จำได้มั้ยอยู่ให้เขารัก จากให้เขาอาลัย อยู่ให้เขาไว้ใจ ไปให้เขาคิดถึง " เตชินฟังคำพูดของพ่อพิมอย่างเงียบๆอย่างเข้าใจความหมายแฝงของประโยคหลัง [ สอนลูกแบบนี้สินะ เลยทำให้พิมดีกับทุกคน ใครๆต่างก็จะชอบเธอ ] พนักงานในบริษัทเขาล้วนชอบพิมกันทั้งนั้น แม้กระทั่งแม่ของเขาก็แอบมีใจชอบพิม รวมถึงเขาด้วยเขามีความสุข รู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับพิม เขานั่งคิดและพึมพำในใจ จากนั้นเขาก็หันไปมองพิม เห็นสีหน้าเธอบูดบึ้งขึ้นมาเล็กน้อย เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างเอาอกเอาใจกลัวเธอจะระเบิดกลางโต๊ะอาหาร พร้อมกับตักกับข้าวให้พิม " พิมคุณทานเยอะๆนะ ความจริงที่คุณพ่อคุณแม่พูดก็ถูกนะ ถ้าเราดูแลเอาใจใส่กันและกัน แค่นี้ชีวิตคู่ก็มีความสุขไปตลอดเหมือนคุณพ่อกับคุณแม่แล้ว คุณอย่าหงุดหงิดเลยนะ เดี๋ยวจะทานข้าวไม่อร่อย เข้าใจมั้ย ทานข้าวเถอะ " พิมเหลือบมองเตชินด้วยหางตาอย่างเย็นชา แล้วไม่พูดอะไรอีก พ่อคำกับแม่มะลิมองหน้ากันอย่างเงียบๆ จากนั้นพ่อคำก็เอ่ยขึ้น " ทานข้าวๆ " แล้วทุกคนก็กลับมาทานข้าวอย่างเงียบสงบอีกครั้ง พิมก็เริ่มตักกับข้าวให้เตชินพร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย " คุณลองทานดู น้ำพริกหนุ่ม ฝีมือแม่ฉันอร่อยที่สุดแล้ว ส่วนนี้แกงขนุนรสชาติจะคล้ายๆจอผักกาดที่คุณเคยทาน แล้วนี่แกงฮังเล รสชาติจะเค็ม เปรี้ยว หวานลงตัว " พอตักให้เตชินเสร็จเธอก็กลับมาทานข้าวของตัวเองต่อ จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า " ที่ฉันตักให้คุณล้วนเป็นของโปรดฉัน คุณทานได้มั้ย ถ้าไม่ชอบก็เขี่ยทิ้งเลย " เตชินยิ้มอย่างพอใจ แม้พิมจะต่อต้านความคิดคำสอน แต่เธอก็ทำตามคำสอนของพ่อแม่อย่างเชื่อฟัง ทำให้เขารู้สึกรักเธอมากขึ้น อยากครอบครองเธอทั้งตัวและหัวใจ เขารู้สึกว่าพิมกับพ่อของเธอ จะมีความคล้ายกันอย่างคือ เวลาพูดอะไรมักจะทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ชวนให้คิดต่อเสมอ จากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า " อะไรที่ภรรยาผมชอบ ผมก็กินได้ทั้งนั้นแหละ ไม่คิดที่จะเขี่ยทิ้งแน่นอน " พิมก้มหน้าสนใจข้าวของตัวเองพร้อมกับเอ่ย " อย่าพูดมากความ รีบๆกินข้าว เดี๋ยวพ่อฉันจะไปทำงานอยู่ " แม่มะลิเห็นดังนั้นก็ยิ้มขึ้นมาอย่างเบาใจพร้อมกับมองไปยังพ่อคำ แล้วเลื่อนสายตากลับไปมองลูกสาวพร้อมกับพึมพำในใจ [ พิมก็คือพิมวันยังค่ำ แข็งนอก อ่อนใน ] เมื่อทานข้าวเสร็จพิมกับเตชินก็ช่วยกันล้างจาน เก็บโต๊ะ ส่วนพ่อคำกับแม่มะลิก็ขี่รถออกจากบ้านไปนา ระหว่างทางแม่มะลิจึงเอ่ยกับพ่อคำว่า " พ่อจะว่าไป คุณเตชินเขาก็ดูเอาใจใส่ลูกเราดีเน้อพ่อว่ามั้ย " พ่อคำจึงเอ่ยตอบไปว่า " อืมเขาก็ดี แต่ของแบบนี้มันต้องดูกันนานๆ วันนี้เขาอาจดี วันหน้าอาจจะไม่ดีหรือเปล่า เราก็ไม่สามารถรู้ได้ ก็ดูๆไปแล้วกัน อย่าเพิ่งให้ใจคนรวยๆอย่างเขาเลย เขามีโอกาสนอกใจลูกเราได้ทุกเมื่อ จะทำให้ลูกเราช้ำใจเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คนรวยๆน่ะมักจะชอบมีบ้านเล็กบ้านน้อยกัน ถ้าเขาทำให้ลูกพิมช้ำใจ ผมจะไม่ให้ลูกทนกับเรื่องแบบนั้นแน่นอน " รถกระบะของสองสามีภรรยาค่อยๆแล่นไปบนถนนคอนกรีตในความเร็วพอดี มุ่งหน้าไปยังที่นาของตนเองหนึ่งอาทิตย์ต่อมา พิมกับเตชินก็ต้องกลับกรุงเทพทั้งสองยืนลาแม่มะลิกับพ่อคำ ก่อนออกเดินทางพิมกอดพ่อกับแม่แล้วเอ่ย" หนูไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำงานหนัก อย่าหักโหมเกินไป ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ "พิมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่ แม่มะลิเองก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเช่นกัน" ลูกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบ พ่อคำมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาลัยจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเตชินที่ยืนข้างๆลูกสาวเขาแล้วเอ่ย" ผมฝากคุณเตชินดูแลพิมให้ดีๆด้วยนะครับ เธออาจจะดื้อบ้างเป็นบางครั้ง ขอให้คุยกับเธออย่างใจเย็น ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จูงมือกันไปข้างหน้า ดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ "เตชินเขาเข้าใจในความหมายแฝงของคำพูดนั้นดี เขาจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า" ครับ ผมจะดูแลพิมให้ดีที่สุด "แต่คำพูดเขาก็ไม่ทำให้พ่อของพิม ห่วงลูกสาวน้อยลงเลย พ่อคำก็หันไปเอ่ยกับลูกสาวว่า " อยู่ไกลบ้านดูแลตัวเองนะลูก แล้วจำคำของพ่อไว้ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางนะ เข้าใจที่มั้ย "( หมายถึง : คือการรู้จักเอาตัวรอดใ
พิมนั่งคิดหาวิธีที่จะไม่ให้เตชินรู้ผลตรวจจากหมออย่างเคร่งเครียดแล้วเธอก็ตัดสินใจโทรไปหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังเห็นพิมโทรเข้ามาจึงกดรับสาย แล้วเอ่ย" ครับคุณพิม "พิมจึงเอ่ยถามขึ้นว่า" คุณคัง คุณเตชินให้คุณไปเอาผลตรวจสุขภาพของฉันหรือยังคะ "" ครับ คุณชายแชทมาบอกแล้วครับ คุณพิมมีอะไรหรือเปล่าครับ "" คุณได้ไปเอาหรือยังคะ "" ไปเอามาแล้วครับ "ได้ยินดังนั้น พิมรู้สึกตื่นเต้นประหม่าเล็กน้อยกลัวผู้ช่วยคังจะจับพิรุธได้และสงสัยในตัวเธอเธอพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบและนิ่งที่สุดอ้างเหตุผลอย่างเนียนๆ" คือ ฉันอยากให้คุณเตชินรู้ผลตรวจจากฉันเองค่ะ ในเมื่อคุณไปเอาผลตรวจมาแล้ว ช่วยเอามาให้ฉันตอนนี้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันจะบอกเขาเองฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีค่ะ คุณคังเข้าใจใช่มั้ยคะ "ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยคังได้ไปรับเอาผลตรวจที่โรงพยาบาล และได้คุยกับหมออยู่นานจึงรู้ว่าคุณพิมใช้ยาคุมกำเนิดมาตลอด เมื่อคุณพิมโทรมาแบบนี้ เขาก็เข้าใจเธอ เขาคิดว่าเธอคงจะกลัวคุณชายเขาจะโกรธเลยอยากจะบอกด้วยตนเอง เขาจึงเอ่ยว่า" ได้ครับ ผมจะเอาไปให้เดี๋ยวนี้ "ได้ยินแบบนี้พิมยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอ่ย" ค่ะ ฉันจะรอในห้องรับ
ในห้องน้ำ พิมยืนถือโทรศัพท์ของเตชินแล้วปล่อยมือ ทิ้งให้โทรศัพท์ตกลงบนพื้นแต่โทรศัพท์กลับไม่แตกกระจายดังที่เธอหวัง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูเห็นเพียงรอยแตกบนหน้าจอ ซึ่งเธอต้องการให้แตกมากกว่านี้" สงสัยปล่อยมือเฉยๆ จะธรรมดาไป ชอบความรุนแรงเหมือนเจ้าของก็ไม่บอก เดะจัดให้ "เอ่ยจบเธอก็โยนโทรศัพท์ลงไปแรงๆอีกครั้ง รอบนี้โทรศัพท์แตกกระจายสมใจเธอเธอเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจในผลงานแล้วหยิบสิ้นส่วนของโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับพึมพำเบาๆ" แค่นี้ก็เรียบร้อย คงจะยืดเวลาออกไปได้อีกหลายวัน กว่าเตชินจะรู้เรื่อง เราก็คงจะมีวิธีดีๆในการเอาตัวรอดจากเขา อย่างน้อยตอนนี้ เราก็พอมีเวลาให้คิดหาวิธีละว้า "เอ่ยพึมพำจบเธอก็เอาโทรศัพท์โยนลงในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ แล้วเธอเปิดฝักบัวอาบน้ำทันทีเตชินนั่งสับสนกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยไม่สนใจเสียงรอบข้างไม่ได้ยินแม้กระทั่งพิมทำโทรศัพท์เขาตกพื้นถึงสองครั้ง[ ทำไมเราใจเต้นแรงขนาดนี้ ปกติเราก็จูบกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นเพราะเธอเป็นฝ่ายมาจูบเราก่อนเลยทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นงั้นเหรอ ]คิดได้แบบนี้เขาก็เดินออกจากห้อง แล้วล้วงม
" ฉัน...ฉัน "พิมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะโต้ตอบเขายังไง แต่เมื่อเธอเห็นรอยลิปสติกบนเสื้อที่หน้าอก กลิ่นน้ำหอมฉุนลอยเข้ามาเตะจมูก เธอก็ทำเดือดดาลขึ้นมาทันทีจ้องตาเขาอย่างแน่วแน่ไม่ยอมแพ้แล้วเอ่ยย้อนเสียงกร้าว" แล้วคุณล่ะ ทีคุณยังแอบออกไปมีอะไรกับผู้หญิงข้างนอกได้เลย ทำไมฉันจะคุยกับคนอื่นไม่ได้ คุณถือสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน สิทธิ์ในการเป็นสามีเหรอ โนค่ะ คุณทรยศความเป็นสามีภรรยาคุณไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว "เอ่ยจบเธอก็ลงจากเตียงทันที เธอยั่วโทสะเขาขนาดนั้นเธอไม่โง่อยู่ในห้องนานๆให้เตชินจับมายำกินหรอกมีโอกาสเธอก็ชิ่งหนีลงจากเตียงอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางถมึงทึง" คุณจะไปไหน? "เตชินเลยเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบอย่างไม่รีบร้อน แต่น้ำเสียงกลับแฝงพลังอำนาจที่เหนือกว่าจนพิมต้องเอ่ยตอบ แต่เอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ด้วยความโกรธเคืองที่มีอยู่เต็มอก" นอนแยกห้อง "" ไม่ได้!!! "เตชินเอ่ยเสียงกร้าว แววตาทรงอำนาจจับจ้องบนตัวพิมอย่างดุดันพิมหยุดชะงัก แล้วหันมามองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึงและแววตาดื้อรั้นที่เต็มไปด้วยโกรธ แล้วเอ่ยเสียงกร้าว" ฉันไม่อยากนอนกับคนสกปรกอย่างคุณ ถ้าคุณอยากมีคนนอนด้วย คุณก็ให้พว
เช้าวันต่อมา เตชินตื่นขึ้นมาแต่งตัวกำลังจะไปทำงาน เขาก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามหาโทรศัพท์จากพิม" พิม โทรศัพท์ผมล่ะ "พิมยิ้มเจื่อนเดินเข้ามาหาเขา แล้วทำเป็นจัดเนคไทให้เขาพอเป็นพิธี แล้วเอ่ยแบบเกรงๆ" เอ่อ...ฉัน...ฉัน..ขอโทษค่ะ เมื่อวานฉันไม่ทันระวังเผลอทำโทรศัพท์ของคุณตกแตกในน้ำ "ได้ยินดังนั้นสีหน้าเตชินเข้มขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยเสียงเข้มด้วยความตกใจ" ว่าไงนะพิม!!เห็นดังนั้น พิมเลยรีบเอ่ยต่ออย่างตะกุกตะกักทันที" แต่...แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉัน...จะ...เอ่อ...จะให้ช่างซ่อมให้ ไม่ก็...ซื้อคืนให้คุณดีมั้ย "จากนั้นเธอก็ทำหน้าหงอย เดินคอตกออกมาจากตรงหน้าของเตชิน แล้วเอ่ยเสียงเศร้า" ฉันก็ไม่ได้อยากหาเรื่องให้ตัวเองเสียเงินหรอกนะ แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว คุณเคยบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าอะไรที่มันเกิดแล้ว มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ทำไมคุณต้องมองฉันด้วยสายตาดุแบบนั้นด้วยล่ะ "เห็นพิมเป็นแบบนั้นเตชินก็ปรับสีหน้าให้อ่อนลงแล้วเดินเข้ามากอดพิม แล้วเอ่ย" ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมตกใจไปหน่อยเพราะในโทรศัพท์ของผมมีทั้งงานและเบอร์สำคัญมากมาย แต่ไม่เป็นไร ผมจะให้คนมากู้ข้อมูลคืนให้ คุณเอา
พิมเก็บกระเป๋าเสร็จ เธอก็เดินออกจากห้อง เตชินกลับเข้ามาจอดรถ ในลานจอดรถด้วยสีหน้าถมึงทึงป้าใจเห็นเตชินกลับมาก็เดินเข้าไปหาเขาแล้วเอ่ย" คุณชาย ป้ามีเรื่องจะรายงานค่ะ "" ว่ามา "เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันสีหน้าคงความเข้ม เคร่งขรึมไว้ไม่เปลี่ยนป้าใจเห็นดังนั้นก็รีบรายงานทันที" เมื่อวานป้าใจเห็นคุณพิมนั่งเผาเศษกระดาษอยู่หลังบ้านค่ะตอนป้าเข้าไปเจอ คุณพิมบอกว่าเป็นจดหมายเก่าๆที่ไม่ควรเก็บไว้ตอนนั้นป้าไม่ได้คิดหรือเอะใจอะไร ก็นึกว่าเป็นจดหมายจากคนรักเก่าแต่เมื่อป้ากลับมาคิดดูดีๆ ป้ารู้สึกว่ามันมีจุดที่น่าสงสัยแปลกๆค่ะ สิ่งที่คุณพิมเผา อาจจะไม่ใช่จดหมายเก่า อย่างที่คุณพิมบอกเพราะยุคสมัยนี้จดหมายน่าจะไม่มีใครเขาใช้กันแล้วค่ะ เลยอยากนำเรื่องนี้ให้คุณชายลองวิเคราะห์ดูค่ะ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเผาอะไรก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้นไปอีก[ คุณถึงขนาดเผามันทิ้งเพื่อปิดบังผมเลยเหรอ ]เตชินพึมพำพร้อมกับกำมือแน่นด้วยความเดือดดาล จากนั้นก็เอ่ย" อืม ผมรู้แล้ว วันนี้ป้าอยากไปไหนก็ไป ผมให้หยุดพักหนึ่งวัน "เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจครั่นคร้ามอย่างมีโทสะต
พิมทั้งโกรธ ทั้งกลัวจนอยากจะฆ่าเขาทิ้งจากนั้นเขาก็หมุนตัวเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นไปเฉยๆ ทำเอาพิมงงงันไม่เข้าใจว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรแต่เมื่อเห็นเขาไปปิดประตูใหญ่แล้วล็อคไว้แน่นทำเอาใจเธอสั่นกลัวขึ้นมาสมองสั่งให้เธอวิ่งขึ้นไปข้างบนทันที แล้วล็อคประตูแน่นแล้วเอาโต๊ะเก้าอี้มาขวางทับประตูเอาไว้ เตชินที่อยู่ด้านนอกก็เอ่ยขึ้น" พิมคุณหนีไปไม่ได้แล้ว ยอมรับชะตาตัวเองเถอะ มีลูกให้ผม แล้วผมจะให้อิสระคุณ "เมื่อไม่มีเสียงตอบรับจากพิม เขาก็รีบลงไปเอาพวงกุญแจสำรองทันทีพิมเดินไปเปิดหน้าต่างแล้วหยิบเอาเสื้อผ้าของเตชินมาผูก มัดเข้าด้วยกันเป็นสายยาวๆอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางสั่นกลัวเธอพยายามควบคุมสติให้ได้มากที่สุดแล้วเอ่ยพึมพำกับตัวเอง" ไม่หนีวันนี้ วันอื่นจะไม่มีโอกาสหนีแล้ว ฉันขอให้นายกับคนรักของนายอยู่กันอย่างไม่มีความสุข ไม่สมหวังในความรักขอให้ความรักของนายกับคนรัก ขาดสะบั้นหั่นแหลก เหมือนกับที่พวกคุณทำชีวิตฉันพัง จนไม่หลงเหลือความบริสุทธิ์ที่เก็บไว้มานาน "เธอเอ่ยสาปแช่งด้วยความโกรธแค้นในใจ เพราะนอกจากแช่งพวกเขาแล้ว เธอก็ไม่สามารถทำอะไรพวกเขาได้อีกจากนั้นเธอก็โยนผ้าที่ผูกมัดด้วยตัวเ
เมื่อรถที่พิมนั่งมาตลอดไปจอดลงหน้าบ้านของรุ่นพี่ เธอก็ลงจากรถแล้วเดินไปกดกริ่งหน้าบ้านรุ่นพี่สักพักรุ่นพี่ก็ลงมาเปิดประตูให้เธอ เธอก็ยกมือไหว้อย่างมีมารยาทแล้วเอ่ย" สวัสดีค่ะ รุ่นพี่ พิมขอรบกวนพี่หน่อยนะคะ "รุ่นพี่สาวสองยกมือรับไหว้จากเธอแล้วเอ่ย" ไม่รบกวนเลย เข้ามาเถอะ อีเท่เล่าให้พี่ฟังหมดแล้ว อะไรที่พี่ช่วยได้พี่ยินดีจ้า "" ขอบคุณค่ะรุ่นพี่ "จากนั้นพิมก็เข้าไปในบ้านของรุ่นพี่ ทางด้านเตชิน เขานั่งอยู่ในรถแล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณคัง คุณโทรไปถามพวกเขา ว่ายังไม่พบคุณพิมอีกเหรอ "" ได้ครับ "ผู้ช่วยคังเอ่ยตอบจากนั้นก็โทรไปหาลูกน้องทันที ทันทีที่ลูกน้องรับสายเขาก็เอ่ยถามขึ้น" เจอคุณพิมหรือยัง "ทางปลายสายเอ่ยตอบมาว่า" ยังครับ พวกเราค้นหาทุกทางเข้าออกหมดแล้วแล้วไม่เจอคุณพิมเลยครับ "ได้ยินดังนั้นผู้ช่วยคังก็วางสาย แล้วโทรไปทางฝั่งสนามบินต่อพอลูกน้องรับสายเขาก็เอ่ยถามทันทีว่า" ทางพวกคุณเจอตัวคุณพิมหรือยัง "ลูกน้องที่อยู่ปลายสายเอ่ยตอบว่า" ยังครับ พวกเราเฝ้าตรงทางเข้าไม่เห็นคุณพิมลงจากรถเลยครับ ผมว่าบางทีคุณพิมอาจจะรู้ทันเลยไม่เลือกที่จะออกเดินทางวันนี้ก็ได้ครับ "" อืม พวกคุณเ
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ