[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลยเพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไรที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจ
เตชินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เขาไม่สนใจหรอกเพราะยังไงตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาการมีลูกกับเธอก็จะง่ายขึ้น เธอไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวอะไรอีกเมื่อวิ่งกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินขึ้นไปบนบ้าน แม่มะลิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเห็นลูกสาวกับลูกเขยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น" พิม ลูกอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จพาคุณเตชินออกมากินข้าวเช้าเลยนะ "" ค่ะ แม่ "พิมเอ่ยตอบแม่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เตชินมองไปยังห้องครัว ที่ทำแยกออกไปอีกหลังแต่เชื่อมต่อกันกับตัวบ้านแล้วมองตามหลังพิมที่เดินเข้าห้องไป เขารู้สึกว่าครอบครัวของเธอดูอบอุ่นเป็นกันเองใช้ชีวิตสบายๆอยู่กับธรรมชาติ เขาอิจฉาชีวิตที่มีความสุขของพิมเข้าแล้วแม้พ่อกับแม่ของพิมจะไม่ค่อยชอบเขา แต่พ่อแม่ของพิมก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติไม่แสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลยแต่กลับกัน เขากลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พ่อของพิมก็ออกมาตั้งโต๊ะอาหารส่วนแม่ของพิมก็ตักข้าวตักแกงใส่โถ เตรียมไว้พอพิมกับเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พิมเห็นพ่อกำลังตั้งโต๊ะกินข
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา พิมกับเตชินก็ต้องกลับกรุงเทพทั้งสองยืนลาแม่มะลิกับพ่อคำ ก่อนออกเดินทางพิมกอดพ่อกับแม่แล้วเอ่ย" หนูไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำงานหนัก อย่าหักโหมเกินไป ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ "พิมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่ แม่มะลิเองก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเช่นกัน" ลูกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบ พ่อคำมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาลัยจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเตชินที่ยืนข้างๆลูกสาวเขาแล้วเอ่ย" ผมฝากคุณเตชินดูแลพิมให้ดีๆด้วยนะครับ เธออาจจะดื้อบ้างเป็นบางครั้ง ขอให้คุยกับเธออย่างใจเย็น ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จูงมือกันไปข้างหน้า ดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ "เตชินเขาเข้าใจในความหมายแฝงของคำพูดนั้นดี เขาจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า" ครับ ผมจะดูแลพิมให้ดีที่สุด "แต่คำพูดเขาก็ไม่ทำให้พ่อของพิม ห่วงลูกสาวน้อยลงเลย พ่อคำก็หันไปเอ่ยกับลูกสาวว่า " อยู่ไกลบ้านดูแลตัวเองนะลูก แล้วจำคำของพ่อไว้ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางนะ เข้าใจที่มั้ย "( หมายถึง : คือการรู้จักเอาตัวรอดใ
พิมนั่งคิดหาวิธีที่จะไม่ให้เตชินรู้ผลตรวจจากหมออย่างเคร่งเครียดแล้วเธอก็ตัดสินใจโทรไปหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังเห็นพิมโทรเข้ามาจึงกดรับสาย แล้วเอ่ย" ครับคุณพิม "พิมจึงเอ่ยถามขึ้นว่า" คุณคัง คุณเตชินให้คุณไปเอาผลตรวจสุขภาพของฉันหรือยังคะ "" ครับ คุณชายแชทมาบอกแล้วครับ คุณพิมมีอะไรหรือเปล่าครับ "" คุณได้ไปเอาหรือยังคะ "" ไปเอามาแล้วครับ "ได้ยินดังนั้น พิมรู้สึกตื่นเต้นประหม่าเล็กน้อยกลัวผู้ช่วยคังจะจับพิรุธได้และสงสัยในตัวเธอเธอพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบและนิ่งที่สุดอ้างเหตุผลอย่างเนียนๆ" คือ ฉันอยากให้คุณเตชินรู้ผลตรวจจากฉันเองค่ะ ในเมื่อคุณไปเอาผลตรวจมาแล้ว ช่วยเอามาให้ฉันตอนนี้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันจะบอกเขาเองฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีค่ะ คุณคังเข้าใจใช่มั้ยคะ "ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยคังได้ไปรับเอาผลตรวจที่โรงพยาบาล และได้คุยกับหมออยู่นานจึงรู้ว่าคุณพิมใช้ยาคุมกำเนิดมาตลอด เมื่อคุณพิมโทรมาแบบนี้ เขาก็เข้าใจเธอ เขาคิดว่าเธอคงจะกลัวคุณชายเขาจะโกรธเลยอยากจะบอกด้วยตนเอง เขาจึงเอ่ยว่า" ได้ครับ ผมจะเอาไปให้เดี๋ยวนี้ "ได้ยินแบบนี้พิมยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอ่ย" ค่ะ ฉันจะรอในห้องรับ
ในห้องน้ำ พิมยืนถือโทรศัพท์ของเตชินแล้วปล่อยมือ ทิ้งให้โทรศัพท์ตกลงบนพื้นแต่โทรศัพท์กลับไม่แตกกระจายดังที่เธอหวัง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูเห็นเพียงรอยแตกบนหน้าจอ ซึ่งเธอต้องการให้แตกมากกว่านี้" สงสัยปล่อยมือเฉยๆ จะธรรมดาไป ชอบความรุนแรงเหมือนเจ้าของก็ไม่บอก เดะจัดให้ "เอ่ยจบเธอก็โยนโทรศัพท์ลงไปแรงๆอีกครั้ง รอบนี้โทรศัพท์แตกกระจายสมใจเธอเธอเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจในผลงานแล้วหยิบสิ้นส่วนของโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับพึมพำเบาๆ" แค่นี้ก็เรียบร้อย คงจะยืดเวลาออกไปได้อีกหลายวัน กว่าเตชินจะรู้เรื่อง เราก็คงจะมีวิธีดีๆในการเอาตัวรอดจากเขา อย่างน้อยตอนนี้ เราก็พอมีเวลาให้คิดหาวิธีละว้า "เอ่ยพึมพำจบเธอก็เอาโทรศัพท์โยนลงในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ แล้วเธอเปิดฝักบัวอาบน้ำทันทีเตชินนั่งสับสนกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยไม่สนใจเสียงรอบข้างไม่ได้ยินแม้กระทั่งพิมทำโทรศัพท์เขาตกพื้นถึงสองครั้ง[ ทำไมเราใจเต้นแรงขนาดนี้ ปกติเราก็จูบกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นเพราะเธอเป็นฝ่ายมาจูบเราก่อนเลยทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นงั้นเหรอ ]คิดได้แบบนี้เขาก็เดินออกจากห้อง แล้วล้วงม
" ฉัน...ฉัน "พิมคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะโต้ตอบเขายังไง แต่เมื่อเธอเห็นรอยลิปสติกบนเสื้อที่หน้าอก กลิ่นน้ำหอมฉุนลอยเข้ามาเตะจมูก เธอก็ทำเดือดดาลขึ้นมาทันทีจ้องตาเขาอย่างแน่วแน่ไม่ยอมแพ้แล้วเอ่ยย้อนเสียงกร้าว" แล้วคุณล่ะ ทีคุณยังแอบออกไปมีอะไรกับผู้หญิงข้างนอกได้เลย ทำไมฉันจะคุยกับคนอื่นไม่ได้ คุณถือสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน สิทธิ์ในการเป็นสามีเหรอ โนค่ะ คุณทรยศความเป็นสามีภรรยาคุณไม่มีสิทธิ์นั้นอีกแล้ว "เอ่ยจบเธอก็ลงจากเตียงทันที เธอยั่วโทสะเขาขนาดนั้นเธอไม่โง่อยู่ในห้องนานๆให้เตชินจับมายำกินหรอกมีโอกาสเธอก็ชิ่งหนีลงจากเตียงอย่างรวดเร็วด้วยท่าทางถมึงทึง" คุณจะไปไหน? "เตชินเลยเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบอย่างไม่รีบร้อน แต่น้ำเสียงกลับแฝงพลังอำนาจที่เหนือกว่าจนพิมต้องเอ่ยตอบ แต่เอ่ยตอบเพียงสั้นๆ ด้วยความโกรธเคืองที่มีอยู่เต็มอก" นอนแยกห้อง "" ไม่ได้!!! "เตชินเอ่ยเสียงกร้าว แววตาทรงอำนาจจับจ้องบนตัวพิมอย่างดุดันพิมหยุดชะงัก แล้วหันมามองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึงและแววตาดื้อรั้นที่เต็มไปด้วยโกรธ แล้วเอ่ยเสียงกร้าว" ฉันไม่อยากนอนกับคนสกปรกอย่างคุณ ถ้าคุณอยากมีคนนอนด้วย คุณก็ให้พว
เช้าวันต่อมา เตชินตื่นขึ้นมาแต่งตัวกำลังจะไปทำงาน เขาก็ไม่ลืมที่จะหันมาถามหาโทรศัพท์จากพิม" พิม โทรศัพท์ผมล่ะ "พิมยิ้มเจื่อนเดินเข้ามาหาเขา แล้วทำเป็นจัดเนคไทให้เขาพอเป็นพิธี แล้วเอ่ยแบบเกรงๆ" เอ่อ...ฉัน...ฉัน..ขอโทษค่ะ เมื่อวานฉันไม่ทันระวังเผลอทำโทรศัพท์ของคุณตกแตกในน้ำ "ได้ยินดังนั้นสีหน้าเตชินเข้มขึ้นมาทันทีแล้วเอ่ยเสียงเข้มด้วยความตกใจ" ว่าไงนะพิม!!เห็นดังนั้น พิมเลยรีบเอ่ยต่ออย่างตะกุกตะกักทันที" แต่...แต่คุณไม่ต้องห่วงนะ ฉัน...จะ...เอ่อ...จะให้ช่างซ่อมให้ ไม่ก็...ซื้อคืนให้คุณดีมั้ย "จากนั้นเธอก็ทำหน้าหงอย เดินคอตกออกมาจากตรงหน้าของเตชิน แล้วเอ่ยเสียงเศร้า" ฉันก็ไม่ได้อยากหาเรื่องให้ตัวเองเสียเงินหรอกนะ แต่มันเกิดขึ้นไปแล้ว คุณเคยบอกฉันเองไม่ใช่เหรอ ว่าอะไรที่มันเกิดแล้ว มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ทำไมคุณต้องมองฉันด้วยสายตาดุแบบนั้นด้วยล่ะ "เห็นพิมเป็นแบบนั้นเตชินก็ปรับสีหน้าให้อ่อนลงแล้วเดินเข้ามากอดพิม แล้วเอ่ย" ผมขอโทษ เมื่อกี้ผมตกใจไปหน่อยเพราะในโทรศัพท์ของผมมีทั้งงานและเบอร์สำคัญมากมาย แต่ไม่เป็นไร ผมจะให้คนมากู้ข้อมูลคืนให้ คุณเอา
พิมเก็บกระเป๋าเสร็จ เธอก็เดินออกจากห้อง เตชินกลับเข้ามาจอดรถ ในลานจอดรถด้วยสีหน้าถมึงทึงป้าใจเห็นเตชินกลับมาก็เดินเข้าไปหาเขาแล้วเอ่ย" คุณชาย ป้ามีเรื่องจะรายงานค่ะ "" ว่ามา "เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันสีหน้าคงความเข้ม เคร่งขรึมไว้ไม่เปลี่ยนป้าใจเห็นดังนั้นก็รีบรายงานทันที" เมื่อวานป้าใจเห็นคุณพิมนั่งเผาเศษกระดาษอยู่หลังบ้านค่ะตอนป้าเข้าไปเจอ คุณพิมบอกว่าเป็นจดหมายเก่าๆที่ไม่ควรเก็บไว้ตอนนั้นป้าไม่ได้คิดหรือเอะใจอะไร ก็นึกว่าเป็นจดหมายจากคนรักเก่าแต่เมื่อป้ากลับมาคิดดูดีๆ ป้ารู้สึกว่ามันมีจุดที่น่าสงสัยแปลกๆค่ะ สิ่งที่คุณพิมเผา อาจจะไม่ใช่จดหมายเก่า อย่างที่คุณพิมบอกเพราะยุคสมัยนี้จดหมายน่าจะไม่มีใครเขาใช้กันแล้วค่ะ เลยอยากนำเรื่องนี้ให้คุณชายลองวิเคราะห์ดูค่ะ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเผาอะไรก็ยิ่งทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมากขึ้นไปอีก[ คุณถึงขนาดเผามันทิ้งเพื่อปิดบังผมเลยเหรอ ]เตชินพึมพำพร้อมกับกำมือแน่นด้วยความเดือดดาล จากนั้นก็เอ่ย" อืม ผมรู้แล้ว วันนี้ป้าอยากไปไหนก็ไป ผมให้หยุดพักหนึ่งวัน "เตชินเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจครั่นคร้ามอย่างมีโทสะต
" ก็สั่งสอนแบบนี้ไง "เคอร์ฟิวจับณชาขึ้นมานั่งบนตักแล้วจูบเธอทันที ณชาตกใจจนดวงตาเบิกกว้างป้าใจเดินเข้ามาส่งพิซซ่าในห้องเจอเข้ากับฉากนี้พอดี แกจึงหมุนตัวหันหลังจะเดินออกไปแบบเงียบๆเคอร์ฟิวถอนริมฝีปากออกจากริมฝีปากณชาแล้วเอ่ย" ป้าไม่ต้องออกไปหรอก คุณณชาเธอหิวจนจะกลืนกินผมอยู่แล้ว "" พี่พูดอะไรน่ะ "เธอเอ่ยอย่างหน้านิ่วคิ้วขมวดพร้อมกับทุบตีอกของเขาหนึ่งทีป้าใจยิ้มเจื่อนแล้วหมุนตัวเดินเข้ามาวางพิซซ่าลงบนโต๊ะจากนั้นก็หมุนตัวเดินออกไป ปล่อยให้ทั้งสองได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเคอร์ฟิววางณชาลงนั่งข้างๆแล้วเปิดกล่องพิซซ่าออกมาหยิบพิซซ่าขึ้นมาหนึ่งชิ้นแล้วเอ่ยกับณชาที่นั่งแข็งทื่ออย่างทำอะไรไม่ถูก" หิวไม่ใช่เหรอ อ้าปากสิ "ณชาเหลือบมองเขาอย่างหน้านิ่วแล้วเอ่ยเสียงขุ่น" ฉันทานเองได้ "เธอขยับมือจะหยิบพิซซ่ามาทานเอง แต่เคอร์ฟิวกลับจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย" พี่อยากป้อน อ้าปาก ถ้าไม่อ้าปากพี่จะใช้ปากป้อนแล้วนะ "ณชาได้แต่มองแรงใส่เขาแล้วยอมอ้าปากให้เขาป้อน เขายิ้มแล้วเอ่ย" เชื่อฟังแบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย "เคอร์ฟิวป้อนไปยิ้มไปอย่างพอใจ ณชาทานจนอิ่มลืมความโมโหและความไม่พอใจไปหมดสิ้น แล้วเปลี่ยนม
เช้าวันรุ่งขึ้น ป๊อบกับณัชชาลากกระเป๋าเดินทางออกมาจากห้อง แล้วไปเคาะประตูห้องลูกสาวณชาที่ยังหลับอยู่บนเตียง พอได้ยินเสียงเคาะประตูเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วลุกมานั่งหาว จากนั้นก็ลงจากเตียงเดินไปเปิดประตูให้พ่อกับแม่ด้วยท่าทางงัวเงียเธอหาวออกมาอีกครั้ง แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่กำลังจะออกเดินทางแล้วเธอจึงเอ่ยขึ้น" คุณพ่อคุณแม่จะไปแล้วเหรอคะ ทำไมไปเช้าจัง "ณัชชายิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต้องไปไกล ลงจากเครื่องเสร็จก็ต้องนั่งรถไปต่ออีกแล้วต่อด้วยนั่งเรือไปเกาะก็ต้องไปให้ทันเวลา พ่อกับแม่แค่จะมาบอกให้ลูกรู้ว่าจะออกไปแล้ว อีกเรื่องนะ เวลาไปเข้าค่ายเตรียมยาที่จำเป็นไว้ให้พร้อมด้วย เแล้วก็อาหมวกแก๊ปกับเสื้อแขนยาวไปด้วยนะ "" ค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวให้สนุกนะคะ "ณัชชากับป๊อบพยักหน้าเบาๆ จากนั้นป๊อบก็เอ่ยกำชับลูกสาวอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงว่า" เวลาอยู่ในค่ายน่ะ ดูแลตัวเองให้ดีๆนะ อย่าไปนั่งใกล้ผู้ชายคนอื่น ยกเว้นพี่เคอร์ฟิวของลูก เข้าใจมั้ย "เขาเป็นพ่อที่ค่อนข้างหวงลูกสาวมากคนหนึ่ง ถึงแม้ลูกสาวเขาจะห้าวๆแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พ่ออย่างเขาหวงลูกสาวน้อยลงเลยณชารู้และเข้าใจดีว่
ทุกคนเริ่มจับอุปกรณ์ ทานข้าวกันอย่างเงียบๆ ระหว่างทานข้าวพิมมองหน้าลูกชายแล้วเอ่ยถามขึ้น" เคอร์ฟิว เปิดเทอมแล้วเป็นยังไงบ้าง อยู่โรงเรียนได้เจอกับน้องณชาบ้างมั้ย "เคอร์ฟิวได้ยินดังนั้นจึงยิ้มอ่อนออกมาแล้วเอ่ยตอบแม่ว่า" ก็ดีครับ อยู่โรงเรียนผมกับน้องอยู่คนละชั้น เรียนกันคนละตึกเลยไม่ค่อยได้เจอกันครับ "เตชินหันมามองลูกชายที่มีใบหน้าหล่อกระชากลากใจราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันกับเขาแล้วเอ่ยเสียงเรียบ" ยังไงน้องก็เป็นคู่หมั้นลูก ลูกก็ดูแลน้องให้ดีๆอย่าเปิดโอกาสให้หนุ่มคนอื่นมาสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนม จนทำให้น้องหวั่นไหวนะลูก ลูกผู้ชายต้องกล้าแสดงตัวหน่อย เข้าใจมั้ย "เคอร์ฟิวเอ่บตอบรับคำด้วยสีหน้าเรียบเฉยเพียงสั้นๆว่า" ครับ "" นี่ คุณสอนอะไรลูกน่ะ หนูณชายังเด็กก็ต้องมีเพื่อนทั้งผู้หญิงและผู้ชายเป็นธรรมดา การหมั้นหมายเป็นการตกลงกันของพวกเรา หากลูกหรือหนูณชาไม่ได้ชอบพอกันก็ต้องยกเลิกไป มันไม่สามารถบังคับกันได้ค่ะ "พิมเอ่ยออกมาตรงๆโดยที่ไม่รู้เลยว่าเจ้าลูกชายของเธอนั้นเริ่มแอบณชาเข้าแล้วและจริงจังกับการเป็นคู่หมั้นนี้มากเตชินจึงโต้ตอบกับพิมว่า" ลูกชายเราหล่อแถมยังเป็นปร
พอออกมาจากสนามกอล์ฟ ทั้งสองครอบครัวก็ไปทานข้าวด้วยกัน ในร้านอาหารชื่อดังสุดหรูที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่เป็นแหล่งร้านอาหารสำหรับคนรวยซึ่งตัวอาคารติดด้วยกระจกสะท้อนความร้อน ทำให้คนข้างในสามารถมองเห็นวิวบ้านเมืองและตึกสูงข้างนอกได้อย่างสวยงามในขณะทานข้าวทั้งสองครอบครัวนั่งทานข้าวกันอย่างมีความสุข ณชากับเคอร์ฟิวก็นั่งทานข้าวบนเก้าอี้อย่างเรียบร้อยโดยที่ไม่รบกวนหรือเล่นซนเลย10 ปี ต่อมา.......ณ โรงเรียนนานาชาติชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ เป็นแหล่งรวมการเรียนรู้ของเด็กนักเรียนอินเตอร์จำนวนมากมีหลากหลายภาษา หลากหลายวัฒนธรรมและหลากหลายชนชาติมาเรียนร่วมกันเมื่อถึงเวลาเลิกเรียนเด็กนักเรียนต่างทยอยกันเดินออกมาจากอาคารเรียน รอผู้ปกครองมารับบางคนบางกลุ่มที่บ้านใกล้โรงเรียนก็ออกจากโรงเรียนเดินเท้ากลับตามทางฟุตบาทเคอร์ฟิวกับกลุ่มเพื่อนๆกำลังเดินออกมาจากห้องเรียนลงไปยังใต้อาคาร ชุดนักเรียนชายโรงเรียนนี้ ประกอบไปด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาว เสื้อสูทสีดำ มีตราสัญลักษณ์โรงเรียนปัก มีเน็กไทและกางเกงขายาวลายสก๊อตสีดำส่วนณชาที่เป็นรุ่นน้องของเคอร์ฟิวก็กำลังเดินลงจากอาคารเรียนเช่นกันแต่อยู่คนละตึกในต
ยามเย็นณัชชากับป๊อบลงมาเดินเล่นที่ชายหาด ส่วนลูกสาวก็อยู่กับตายาบนบ้านทั้งสองนั่งดูพระอาทิตย์ตกขอบทะเลด้วยกันอย่างโรแมนติก นั่งยาวไปจนถึงช่วงเวลาโพล้เพล้เธอนั่งเอาหัวพิงไหล่ป๊อบแล้วเอ่ย" ฉันมีความสุขจังเลยค่ะ เมื่อก่อนฉันรู้สึกอิจฉาคุณพิมมากที่สามีรักสามีหลงจนยอมตามใจทุกอย่าง "ป๊อบยิ้มอ่อนแล้วเอ่ย" ต่อไปนี้คุณไม่ต้องไปอิจฉาพิมแล้ว เพราะถ้าไม่มีคุณผมก็อยู่ไม่ได้ การลองใจของคุณที่ผ่านมามันทำให้ผมรู้ว่า ผมก็เป็นสามีที่รักและหลงภรรยามากเช่นกัน ตอนที่คิดว่าคุณไม่อยู่แล้วคุณผมแทบจะเป็นบ้าจนเกือบจะเสียสติไปแล้วรู้มั้ย "" ฉันขอโทษนะ "เธอเอ่ยเสียงอ่อน" ไม่เป็นไรหรอก แค่คุณไม่จากผมไปไหน อยู่กับผม ให้ผมสัมผัส และจับต้องคุณได้แบบนี้ทุกวัน ก็พอแล้ว "ณัชชายิ้มแล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาเบาๆสบตากับเขาพร้อมกับเอ่ยอย่างซึ้งใจ" ขอบคุณค่ะ "ป๊อบสบตากับภรรยาอย่างลึกซึ้งแล้วค่อยๆโน้มหน้าเข้าไปจูบริมฝีปากเธอเบาๆจูบอย่างนุ่มนวลใจเย็น ในหัวใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความรักที่บานฉ่ำ ตอนนี้ความปรารถนาของณัชชาเป็นจริงแล้ว เธอมีสามีที่น่ารัก ที่คอยเทคแคร์เอาอกเอาใจเธอเป็นอย่างดีมีลูกสาวที่น่ารัก มีครอบ
ณัชชาเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นพ่อกับแม่นั่งจ้องเธอตาเขม็งเธอยิ้มแหยๆออกออกมาพอให้เห็นฟันเล็กน้อยแล้วเดินเบี่ยงไปนั่งลงข้างๆลูก โดยไม่กล้าสบตาพ่อกับแม่อีกเธอจ้องมองใบหน้าแบเบาะอันน่ารักน่าชังที่ถูกห่อหุ้มด้วยผ้าอ้อมแล้วเอ่ย" ณชา สาวน้อยของแม่ แม่คิดถึงลูกที่สุดเลย แม่ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่กับลูก ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ยคะ น้าพิมกับคุณพ่อดูแลหนูดีมากมั้ยคะ "เด็กน้อยทำปากจู๋ แววตาดูใสแป๋วเปล่งประกายแวววาว ขนตาดกดำยาวสวย ส่งให้ดวงตาสวยมีเสน่ห์สมกับคำชมของเคอร์ฟิวน้อยเด็กน้อยยิ้มแป้นออกมาอย่างไร้เดียงสา ทำให้ผู้เป็นคุณแม่มือใหม่ หลงรักหนักเข้าไปอีก เธอจ้องหน้าลูกด้วยรอยยิ้มแล้วเอ่ยต่อว่า" งุ้ยน่ารักน่าชังที่สุดเลย ต่อไปคุณแม่จะไม่ไปไหนแล้วนะคะ คุณแม่จะอยู่กับเบบี๋น้อยทุกวันทุกคืนเลยค่ะ "น้ำเสียงนุ่มนวลของณัชชาทำให้เด็กน้อยสัมผัสได้ถึงไออุ่นรักที่พิเศษกว่าพิมที่เป็นน้ามาก เพราะความเป็นแม่ลูกสามารถสัมผัสได้ผ่านจิตใจและความรู้สึกนั่นเองพ่อของณัชชานั่งยิ้มอ่อนบนโซฟามองลูกสาวด้วยแววตาอบอุ่นส่วนแม่ณัชชาพอเห็นว่าลูกสาวคุยกับลูกนานพอสมควรแล้วเขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงแข็งด้วยสีหน้าจริงจัง" ณัชชาลูกท
ช่วงบ่ายพ่อกับแม่ของป๊อบมาที่บ้านณัชชา พวกเขาก็นั่งพูดคุยกันตามประสาคนรู้จักมักคุ้นอย่างสนิทสนมแล้วแม่ของณัชชาก็เอ่ยถามสารทุกข์สุขดิบอย่างมีความนัยแอบแฝง" เป็นยังไงกันบ้างอยู่บ้านโน้นสบายดีกันทุกคนมั้ยคะ "คุณแม่ป๊อบยิ้มแล้วเอ่ยตอบอย่างเข้าใจความหมายแฝง" สบายดีค่ะ ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตองเลยค่ะ สุขภาพดีขึ้นมาก โรคภัยไข้เจ็บก็ไม่มีแล้วค่ะ "" ดีๆ นับว่าเป็นข่าวดี เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ "แม่ณัชชาเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้มนานแล้วที่เขาไม่ได้เจอลูกสาวเลยนับตั้งแต่วันคลอด เขาดีใจมากที่ได้ยินแม่ของลูกเขยพูดแบบนั้นคำพูดพวกนี้คนที่ไม่รู้อะไรอย่างป๊อบได้แต่นั่งฟังอยู่ข้างลูกสาวอย่างเงียบๆโดยไม่รู้เลยว่าแม่ตัวเองกับแม่ยายกำลังพูดเรื่องสุขภาพของภรรยาเขาอยู่" อ้อ จริงสิ ที่ฉันมาวันนี้ เพื่อมาบอกว่าตาป๊อบน่ะมีบ้านพักริมทะเลอยู่หลังหนึ่ง บรรยากาศดีมาก "" จริงเหรอคะ "คุณแม่ณัชชาออกอาการตื่นเต้นเมื่อได้ยินแบบนั้น " จริงค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากที่นั่น ก็มาหาคุณเลย "แม่ของป๊อบกับแม่ณัชชา จากนั้นก็หันไปทางลูกชายแล้วเอ่ย" ป๊อบ พรุ่งนี้ลูกก็พาลูกสาวกับพ่อตาแม่ยายไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจหน่อยสิ จิตใจทุกคนจะได
เมื่อภารกิจบนเตียงจบลงเตชินก็ก้มลงจูบภรรยาเบาๆแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่นพอสายๆพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาไปอาบน้ำ แต่งตัว แล้วออกมาจากห้องพร้อมกันเตชินกอดไหล่ภรรยาอย่างรักใคร่ แล้วเดินลงบันไดพร้อมกันสีหน้าดูสดใสยิ้มแย้ม ป้าใจกำลังจะเข้าไปหาเคอร์ฟิวน้อยในห้องนั่งเล่นก็หันไปเห็นสองสามีภรรยาเดินลงบันไดมา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่บึ้งตึงใส่กันอีก แกรู้สึกดีใจและสบายใจเอามากๆ ที่ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัว[ คุณชายน้อยคงดีใจและมีความสุขมากถ้ารู้ว่าพ่อแม่ดีกันแล้ว ]หลังจากแอบพึมพำจบป้าใจก็ยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ยถามเตชินว่า" คุณชายจะให้เตรียมอาหารเช้าเลยมั้ยคะ "แกถามเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขากลับมาสู่สถานการณ์ปกติแบบ100%" อื้อ ป้ากับนวลก็ทานด้วยพร้อมกันเลยนะ "" ค่ะ "เอ่ยจบเตชินก็โอบไหล่ภรรยาเดินเข้าไปหาลูกชายที่กำลังนั่งเล่นอยู่ เคอร์ฟิวละสายตาจากของเล่นแล้วเงยหน้ามองพ่อกับแม่ด้วยความสงสัย แต่ไม่กล้าเข้าไปหา " เคอร์ฟิว มาหาพ่อกับแม่สิ "เตชินเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มพร้อมกับอ้าแขนรับเคอร์ฟิวแน่ใจแล้วว่าพ่อกับแม่ไม่ได้โกรธกันอีกจึงยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้นวิ่งมาหาพ่อกับแม่ด้วยความดีใจพิมกอดลูกชายด
เช้าวันต่อมา คุณแม่กับคุณพ่อของป๊อบเก็บกระเป๋าเตรียมออกเดินทางกลับจากนั้นทั้งสองท่านก็นั่งรถออกจากบ้านพักริมทะเลตั้งแต่เช้าระหว่างทางคุณแม่ป๊อบนั่งนึกถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้แกก็แอบอมยิ้มเบาๆก่อนหน้านี้คุณแม่ของณัชชาได้มาขอความร่วมมือจากเขาและเล่าแผนแกล้งตายให้ฟัง แกรู้สึกว่ามันเข้าท่าดี จึงรับปากอย่างไม่ลังเลช่วยลูกสะใภ้เล่นละครหลอกลูกชายตัวร้ายของเขา ที่เอาแต่รักคนที่มีลูกมีสามีแล้วแกเองก็ปวดใจไม่น้อยที่เห็นลูกมูฟออนไม่ได้สักที ทั้งยังสงสารและเห็นใจลูกสะใภ้คนสวยของแกที่สุดพอถึงวันที่ณัชชาไปคลอดแม่ของณัชชาก็โทรมาแจ้งให้เขาทราบพอรู้ว่าลูกสะใภ้คลอดแล้วแกกับสามีก็ตื่นมานั่งรอแต่เช้า รอลูกชายคนเล็กมาบอกข่าวแต่รอวันแล้ววันเล่า เจ้าลูกชายตัวดีก็ไม่โผล่หัวมาสักทีจนเขาเกือบจะโทรไปหาลูกเองแล้วแต่สามีห้ามไว้ สุดท้ายก็อดทนรออีกวัน ถึงจะเห็นลูกชายโผล่หน้ากลับมาด้วยสีหน้าเศร้าหมองแกแอบขำลูกชายเบาๆ พอลูกชายบอกข่าวเรื่องลูกสะใภ้เสียชีวิต แกก็เล่นใหญ่แกล้งทำเป็นตกใจจนช็อกไปแล้วบีบน้ำตาร้องห่มร้องให้ออกมา จากนั้นก็แกล้งหมดสติไปหลังจากนั้นเมื่อลูกสะใภ้ออกจากโรงพยาบาลแกก็มาอยู่เป็นเพื่อนคอ