เตชินวิ่งตามพิมออกมาแล้วหยุดเธอไว้โดยการจับแขนของเธอ
แล้วเขาก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า " เรามีเรื่องต้องคุยกัน " พิมง้างมือขึ้นมาตบไปที่หน้าของเขาเต็มแรง แล้วมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดัน กลับมากำมือแน่นข้างลำตัว สีหน้าเธอดูนิ่งเฉย ยากจะรู้ระดับความโกรธที่มีในใจ ที่ยากจะควบคุมแล้ว เตชินอึ้งไปเลยเกิดมาเขาไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อน ในชีวิตนี้ของเขาคงมีแต่พิมคนเดียวแล้ว ผู้ช่วยคังยิ่งอึ้งกว่า จากนั้นก็แอบพึมพำในใจ [ ไม่คิดว่าสาวน้อยตัวเล็กๆอย่างคุณพิม เวลาโกรธจะรุนแรงและน่ากลัวขนาดนี้ ] จากนั้นพิมก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา " ตบนี้คุณควรจะได้รับนานแล้ว ที่ผ่านมาฉันเกรงใจคุณถึงห้าส่วน ก็เพราะคิดว่าคุณเป็นนายจ้าง แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันจะบอกให้นะ ในชีวิตสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่พยายามจะทำให้ฉันเสียหายนี้แหละ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ใช่ว่าคุณอยากจะทำอะไรกับฉันก็ทำได้ " เอ่ยจบเธอก็ดึงแขนกลับมาอย่างแรงแล้วเดินผ่านเตชินไป ทิ้งไว้เพียงกลิ่นไอของความเย็นชา ที่แผ่ปกคลุ่มรอบตัวเธอ เตชินยังยืนนิ่งอยู่กับที่ทั้งโมโหที่ถูกตบต่อหน้าลูกน้องและสับสนว่าควรจะทำยังไงกับเธอดี แต่ลึกๆก็แอบกลัวเธอจะโกรธและเย็นชาใส่อีก เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแคร์คนอื่น และคนอื่นที่ว่าก็คือพิม พิมคือคนที่ทำให้เขาเกิดความรู้สึกนี้ ผู้ช่วยคังเห็นเจ้านายนิ่งไปนาน เขาจึงเเดินเข้ามาหาใกล้ๆแล้วเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง " คุณชายครับ คุณพิมไปไกลแล้ว คุณชายจะตามไปอยู่มั้ยครับ " เตชินไม่ตอบแต่รีบก้าวเท้ายาวเดินตามพิมไปพร้อมกับพึมพำอย่างหงุดหงิด " ในเมื่อเธอเป็นคนตบเราก่อน ทำไมเราต้องกลัวว่าเธอจะโกรธด้วย ทำไมต้องแคร์ความรู้สึกเธอ " พิมเดินออกจากโรงแรม แล้วเดินตรงไปยังรถที่จอดรอเธออยู่ เมื่อเดินไปถึงรถเธอก็ยื่นมือไปเปิดประตู กำลังจะเข้าไปในรถ เตชินก็มาขวางเธอไว้แล้วปิดประตูไป เธอจ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเคือง แววตาเย็นชา ซ่อนความดุดันความแข็งกร้าวไว้ใต้นัยน์ตา แล้วเอ่ย " คุณทำบ้าอะไร " " กลับไปกับผม " เตชินเอ่ยเสียงแข็งแฝงความเย็นชา " คุณเตชิน กรุณาอย่ามาใช้อำนาจ ออกคำสั่ง บังคับฉันแบบนี้ค่ะ ฉันไม่ใช่พนักงานในบริษัทของคุณ หลีกไป! " เธอเอ่ยพร้อมกับผลักเขาออกไป แล้วยื่นมือไปเปิดประตูรถทันที แต่จังหวะที่เธอจะเข้าไปในรถ เตชินก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนแน่น แล้วเอากระเป๋าตังค์ออกมาจากในกระเป๋าเสื้อสูทหยิบแบงค์พันยื่นให้คนขับรถ พร้อมกับเอ่ย " ค่าเสียเวลา ไม่ต้องทอน " คนขับรับแบงค์พันมาแล้วเอ่ย " ขอบคุณครับ เอ่อ คุยกันดีๆนะครับ " จากนั้นคนขับรถก็ขับออกไป พิมพยายามจะผลักเขาออกไป แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอจึงเอ่ยด้วยความโมโห " คุณเตชิน ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ " เตชินมองคนในอ้อมแขนแล้วเอ่ย " เรามีเรื่องต้องคุยกัน " " แต่ฉันไม่มีอะไรที่ต้องคุยกับคุณ ปล่อยมือได้แล้ว " พิมเอ่ยเสียงเรียบแต่เจือความเย็นชา แววตาเธอดูเย็นชา ว่างเปล่าไร้อารมณ์ เตชินจับแขนของเธอไว้แล้วให้เธอมายืนเผชิญหน้ากับเขาแล้วเอ่ยถามขึ้น " เรื่องอุ้มบุญ คุณพูดแบบนั้น คุณหมายความว่ายังไง " พิมสบตากับเขาอย่างแน่วแน่ แล้วแค่นเสียง เหอะ! ออกมา เอ่ยถามกลับอย่างโกรธเคือง " แล้วคุณล่ะ หมายความว่ายังไง ตั้งแต่จดทะเบียนสมรสมา คุณเคยรักษาคำพูด ที่พูดไว้ก่อนหน้ามั้ย ไม่เลย! คุณประกาศให้คนรู้ ว่าฉันเป็นภรรยา คุณไม่ให้อิสระฉันอย่างที่พูด แล้วยังยังล่วงเกินฉันอีก ไม่พอยังพูดเรื่องอุ้มบุญบ้าบอนั่นให้คนอย่างน้ำหนึ่งฟังอีก คุณทำแบบนี้ คุณหมายความว่ายังไง คุณอยากจะเห็นชีวิตฉัน พังพินาศหรือไง สนุกมากนักเหรอที่เล่นกับชีวิตคนอื่นแบบนี้ วันนี้คุณฟังฉันให้ดีนะ ฉันจะไม่มีวันยอมท้องลูกให้คุณเด็ดขาด ในเมื่อคุณไม่ยอมหย่า เราก็ไปเจอกันที่ศาล เรื่องบ้าๆนี่จะได้จบลงสักที " " พิม! ได้ยินดังนั้นเตชินถึงกับเรียกชื่อเธอออกมาเสียงดัง พิมมองเตชินอย่างเย็นชาแล้วปัดมือเขาที่จับแขนเธอทิ้ง จากนั้นก็เดินชนไหล่เขาไป เตชินไม่อยากจะเชื่อ ว่าเธอจะโกรธจริงจังขนาดนี้ ถึงขั้นคิดจะฟ้องหย่ากับเขา หากขึ้นศาล เขารู้ตัว ว่าเขาแพ้แน่นอน เพราะคลิปที่เธอถ่ายมันชัดเจน เขาจะให้พิมไปฟ้องหย่าไม่ได้ ไม่งั้นเรื่องมีทายาทเขาก็ทำไม่สำเร็จ กว่าจะได้เจอคนที่ถูกใจเขาอย่างพิม มันไม่ง่ายเลย พิมกลับเข้าไปนั่งในรถอย่างเงียบๆ ผู้ช่วยคังก็ไปสตาร์ทรถ เปิดแอร์ไว้ให้เธอ แล้วยืนรอคุณชายเขากลับมา ระหว่างรอก็แอบพึมพำในใจ [ ดูแล้วแผนของคุณชายจะล้มเหลวไม่เป็นท่า นอกจากคุณพิมจะไม่หึงหวงแล้ว คุณชายยังได้รู้ความในใจของคุณพิมที่น่าบาดใจอีก และยังได้รับความห่างเหิน ความเย็นชาจากคุณพิมเป็นของแถมอีกต่างหาก ] แล้วผู้ช่วยคังก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยใจกับคุณชายของเขาแล้วพึมพำออกมาเบาๆว่า " เก่งไปหมด แต่มาตายตอนจบ ที่ภรรยา " เตชินเดินกลับมาที่รถ แล้วเปิดประตูเข้าไปนั่งข้างๆพิมด้วยสีหน้าเย็นชา ผู้ช่วยคังรีบเปิดประตูเข้าไปประจำที่แล้วขับรถออกไป ระหว่างทาง เตชินคิดหาวิธีที่จะทำให้พิมเปลี่ยนใจ พึมพำกับตัวเองอย่างเงียบๆ [ หรือว่า ถึงเวลาที่เราจะต้องรับบทสามีตามง้อภรรยาแล้ว ] ระหว่างทางพิมนั่งเงียบ มองออกไปนอกหน้าต่างตลอดทาง เตชินไม่รู้ว่าจะชวนคุยอะไรกับพิม เขาจึงยกเอาเรื่องที่เธอขอเขาขึ้นมาเอ่ย " พิม เรื่องที่คุณอยากให้ผมขอคุณแต่งงาน ผมขอเวลาคิดทบทวนให้รอบคอบก่อนได้มั้ย " เขาไม่ชอบที่พิมเย็นชาใส่เขาแบบนี้ ยิ่งเธอพูดเรื่องหย่า เขายิ่งไม่ชอบ เขารู้สึกว่าคนอย่างพิมถ้าเอาจริงขึ้นมาอะไรก็หยุดเธอไม่ได้ เขาเลยเลือกที่จะหยิบเรื่องที่เธอสนใจขึ้นมาพูดคุยกับเธอ พิมได้ยินดังนั้นจึงเอ่ยออกมาอย่างเย็นชาว่า " ไม่ต้องแล้ว ฉันบอกแล้วว่าฉันจะจดจำคำพูดของคุณให้ดี แล้วฉันก็จดจำไว้ในสมองแล้ว วันที่คุณปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด นั่นคือสิ่งที่ออกมาจากสมองออกมาจากหัวใจและออกมาจากจิตใต้สำนึกของคุณ ตอนนี้ฉันไม่ต้องการให้คุณขอฉันแต่งงานแล้ว เพราะฉันเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของตัวเองแล้ว พรุ่งนี้คุณเซ็นใบหย่าซะ เรื่องระหว่างเราจะได้จบลงสักที "ส่วนน้ำหนึ่งหากคิดที่จะเอาเรื่องของเธอไปพูด เธอเรียมรับมือกับปัญหาเหล่านั้นไว้แล้วเช่นกันเตชินได้ยินเธอยืนกรานที่จะหย่าเขาเลยเอ่ยเสียงแข็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า" ผมไม่หย่า และผมก็จะไม่ให้คุณไปฟ้องหย่ากับผมได้หรอกผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสถานะนี้ แต่ผมจำเป็นต้องขอให้คุณช่วยท้องลูกของผมเพราะมีเพียงคุณเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกผม ทายาทของตระกูลอัศววัฒน์สกุล ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะต้องสมองดี ฉลาด มีไหวพริบและหน้าตาดีเหมือนคุณไม่ก็เหมือนผมดังนั้น ผมไม่สามารถหย่ากับคุณได้จริงๆ อีกอย่างผมรักคุณมากนะพิมผมไม่อยากสูญเสียคุณไป ผมอยากจะมีคุณอยู่ด้วย แบบนี้ตลอดไปโดยไม่ต้องแต่งงานกัน "เตชินพูดออกมายาวเหยียดกลับได้ยินเพียงพิมแค่นเสียง เหอะ! ออกมาด้วยแววตาไร้อารมณ์เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่เดาใจเธอไม่ออก ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรอีกบรรยากาศอึมครึมปกคลุมรอบๆจนเงียบสนิท พิมมองออกไปนอกหน้าต่างเอ่ยพึมพำในใจอย่างเบื่อหน่าย[ มีทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเขาคือ ฟ้องหย่าเท่านั้น เมื่อไม่มีใจ ไม่ได้รักกัน ก็ไม่ควรให้เรื่องมันยืดเยื้อ ควรจบเรื่องได้สักที ] เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พรุ่งนี้เธอจะ
ในเช้าวันต่อมา พิมออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย หน้าระเบียงบ้าน อ้าแขนออกพร้อมกับเชิดคาง หงายหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอย่างสงบ ค่อยๆหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด กลิ่นหอมของดอกกาสะลองตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้านของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายสบายอารมณ์จากนั้นเธอก็เดินลงบันไดไป สวมใส่รองเท้าแล้วเดินไปใต้ต้นกาสะลองเก็บดอกกาสะลองที่ตกพื้นขึ้นมาดมแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สดใสบริสุทธิ์ ที่ไม่ถูกแต่งเติมใดๆเธอเก็บผมทัดใบหูแล้วเอาดอกกาสะลองขึ้นมาทัดหู แต่ดูเหมือนดอกนี้ยังไม่สดพอที่จะทำให้เธอพอใจ เธอแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างไม่รีรอพ่อคำนั่งหั่นเนื้อหมูช่วยแม่มะลิทำกับข้าวอยู่บนบ้านในห้องครัวเห็นลูกสาวปีนขึ้นไปบนต้นไม้เขาก็เผยรอยยิ้มจนปัญญาพร้อมกับส่ายหน้าพึมพำเบาๆ" ลูกคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ "แม่มะลิที่กำลังตำน้ำพริกอยู่เห็นสามียิ้มก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้" พ่อนั่งยิ้มอะไร? "พ่อคำจึงเอ่ยตอบไปว่า" ก็ลูกสาวเราโตขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกปีนต้นไม้เล่นอีกกลับมาถึงก็ปีนขึ้นต้นปีบหน้าบ้านอีกแล้ว ตกลงมากี่ครั้งก็ไม่รู้จักหลาบจำ "แม
พอได้สติ แม่มะลิก็เอ่ยขึ้น" พิมลูกไปช่วยแม่ตักแกงในครัวหน่อย "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ เธอรู้ดีว่าแม่เธอไม่ได้เจตนาจะให้เธอมาช่วยตักแกงอย่างที่พูดหรอกจากนั้นแม่มะลิกับพิมก็ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในครัว พ่อคำยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเป็นมิตร แม้ในใจจะไม่ค่อยพอใจเตชินที่ฉวยโอกาสหอมลูกสาวเขาต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจก็ตามแต่เขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาทที่จะไม่ไว้หน้าแขกที่มาบ้านครั้งแรกยิ่งแขกมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับลูกสาวเขาเขายิ่งให้เกียรติ" มาหนุ่มๆเรากินข้าวต่อ ไม่ต้องเกรงใจนะ "" ครับ " ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ยตอบจากนั้นก็ทานข้าวต่อเตชินแอบเป็นห่วงพิม เขาไม่รู้ว่าพิมจะถูกผู้เป็นแม่ตำหนิอะไรหรือเปล่าเขาได้แต่ชะเง้อมองเข้าไปในครัวเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องครัวแล้ว แม่มะลิก็เอ่ยกระซิบถามลูกสาวเสียงเข้มด้วยความสงสัย" เขาเป็นอะไรกับลูก ลูกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตั้งแต่ลูกตกต้นไม้แล้ว เขาโผล่มารับลูก ก็ว่าแปลกๆแล้ว นี่ยังมาฉวยโอกาสทำแบบั้นกับลูกอีก แม่กับพ่อรับไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของลูกใช่มั้ย "พิมไม่รู้จะบอกแม่ยังไง เธอก้มหน้ายืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นทำให้ผู้เป็นแม่ร้อนใจเอ่ยถามต่อ" ลูก
[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลยเพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไรที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจ
เตชินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เขาไม่สนใจหรอกเพราะยังไงตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาการมีลูกกับเธอก็จะง่ายขึ้น เธอไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวอะไรอีกเมื่อวิ่งกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินขึ้นไปบนบ้าน แม่มะลิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเห็นลูกสาวกับลูกเขยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น" พิม ลูกอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จพาคุณเตชินออกมากินข้าวเช้าเลยนะ "" ค่ะ แม่ "พิมเอ่ยตอบแม่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เตชินมองไปยังห้องครัว ที่ทำแยกออกไปอีกหลังแต่เชื่อมต่อกันกับตัวบ้านแล้วมองตามหลังพิมที่เดินเข้าห้องไป เขารู้สึกว่าครอบครัวของเธอดูอบอุ่นเป็นกันเองใช้ชีวิตสบายๆอยู่กับธรรมชาติ เขาอิจฉาชีวิตที่มีความสุขของพิมเข้าแล้วแม้พ่อกับแม่ของพิมจะไม่ค่อยชอบเขา แต่พ่อแม่ของพิมก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติไม่แสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลยแต่กลับกัน เขากลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พ่อของพิมก็ออกมาตั้งโต๊ะอาหารส่วนแม่ของพิมก็ตักข้าวตักแกงใส่โถ เตรียมไว้พอพิมกับเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พิมเห็นพ่อกำลังตั้งโต๊ะกินข
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา พิมกับเตชินก็ต้องกลับกรุงเทพทั้งสองยืนลาแม่มะลิกับพ่อคำ ก่อนออกเดินทางพิมกอดพ่อกับแม่แล้วเอ่ย" หนูไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำงานหนัก อย่าหักโหมเกินไป ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ "พิมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่ แม่มะลิเองก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเช่นกัน" ลูกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบ พ่อคำมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาลัยจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเตชินที่ยืนข้างๆลูกสาวเขาแล้วเอ่ย" ผมฝากคุณเตชินดูแลพิมให้ดีๆด้วยนะครับ เธออาจจะดื้อบ้างเป็นบางครั้ง ขอให้คุยกับเธออย่างใจเย็น ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จูงมือกันไปข้างหน้า ดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ "เตชินเขาเข้าใจในความหมายแฝงของคำพูดนั้นดี เขาจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า" ครับ ผมจะดูแลพิมให้ดีที่สุด "แต่คำพูดเขาก็ไม่ทำให้พ่อของพิม ห่วงลูกสาวน้อยลงเลย พ่อคำก็หันไปเอ่ยกับลูกสาวว่า " อยู่ไกลบ้านดูแลตัวเองนะลูก แล้วจำคำของพ่อไว้ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางนะ เข้าใจที่มั้ย "( หมายถึง : คือการรู้จักเอาตัวรอดใ
พิมนั่งคิดหาวิธีที่จะไม่ให้เตชินรู้ผลตรวจจากหมออย่างเคร่งเครียดแล้วเธอก็ตัดสินใจโทรไปหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังเห็นพิมโทรเข้ามาจึงกดรับสาย แล้วเอ่ย" ครับคุณพิม "พิมจึงเอ่ยถามขึ้นว่า" คุณคัง คุณเตชินให้คุณไปเอาผลตรวจสุขภาพของฉันหรือยังคะ "" ครับ คุณชายแชทมาบอกแล้วครับ คุณพิมมีอะไรหรือเปล่าครับ "" คุณได้ไปเอาหรือยังคะ "" ไปเอามาแล้วครับ "ได้ยินดังนั้น พิมรู้สึกตื่นเต้นประหม่าเล็กน้อยกลัวผู้ช่วยคังจะจับพิรุธได้และสงสัยในตัวเธอเธอพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบและนิ่งที่สุดอ้างเหตุผลอย่างเนียนๆ" คือ ฉันอยากให้คุณเตชินรู้ผลตรวจจากฉันเองค่ะ ในเมื่อคุณไปเอาผลตรวจมาแล้ว ช่วยเอามาให้ฉันตอนนี้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันจะบอกเขาเองฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีค่ะ คุณคังเข้าใจใช่มั้ยคะ "ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยคังได้ไปรับเอาผลตรวจที่โรงพยาบาล และได้คุยกับหมออยู่นานจึงรู้ว่าคุณพิมใช้ยาคุมกำเนิดมาตลอด เมื่อคุณพิมโทรมาแบบนี้ เขาก็เข้าใจเธอ เขาคิดว่าเธอคงจะกลัวคุณชายเขาจะโกรธเลยอยากจะบอกด้วยตนเอง เขาจึงเอ่ยว่า" ได้ครับ ผมจะเอาไปให้เดี๋ยวนี้ "ได้ยินแบบนี้พิมยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอ่ย" ค่ะ ฉันจะรอในห้องรับ
ในห้องน้ำ พิมยืนถือโทรศัพท์ของเตชินแล้วปล่อยมือ ทิ้งให้โทรศัพท์ตกลงบนพื้นแต่โทรศัพท์กลับไม่แตกกระจายดังที่เธอหวัง เธอจึงหยิบขึ้นมาดูเห็นเพียงรอยแตกบนหน้าจอ ซึ่งเธอต้องการให้แตกมากกว่านี้" สงสัยปล่อยมือเฉยๆ จะธรรมดาไป ชอบความรุนแรงเหมือนเจ้าของก็ไม่บอก เดะจัดให้ "เอ่ยจบเธอก็โยนโทรศัพท์ลงไปแรงๆอีกครั้ง รอบนี้โทรศัพท์แตกกระจายสมใจเธอเธอเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจในผลงานแล้วหยิบสิ้นส่วนของโทรศัพท์ขึ้นมา พร้อมกับพึมพำเบาๆ" แค่นี้ก็เรียบร้อย คงจะยืดเวลาออกไปได้อีกหลายวัน กว่าเตชินจะรู้เรื่อง เราก็คงจะมีวิธีดีๆในการเอาตัวรอดจากเขา อย่างน้อยตอนนี้ เราก็พอมีเวลาให้คิดหาวิธีละว้า "เอ่ยพึมพำจบเธอก็เอาโทรศัพท์โยนลงในอ่างที่เต็มไปด้วยน้ำ แล้วเธอเปิดฝักบัวอาบน้ำทันทีเตชินนั่งสับสนกับความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง โดยไม่สนใจเสียงรอบข้างไม่ได้ยินแม้กระทั่งพิมทำโทรศัพท์เขาตกพื้นถึงสองครั้ง[ ทำไมเราใจเต้นแรงขนาดนี้ ปกติเราก็จูบกันไม่ใช่เหรอ หรือว่าเป็นเพราะเธอเป็นฝ่ายมาจูบเราก่อนเลยทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นงั้นเหรอ ]คิดได้แบบนี้เขาก็เดินออกจากห้อง แล้วล้วงม
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ