คนอย่างเธอแม้จะจน แต่จะขอจนอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
เมื่อเธอยอมลดศักดิ์ศรีลง เอ่ยขอให้เขาขอเธอแต่งงาน หวังว่าเขาจะสงสารและเมตตาเธอบ้าง แต่เขากลับปฏิเสธเธออย่างไม่ต้องคิด ถ้อยคำที่เขาคอยพร่ามว่ารักเธอนักหนาล้วนเป็นแค่การโกหกหลอกลวง ไม่มีความจริงใจเลยสักนิด เธอรู้สึกพอแล้วเหนื่อยแล้วจริงๆกับความรู้สึกดีๆที่มีให้เขา [ ฉันจะไม่ยอมเป็นหงส์พิการที่บินไม่ได้เพราะคุณหรอกนะคุณเตชิน และจะไม่ยอมให้น้ำหนึ่งสมหวังในการรอคอยนั้นเด็ดขาด ] คิดได้ดังนั้นเธอก็ลุกขึ้นมานั่ง น้ำที่เต็มอ่างล้นทลักออกมา โดยที่เธอไม่สนใจที่จะปิดน้ำเลย ราวกับว่า จะชำระล้างร่างกายให้สะอาด แล้วให้สิ่งสกปรกที่ชำระล้างไหลไปตามน้ำที่ล้นออก เธอกลั้นหายใจในน้ำนาน พอลุกขึ้นยืนเหมือนกับเธอตายแล้วได้เกิดใหม่ เปลี่ยนไปเป็นอีกคน มีแววตาที่ไร้อารมณ์ สีหน้านิ่ง เย็นชาราวกับคนไร้ความรู้สึก ไม่หลงเหลือความเป็นเธอที่สดใสร่าเริงขี้อ้อนคนเดิมอีกต่อไป เธอปิดน้ำแล้วก้าวลงจากอ่าง หยิบผ้าเช็ดตัวมาคลุมเนินอกปกปิดร่างกาย แล้วเดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังตู้เสื้อผ้า แล้วยื่นมือไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเอาแผ่นแปะคุมกำเนิดในกระเป๋ามาแปะแล้วหยิบชุดชั้นในกับชุดนอนมาสวมใส่ จากนั้น เธอก็เดินไปนั่งลงหน้ากระจกเสียบปลั๊กแล้วเริ่มเป่าผมอย่างเงียบๆ แววตาเธอนิ่งสงบมองหน้าตัวเองในกระจกอย่างเย็นชาและไร้อารมณ์ พอเธอเป่าผมเสร็จ ก็ลุกขึ้นเดินออกไปสวนทางกับเตชินที่กำลังเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวพอดี เขาคว้าแขนเธอไว้แล้วเอ่ย " คุณเป่าผมให้ผมหน่อยสิ " " ค่ะ " เธอเอ่ยเพียงสั้นๆด้วยสีหน้าเรียบเฉยเย็นชา ไม่พูดไม่จาอะไรให้มากความเหมือนอย่างแต่ก่อน เธอหมุนตัวหันหลังเดินกลับเข้าไปหยิบไดร์เป่าผมขึ้นมา รอเตชินนั่ง เตชินเดินมานั่งลงบนเก้าอี้ เธอก็กดปุ่มสวิตซ์เปิดแล้วเป่าผมให้เขาทันทีด้วยสีหน้านิ่งเฉย ไม่แม้แต่จะมองเขาที่กำลังจ้องใบหน้าของเธออยู่ เมื่อผมเตชินแห้งแล้วเธอก็ปิดสวิตซ์ไดร์เป่าผมแล้วดึงปลั๊กออกพร้อมกับเอ่ยว่า " เสร็จแล้วค่ะ " จากนั้นเธอก็เดินออกจากห้อง ลงไปชั้นล่างแล้วเดินเข้าไปในห้องครัว หยิบผ้ากันเปื้อนมาใส่ แล้วหยิบถ้วยกับไข่ขึ้นมาวางบนโต๊ะ หันไปตั้งกระทะเทน้ำมันลงไป เปิดไฟอ่อนๆทิ้งไว้ จากนั้นก็หันไปตอกไข่ใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ ใส่รสดีกับซอสเล็กน้อย แล้วตีไข่ให้เข้ากัน เทลงไปทอดในน้ำมันที่เดือดแล้ว จากนั้นเธอก็ตักข้าวใส่จานแล้วนำไข่ที่ทอดมาวางลงในจานข้าว หยิบช้อนกับส้อมแล้วเดินออกไปนั่งทานบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ เตชินเดินเข้ามาได้กลิ่นหอมของไข่ที่ตลบอบอวลไปทั่วห้องเขาก็อยากกินขึ้นมาทันที จึงเอ่ยว่า " พิม ผมอยากกินไข่เหมือนกับคุณ ตอนนี้ผมหิวข้าวมากแล้ว คุณช่วยทำให้ผมหน่อย " ได้ยินดังนั้นพิมจึงเอ่ยขึ้นด้วยแววตาไร้อารมณ์ไม่แม้แต่จะมองเขา " ฉันทานข้าวอยู่ คุณเรียกป้าใจมาทำให้เถอะ " เตชินรู้สึกไม่ดีเลยที่พิมเย็นชาใส่เขาแบบนี้ เขารู้สึกหงุดหงิดเขารู้สึกคล้ายกับว่ากำลังจะขาดหรือสูญเสียอะไรบางอย่างไป แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ จากเขานั้นจึงเอ่ยว่า " วันนี้ป้าใจลากลับบ้าน ในบ้านเหลือแค่เราสองคน ผมทอดไข่ไม่เป็น " พิมก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในครัว สักพักก็เดินออกมาพร้อมกับข้าวไข่เจียวในมือ วางลงตรงหน้าของเตชินแล้วเธอก็กลับมานั่งทานข้าวของเธอต่อ ทานเสร็จเธอยกน้ำขึ้นมาดื่ม แล้วลุกไปล้างจานจากนั้นก็เดินออกจากห้องครัว ขึ้นไปบนห้องแล้วนอนต่อ ไม่นานเตชินก็เดินตามขึ้นมา กลับเข้ามาในห้องแล้วเดินมาที่เตียง เห็นพิมนอนหันหลัง เขาก็ขึ้นมาบนเตียงแทรกตัวเข้าไปในผ้าห่ม ตะแคงตัวหันหน้าไปทางพิมแล้วนอนกอดเธอไว้ในอ้อมแขนเหมือนเดิม เฉกเช่นทุกคืน ในเช้าวันต่อมาเตชินก็ไปทำงานตามปกติ ตอนเย็นน้ำหนึ่งก็โทรมาหาเขาแล้วเอ่ย " คุณเตชินจะมาหาน้ำหนึ่งกี่โมงคะ " " อีกสักพักผมจะออกไปแล้วครับ " เตชินเอ่ยตอบ แล้วน้ำหนึ่งก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานว่า " ค่ะ น้ำหนึ่งจะรอนะคะ " " ครับ " พอเลิกงานเตชินก็ออกจากบริษัท ตรงไปยังโรงแรมที่เขาจัดให้น้ำหนึ่งอยู่ กว่าจะออกจากโรงแรม กลับมาบ้านก็มืดค่ำ ถึงบ้านสามทุ่มทุกคืน พอเข้ามาในห้องก็เห็นพิมเข้านอนแล้ว และหลับไปแล้วทุกคืน เขาก็ไม่รบกวนเธอ เพราะคืนนั้นเขาตักตวงเอาความสุขจากเธอไปทั้งคืนแล้ว เขาจึงไม่อยากรบกวนเธออีก จากนั้นเขาก็เข้าไปอาบน้ำแล้วกลับมานอนกอดเธอเหมือนอย่างเช่นทุกคืน เย็นวันต่อมาหลังจากที่ผู้ช่วยคังส่งเตชิน ไปหาน้ำหนึ่งเสร็จ เขาก็ส่งข้อความมาหาพิมโดยบอกว่า ( คุณพิมครับ ช่วงนี้คุณชายไม่รู้เป็นอะไร หลังเลิกงานก็มาหาคุณน้ำหนึ่ง วันละสามชั่วโมงที่โรงแรมทุกวันเลยครับ ) พิมเปิดดูข้อความที่ผู้ช่วยคังส่งมา เธอก็พิมถามไปว่า ( ตอนนี้ล่ะ คุณเตชินยังอยู่กับน้ำหนึ่งเหรอ ) ผู้ช่วยคังพิมตอบว่า ( ครับ ) ผู้ช่วยคังรู้สึกสงสัยว่าทำไมคุณพิมถึงเรียกคุณน้ำหนึ่งว่า น้ำหนึ่ง คล้ายกับคนรู้จักกันมาก่อน จากนั้นเขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว เมื่อรู้ว่าน้ำหนึ่งมาเจอกับเตชิน แววตาของพิมจากที่เย็นชาไร้อารมณ์ ก็แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว แล้วพิมข้อความส่งไปหาผู้ช่วยคังว่า ( ส่งพิกัดมาค่ะ ) ผู้ช่วยคังรีบส่งโลเคชั่นให้พิมทันที พิมเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเรียกรถมารับที่บ้าน เมื่อรถมาถึงเธอก็เข้าไปนั่งในรถแล้วคนขับรถก็ขับออกไป พอไปถึงผู้ช่วยคังก็นำทางเธอไปยังห้องที่เตชินอยู่ แล้วหยิบคีย์การ์ดสำรองที่ผู้ช่วยคังเอาให้เปิดประตูเข้าไป เธอเปิดโทรศัพท์ไว้ในโหมดวีดีโอไลฟ์สดพอเปิดประตูเข้าไปเธอก็กดถ่ายทันที เธอเดินเข้าไปถ่ายเรื่อยๆ จนเห็นน้ำหนึ่งนั่งคร่อมบนตักของเตชิน เธอจึงเอ่ยถามเสียงเย็น " พวกคุณกำลังทำอะไร " น้ำหนึ่งสะดุ้งลุกพรวดด้วยความตกใจ แล้วรีบจัดแจงเสื้อผ้าของตนเอง แต่เตชินกลับนั่งอ้าแขนพาดบนพนักพิงของโซฟาอย่างสบายๆ แล้วน้ำหนึ่งก็เอ่ยเสียงถามแข็งแววตาสั่นเล็กน้อย " เธอเข้ามาได้ยังไง " พิมยิ้มเยาะที่มุมปากแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา สีหน้าแสดงความรังเกียจชัดเจน " หึ! ยังมีหน้ามาถามอีก ฉันว่าเธอเอาเวลาที่มาถามฉันเนี่ย มาอ้อนวอนไม่ให้ฉันฟ้องเธอดีกว่ามั้ย ครั้งนี้ฉันก็อยากจะรู้นักว่าหลักฐานชัดเจนขนาดนี้เนี่ย คุณหนูผู้มีฐานะดี อย่างคุณน้ำหนึ่ง จะยังเป็นคุณหนูผู้สูงส่งอยู่หรือเปล่า? จะดูสิว่าจะแก้ตัวกับสังคมยังไง กับท่าขึ้นคร่อมบนตัวของสามีของคนอื่น " เอ่ยจบเธอก็หันวีดีโอที่กำลังไลฟ์อยู่ไปให้น้ำหนึ่งดูแล้วเอ่ยต่อ " อู้ว...คุณเห็นมั้ย มีคนสนใจเรื่องของคุณเยอะมาก คนดูวิจารณ์กันเป็นหมื่นเลยอ่ะ คุณกลายเป็นคนดังเพราะเป็นชู้ คุณสุดยอดมากเลยค่ะ " น้ำหนึ่งโกรธจัดจนตัวสั่นแล้วเอ่ยเสียงดังอย่างเกรี้ยวกราด " หยุดถ่ายเดี๋ยวนี้เลยนะนังพิม!!! " พิมเลิกคิ้วขึ้นอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย " คุณบอกให้หยุดฉันก็ต้องฟังเหรอ คุณนี่ถนัดแต่ แย่งกินของของคนอื่น งานอดิเรกของคุณคือการเป็นชู้สินะ " เธอไม่อยากทำตัวเป็นเมียหลวงที่ไล่ตามจับชู้ของสามีหรอก แต่เธอยอมไม่ได้ถ้าเป็นน้ำหนึ่ง น้ำหนึ่งโกรธจนตัวสั่น โกรธจนหน้าดำหน้าแดงแล้วเอ่ย " แกคิดว่าคุณเตชิน จะเห็นแกเป็นภรรยาจริงๆเหรอ อย่างแกก็เป็นได้แค่ของเล่น ที่คุณเตชินเบื่อแล้วเท่านั้นแหละ " จากนั้นน้ำหนึ่งก็ยิ้มเยาะขึ้นแล้วเอ่ยต่อ " เพียงแค่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นแม่อุ้มบุญ ก็หลงคิดว่าตัวเอง เป็นภรรยาจริงๆของคุณเตชิน ช่างน่าสมเพชจริงๆ " ได้ยินดังนั้น คิ้วสวยของพิมก็กระตุกวุบ มองไปยังเตชินอย่างเย็นชา ไม่คิดว่าเขาจะเปิดเผยเรื่องนี้กับน้ำหนึ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายไร้ค่า เธอโกรธจนน้ำตาเกือบจะไหลออกมา จากนั้นเธอก็หันมาเอ่ยกับน้ำหนึ่งว่า " ก่อนที่เธอจะมาสมเพชฉัน เธอสมเพชตัวเองก่อนมั้ย ส่วนเรื่องอุ้มบุญ เธอคิดว่าคนอย่างฉันจะยอมโง่ทำเรื่องอย่างงั้นเหรอ แล้วคุณเตชินจะเห็นฉันเป็นภรรยาจริงๆหรือเปล่าหรือจะเห็นฉันเป็นแค่ของเล่น ฉันไม่สนใจ มันเป็นเรื่องของเขา เพราะฉันไม่เคยสนใจคุณเตชินเลย และไม่เคยคิดว่าเขาคือสามีด้วยซ้ำ ที่เธออยากได้เขา จนตัวสั่น มาเสนอตัวให้เขาถึงที่แบบนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะฉัน ในเมื่อรู้แล้วว่าฉันไม่ได้ชอบคุณเตชินเลย เธอก็ควรจะเลิกทำเรื่องสิ้นคิดได้แล้วนะ แต่หากเธอยังอยากได้เขาอยู่ ก็เอาไปเลย เพราะฉันไม่ต้องการ แต่หลังจากนี้ เธอคงจะสู้หน้าสังคมไม่ไหว รวยแต่ไร้สมองอย่างเธอนี่น่าสมเพชจริงๆ " เอ่ยจบเธอก็เดินออกไป เตชินลุกขึ้นตามเธอออกไป แต่น้ำหนึ่งกลับจับแขนเขาไว้แล้วเอ่ย " คุณเตชิน คุณต้องช่วยฉันแก้ข่าวนะ ตอนนี้เขารู้กันหมดแล้วว่าเราเป็นชู้กัน คุณต้องรับผิดชอบฉันนะคะ " เตชินยิ้มเยาะขึ้นอย่างร้ายกาจแล้วเอามือของน้ำหนึ่งที่จับแขนเขาปัดออกแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น " คุณจะให้ผมรับผิดชอบอะไร ผมไม่ได้ทำอะไรคุณเลย มีแต่คุณที่เอาแต่เข้าหาผม ที่ผมทำตามที่คุณต้องการ เพราะผมอยากลองใจพิมก็เท่านั้น ผมไม่ได้สนใจคุณเลย คุณเคยดูถูกพิมยังไง วันนี้สังคมก็จะดูถูกคุณอย่างงั้น ผมแนะนำให้คุณหยุดคิดที่จะเอาชนะพิมซะ หากคุณคิดจะไปพูดให้เธอเสียหายหรือกล้ามาว่าเธออีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน " เตชินเอ่ยเตือนขึ้นเสียงเย็น สีหน้าเคร่งขรึมแววตาคมกริบ ดูทรงอำนาจน่าเกรงขาม จับจ้องบนตัวน้ำหนึ่งอย่างเยือกเย็นจนทำให้น้ำหนึ่งสั่นกลัวขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็เดินออกไปอย่างองอาจสง่างามตามภรรยาไปเตชินวิ่งตามพิมออกมาแล้วหยุดเธอไว้โดยการจับแขนของเธอแล้วเขาก็ไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุมว่า" เรามีเรื่องต้องคุยกัน "พิมง้างมือขึ้นมาตบไปที่หน้าของเขาเต็มแรง แล้วมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวดุดัน กลับมากำมือแน่นข้างลำตัว สีหน้าเธอดูนิ่งเฉย ยากจะรู้ระดับความโกรธที่มีในใจ ที่ยากจะควบคุมแล้วเตชินอึ้งไปเลยเกิดมาเขาไม่เคยโดนใครตบหน้ามาก่อน ในชีวิตนี้ของเขาคงมีแต่พิมคนเดียวแล้วผู้ช่วยคังยิ่งอึ้งกว่า จากนั้นก็แอบพึมพำในใจ[ ไม่คิดว่าสาวน้อยตัวเล็กๆอย่างคุณพิมเวลาโกรธจะรุนแรงและน่ากลัวขนาดนี้ ]จากนั้นพิมก็เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา" ตบนี้คุณควรจะได้รับนานแล้ว ที่ผ่านมาฉันเกรงใจคุณถึงห้าส่วน ก็เพราะคิดว่าคุณเป็นนายจ้าง แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว ฉันจะบอกให้นะ ในชีวิตสิ่งที่ฉันเกลียดที่สุดคือคนที่พยายามจะทำให้ฉันเสียหายนี้แหละ ถึงฉันจะจน แต่ฉันก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ใช่ว่าคุณอยากจะทำอะไรกับฉันก็ทำได้ "เอ่ยจบเธอก็ดึงแขนกลับมาอย่างแรงแล้วเดินผ่านเตชินไปทิ้งไว้เพียงกลิ่นไอของความเย็นชา ที่แผ่ปกคลุ่มรอบตัวเธอ เตชินยังยืนนิ่งอยู่กับที่ทั้งโมโหที่ถูกตบต่อหน้าลูกน้องและสับสนว่าควรจะทำยั
ส่วนน้ำหนึ่งหากคิดที่จะเอาเรื่องของเธอไปพูด เธอเรียมรับมือกับปัญหาเหล่านั้นไว้แล้วเช่นกันเตชินได้ยินเธอยืนกรานที่จะหย่าเขาเลยเอ่ยเสียงแข็งด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า" ผมไม่หย่า และผมก็จะไม่ให้คุณไปฟ้องหย่ากับผมได้หรอกผมรู้ว่าคุณไม่ชอบสถานะนี้ แต่ผมจำเป็นต้องขอให้คุณช่วยท้องลูกของผมเพราะมีเพียงคุณเท่านั้นที่คู่ควรที่จะเป็นแม่ของลูกผม ทายาทของตระกูลอัศววัฒน์สกุล ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายจะต้องสมองดี ฉลาด มีไหวพริบและหน้าตาดีเหมือนคุณไม่ก็เหมือนผมดังนั้น ผมไม่สามารถหย่ากับคุณได้จริงๆ อีกอย่างผมรักคุณมากนะพิมผมไม่อยากสูญเสียคุณไป ผมอยากจะมีคุณอยู่ด้วย แบบนี้ตลอดไปโดยไม่ต้องแต่งงานกัน "เตชินพูดออกมายาวเหยียดกลับได้ยินเพียงพิมแค่นเสียง เหอะ! ออกมาด้วยแววตาไร้อารมณ์เขายิ่งรู้สึกหงุดหงิดที่เดาใจเธอไม่ออก ไม่รู้ว่าเธอคิดจะทำอะไรอีกบรรยากาศอึมครึมปกคลุมรอบๆจนเงียบสนิท พิมมองออกไปนอกหน้าต่างเอ่ยพึมพำในใจอย่างเบื่อหน่าย[ มีทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากเขาคือ ฟ้องหย่าเท่านั้น เมื่อไม่มีใจ ไม่ได้รักกัน ก็ไม่ควรให้เรื่องมันยืดเยื้อ ควรจบเรื่องได้สักที ] เธอตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว พรุ่งนี้เธอจะ
ในเช้าวันต่อมา พิมออกมาเดินยืดเส้นยืดสาย หน้าระเบียงบ้าน อ้าแขนออกพร้อมกับเชิดคาง หงายหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วหลับตาลงอย่างสงบ ค่อยๆหายใจสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด กลิ่นหอมของดอกกาสะลองตลบอบอวลไปทั่วบริเวณบ้านของเธอ ทำให้เธอรู้สึกสดชื่น ผ่อนคลายสบายอารมณ์จากนั้นเธอก็เดินลงบันไดไป สวมใส่รองเท้าแล้วเดินไปใต้ต้นกาสะลองเก็บดอกกาสะลองที่ตกพื้นขึ้นมาดมแล้วเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน สดใสบริสุทธิ์ ที่ไม่ถูกแต่งเติมใดๆเธอเก็บผมทัดใบหูแล้วเอาดอกกาสะลองขึ้นมาทัดหู แต่ดูเหมือนดอกนี้ยังไม่สดพอที่จะทำให้เธอพอใจ เธอแหงนหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างไม่รีรอพ่อคำนั่งหั่นเนื้อหมูช่วยแม่มะลิทำกับข้าวอยู่บนบ้านในห้องครัวเห็นลูกสาวปีนขึ้นไปบนต้นไม้เขาก็เผยรอยยิ้มจนปัญญาพร้อมกับส่ายหน้าพึมพำเบาๆ" ลูกคนนี้ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ "แม่มะลิที่กำลังตำน้ำพริกอยู่เห็นสามียิ้มก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้" พ่อนั่งยิ้มอะไร? "พ่อคำจึงเอ่ยตอบไปว่า" ก็ลูกสาวเราโตขนาดนี้แล้วยังไม่เลิกปีนต้นไม้เล่นอีกกลับมาถึงก็ปีนขึ้นต้นปีบหน้าบ้านอีกแล้ว ตกลงมากี่ครั้งก็ไม่รู้จักหลาบจำ "แม
พอได้สติ แม่มะลิก็เอ่ยขึ้น" พิมลูกไปช่วยแม่ตักแกงในครัวหน่อย "" ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ เธอรู้ดีว่าแม่เธอไม่ได้เจตนาจะให้เธอมาช่วยตักแกงอย่างที่พูดหรอกจากนั้นแม่มะลิกับพิมก็ลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปในครัว พ่อคำยิ้มแล้วเอ่ยอย่างเป็นมิตร แม้ในใจจะไม่ค่อยพอใจเตชินที่ฉวยโอกาสหอมลูกสาวเขาต่อหน้าอย่างไม่เกรงใจก็ตามแต่เขาไม่ใช่คนไม่มีมารยาทที่จะไม่ไว้หน้าแขกที่มาบ้านครั้งแรกยิ่งแขกมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับลูกสาวเขาเขายิ่งให้เกียรติ" มาหนุ่มๆเรากินข้าวต่อ ไม่ต้องเกรงใจนะ "" ครับ " ผู้ช่วยคังยิ้มแล้วเอ่ยตอบจากนั้นก็ทานข้าวต่อเตชินแอบเป็นห่วงพิม เขาไม่รู้ว่าพิมจะถูกผู้เป็นแม่ตำหนิอะไรหรือเปล่าเขาได้แต่ชะเง้อมองเข้าไปในครัวเมื่อเข้ามาอยู่ในห้องครัวแล้ว แม่มะลิก็เอ่ยกระซิบถามลูกสาวเสียงเข้มด้วยความสงสัย" เขาเป็นอะไรกับลูก ลูกพูดความจริงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ตั้งแต่ลูกตกต้นไม้แล้ว เขาโผล่มารับลูก ก็ว่าแปลกๆแล้ว นี่ยังมาฉวยโอกาสทำแบบั้นกับลูกอีก แม่กับพ่อรับไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นแค่เพื่อนของลูกใช่มั้ย "พิมไม่รู้จะบอกแม่ยังไง เธอก้มหน้ายืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นทำให้ผู้เป็นแม่ร้อนใจเอ่ยถามต่อ" ลูก
[ ขอโทษที่ผมรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคุณไม่ได้ ]เตชินพึมพำในใจ พิมที่เดินออกไป ในใจเธอไม่เลิกคิดที่จะหย่ากับเขาเลยเพราะเธอไม่อยากเป็นฮองเฮาแม้จะสูงส่งแต่ก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในขณะที่ฮ่องเต้กำลังมีความสุขอยู่กับสนมแต่ฮองเฮากลับอยู่อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานใจทำอะไรไม่ได้เลย ไม่ได้แม้แต่จะมองชายอื่น เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็พึมพำในใจว่า[ แต่งได้ ก็หย่าได้ แต่จะมีลูกไม่ได้ เพราะฉันไม่ใช่ฮองเฮาที่ต้องใช้ลูกในการรักษาอำนาจ ]เธอรู้สึกว่ายังมีบางอย่างที่เตชินยังไม่พูดออกมา มีบางอย่างที่เตชินเก็บไว้ในใจตอนแรกที่เธอขอให้เขาขอเธอแต่งงาน เขาปฏิเสธเธอแบบไม่ต้องคิดเลย จุดนี้เธอสงสัย ว่าเขาจะเอาเด็กไปทำอะไรที่เขาอยากได้ลูกที่เกิดจากพันธุกรรมที่ถ่ายทอดจากเธอ ด้วยเหตุผลของเขา เธอก็พอเข้าใจได้ แต่ที่เธอไม่เข้าใจ ทำไมเขาไม่รอมีลูกกับคนที่เขาอยากแต่งงานด้วยในอนาคต[ แล้วมาทำให้ชีวิตฉันวุ่นวายทำไม ในเมื่อไม่ได้รักฉันเลย เห็นแก่ตัว ]เธอบ่นพึมพำในใจอย่างอารมณ์เสีย เธอรู้สึกว่าตั้งแต่เตชินเข้ามาวุ่นวายในชีวิตเธอก็เหมือนคนเป็นโรคไบโพลาร์อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเดี๋ยวอยากร้องให้จนอยากจ
เตชินรู้อยู่แล้ว ว่าเธอต้องพูดแบบนี้ แต่เขาไม่สนใจหรอกเพราะยังไงตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาการมีลูกกับเธอก็จะง่ายขึ้น เธอไม่ต้องไปกังวลหรือกลัวอะไรอีกเมื่อวิ่งกลับไปถึงบ้าน ทั้งสองก็เดินขึ้นไปบนบ้าน แม่มะลิที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัวเห็นลูกสาวกับลูกเขยกลับมาแล้ว เขาก็เอ่ยขึ้น" พิม ลูกอาบน้ำอาบท่า เปลี่ยนเสื้อผ้าอะไรเสร็จพาคุณเตชินออกมากินข้าวเช้าเลยนะ "" ค่ะ แม่ "พิมเอ่ยตอบแม่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปในห้อง เตชินมองไปยังห้องครัว ที่ทำแยกออกไปอีกหลังแต่เชื่อมต่อกันกับตัวบ้านแล้วมองตามหลังพิมที่เดินเข้าห้องไป เขารู้สึกว่าครอบครัวของเธอดูอบอุ่นเป็นกันเองใช้ชีวิตสบายๆอยู่กับธรรมชาติ เขาอิจฉาชีวิตที่มีความสุขของพิมเข้าแล้วแม้พ่อกับแม่ของพิมจะไม่ค่อยชอบเขา แต่พ่อแม่ของพิมก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติไม่แสดงท่าทีที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเลยแต่กลับกัน เขากลับรู้สึกอบอุ่นและมีความสุขแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในห้อง พ่อของพิมก็ออกมาตั้งโต๊ะอาหารส่วนแม่ของพิมก็ตักข้าวตักแกงใส่โถ เตรียมไว้พอพิมกับเตชินอาบน้ำเสร็จ ก็เปิดประตูเดินออกมาจากห้อง พิมเห็นพ่อกำลังตั้งโต๊ะกินข
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา พิมกับเตชินก็ต้องกลับกรุงเทพทั้งสองยืนลาแม่มะลิกับพ่อคำ ก่อนออกเดินทางพิมกอดพ่อกับแม่แล้วเอ่ย" หนูไปก่อนนะคะ อยู่บ้านดูแลตัวเองดีๆ อย่าทำงานหนัก อย่าหักโหมเกินไป ทำเท่าที่ทำไหวนะคะ "พิมเอ่ยด้วยความเป็นห่วงพ่อกับแม่ แม่มะลิเองก็เอ่ยด้วยความเป็นห่วงลูกสาวเช่นกัน" ลูกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมาหาพ่อกับแม่นะ อย่าเก็บไว้คนเดียว เข้าใจมั้ย "" ค่ะ "พิมพยักหน้าเอ่ยตอบ พ่อคำมองลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนด้วยความอาลัยจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปมองเตชินที่ยืนข้างๆลูกสาวเขาแล้วเอ่ย" ผมฝากคุณเตชินดูแลพิมให้ดีๆด้วยนะครับ เธออาจจะดื้อบ้างเป็นบางครั้ง ขอให้คุยกับเธออย่างใจเย็น ถ้าเป็นไปได้ก็ขอให้จูงมือกันไปข้างหน้า ดูแลกันไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ "เตชินเขาเข้าใจในความหมายแฝงของคำพูดนั้นดี เขาจึงเอ่ยตอบอย่างแน่วแน่ว่า" ครับ ผมจะดูแลพิมให้ดีที่สุด "แต่คำพูดเขาก็ไม่ทำให้พ่อของพิม ห่วงลูกสาวน้อยลงเลย พ่อคำก็หันไปเอ่ยกับลูกสาวว่า " อยู่ไกลบ้านดูแลตัวเองนะลูก แล้วจำคำของพ่อไว้ รู้รักษาตัวรอด เป็นยอดดี รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางนะ เข้าใจที่มั้ย "( หมายถึง : คือการรู้จักเอาตัวรอดใ
พิมนั่งคิดหาวิธีที่จะไม่ให้เตชินรู้ผลตรวจจากหมออย่างเคร่งเครียดแล้วเธอก็ตัดสินใจโทรไปหาผู้ช่วยคัง ผู้ช่วยคังเห็นพิมโทรเข้ามาจึงกดรับสาย แล้วเอ่ย" ครับคุณพิม "พิมจึงเอ่ยถามขึ้นว่า" คุณคัง คุณเตชินให้คุณไปเอาผลตรวจสุขภาพของฉันหรือยังคะ "" ครับ คุณชายแชทมาบอกแล้วครับ คุณพิมมีอะไรหรือเปล่าครับ "" คุณได้ไปเอาหรือยังคะ "" ไปเอามาแล้วครับ "ได้ยินดังนั้น พิมรู้สึกตื่นเต้นประหม่าเล็กน้อยกลัวผู้ช่วยคังจะจับพิรุธได้และสงสัยในตัวเธอเธอพยายามเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบและนิ่งที่สุดอ้างเหตุผลอย่างเนียนๆ" คือ ฉันอยากให้คุณเตชินรู้ผลตรวจจากฉันเองค่ะ ในเมื่อคุณไปเอาผลตรวจมาแล้ว ช่วยเอามาให้ฉันตอนนี้หน่อยได้มั้ยคะ ฉันจะบอกเขาเองฉันไม่อยากให้เขารู้สึกไม่ดีค่ะ คุณคังเข้าใจใช่มั้ยคะ "ก่อนหน้านี้ผู้ช่วยคังได้ไปรับเอาผลตรวจที่โรงพยาบาล และได้คุยกับหมออยู่นานจึงรู้ว่าคุณพิมใช้ยาคุมกำเนิดมาตลอด เมื่อคุณพิมโทรมาแบบนี้ เขาก็เข้าใจเธอ เขาคิดว่าเธอคงจะกลัวคุณชายเขาจะโกรธเลยอยากจะบอกด้วยตนเอง เขาจึงเอ่ยว่า" ได้ครับ ผมจะเอาไปให้เดี๋ยวนี้ "ได้ยินแบบนี้พิมยิ้มออกมาอย่างโล่งอกแล้วเอ่ย" ค่ะ ฉันจะรอในห้องรับ
ในห้องผ่าตัดหลังจากผ่าตัดเสร็จอยู่ๆพิมก็หยุดหายใจไป เนื่องจากเธอเสียเลือดมากและแท้งบุตรในขณะที่ประสบอุบัติเหตุทำให้ร่างกายไม่สามารถทนพิษบาดแผลไหวในตอนที่เธอยังมีลมหายใจโรยริน จิตสุดท้ายของเธอคล้ายกับรับรู้ได้ว่าตัวเองสูญเสียลูกไปแล้ว คลื่นความเศร้าโศกถาถมความเสียใจเข้ามาสาดใส่ ทำให้เธอไม่มีกำลังใจที่จะอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพราะเธอตั้งใจจะพาลูกของเธอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัย ไม่คิดว่าจะเป็นการพาเขามาตายจากแล้วหมอก็รีบทำการช่วยชีวิตเธออีกครั้งอย่างสุดความสามารถใช้เวลาอยู่นานเธอก็ไม่กลับมาหายใจ คลื่นหัวใจเป็นเส้นตรงไม่ขยับเขยื้อนเลยสีหน้าหมอแสดงถึงความจนปัญหาด้วยความผิดหวังแล้วเอ่ยเสียงเศร้า" แจ้งญาติคนไข้เถอะ "" ค่ะ "พยาบาลเอ่ยตอบแล้วเดินออกไปจากห้องผ่าตัด" ผ่าตัดเสร็จแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าคนไข้จะมาเสียชีวิตในขณะที่เราเพิ่งจะมีความหวังขึ้นมา "พยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยอย่างผิดหวัง เพราะในตอนแรกพวกเขาก็ทำใจไว้แล้วว่าคนไข้อาจจะไม่รอดแต่พวกเขาต่างก็ตั้งใจช่วยชีวิตพิมอย่างสุดความสามารถมากจนเธอกลับมาหายใจอีกครั้งความจริงพิมหยุดหายใจตั้งแต่ตอนเกิดเหตุแล้วหมอจึงเอ่ยอย่างสุขุมว่า" บางทีจิตสุ
" ไม่ได้นะคุณเตชิน คุณอย่าทำแบบนี้ ปล่อยฉันกับลูกไปเถอะนะ "พิมขอร้องอ้อนวอนให้เขาปล่อยเธอไม่หยุด แต่เขากลับนิ่งเฉย รตีลงจากรถแล้วแอบเดินถามเตชินเข้ามาในโรงพยาบาลก่อนหน้านี้เธอไปหาเตชินที่บ้าน เห็นเตชินขับรถออกจากบ้าน เธอจึงให้คนขับรถ ขับตามเตชินเธอใส่แว่นสีดำปกปิดดวงตาและใส่แมสก์ปกปิดหน้าเอาไว้ไม่ให้เตชินรู้ว่าเป็นเธอพิมที่อยู่ในอ้อมแขนของเตชินเธอทั้งตีทั้งข่วนเขาจนเธอน้ำตาไหลพรากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครืออย่างจนปัญญาด้วยความหวาดกลัว" คุณเตชิน คุณจะฆ่าเขาไม่ได้ เขาเป็นลูกของคุณไม่ใช่ลูกของคุณป๊อบอย่างที่คุณเข้าใจ เขาเป็นลูกของคุณจริงๆ "ได้ยินดังนั้นเตชินก็หยุดชะงักไป รตีได้ยินก็ช็อกไปเช่นกัน แล้วแววตาของเธอก็กลายเป็นดุร้ายเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาเตชินมองหน้าพิมแล้วเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง" คุณพูดว่าไงนะ "พิมมองเขาแล้วเอ่ยเสียงสั่น" เขาเป็นลูกของคุณ คุณวางฉันลงก่อนได้มั้ยแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง "เตชินวางเธอลง พอเธอเป็นอิสระจากมือของเขาเธอก็วิ่งหนีไปทันทีเตชินเห็นเธอวิ่งหนีไปเขารู้สึกเจ็บใจมากที่ถูกหลอกจึงวิ่งตามเธอออกไปแล้วคว้าข้อมือเธอมาจับไว้นำตัวเธอกลับมาอีกครั้งพร้อ
เมื่อป๊อบเห็นพิมกลับมา เขาก็ปลีกตัวออกจากกลุ่มนักเรียนแล้วเดินมาหาพิมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้น" พิมเขาทำอะไรคุณหรือเปล่า "พิมส่ายหน้าแล้วเอ่ย" ไม่ค่ะ "ป๊อบพยักหน้าแล้วเอ่ย" เช่นนั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมนี้เราก็ว่างบ้างแล้วเดี๋ยวผมจะให้เขาเซ็นหย่าให้คุณให้ได้ ต่อไปเขาจะได้ไม่ต้องมายุ่งวุ่นวายกับคุณอีก "พิมมองป๊อบด้วยสีหน้าเหนื่อยใจนึกถึงคำพูดของเตชินก่อนหน้านี้เธอไม่อยากได้แล้วใบหย่า เธอจึงเอ่ยว่า" จะหย่าหรือไม่หย่าฉันไม่สนใจแล้วค่ะ แค่ใบหย่าใบเดียวไม่มีผลอะไรกับชีวิตฉันหรอกค่ะ ฉันไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาอีกแล้วเราอย่าไปใส่ใจกับใบหย่านั่นอีกเลยค่ะ "" ก็ได้ครับ ไว้คุณคลอดลูกแล้วค่อยมาตัดสินใจอีกที "เขาก็ไม่อยากให้พิมติดอยู่กับสถานะสมรสนี้เพราะเขาอยากจะจดทะเบียนสมรสกับเธอใช้ชีวิตฉันสามีภรรยาอย่างถูกต้องเตชินเดินเข้ามาเห็นทั้งสองยืนคุยกันอยู่ เขาจึงเดินผ่านทั้งสองไป แล้วเดินไปยังกลุ่มของนักเรียนถ่ายรูปกับพวกเขา จากนั้นเขาก็เอ่ยถามเด็กนักเรียนว่า" เด็กๆพวกคุณปิดเทอมกันเมื่อไหร่ครับ "" พวกเราปิดเทอมแล้วครับ กลับไปพวกเราจะฉลองแชมป์ปิดเทอมกันครับ คุณเตชินไปฉลองกับพวกเรามั้ยครับ "" โอ้ว
เตชินลากพิมมาที่รถ จากนั้นก็เปิดประตูให้เธอขึ้นไปบนรถ พิมทำตามที่เขาต้องการโดยไม่บ่นอะไรแล้วเตชินก็เข้าไปนั่งข้างๆเธอพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่รีรออีกต่อไป" เด็กในท้องเป็นลูกของใคร "พิมกระเถิบห่างออกไปอย่างระมัดระหวังพร้อมกับเอามือจับท้องของตัวเองไว้แล้วมองเตชินอย่างดุดันด้วยแววตาสู้คนเมื่อเตชินเลื่อนสายตามาจับจ้องท้องของเธอ[ เตชินถามแบบนี้หมายความว่ายังไง หรือเขาจะสงสัยว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเขากันนะ ]เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงลองถามหยั่งเชิงดู" เขาก็เป็นลูกของคนที่คุณคิดไง แล้วคุณคิดว่าเขาเป็นลูกใครล่ะ "เธอไม่รู้หรอกว่าเตชินคิดว่าเด็กในท้องเป็นลูกของป๊อบ เธอแค่อยากรู้ความคิดของเขา จึงพูดออกไปแบบนั้นเธอคิดว่าถ้าเขาบอกว่าเด็กในท้องเป็นลูกเขาเธอก็จะได้ปฏิเสธอย่างไม่น่าสงสัยแต่เมื่อเตชินได้ยินเธอพูดดังนั้น เขากลับรู้สึกเหมือนถูกเธอตบหน้าแรงๆ แล้วให้คำตอบอย่างเยาะเย้ยแต่เขาก็พยายามปฏิเสธความคิดของตัวเอง พยายามคิดว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของป๊อบแต่เป็นลูกของเขา แต่การคิดแบบนี้ กับระยะเวลาที่ไม่ได้เจอพิมบวกกับภาพความสนิทสนมชิดใกล้กันของพิมกับป๊อบทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังหลอกต
" สวัสดีค่ะคุณป๊อบ คุณพิม คุณเทเท่ "ณัชชาเอ่ยทักขึ้น เทเท่ยิ้มแล้วสวัสดีกลับ" สวัสดีค่ะคุณณัชชาไม่คิดว่าจะได้เจอกันที่นี่ "แล้วป๊อบก็หันมาพร้อมกับเอ่ย" คุณณัชชารู้ได้ยังไงครับว่าวันนี้เรามีแข่งที่นี่ "ป๊อบแค่ถามไปตามมารยาทของคนรู้จักกันส่วนพิมแค่หันมามองแล้วหันกลับไปสนใจเด็กของตัวเองต่อเมื่อทีมก่อนหน้าแข่งจบลง พิธีกรบนเวทีก็เอ่ยขึ้น" จบลงไปแล้วนะคะ ทีม SS ตัวแทนจากภาคใต้ ต่อไปจะเป็นทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือค่ะ ขอให้ทีม JK เตรียมตัวเลยนะคะ ในปีนี้ต้องบอกเลยว่าแต่ละทีมนั้น ทำให้คณะกรรมการของเราหนักใจมากเลยทีเดียว "" ใช่แล้วครับ ในตอนนี้ทีม JK คงจะพร้อมกันแล้วต่อไปเชิญพบกับทีม JK ตัวแทนจากภาคเหนือได้เลยครับ "พิมเรียกนักเรียนให้มายืนเป็นวงหันหน้าเข้าหากันจากนั้นเธอก็แบมือแล้วคว่ำฝ่ามือลงยื่นแขนออกไปข้างหน้า เทเท่ก็วางฝ่ามือทับซ้อนลงบนหลังมือเธอแล้วนักเรียนก็วางมือทับต่อๆกัน" ขอให้พวกเราตั้งใจทำให้ดีที่สุด เพื่อคว้าชัยชนะที่อยู่แค่เอื้อม สู้มั้ย! "" สู้!!! "พิมเอ่ยกระตุ้นสร้างกำลังใจให้นักเรียนมีใจฮึกเหิม แล้วทุกคนก็เก็บมือเตรียมตัว จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนเวทีจากนั้นทีมขอ
พิมกับเทเท่นัดแนะกับเด็กในห้องนาฏศิลป์ แล้วแจกใบขออนุญาตเดินทางไปแข่งขัน ให้กับนักเรียนทุกคน ให้เอาไปให้ผู้ปกครองเซ็นอนุญาตยินยอม จากนั้น พิมก็เริ่มเอ่ยกับนักเรียนของตัวเองว่า" นักเรียนคะ พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปแข่งที่กรุงเทพแล้ว วันนี้ซ้อมแค่รอบเดียวพอแล้วเก็บแรงไว้เดินทางพรุ่งนี้ จำไว้ว่าเราเป็นตัวแทนของภาคขอให้เราตั้งใจทุ่มเททำให้ดีที่สุดจะได้ไม่เสียใจภายหลัง แต่สิ่งสำคัญคือ เราอย่าลืม ว่ากว่าแต่ละทีมจะมาถึงจุดนี้ได้ทุกทีมล้วนเป็นคู่แข่งที่เก่งและน่ากลัว ผ่านการฝึกฝนมาอย่างดีที่สุดทุกทีมเราจะประมาทหรือเหลิงโอ้อวดว่าเราเก่งเหนือคนอื่นไม่ได้ในโลกนี้ ในประเทศนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าเราอีกตั้งมากมาย ไม่ว่าเราจะได้แชมป์หรือไม่ก็อย่าไปท้อแท้น้อยใจหรือเสียใจเด็ดขาดขอให้เรายอมรับและแสดงความยินดีกับคนที่ได้แชมป์อย่างจริงใจครูเชื่อว่าทุกความตั้งใจทุกความสามัคคีจะนำเราไปสู่ความสำเร็จขอให้เราตั้งใจทำให้เต็มที่ ทำให้สุดกำลังความสามารถเข้าใจมั้ยคะ "" เข้าใจค่ะ/ เข้าใจครับ "นักเรียนทุกคนตอบรับอย่างพร้อมเพรียมเสียงดังชัดเจน แล้วเทเท่ก็นัดแนะเวลามาขึ้นรถที่โรงเรียนต่อ" แล้วพรุ่งนี้นะคะ
บ้านพักครูเป็นบ้านปูนเล็กๆมีเพียงสองห้องนอนหนึ่งห้องน้ำ ตอนกลางคืน ณัชชากับเทเท่ก็ปูเสื่อนอนหน้าทีวี ในห้องที่จัดเป็นห้องนั่งเล่น อยู่ติดกับบันไดที่จะขึ้นไปชั้นสองเมื่อทุกคนเข้านอนแล้วบรรยากาศกลางดึกที่เงียบสงบ เทเท่ก็ลุกขึ้นมา ยื่นมือไปลูบไล้เรียวขาของณัชชาด้วยความหื่นกระหายเขาลูบไล้ขึ้นลงได้สักพัก ณัชชาก็เริ่มรู้สึกตัวเพราะรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติเธอค่อยๆขยับแพขนตาแล้วลืมตาขึ้นช้าๆอย่างงัวเงียเทเท่เห็นว่าเธอรู้สึกตัวแล้วเขาก็ขึ้นคร่อมบนตัวเธอทันทีแล้วจับมือเธอไว้ ก้มหน้าลงจูบไปตามคอพร้อมกับเอ่ยเสียงกระเส่า" คุณณัชชาผมต้องการคุณ ผมอดใจไม่ไหวแล้ว ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำเริบอีกแล้ว ผมต้องการคุณ "ทีแรกณัชชายังงงๆอยู่ว่าเทเท่คิดจะเล่นอะไร พอได้สติ เธอก็กรีดร้องขึ้นดิ้นรนขัดขืนอย่างสุดชีวิต" กรี๊ด!...ช่วยด้วยๆ ไอ้บ้าออกไปจากตัวฉันนะ ออกไป กรี๊ด... "" ไม่แน่นอนครับ ตอนนี้ฮอร์โมนส์เพศชายของผมมันกำลังคุกรุ่นต้องการร่างกายผู้หญิง "เทเท่เอ่ยพร้อมกับมองหน้าณัชชาด้วยสีหน้าหื่นกระหาย" กรี๊ด...ไม่เอาๆ ปล่อย ไอ้เทเท่ ไอ้บ้า ออกไปจากตัวฉัน ออกไป "แววตาณัชชากลัวจนสั่นไหว เธอกลัวจนหน้าข
ในเช้าวันต่อมา ขณะที่พิมกำลังสอนอยู่ ก็มีเพื่อนครูคนหนึ่งเดินมาบอกว่า" ครูพิมจ๊ะ มีคนมาหาครูพิมจ้ะ ตอนนี้รออยู่ที่หน้าบ้านพักครูพิมแล้ว "" อ้อ ค่ะ "พิมเอ่ยตอบ แล้วแอบพึมพำในใจ[ ใครกันที่มาหาเรา ช่างเถอะให้รอไปก่อนเดี๋ยวค่อยไปดู ]จากนั้นเธอก็หันมาสอนนักเรียนต่อ พอหมดคาบเรียน เธอก็เดินกลับไปที่บ้านพักเห็นหญิงสาวรูปร่างดีนั่งหันหลังให้เธอบนโต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพัก[ ใครกัน? ]เธอเดินเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณมาขอพบฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ "ณัชชาหันหน้ามามองเธอแล้วยิ้มขึ้นพร้อมกับเอ่ย" เซอร์ไพรส์ค่ะ คุณพิม "เมื่อเห็นว่าเป็นณัชชาเธอก็รู้สึกแปลกใจจนแสดงออกมาทางสีหน้าและแววตา แล้วเอ่ยถามขึ้น" คุณณัชชา! คุณมาทำอะไรที่นี่ "ไม่ต้องถามก็รู้ว่าณัชชารู้ที่อยู่เธอได้ยังไง เพราะเธอรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นเตชินส่งมาแน่ๆแต่เธอก็ไม่ได้กังวลอะไร เพราะคิดว่าอย่างน้อยดีกว่าเตชินมาเอง เธอแค่อยากรู้ว่าณัชชามาด้วยจุดประสงค์อะไรก็เท่านั้นณัชชาได้ยินพิมยิงคำถามมาแบบนี้ เธอจึงลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ย" ฉันมาเที่ยวน่ะ แล้วรู้มาจากพี่เตชินว่าคุณสอนอยู่ที่โรงเรียนนี้ เลยอยากจะแวะมาทักทาย ขอค้างคืนด้วยสั
ป๊อบพาพิมกลับมานอนพักบนบ้านพัก เขาค่อยๆประคองเธอขึ้นห้องไปอย่างช้าๆเมื่อเข้าไปในห้องเขาก็ประคองเธอไปที่เตียงแล้วพิมก็ขึ้นไปนอนบนเตียงป๊อบเป็นห่วงเธอมาก เพราะเธอพักบ้านพักครูคนเดียวเขาจึงเอ่ยว่า" คืนนี้ผมจะมานอนเป็นเพื่อนคุณนะ "" ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พิมอยู่คนเดียวได้ หากคุณมาอยู่ดูแลพิม เดี๋ยวคนอื่นจะมองไม่ดี จะพากันเข้าใจผิดกันไปใหญ่ "พิมรีบปฏิเสธ เพราะเธอแคร์สายตาและแคร์ความคิดของสังคมภายนอก มากกว่าความความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นภายในกายของตนเองอาจจะเป็นเพราะเธอถูกเลี้ยงมาแบบนี้ อยู่ในสังคมที่แคร์คนอื่น เธอจึงวางตัวดีมาเสมอและไม่ทำให้ตัวเองเสียชื่อเสียงเหมือนที่พ่อแม่เธอสอนไว้ว่า" ให้เป็นคนดี เป็นที่นับถือ ยำเกรง ทำอะไรคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ อย่าทำตัวให้เป็นที่ครหานินทา "ป๊อบมองเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับจัดผ้าห่มมาห่มให้เธออย่างดี" พิมเวลานี้คุณไม่ควรแคร์คนอื่นนะ คุณต้องห่วงสุขภาพตัวเองกับลูกในท้องก่อนการที่ผมมาดูแลคุณแล้วเป็นที่ครหา ผมว่าดีซะอีก คนอื่นจะได้รู้ว่าคุณท้องลูกของผมอยู่ "พิมจ้องหน้าป๊อบที่คิดวางแผนเพื่อปกป้องเธอไม่ให้ถูกคนอื่นกล่าวหาว่าท้องไม่มีพ่อแ