อย่าว่าแต่หลินรั่วเวยรับไม่ได้เลย แม้แต่แฟนคลับที่อยู่รอบ ๆ หลินรั่วเวยต่างก็ด่าทอฉู่เฉินอย่างรุนแรง “คนแซ่ฉู่ นายแม่งอย่าหาข้ออ้างเลย เห็นคุณหลินหน้าตาสวยเลยอยากฉวยโอกาสเอาเปรียบเธอชัด ๆ!” “ฉันก็เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแพทย์หลงจิง ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่ายังมีวิธีการรักษาแบบนี้ด้วย ฉันว่านายมันก็แค่คนลามกเท่านั้น!”“คุณหลิน คุณอย่าไปเชื่อเขาเด็ดขาด เขาก็แค่คนหลอกลวง!”ข่งลิ่งเจี๋ยที่อยู่ทางด้านข้างเอ่ยพลางยิ้มหยันว่า “ฉู่เฉิน ฉันว่านายแม่งต้องการผู้หญิงจนฟั่นเฟือนไปแล้วสินะ? ถ้าเกิดลูบคลำหน้าอกก็รักษาโรคมะเร็งเต้านมได้ งั้นยังต้องการโรงพยาบาลอีกทำไม!” “ใครแม่งนวดไม่เป็น?” แม้แต่กู้รั่วเสวี่ยก็มองฉู่เฉินด้วยสีหน้าประหลาดใจ แต่ถ้าบอกว่าฉู่เฉินพูดแบบนี้เพื่อเอาเปรียบ ตีให้ตายเธอก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดฉู่เฉินเป็นนักวิจัยพัฒนายาบำรุงปราณ อาศัยแค่สถานะนี้ ขอเพียงฉู่เฉินต้องการ เขากวักมือก็มีผู้หญิงมากมายจนดันออกไปไม่ไหวแต่ว่านวดหน้าอกก็สามารถรักษาโรคมะเร็งเต้านมให้หายได้จริงเหรอ? ฮว่าจิ่วหยางที่อยู่ทางด้านข้างก็มีขีดดำขึ้นเต็มศีรษะเขาทำงานด้านการแพทย์มานานกว่าห้าสิบปี นี่เป็น
หลินรั่วเวยได้ยินคำพูดนี้ก็ตกใจจนสะดุ้ง! “งะ...งั้นผู้อาวุโสมีวิธีไหมคะ?” ฮว่าจิ่วหยางส่ายหน้าด้วยความจนปัญญาแล้วพูดว่า “คุณหลิน บางทีคนที่สามารถช่วยชีวิตคุณได้ในตอนนี้ มีเพียง...มีเพียงคุณฉู่คนเดียวเท่านั้น”เมื่อคำพูดนี้ออกมา สายตาเกือบทั้งหมดในงานต่างจับจ้องไปบนตัวของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยชักแขนขาวเนียนดุจหิมะกลับมา เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบากแล้วมองไปทางฉู่เฉิน เธอยังคงลังเลอยู่ อย่างไรก็ตาม คำพูดของฮว่าจิ่วหยางกลับทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นผ่านไปสักพัก หลินรั่วเวยถึงค่อยลุกขึ้นมาด้วยใบหน้าซีดเผือดแล้วพูดว่า “ก็ได้ค่ะ งะ...งั้นฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง แต่ว่า...” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยพลันเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ถ้าเกิดคุณกล้าหลอกฉัน ที่ปรึกษาทางกฎหมายของฉันไม่ได้ไร้ความสามารถหรอกนะ!” ในฐานะที่เป็นเน็ตไอดอลระดับท็อป หลินรั่วเวยย่อมมีทีมกฎหมายอยู่ข้างกาย แค่ฟ้องร้องก็สามารถทำให้ฉู่เฉินหมดตัวได้!“ถ้าเกิดรักษาไม่หาย ผมให้คุณจัดการลงโทษได้ตามใจชอบเลย”ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มมั่นใจล้อเล่นน่า แค่โรคมะเร็งเต้านมเล็กน้อยจะนับเป็นอะไรได้ ถึงแม้วิชาที่มังกรเฒ่าถ่ายทอดไม่อ
ถึงแม้ตอนนี้ฉู่เฉินไม่มีความคิดอื่นจริง ๆ เขาแค่ต้องการรักษาหลินรั่วเวยให้หายดีเท่านั้น อย่างไรก็ตามในห้องโถงกว้างที่มีผู้คนมากมาย วิธีการรักษาเช่นนี้ไม่ค่อยเหมาะสมจริง ๆ เขาต้องคำนึงถึงชื่อเสียงและความรู้สึกของหลินรั่วเวยด้วยผู้อาวุโสฮว่าพยักหน้าเล็กน้อย เอามือชี้ไปยังประตูบานเล็กด้านหลังโซนพักผ่อนแล้วพลางพูดว่า “คุณฉู่ ทางนั้นมีห้องพักผ่อน ผมจะให้คนจัดห้องว่างให้คุณเดี๋ยวนี้ครับ”ฮว่าจิ่วหยางพูดจบก็รีบเดินเข้าไป เวลานี้ผู้คนที่มุงดูรอบ ๆ แทบอยากจะถลกหนังของฉู่เฉินทั้งเป็นแล้ว ถ้าอยู่ที่นี่พวกเขายังดูฉู่เฉินได้ ไม่ให้เขาฉวยโอกาสลวนลามหลินรั่วเวย แต่ถ้าไปที่ห้องกั้นเล็ก ๆ คนแซ่ฉู่คงไม่ได้ทำตามอำเภอใจหรอกเหรอ? ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเขาเลย ต่อให้เป็นพวกทายาทเศรษฐีที่มีสาวสวยรายล้อมก็ทนยั่วยวนอย่างรุนแรงขนาดนี้ไม่ไหวเช่นกันเมื่อเห็นผู้อาวุโสฮว่าไล่พวกคนในห้องพักผ่อนออกมาแล้วกวักมือเรียกฉู่เฉินกับหลินรั่วเวย แฟนคลับชายหนึ่งในนั้นก็ควบคุมอารมณ์ร้อนในใจไม่ไหวอีกต่อไป เขาก้าวออกมาขวางหน้าหลินรั่วเวยกับฉู่เฉินไว้แล้วพูดว่า “เพื่อนนักเรียนเสี่ยวหลิน คุณเชื่อเขาไม่ได้นะ!” “ชายโสด
หลินรั่วเวยส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว...” เวลานี้เธอเหมือนกับเข้าสู่โลกใบใหม่ เบื้องหน้ามีเพียงแสดงแดดอบอุ่น ราวกับว่าตัวเธอได้อาบแสงตะวันจนหมดไม่ถึงห้านาที หลินรั่วเวยอิงแอบกายฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว รู้สึกได้จากทางด้านหลังถึงแผงอกอันแข็งแกร่งและจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยก็เผลอหอบหายใจเบา ๆ ออกมาความรู้สึกที่ถูกพลังของเพศชายโอบล้อมปกป้องโดยสมบูรณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อนขณะที่ฉู่เฉินขยับมือ หลินรั่วเวยก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “มาเถอะ คุณนอนลงก่อน” ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพูดพลางชี้ไปยังเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นบนร่างหายไป หลินรั่วเวยเหมือนตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอถึงค่อยพบว่าตัวเองกำลังมองหน้าฉู่เฉินอยู่หลินรั่วเวยอายจนเอามือสองข้างปิดดวงหน้าเล็ก ๆ ทันที เธอโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ถึงค่อยเอนตัวนอนลงบนเตียง เชี่ยเอ๊ย! ท้องน้อยเกลี้ยงเกลาดั่งหยก และกล้ามหน้าท้องที่ชัดเจนนี้ เรือนร่างนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจริง ๆเมื่อกวาดตามองขอบลูกไม้สีดำที่โผล่ออกมาบนเอวของหลินรั่วเวย ฉู่เฉินก
ต่อให้ถูกฟ้องร้องก็ต้องทำลายเรื่องดี ๆ ของฉู่เฉินให้ได้ ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงซะ!หมอประวัติไม่ดีที่ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าโดยอ้างว่ารักษาคนไข้ ต่อให้ฮว่าจิ่วหยางยอมรับเขาแล้วเป็นอย่างไร?เกรงว่าแม้แต่ทีมผู้กำกับก็ไม่สามารถปิดปากผู้คนได้หรอกใช่ไหม?ต่อให้มีแรงกดดันจากฝ่ายต่าง ๆ แต่ในฐานะที่หลินรั่วเวยเป็นผู้เกี่ยวข้องก็ทำได้เพียงลุกออกมาชี้แจงว่าฉู่เฉินเป็นคนบังคับขืนใจเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้ พอถึงเวลานั้น...หึ ๆ!ข่งลิ่งเจี๋ยถูกความคิดอันบ้าคลั่งในใจตัวเองนี้ทำให้ดีจนสติหลุดแล้วเขาไม่รอให้ผู้คนตอบก็เตะใส่ประตูห้อง!“ปัง!”ชั่วพริบตาที่ประตูห้องถูกเตะแรง ๆ จนเปิดออก สายตาเกือบทุกคนต่างจ้องมองไปยังทั้งสองคนในห้องโดยพร้อมเพรียงกัน!แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนกลับทำให้ข่งลิ่งเจี๋ยตะลึงงันโดนสิ้นเชิง!มองเห็นเพียงหลินรั่วเวยที่แต่งกายเรียบร้อย ส่วนฉู่เฉินกำลังเอานิ้วมือสองข้างที่ทำเป็นรูปกระบี่เปิดเส้นลมปราณให้หลินรั่วเวย เมื่อประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ฉู่เฉินกับหลินรั่วเวยที่กำลังผ่อนคลายเพลิดเพลินก็มองไปทางหน้าประตูแทบจะพร้อมกัน“เกิดอะไรขึ้น!” ดวงหน้างดงามของหล
เวรเอ๊ย!นั่นเป็นนางฟ้าในใจของพวกเขานะ! โดนฉู่เฉินทำลายแบบนี้!ในขณะที่ทุกคนปวดร้าวปานจะขาดใจ หลินรั่วเวยกลับเงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูกว่า “หมอเทวดาฉู่คะ ถ้าเกิดฉันรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก ฉันโทรศัพท์ไปหาคุณให้มารักษาที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”“งั้นถ้าเกิดฉันอยากกินยาอีก ฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?”พอพูดถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเขินอาย “ได้สิ” กิน?! หัวใจของทุกคนในที่แห่งนี้แทบจะระเบิดหมดแล้ว!แค่คำว่า “กิน” คำเดียว แต่...ครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย ข่งลิ่งเจี๋ยเซ่อซ่าไปแล้ว ขนาดฮว่าจิ่วหยางก็ยังแขนสั่นเล็กน้อย “คุณหลิน โรคของคุณ...”หลินรั่วเวยยิ้มพลางเอ่ยกับฮว่าจิ่วหยางว่า “ผู้อาวุโสฮว่า ฉันรู้สึกว่าอาการป่วยของฉันหายดีแล้ว รบกวนคุณช่วยยืนยันอีกทีด้วยค่ะ” เธอพูดจบก็ควงแขนของฉู่เฉินเดินมาที่โต๊ะแพทย์ การกระทำเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตาของข่งลิ่งเจี๋ย ทำให้เขาโกรธจนปอดแทบจะระเบิดแล้ว!ก่อนที่เขาจะเตะประตู ฉู่เฉินอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาเตะประตูแล้ว ฉู่เฉินแม่งเหมือนกับทำทุกอย่างที่เขาควรทำแ
เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
เหตุการณ์ในช่องไลฟ์สดเมื่อครั้งก่อนเพิ่งจะสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกระแสสังคมผลักขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?พอวางโทรศัพท์มือถือลง หลิ่วชิงเหอก็ไม่อาจสงบใจได้อีกเช่นกัน หรือว่าฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนั้นจริง ๆ? “ฮึ สวะอย่างฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้ยังไง จะต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินแน่ ๆ!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นเป้าหมายของอีกฝ่ายจะต้องอยากยืมมือของฉู่เฉินมากดดันฉู่ซื่อกรุ๊ปกับแม่ลูกตระกูลหลิ่วอย่างแน่นอน ต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ! แต่หลิ่วชิงเหอกลับเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินเหรอ? เป็นไปไม่ได้...” อันที่จริงในใจของเธอก็มีความมึนงงเช่นกัน ถึงแม้ฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรักษาแม้แต่โรคมะเร็งได้ง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?แต่ถ้าจะบอกว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินเป็นของปลอม นี่ก็ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ฉู่เฉินรักษาจนหายคนนั้นเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้เลยนะ
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ