หลิ่วชิงเหอมองหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หรูเยียน แม่เคยบอกลูกตั้งนานแล้วว่าฉู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ถ้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานอย่างฉู่เฉิน ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีอะไรแตกต่างกันคะ เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกยัยแก่โจวเทียนเฟิ่งนั่นเลี้ยงดูอยู่จริง ๆ ก็ได้”“ฮึ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแค่โจวเทียนเฟิ่งคนเดียวจะปิดบังความจริงไว้ได้อีก?”“หนูอยากดูว่าพอถึงการแข่งขันระดับเมืองแล้ว ฉู่เฉินไม่มีนักแสดงช่วยหนุน เขายังจะรักษาภาพลักษณ์หมอเทวดาของเขาได้ยังไง!”ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลิ่วหรูเยียนพลันดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สวะอย่างข่งลิ่งเจี๋ย หลิ่วหรูเยียนก็โกรธจัด เธอปฏิเสธสายแล้วบล็อกข่งลิ่งเจี๋ยทันที“สวะ! สวะถึงขนาดที่เทียบกับไอ้สวะฉู่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ตะโกนอย่างบึ้งตึง หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งขึ้นชั้นสองด้วยความฉุนเฉียว เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงแค่นี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนให้ฉู่เฉินรู้สำนึกบ้าง!..... อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินพากู้รั่วเสวี่ยกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นก
ฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน” พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี นายยังเป็นคนสบาย ๆ เหมือนเดิมเลยนะ”สบาย ๆ?ทำไมฉู่เฉินจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นคนสบาย ๆ มากอันที่จริงนั่นเป็นเพียงการทำดีกับน้องสาวคนสวยไม่กี่คนในชั้นเรียนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แต่ฉู่เฉินขี้เกียจจะอธิบายเรื่องพวกนี้เช่นกัน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยให้เซี่ยฉีฉี“จริงสิ เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงรุ่นเล็ก ๆ ของเพื่อนสมัยม.ปลายของพวกเรา ถึงยังไงนายก็ไม่มีธุระอะไร ไม่สู้ไปเจอหน้าทุกคนด้วยกันดีกว่า ถึงยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนเก่าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะยังได้เกี่ยวข้องกันบ้าง” เซี่ยฉีฉีขับรถพลางเอ่ยแนะนำเรื่องของตระกูลฉู่ เธอเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ยินว่าหลังจากที่คุณพ่อฉู่คุณแม่ฉู่เกิดอุบัติเหตุ ฉู่เฉินก็โดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปบวกกับฉู่เฉินแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแม้แต่รถสำหรับใช้เดินทาง เซี่ยฉีฉีก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็มีจำกัด เธอถึงได้ค
“คุณชายฉู่? ยังมีคุณชายฉู่อะไรอีก เรียกว่าขอทานยังใกล้เคียงมากกว่า” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมองฉู่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าดูแคลน เขาชื่อหลี่เฟิง ตอนสมัยเรียนก็เป็นลูกน้องของหลูฉีเหว่ย ผู้ชายทางด้านข้างที่ชื่อสวีเจี้ยนก็พูดหยอกล้อตามว่า “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉันได้ยินว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน คุณชายฉู่เหมือนจะโดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนี่นา?” “ขนาดคฤหาสน์หลังนั้น ตอนนี้ก็โดนยึดไปแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ทางด้านข้างต่างก็ทำหน้าดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหลือบมองฉู่เฉินแวบหนึ่งก็พากันหันหน้าไปทางอื่น เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางหลี่เฟิงกับสวีเจี้ยนแล้วพูดว่า “หลี่เฟิง สวีเจี้ยน พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง! ถึงยังไงฉู่เฉินก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเรา พวกนายไปซ้ำเติมเขาได้ยังไง!”ทั้งสองคนที่โดนเซี่ยฉีฉีถามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพากันมองไปทางหลูฉีเหว่ยเห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็นพระเอกของวันนี้ หลูฉีเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา หรี่ตามองฉู่เฉินโดยไม่พูดไม่จา “ช่างเถอะ ฉีฉี ไม่เป็นไรหรอก” ฉู่เฉินตบบ่าเซี่ยฉีฉีเบา
ทั่วทั้งห้องหรือแม้แต่เซี่ยฉีฉีก็ยกแก้วเหล้าลุกขึ้นมาดื่มคารวะให้เขา มีเพียงฉู่เฉินคนเดียวที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในมุมห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉู่เฉิน นายทำอะไรน่ะ? ยังไม่รีบดื่มคารวะให้พี่เหว่ยอีก!” “ใช่แล้ว ถ้าเกิดพี่เหว่ยอารมณ์ดี บางทีอาจจะหางานในบริษัทที่บ้านพวกเขาให้นายทำก็ได้นะ” ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดกันเซ็งแซ่ พากันตำหนิฉู่เฉินว่าไม่รู้จักกาลเทศะเกินไปแล้ว “ขอโทษทีนะ ฉันไม่ดื่มเหล้าคุณภาพต่ำ” ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเฉยชาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ฉู่เฉินพูดออกมา ทั่วทั้งห้องส่วนตัวก็เงียบกริบอย่างน่าประหลาด บรรยากาศเย็นลงในชั่วพริบตา! “หัวหน้าห้อง ฉันคิดว่าฉู่เฉินเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นแน่ ๆ เขาแค่...”เซี่ยฉีฉีกำลังอยากอธิบายแทนฉู่เฉิน หลูฉีเหว่ยกลับยิ้มหยันพลางวางแก้วเหล้าลงแล้วพูดตัดบทว่า “ฉีฉี นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมว่าคุณชายฉู่ของพวกเรายังนึกว่าตัวเองเป็นคุณชายของฉู่ซื่อกรุ๊ปอยู่สินะ”“ดูท่าวันนี้ต้องสั่งสอนบทเรียนทางสังคมให้คุณชายฉู่ดี ๆ หน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเอาแต่ไม่เข้าใจสถานะของตัวเองแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใ
“ไอ้ขี้ขลาด!” หลูฉีเหว่ยกลอกตาใส่ฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนแล้วพูดพลางยิ้มหยันว่า “ถ้าเกิดผู้หญิงคนไหนอยู่กับนาย คงโชคร้ายไปแปดชาติจริง ๆ” พวกหลี่เฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็พากันพูดเยาะเย้ยว่า “คุณชายฉู่ ต่อให้ไม่มีตระกูลฉู่เป็นแบ็คใหญ่ นายก็ไม่เห็นต้องขี้ขลาดแบบนี้เลยนะ?”“นั่นสิ เห็นแฟนตัวเองถูกคนรังแกแต่ไม่กล้าลงมือ นี่ยังถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?”“เฮ้อ ฉีฉี ฉันว่าเธออยู่ห่าง ๆ คนอย่างฉู่เฉินหน่อยดีกว่า คนแบบเขาพึ่งพาไม่ได้หรอก ถ้าเกิดวันไหนเธอถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าเขา คาดว่าเขาคงไม่กล้าเข้าไปห้ามหรอก”ทุกคนพากันพูดขึ้นมา เซี่ยฉีฉีฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหูอย่างแรง! เธอเชื่อว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนแบบที่พวกเขาพูด นอกจากนี้เธอก็เชื่อการตัดสินใจของฉู่เฉินเช่นกัน สถานเริงรมย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันเช่นนี้ ระวังตัวหน่อยย่อมใช่เรื่องผิด“พวกนายพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ฉู่เฉินก็แค่หวังดี ฉันว่าเชื่อฉู่เฉินดีกว่านะ พวกเราเปลี่ยนที่เล่นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วกล่าว “ฮ่า ๆ ฉีฉี เธอวางใจได้เลย มีพี่เหว่ยอยู่ พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามหรอก จริงไหม พี่เหว่ย?” หลี่เ
แค่สายตาก็ทำให้พวกหลี่เฟิงตกใจกลัวจนรีบก้มหน้า ไม่กล้าสบตา แล้วเถียนลู่ลู่ควงแขนของหลูฉีเหว่ยแล้วเอ่ยปากพูดอย่างดูแคลนว่า “แฟนฉันเป็นคนต่อยเอง ทำไมคะ คุณยังกล้าหาเรื่องลูกศิษย์ของปรมาจารย์โจวอีกเหรอ?” หลูฉีเหว่ยได้ยินคำกล่าวก็ยืดเอวขึ้นนั่งตัวตรงบนโซฟา ทำหน้ายิ้มหยันพลางสบตากับเจิ้งหู่ “ปรมาจารย์?” เจิ้งหู่หัวเราะหยันทีหนึ่ง ก่อนจะปรบมือเบา ๆ สองครั้งไปทางหน้าประตู ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกกังฟูไว้ทรงผมเกรียนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว แค่ออร่าบนตัวคนผู้นี้ก็กดดันหลูฉีเหว่ยจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ซี้ด!หลูฉีเหว่ยอดใจกระตุกไม่ได้ ความรู้สึกกดดันสุดขีดเช่นนี้ เขาเคยสัมผัสได้จากตัวปรมาจารย์โจวเท่านั้นหรือพูดอีกอย่างก็คือ ข้างกายเจิ้งหู่ก็มีปรมาจารย์ด้วยเหมือนกัน?ชั่วพริบตานั้น เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาตามแก้มของหลูฉีเหว่ย เจิ้งหู่หรี่ตา เดินมาอยู่เบื้องหน้าหลูฉีเหว่ย ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าหลูฉีเหว่ยไปหนึ่งฉาด “เพียะ!”เสียงดังฟังชัดลั่นไปทั่วห้องส่วนตัว! “ลูกศิษย์ของปรมาจารย์เจ๋งมากเลยหรือไง? กล้าทำร้ายญาติผู้น้องของฉัน ฉันว่าแกแม่งรนหาที่ตายแล้ว!” สิ้นเสียงพูด เจิ้ง
หืม?เจิ้งหู่อึ้งไปแล้ว! ไม่เพียงแต่เขาที่ตกตะลึง แม้แต่พวกหลูฉีเหว่ยกับหลี่เฟิงต่างก็อึ้งเซ่อซ่าไปโดยสิ้นเชิง นี่ฉู่เฉินกำลังรนหาที่ตายเลยนะ!ขนาดหลูฉีเหว่ยที่เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ก็ไม่กล้าพูดคำว่าไม่กับเจิ้งหู่สักครึ่งคำ ไอ้สวะขี้ขลาดอย่างฉู่เฉินแม่งทำตัวอวดดีในตอนนี้เนี่ยนะ! ปล่อยให้เจิ้งหู่พาเซี่ยฉีฉีไปมีความสุขหน่อยจะเป็นอะไรไป?“ฉู่เฉิน ฉันขอเตือนนายว่าทางที่ดีแม่งอย่าไปยุ่งจะดีกว่า!” ใบหน้าของหลูฉีเหว่ยบิดเบี้ยวแล้ว เวลานี้เอง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของเถียนลู่ลู่ดังมาจากในห้องส่วนตัวข้าง ๆ หลูฉีเหว่ยก็โกรธจนถึงขีดสุดแล้ว! อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าระบายโทสะกับเจิ้งหู่ ทำได้เพียงเอาฉู่เฉินมาเป็นที่ระบายอารมณ์ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอานิ้วชี้ไปทางห้องส่วนตัวข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ผู้หญิงของนายกำลังถูกคนย่ำยีจนตาย ความกล้าของนายล่ะ?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา โทสะที่หลูฉีเหว่ยสะกดกลั้นไว้ในใจก็ลุกโชนขึ้นมาโดยสมบูรณ์! แต่เขากำลังคิดจะลุกขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ที่อยู่ด้านหลังเจิ้งหู่แค่ใช้สายตาเย็นชาก็ทำให้โทสะทั้งหมดของเข
เชี่ย!พอเห็นฉากนี้ ผู้หญิงเกือบทุกคนต่างอิจฉาเซี่ยฉีฉีจะตายอยู่แล้วฉู่เฉินแม่งโคตรหล่อเลยจริง ๆ ท่าทางสง่างามที่ดูเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใครนั้นราวกับเป็นร่างสถิตของราชาจอมโอ้อวดเลยการได้มีแฟนแบบฉู่เฉินคงเป็นความฝันที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มแต่พวกหลูฉีเหว่ยกับหลี่เฟิงกลับตกใจจนหน้าซีดเผือด! ที่แท้ฉู่เฉินแสร้งทำตัวเป็นหมูหลอกกินเสือมาโดยตลอด ล่วงเกินปรมาจารย์ย่อมต้องตายแน่นอน แต่พวกเขากลับล่วงเกินมหาปรมาจารย์ยุทธ์ แค่คิดถึงผลที่ตามมาอันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ นานา ไม่ต้องรอให้ฉู่เฉินมาหาพวกเขา พวกหลูฉีเหว่ยก็ฉี่ราดกางเกงแล้วเวลาผ่านไปพักใหญ่ เจิ้งหู่ถึงค่อยฝืนลุกขึ้นมาจากพื้นภายใต้การประคองของลูกน้องสองคนสมแล้วที่เป็นคนเหี้ยมโหดรองจากมังกรหาญหงส์สวรรค์ ขนาดกระดูกขาสีขาวซีดแทงทะลุกางเกงโผล่ออกมาข้างนอก เจิ้งหู่ก็ไม่ได้ร้องออกมาเป็นครั้งที่สอง“ไอ้หนู ถ้าแน่จริงก็อย่าไป กล้าหักขาซ้ายของฉัน วันนี้ฉันจะให้แกชดใช้ด้วยชีวิต!”เจิ้งหู่แทบจะเค้นคำพูดออกมาจากไรฟัน “อาศัยแกเหรอ? หรือว่าอาศัยเขาล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มมองเจิ้งหู่กับปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายเขาเหมือนมองคนเขลาก็ไม่ปาน “ท่า
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน