แค่สายตาก็ทำให้พวกหลี่เฟิงตกใจกลัวจนรีบก้มหน้า ไม่กล้าสบตา แล้วเถียนลู่ลู่ควงแขนของหลูฉีเหว่ยแล้วเอ่ยปากพูดอย่างดูแคลนว่า “แฟนฉันเป็นคนต่อยเอง ทำไมคะ คุณยังกล้าหาเรื่องลูกศิษย์ของปรมาจารย์โจวอีกเหรอ?” หลูฉีเหว่ยได้ยินคำกล่าวก็ยืดเอวขึ้นนั่งตัวตรงบนโซฟา ทำหน้ายิ้มหยันพลางสบตากับเจิ้งหู่ “ปรมาจารย์?” เจิ้งหู่หัวเราะหยันทีหนึ่ง ก่อนจะปรบมือเบา ๆ สองครั้งไปทางหน้าประตู ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกกังฟูไว้ทรงผมเกรียนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว แค่ออร่าบนตัวคนผู้นี้ก็กดดันหลูฉีเหว่ยจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ซี้ด!หลูฉีเหว่ยอดใจกระตุกไม่ได้ ความรู้สึกกดดันสุดขีดเช่นนี้ เขาเคยสัมผัสได้จากตัวปรมาจารย์โจวเท่านั้นหรือพูดอีกอย่างก็คือ ข้างกายเจิ้งหู่ก็มีปรมาจารย์ด้วยเหมือนกัน?ชั่วพริบตานั้น เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาตามแก้มของหลูฉีเหว่ย เจิ้งหู่หรี่ตา เดินมาอยู่เบื้องหน้าหลูฉีเหว่ย ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าหลูฉีเหว่ยไปหนึ่งฉาด “เพียะ!”เสียงดังฟังชัดลั่นไปทั่วห้องส่วนตัว! “ลูกศิษย์ของปรมาจารย์เจ๋งมากเลยหรือไง? กล้าทำร้ายญาติผู้น้องของฉัน ฉันว่าแกแม่งรนหาที่ตายแล้ว!” สิ้นเสียงพูด เจิ้ง
หืม?เจิ้งหู่อึ้งไปแล้ว! ไม่เพียงแต่เขาที่ตกตะลึง แม้แต่พวกหลูฉีเหว่ยกับหลี่เฟิงต่างก็อึ้งเซ่อซ่าไปโดยสิ้นเชิง นี่ฉู่เฉินกำลังรนหาที่ตายเลยนะ!ขนาดหลูฉีเหว่ยที่เป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ก็ไม่กล้าพูดคำว่าไม่กับเจิ้งหู่สักครึ่งคำ ไอ้สวะขี้ขลาดอย่างฉู่เฉินแม่งทำตัวอวดดีในตอนนี้เนี่ยนะ! ปล่อยให้เจิ้งหู่พาเซี่ยฉีฉีไปมีความสุขหน่อยจะเป็นอะไรไป?“ฉู่เฉิน ฉันขอเตือนนายว่าทางที่ดีแม่งอย่าไปยุ่งจะดีกว่า!” ใบหน้าของหลูฉีเหว่ยบิดเบี้ยวแล้ว เวลานี้เอง เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องและเสียงอ้อนวอนขอความช่วยเหลือของเถียนลู่ลู่ดังมาจากในห้องส่วนตัวข้าง ๆ หลูฉีเหว่ยก็โกรธจนถึงขีดสุดแล้ว! อย่างไรก็ตาม เขาไม่กล้าระบายโทสะกับเจิ้งหู่ ทำได้เพียงเอาฉู่เฉินมาเป็นที่ระบายอารมณ์ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ทีหนึ่ง ก่อนจะเอานิ้วชี้ไปทางห้องส่วนตัวข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ผู้หญิงของนายกำลังถูกคนย่ำยีจนตาย ความกล้าของนายล่ะ?”เมื่อคำพูดนี้ออกมา โทสะที่หลูฉีเหว่ยสะกดกลั้นไว้ในใจก็ลุกโชนขึ้นมาโดยสมบูรณ์! แต่เขากำลังคิดจะลุกขึ้นมา ผู้แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ที่อยู่ด้านหลังเจิ้งหู่แค่ใช้สายตาเย็นชาก็ทำให้โทสะทั้งหมดของเข
เชี่ย!พอเห็นฉากนี้ ผู้หญิงเกือบทุกคนต่างอิจฉาเซี่ยฉีฉีจะตายอยู่แล้วฉู่เฉินแม่งโคตรหล่อเลยจริง ๆ ท่าทางสง่างามที่ดูเย่อหยิ่งไม่เห็นหัวใครนั้นราวกับเป็นร่างสถิตของราชาจอมโอ้อวดเลยการได้มีแฟนแบบฉู่เฉินคงเป็นความฝันที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้มแต่พวกหลูฉีเหว่ยกับหลี่เฟิงกลับตกใจจนหน้าซีดเผือด! ที่แท้ฉู่เฉินแสร้งทำตัวเป็นหมูหลอกกินเสือมาโดยตลอด ล่วงเกินปรมาจารย์ย่อมต้องตายแน่นอน แต่พวกเขากลับล่วงเกินมหาปรมาจารย์ยุทธ์ แค่คิดถึงผลที่ตามมาอันน่าสะพรึงกลัวต่าง ๆ นานา ไม่ต้องรอให้ฉู่เฉินมาหาพวกเขา พวกหลูฉีเหว่ยก็ฉี่ราดกางเกงแล้วเวลาผ่านไปพักใหญ่ เจิ้งหู่ถึงค่อยฝืนลุกขึ้นมาจากพื้นภายใต้การประคองของลูกน้องสองคนสมแล้วที่เป็นคนเหี้ยมโหดรองจากมังกรหาญหงส์สวรรค์ ขนาดกระดูกขาสีขาวซีดแทงทะลุกางเกงโผล่ออกมาข้างนอก เจิ้งหู่ก็ไม่ได้ร้องออกมาเป็นครั้งที่สอง“ไอ้หนู ถ้าแน่จริงก็อย่าไป กล้าหักขาซ้ายของฉัน วันนี้ฉันจะให้แกชดใช้ด้วยชีวิต!”เจิ้งหู่แทบจะเค้นคำพูดออกมาจากไรฟัน “อาศัยแกเหรอ? หรือว่าอาศัยเขาล่ะ?”ฉู่เฉินยิ้มมองเจิ้งหู่กับปรมาจารย์ที่อยู่ข้างกายเขาเหมือนมองคนเขลาก็ไม่ปาน “ท่า
“ท่านหลง!”ปรมาจารย์วัยกลางคนรีบพยุงเจิ้งหู่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ามาใกล้ ๆ จางหลง เมื่อมองจางหลงที่ทำหน้าขรึมราวกับน้ำ เจิ้งหู่ก็ปาดเหงื่อเย็น ๆ บนใบหน้า เขากำลังคิดอยู่ว่าจะแจ้งข่าวให้ท่านหลงอย่างไรดี แต่ไม่คิดว่าท่านหลงจะมาเองนี่ทำให้เขาดีใจอย่างเหนือความคาดหมาย จางหลงขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบปกป้องคนใกล้ชิดในวงการใต้ดินของเจียงจงเจิ้งหู่ติดตามจางหลงมาสิบกว่าปี เขาโดนหักขา จางหลงย่อมไม่มีทางปล่อยฉู่เฉินให้มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองเอ็นเตอร์เทนเมนต์ตี้ตูอย่างแน่นอน นอกจากนี้เจิ้งหู่คลุกคลีอยู่ในวงการใต้ดินมาหลายปีขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความสูญเสียใหญ่หลวงขนาดนี้ในเงื้อมมือของคนรุ่นเยาว์ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไป เขายังจะอยู่ในวงการใต้ดินของเจียงจงได้อีกอย่างไร?เมื่อสังเกตเห็นชายวัยกลางคนที่ถือกระบี่ยาวตามหลังจางหลง เจิ้งหู่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเป็นมหาปรมาจารย์ยุทธ์เชียวนะ มองไปทั่วทั้งเจียงจงก็หาคนที่สองไม่ได้ เพียงแต่ว่าสถานะของคนผู้นี้ซับซ้อนนิดหน่อย ดังนั้นจางหลงถึงให้เขาลงมือน้อยมาก แต่ว่าขอเพียงคนผู้นี้ลงมือก็ไม่มีทางรอดชีวิตไป
ทั้งหมดที่เขามีล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท่านหลงมอบให้ทั้งนั้นแต่ตอนนี้เขากลับทำให้จางหลงซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่ต้องปฏิบัติด้วยความเคารพไม่พอใจ อย่างนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่คือหนทางแห่งความตายใช่หรือไม่?“ท่านหลง... ฟังผมก่อนนะครับ เรื่องนี้มันเป็นเจ้าอาคุนนั่น...”เจิ้งหู่ร้อนรน เขาเล่าอย่างสั้นๆ ถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งเดียวจางหลงมองไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จ้องอย่างเยือกเย็นไปที่เจิ้งหู่ “แหกตาหมาๆ ของแกดูให้ดี คุณฉู่ผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของฉันจางหลง!”“ฉันไม่ได้บอกไปเพียงครั้งเดียว ใครไม่เคารพคุณฉู่แสดงว่าไม่เห็นหัวฉันจางหลง!”ซี้ดๆ !เจิ้งหู่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ตอนกลางวัน จางหลงได้ส่งข้อความพร้อมกับรูปภาพมาในกลุ่มจริงๆเพียงแต่ว่าตอนนั้นเจิ้งหู่เพิ่งดื่มกับเหล่าลูกน้อง เขาไม่ได้ดูอย่างละเอียดด้วยซ้ำแย่แล้วล่ะ!เจิ้งหู่ต้องทนกับความเจ็บปวด คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตึง ก้มหัวแล้วพูดซ้ำๆ ว่า “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับที่ตาของผมหามีแววไม่ บังอาจไปปะทะกับคุณฉู่ คุณฉู่ลงโทษผมเถอะครับ”เจิ้งหู่ในตอนนี้ยอมจำนนเป็นอย่างมาก เขาไม่แม้แต่จะกล้าร้องขอชีวิตเขา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถโคโรล่าสีชมพูก็ค่อยๆ จอดตรงหน้าประตูบ้านใหญ่ เซี่ยฉีฉีรวบรวมความกล้าของเธอ ค่อยๆ หอมไปที่แก้มของฉู่เฉินเบาๆ ราวกับแมลงปอที่บินมาเกาะตรงหน้าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่ค่อยๆ ประทับลงมาบนหน้าของเขาเบาๆ เขาหันไปมองเซี่ยฉีฉีอย่างอดไม่ได้“ขอบคุณนะที่วันนี้นายช่วยฉันไว้”ใบหน้าของเซี่ยฉีฉีแดงก่ำ นำศีรษะของเธอมุดเข้าไปที่หน้าอกของเขา ไม่แม้แต่จะกล้ามองฉู่เฉิน“มันสมควรอยู่แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนไงครับ”ฉู่เฉินยื่นมือลูบไปที่หน้าผากของเซี่ยฉีฉี แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เดินไปทางบ้านใหญ่ตระกูลฉู่จนกระทั่งฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้ว หัวใจดวงน้อยๆ ของเซี่ยฉีฉีก็ยังเต้นไม่หยุดพูดจริงๆ เลยนะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใจเต้นกับผู้ชาย อีกทั้งจูบเมื่อกี้นับว่าเป็นจูบครั้งแรกของเธออีกด้วยภายในหัวของเธอยังจินตนาการว่าฉู่เฉินจะให้กอดเธอหรือทำอะไรอย่างอื่นไหมแต่ผ่านไปได้สักพักแล้ว ก็ไม่เห็นท่าทีว่าฉู่เฉินจะทำอะไร เซี่ยฉีฉีถึงพบว่าฉู่เฉินได้เดินจากไปไกลตั้งนานแล้ว“ฉู่เฉิน...”ฉู่เฉินได้ยินเสียงตะโกนร้องของเซี่ยฉีฉี ก็หันกลับมายิ้มพร้อมกับโบกมือให้เซี่ยฉีฉีเซี่ยฉีฉีสูดหายใจล
แต่เมื่อดูได้แค่แป๊บเดียว สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราดเธอเห็นแต่วิดีโอที่วันนั้นฉู่เฉินรักษาโรคร้ายแรงของเน็ตไอดอลสาวเสี่ยวหลินต่อหน้าสาธารณชน โดยที่คอมเมนต์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวิดีโอแต่ประเด็นกลับเอาแต่พูดถึงฉู่เฉินและหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกโดยเฉพาะประโยคที่ฉู่เฉินพูดในช่องไลฟ์สดวันนั้น ผมมั่วกับใครก็คงต้องให้หลิ่วหรูเยียนไปถามแม่ของเธอแล้วล่ะครับยิ่งทำให้ชาวเน็ตคิดกันไปต่างๆ นานากระทั่งที่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูก“ทำไมเป็นแบบนี้!”หลิ่วชิงเหอร้อนรนไปหมดเรื่องไลฟ์สดตอนนั้นผ่านไปก็เกือบสี่ห้าวันแล้ว ทำไมยังมีคนไม่ยอมปล่อยผ่านไปอีกนะ?อีกทั้งที่สำคัญก็คือคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูกว่าระหว่างเธอและฉู่เฉินมีความเป็นไปได้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เธอถูกฉู่เฉินบังคับและข่มขู่นะหากฉู่เฉินไม่บังคับให้เธอยอมจำนน เธอจะยอมให้ไอ้สัตว์เดรัจฉานแบบฉู่เฉินฉวยโอกาสเธอได้อย่างไร“พึ่บ!”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมากะทันหัน ไม่สนใจหยดน้ำที่ไหลตามร่างกาย สวมใส่รองเท้าแตะแล้วรีบออกไปจากห้องอาบน้ำ“ฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่สามา
ประโยคนั้นของหลิ่วชิงเหอจบลง แววตาประหลาดใจของป้าอู๋ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “คุณผู้หญิง ฉัน... ฉันเป็นแค่คนรับใช้ทั่วไปนะคะ”เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลิ่วชิงเหอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “สมาคมจันทราโลหิต!”ซี้ดๆ !ป้าอู๋ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที“ยังต้องให้ฉันพูดอะไรอีกไหม?”หลิ่วชิงเหอเอามือกอดอกไว้ กอดลูกกลมอวบอ้วนสองลูกบนหน้าอกของเธอ ดูเหมือนตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แล้วเดินไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ป้าอู๋ แกเป็นนักฆ่าระดับบีของสมาคมจันทราโลหิตใช่ไหม?”“ชื่อเดิมของแกไม่ได้ชื่ออู๋ซุ่ยเหลียน แต่เป็นอู๋อวิ๋นเซียง!”“ที่ฉันพูดน่าจะไม่ผิดใช่ไหม?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของป้าอู๋ซีดกว่าเดิมหลายเท่าสมาคมจันทราโลหิตเป็นสมาคมนักฆ่าที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ภายในมีนักฆ่ากี่คนไม่มีใครรู้แต่ในสมาคมจันทราโลหิต นักฆ่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้หญิง!ขอเพียงแค่มีรายชื่อในลิสต์สังหาร ก็แทบจะไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากความตายได้สมัยที่ป้าอู๋ยังอายุน้อย เธอเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมาคมจันทราโลหิตเพียงแต่ว่าตั้งแต่เธอติดตามสองแม่ลูกตระกูลหลิ่ว ก็
ฉู่เฉินจะไปมีคอนเนคชั่นคนใหญ่คนโตขนาดนี้ได้ยังไง?“ผู้นำหลู สำนักงานพาณิชย์ของพวกเราก็ปฏิบัติตามกฎเช่นกันนะ อีกทั้งคุณชายฉีก็ถือครองหุ้นฉู่ซื่อกรุ๊ปถึงหกส่วน ดังนั้นพวกเราจึง…”ในช่วงระหว่างที่หลิวจื้อซินพยายามพูดพลิกลิ้น เซียวเสวี่ยอิ๋งก็เอามือไพล่หลังก้าวเข้ามาตูม!ลำพังเพียงกลิ่นอายเฉพาะตัวของทหารก็ทำให้หลิวจื้อซินตกใจจนกลืนคำพูดหลังจากนั้นจนหมดสิ้น“ตอนนี้ฉันมีเหตุผลที่จะสงสัยในตัวพวกคุณว่ากำลังร่วมมือบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างกองทัพกับฉู่ซื่อกรุ๊ป และคุกคามความมั่นคงของชาติ”กล่าวเสร็จเซียวเสวี่ยอิ๋งเอาเอกสารตบโต๊ะอย่างแรงจนเกิดเสียงดังเมื่อเห็นคำว่าลับที่สุดบนซองเอกสารที่มีตราประทับสีแดงของผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทหารรักษาการณ์เมืองเจียงจงแล้ว ไม่เพียงแค่ฉีเฮ่อเซวียนคนเดียวที่ตะลึงสุดขีด แม้แต่หลิวจื้อซินก็อ่อนแรงฟุบลงไปกองที่พื้นเขาถูกใส่ความถ้ารู้ว่าฉู่ซื่อกรุ๊ปยังมีความสัมพันธ์ในการร่วมงานกับทางกองทัพ ให้ความกล้าเขามาใช้มากแค่ไหนเขาก็ไม่กล้าทำถึงขนาดนี้หรอก“ท่าน...ท่านผู้นำ พวกเรา…พวกเราถูกใส่”ฟางเหว่ยและผู้ถือหุ้นทั้งหมดต่างตกใจจนคุกเข่าวิงวอนบนพื้นการข
บรรดาผู้ถือหุ้นที่เมื่อกี้ยังดูเหตุการณ์อยู่ก็คาดเดาล่วงหน้าได้ว่าหลิ่วหรูเยียนและฉู่เฉินจะถึงทางตันแน่ในเวลานี้แต่ละคนต่างออกหน้ามาทีละคนโดยมีฟางเหว่ยเป็นผู้นำหลัก“ท่านผู้นำหญิง ก็คือไอ้คนแซ่ฉู่ไม่เพียงทำร้ายต้วนเคอจนสลบ แถมยังทำร้ายผู้อำนวยการหลิวจนบาดเจ็บสาหัส ไอ้เด็กเวรนี่สมควรจะถูกยิงตายคาที่”“ใช่แล้ว ผมก็เห็นเหมือนกัน ต้วนเคอเขาก็แค่ให้นังเลวหลิ่วหรูเยียนเซ็นชื่อ ใครจะไปรู้ว่า ฉู่เฉินไม่พูดอะไรก็ลงมือทำร้ายคนทันที”“ใช่ครับ ไม่เห็นกฎหมายบ้านเมืองอยู่ในสายตาบ้างเลย คนแบบนี้ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ”ผู้ถือหุ้นที่ก่อนหน้าที่ยังอยู่ฝั่งฉู่เฉินต่างทยอยกล่าวโทษฉู่เฉินขึ้นมาในเวลานี้หลิ่วหรูเยียนรู้สึกสิ้นหวังทันทีเมื่อได้ยินเสียงกล่าวโทษของผู้คนรอบข้างถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าตระกูลฉีเรียกคนจากฝ่ายทหารมา เธอจะต่อต้านไปทำไม?“ฉู่เฉิน นายไม่รู้หรือว่านายทำลายพวกเราสองแม่ลูก!”ในขณะพูดหลิ่วหรูเยียนน้ำตาไหลพรั่งพรูออกมาราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสร้อยเสียแรงที่เธอเชื่อใจฉู่เฉินขนาดนั้น แต่ผลลัพธ์เป็นไงล่ะ?ก็เพราะฉู่เฉินก่อเรื่องจนยุ่งเหยิงวุ่นวายครั้งนี้ไม่ใช่แค่มอบบริษัทไปแล้วจะจบง
“ในฐานะที่นายเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพาณิชย์ พูดคำว่านังสารเลวสินะ มา วันนี้ถ้านายไม่อธิบายกับฉันอย่างชัดเจน ว่าอะไรถึงเรียกว่านังสารเลว เชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านายให้ตาย”สิ้นเสียงฉู่เฉินก็ชกเข้าที่ท้องน้อยของหลิวจื้อซินผลัวะ!พลังแกร่งขุมหนึ่งทะลุร่างอวบอ้วนของหลิวจื้อซินจนกระแทกเข้ากับเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเขาลำพังแค่พลังแกร่งขุมเดียวก็ทำให้เก้าอี้ตัวนั้นกลายเป็นขี้เลื่อยปลิวว่อนกลางอากาศเลยทีเดียว“ต่อต้านแล้ว…ต่อต้านแล้ว เร็ว…รีบโทรแจ้งความกรมตำรวจ!”หลิวจื้อซินในเวลานี้ ทั้งปาก จมูก หูมีแต่เลือดไหลราวกับเหงื่อไหลไคลย้อยตอนนี้เขาไม่สนหน้าตาอะไรแล้ว จิตใจคิดแต่จะรอให้คนของกรมตำรวจรีบมาถึงแล้วจัดการฉู่เฉินให้ตายซะ……เวลานี้เอง รถตำรวจสิบกว่าคันและรถทหารสองคันได้มาจอดที่หน้าอาคารฉู่ซื่อกรุ๊ปแทบจะในเวลาเดียวกันหลูติ้งไห่และเซียวเสวี่ยอิ๋งที่ผลักประตูรถลงมามองสบตากันแล้วก็ตะลึงทันที“ผู้นำหลู?”“ผู้นำเซียว?”ทั้งสองจับมือกันโดยมีสีหน้าประหลาดใจ เซียวเสวี่ยอิ๋งมองตำรวจกลุ่มใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของหลูติ้งไห่แล้วก็ขมวดคิ้วกล่าว “ผู้นำหลู นี่คุณ…”เธอได้รับคำสั่งจากโฮ่วเจี้ยนอิง
ฉีเฮ่อเซวียนชำเลืองมองฉู่เฉิน แล้วเงยหน้าขึ้นหัวเราะร่าอย่างกะทันหันแล้วกล่าว “ไอ้หนุ่ม นายดีใจเร็วเกินไปไหม? นายคิดว่าทำร้ายต้วนเคอแล้วนายจะไม่เป็นอะไรหรือ?”กล่าวเสร็จฉีเฮ่อเซวียนก้มหน้ามองนาฬิกาข้อมือ จากนั้นค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนตบบ่าฉู่เฉินและกล่าว “ไอ้หนุ่ม เรื่องสนุกมันต่อจากนี้”ไม่ทันขาดคำก็มีเสียงเท้าวุ่นวายดังขึ้นจากในทางเดินฉีเฮ่อเซวียนฉีกยิ้มกล่าว “นายลองเดาดูว่าใครมา?”ฉู่เฉินเลิกคิ้วแล้วยิ้มกล่าวอย่างเย้ยหยัน “ไม่ว่าเป็นใคร อย่าคิดจะได้ฉู่ซื่อกรุ๊ปไป”“ใช่เหรอ?”ฉู่เฉินกล่าวจบก็มีเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นวินาทีต่อมา ประตูห้องประชุมก็เปิดออกโดยชายวัยกลางคนสวมเสื้อลำลองเดินพุงพลุ้ยเข้ามาด้วยท่าทางที่หยิ่งผยองด้านหลังเขามีชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบประมาณหกคนเดินตามมาด้วยเมื่อเห็นชายวัยกลางคนแล้ว หลิ่วหรูเยียนถึงกับตกใจหน้าซีดในทันที ชายวัยกลางคนคนนั้นก็คือหลิวจื้อซินซึ่งเป็นผู้อำนวยการกรมพาณิชย์ของเมืองเจียงจงเหตุการณ์เริ่มร้ายแรงแล้วสิแบบนี้“ฉู่เฉิน แย่แล้ว เป็นเรื่องแล้วรอบนี้”หลิ่วหรูเยียนจับแขนของฉู่เฉินไว้และกระซิบกล่าวหน้าซีดฉู่เฉินยิ้มให้หลิ่วหรูเยียน
“ฉัน…”หลิ่วหรูเยียนหน้าซีด อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดสินะเธอกำปากกาเซ็นเอกสารในมือแน่น พร้อมส่งสายตาอ้อนวอนไปทางฉู่เฉินฉู่เฉินควานหาบุหรี่ขึ้นมาจุดแล้วพ่นควันออกมาเป็นวงกลม ควันนั้นจึงลอยไปปะทะหน้าฟางเหว่ย จนฟางเหว่ยไอแค่กๆ“เมื่อกี้นายพูดไม่ใช่หรือไงว่าห้ามสูบบุหรี่ในห้องประชุมน่ะ!” ฟางเหว่ยกล่าวด้วยความไม่พอใจ“ฉันนี่แหละคนกำหนดกฎ นายมาพูดเรื่องกฎกับฉันเหรอะ? นายมีคุณสมบัตินั้นไหม?”ฉู่เฉินเหลือบมองฟางเหว่ยอย่างดูแคลน จากนั้นก้าวไปที่หน้าโต๊ะแล้วหยิบกองเอกสารหนาปึกขึ้นมาโปรยราวกับดอกไม้จนกระจายไปทั่ว“นายทำอะไรน่ะ! เก็บเอกสารขึ้นมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”ต้วนเคอเห็นฉู่เฉินโปรยหนังสือสัญญาโอนหุ้นที่เขาเอาออกมาลงพื้นแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างซึ่งเปี่ยมไปด้วยอำนาจฉู่เฉินยิ้มเยาะแล้วก้าวไปหาและพูดอย่างเฉยเมยกับต้วนเคอ “เรื่องไหนยังไงก็ต้องมีเหตุผลกันบ้างสิ ต่อให้ผู้ถือหุ้นโอนหุ้นให้คนแซ่ฉีแล้ว พวกเราก็มีสิทธิ์ไม่มอบบริษัทให้เหมือนกัน”“อย่างมากก็แค่ชดใช้เงินให้ก็เท่านั้น ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้ากรมพาณิชย์ ไม่เข้าใจหลักเหตุผลข้อนี้หรือไง?”ต้วนเคอหัวเรา
“ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว การประชุมบอร์ดผู้บริหารสามารถเริ่มได้ยังคะ? พวกผู้ถือหุ้นเริ่มจะทนรอไม่ไหวแล้วค่ะ”เวลานี้เองเสมียนของฉู่ซื่อกรุ๊ปก้าวเข้ามายังห้องทำงานของผู้จัดการใหญ่อย่างเร่งรีบ และกล่าวกับหลิ่วหรูเยียน“ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ให้พวกเขารออีกหนึ่งนาที”หลิ่วหรูเยียนกล่าวจบแล้วหันหน้ามามองฉู่เฉิน“ได้ค่ะ”เสมียนตอบรับแล้วรีบเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว“ฉู่เฉิน…”หลิ่วหรูเยียนไม่ทันกล่าว ฉู่เฉินก็ยกมือกล่าวตัดบท “หลิ่วชิงเหอล่ะ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้หลิ่วชิงเหอคงไม่ได้ให้เธอมาคนเดียวใช่ไหม?”หลิ่วหรูเยียนได้ยินแล้วหน้าซีดเล็กน้อย กล่าวด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ “เอ่อ แม่ฉันมีเรื่องสำคัญมาก เมื่อคืนวานก็ออกจากเจียงจงไปแล้ว”“น่าจะวันมะรืนถึงจะกลับมา ดังนั้นเรื่องของบริษัท นายช่วยฉันได้ไหม?”ฉู่เฉินฟังแล้วก็เลิกคิ้วเล็กน้อย จ้องหลิ่วหรูเยียนที่เริ่มลนลานสักพัก จึงพยักหน้ากล่าว “ไปกันเถอะ ต่อให้หลบยังไงก็หลบไม่พ้นเหมือนสำนวนจีนที่ว่าลูกสะใภ้ขี้เหร่ยังไงก็ต้องเจอพ่อแม่สามี”กล่าวจบ ฉู่เฉินก็จูงข้อมือของหลิ่วหรูเยียนและเดินไปยังห้องประชุมปัง!ฉู่เฉินผลักประตูห้องประชุมอย่างแรง
……ในตอนที่ฉู่เฉินและต้วนหลิงเวยออกจากห้องอาบน้ำอีกครั้งก็เป็นเวลาเก้าโมงเช้าแล้วดูเหมือนว่าเนื่องจากการเพิ่มระดับพลังสองขั้นรวดแล้ว ใบหน้าเล็กที่แสนจะแดงก่ำของต้วนหลิงเวยนั้นก็เต็มไปด้วยความสุขมองดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาห่างจากการประชุมบอร์ดผู้บริหารของฉู่ซื่อกรุ๊ปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉู่เฉินจึงกินข้าวเช้าหนึ่งคำอย่างลวก ๆ จากนั้นรีบเดินออกจากประตูวิลล่าจนมาถึงประตูใหญ่ของวิลล่าเฟิ่งหมิง ก็เห็นเจ้าทึ่มซึ่งสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว เงยหน้ามองดูพระอาทิตย์บนท้องฟ้าแสงสว่างจ้าฉู่เฉินขมวดคิ้วคิดว่าไม่ค่อยเข้ากับเสื้อชุดนี้สักเท่าไหร่ จึงเข้าไปนั่งในรถแล้วสั่งให้ต้วนหลิงเวยไปซื้อชุดยามรักษาความปลอดภัยกลับมาเปลี่ยนให้เจ้าทึ่มเห็นประตูใหญ่ก็ต้องทำให้สมกับได้เห็นประตูใหญ่หน่อยสิฉู่เฉินสตาร์ตเครื่องแล้วรีบขับจนมาถึงอาคารสำนักงานใหญ่ของฉู่ซื่อกรุ๊ปในเวลาไม่นานต้าหลิงจื่อกำลังยืนรออยู่ที่ประตูทางเข้าด้วยความร้อนใจก็เห็นฉู่เฉินเปิดประตูรถลงมา จึงรีบเดินเข้าไปต้อนรับด้วยรองเท้าส้นสูงแม้ว่าขาสวยงามของต้าหลิงจื่อจะดูหนาไปเล็กน้อย แต่ถุงน่องสีเนื้อใต้ชุดกระโปรงทำงานสั้นนั้นก็ทำให้คนร
จะไม่พูดก็ไม่ได้ว่าวิชาของมังกรเฒ่าช่างยอดเยี่ยมจริง ๆด้วยวิชาบำเพ็ญคู่บวกกับการแช่โอสถ ทำให้ฉู่เฉินรู้สึกถึงพลังวิญญาณภายในร่างกายของเขากำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในเวลาไม่นานก็บรรลุจุดวิกฤติในการเลื่อนขั้นนั้นได้อีกครั้งตูม!พลังวิญญาณทำลายพันธนาการ รอบกายฉู่เฉินเกิดแสงเรืองรองสีทองเคลือบหนึ่งชั้นภายในห้องอาบน้ำสว่างจ้าไปด้วยแสงสีทองแม้แต่เงาร่างเสมือนมังกรภายในกายของฉู่เฉินก็เปลี่ยนแปลงจนเป็นรูปเป็นร่างเด่นชัดของน้ำที่กระเซ็นส่วนต้วนหลิงเสวี่ยที่นอนราบข้างอ่างอาบน้ำ ก็รู้สึกได้ถึงแรงกระทบอย่างต่อเนื่องจากด้านหลังจนพลังวิญญาณภายในร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วผ่านความพยายามอย่างไม่หยุดหย่อนต่อเนื่องนานหลายชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ทะลวงจนเลื่อนขั้นได้อีกครั้ง ระดับพลังหยุดอยู่ที่ระดับฝึกปราณชั้นแปดและในชั่วพริบตาที่ต้วนหลิงเสวี่ยกำลังเลื่อนขั้นพลังได้นั้นเอง ฉู่เฉินก็ทำลายพันธนาการจนทะลวงเลื่อนสู่ระดับระดับสร้างรากฐานขั้นสี่เลื่อนขั้นระดับพลังได้ติดต่อกับสามขั้นรวดเดียวแบบนี้ ต่อให้เป็นฉู่เฉินก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว ขณะที่ปราณและเลือดภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำเอา
ก๊อก!ในเวลาที่ฉู่เฉินเงยหน้าขึ้น ใต้โต๊ะก็เกิดเสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง!เซียวเฟิงก้มหน้ามองไปยังใต้โต๊ะด้วยความแปลกใจ หลิ่วหรูเยียนเก็บมือกลับมาในช่วงเวลาเดียวกับที่เซียวเฟิงก้มตัวมอง แต่เพราะเหตุนี้เมื่อมองจากมุมของเซียวเฟิงก็ทำให้เขาตะลึงมากเวลาฉู่เฉินกินข้าว ตรงนั้นห้าวหาญได้ขนาดนี้เชียว?หลิ่วหรูเยียนฉวยโอกาสนี้วางตะเกียบและถ้วยชามลง จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มกล่าวกับทุกคนว่า “พวกคุณกินกันก่อนได้เลยค่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับแล้วค่ะ”ฮะ?ฉู่เฉินรีบเงยหน้าหันขวับไปมองหลิ่วหรูเยียนแกล้งฉันเกินครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ฉันเกือบจะถูกเปิดโปงใต้โต๊ะแล้ว แต่เธอบอกจะไปก็ไปเนี่ยนะ?“ขอบคุณการรักษาด้วยสปาของคุณฉู่นะคะ บ๊ายบาย”หลิ่วหรูเยียนยังไม่ลืมโบกมือลาฉู่เฉินที่หน้าแดงก่ำอยู่ จากนั้นขาเรียวงามนั้นก็เดินส่ายสะโพกสวยไปมาแล้วหายไปจากสายตาของฉู่เฉินเมื่อเห็นว่าหลิ่วหรูเยียนลุกจากที่นั่งแล้ว ต้วนหลิงเวยก็ไม่พลาดโอกาสเข้ามาแทนที่จึงได้นั่งข้างฉู่เฉิน ดวงตางามคู่นั้นชำเลืองมองใต้โต๊ะเป็นระยะ ๆอาจเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ทำให้ดวงตาคู่งามของเธอนั้นระยิบระยับมีเสน่ห์เวลาไม่นาน