“ท่านหลง!”ปรมาจารย์วัยกลางคนรีบพยุงเจิ้งหู่ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเข้ามาใกล้ ๆ จางหลง เมื่อมองจางหลงที่ทำหน้าขรึมราวกับน้ำ เจิ้งหู่ก็ปาดเหงื่อเย็น ๆ บนใบหน้า เขากำลังคิดอยู่ว่าจะแจ้งข่าวให้ท่านหลงอย่างไรดี แต่ไม่คิดว่าท่านหลงจะมาเองนี่ทำให้เขาดีใจอย่างเหนือความคาดหมาย จางหลงขึ้นชื่อว่าเป็นคนที่ชอบปกป้องคนใกล้ชิดในวงการใต้ดินของเจียงจงเจิ้งหู่ติดตามจางหลงมาสิบกว่าปี เขาโดนหักขา จางหลงย่อมไม่มีทางปล่อยฉู่เฉินให้มีชีวิตรอดออกไปจากเมืองเอ็นเตอร์เทนเมนต์ตี้ตูอย่างแน่นอน นอกจากนี้เจิ้งหู่คลุกคลีอยู่ในวงการใต้ดินมาหลายปีขนาดนี้ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความสูญเสียใหญ่หลวงขนาดนี้ในเงื้อมมือของคนรุ่นเยาว์ ถ้าเกิดเรื่องในวันนี้แพร่กระจายออกไป เขายังจะอยู่ในวงการใต้ดินของเจียงจงได้อีกอย่างไร?เมื่อสังเกตเห็นชายวัยกลางคนที่ถือกระบี่ยาวตามหลังจางหลง เจิ้งหู่ก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นนั่นเป็นมหาปรมาจารย์ยุทธ์เชียวนะ มองไปทั่วทั้งเจียงจงก็หาคนที่สองไม่ได้ เพียงแต่ว่าสถานะของคนผู้นี้ซับซ้อนนิดหน่อย ดังนั้นจางหลงถึงให้เขาลงมือน้อยมาก แต่ว่าขอเพียงคนผู้นี้ลงมือก็ไม่มีทางรอดชีวิตไป
ทั้งหมดที่เขามีล้วนแต่เป็นสิ่งที่ท่านหลงมอบให้ทั้งนั้นแต่ตอนนี้เขากลับทำให้จางหลงซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตที่ต้องปฏิบัติด้วยความเคารพไม่พอใจ อย่างนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่คือหนทางแห่งความตายใช่หรือไม่?“ท่านหลง... ฟังผมก่อนนะครับ เรื่องนี้มันเป็นเจ้าอาคุนนั่น...”เจิ้งหู่ร้อนรน เขาเล่าอย่างสั้นๆ ถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งเดียวจางหลงมองไปข้างหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ จ้องอย่างเยือกเย็นไปที่เจิ้งหู่ “แหกตาหมาๆ ของแกดูให้ดี คุณฉู่ผู้นี้เป็นผู้มีพระคุณของฉันจางหลง!”“ฉันไม่ได้บอกไปเพียงครั้งเดียว ใครไม่เคารพคุณฉู่แสดงว่าไม่เห็นหัวฉันจางหลง!”ซี้ดๆ !เจิ้งหู่เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ตอนกลางวัน จางหลงได้ส่งข้อความพร้อมกับรูปภาพมาในกลุ่มจริงๆเพียงแต่ว่าตอนนั้นเจิ้งหู่เพิ่งดื่มกับเหล่าลูกน้อง เขาไม่ได้ดูอย่างละเอียดด้วยซ้ำแย่แล้วล่ะ!เจิ้งหู่ต้องทนกับความเจ็บปวด คุกเข่าลงต่อหน้าฉู่เฉินเสียงดังตึง ก้มหัวแล้วพูดซ้ำๆ ว่า “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับที่ตาของผมหามีแววไม่ บังอาจไปปะทะกับคุณฉู่ คุณฉู่ลงโทษผมเถอะครับ”เจิ้งหู่ในตอนนี้ยอมจำนนเป็นอย่างมาก เขาไม่แม้แต่จะกล้าร้องขอชีวิตเขา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง รถโคโรล่าสีชมพูก็ค่อยๆ จอดตรงหน้าประตูบ้านใหญ่ เซี่ยฉีฉีรวบรวมความกล้าของเธอ ค่อยๆ หอมไปที่แก้มของฉู่เฉินเบาๆ ราวกับแมลงปอที่บินมาเกาะตรงหน้าฉู่เฉินสัมผัสได้ถึงริมฝีปากที่ค่อยๆ ประทับลงมาบนหน้าของเขาเบาๆ เขาหันไปมองเซี่ยฉีฉีอย่างอดไม่ได้“ขอบคุณนะที่วันนี้นายช่วยฉันไว้”ใบหน้าของเซี่ยฉีฉีแดงก่ำ นำศีรษะของเธอมุดเข้าไปที่หน้าอกของเขา ไม่แม้แต่จะกล้ามองฉู่เฉิน“มันสมควรอยู่แล้ว ทุกคนเป็นเพื่อนไงครับ”ฉู่เฉินยื่นมือลูบไปที่หน้าผากของเซี่ยฉีฉี แล้วยื่นมือไปเปิดประตู เดินไปทางบ้านใหญ่ตระกูลฉู่จนกระทั่งฉู่เฉินเดินจากไปไกลแล้ว หัวใจดวงน้อยๆ ของเซี่ยฉีฉีก็ยังเต้นไม่หยุดพูดจริงๆ เลยนะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอใจเต้นกับผู้ชาย อีกทั้งจูบเมื่อกี้นับว่าเป็นจูบครั้งแรกของเธออีกด้วยภายในหัวของเธอยังจินตนาการว่าฉู่เฉินจะให้กอดเธอหรือทำอะไรอย่างอื่นไหมแต่ผ่านไปได้สักพักแล้ว ก็ไม่เห็นท่าทีว่าฉู่เฉินจะทำอะไร เซี่ยฉีฉีถึงพบว่าฉู่เฉินได้เดินจากไปไกลตั้งนานแล้ว“ฉู่เฉิน...”ฉู่เฉินได้ยินเสียงตะโกนร้องของเซี่ยฉีฉี ก็หันกลับมายิ้มพร้อมกับโบกมือให้เซี่ยฉีฉีเซี่ยฉีฉีสูดหายใจล
แต่เมื่อดูได้แค่แป๊บเดียว สีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไปเป็นเกรี้ยวกราดเธอเห็นแต่วิดีโอที่วันนั้นฉู่เฉินรักษาโรคร้ายแรงของเน็ตไอดอลสาวเสี่ยวหลินต่อหน้าสาธารณชน โดยที่คอมเมนต์ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับวิดีโอแต่ประเด็นกลับเอาแต่พูดถึงฉู่เฉินและหลิ่วชิงเหอสองแม่ลูกโดยเฉพาะประโยคที่ฉู่เฉินพูดในช่องไลฟ์สดวันนั้น ผมมั่วกับใครก็คงต้องให้หลิ่วหรูเยียนไปถามแม่ของเธอแล้วล่ะครับยิ่งทำให้ชาวเน็ตคิดกันไปต่างๆ นานากระทั่งที่ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูก“ทำไมเป็นแบบนี้!”หลิ่วชิงเหอร้อนรนไปหมดเรื่องไลฟ์สดตอนนั้นผ่านไปก็เกือบสี่ห้าวันแล้ว ทำไมยังมีคนไม่ยอมปล่อยผ่านไปอีกนะ?อีกทั้งที่สำคัญก็คือคนจำนวนไม่น้อยเลยที่เดาถูกว่าระหว่างเธอและฉู่เฉินมีความเป็นไปได้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่สมควรเกิดขึ้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เธอถูกฉู่เฉินบังคับและข่มขู่นะหากฉู่เฉินไม่บังคับให้เธอยอมจำนน เธอจะยอมให้ไอ้สัตว์เดรัจฉานแบบฉู่เฉินฉวยโอกาสเธอได้อย่างไร“พึ่บ!”หลิ่วชิงเหอลุกขึ้นมากะทันหัน ไม่สนใจหยดน้ำที่ไหลตามร่างกาย สวมใส่รองเท้าแตะแล้วรีบออกไปจากห้องอาบน้ำ“ฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่สามา
ประโยคนั้นของหลิ่วชิงเหอจบลง แววตาประหลาดใจของป้าอู๋ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า แต่ก็เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้น หลังจากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา “คุณผู้หญิง ฉัน... ฉันเป็นแค่คนรับใช้ทั่วไปนะคะ”เมื่อได้ยินประโยคนั้น หลิ่วชิงเหอก็หัวเราะออกมาเบาๆ “สมาคมจันทราโลหิต!”ซี้ดๆ !ป้าอู๋ได้ยินคำนี้ สีหน้าก็แข็งทื่อขึ้นมาทันที“ยังต้องให้ฉันพูดอะไรอีกไหม?”หลิ่วชิงเหอเอามือกอดอกไว้ กอดลูกกลมอวบอ้วนสองลูกบนหน้าอกของเธอ ดูเหมือนตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แล้วเดินไปรอบๆ แล้วพูดว่า “ป้าอู๋ แกเป็นนักฆ่าระดับบีของสมาคมจันทราโลหิตใช่ไหม?”“ชื่อเดิมของแกไม่ได้ชื่ออู๋ซุ่ยเหลียน แต่เป็นอู๋อวิ๋นเซียง!”“ที่ฉันพูดน่าจะไม่ผิดใช่ไหม?”เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของป้าอู๋ซีดกว่าเดิมหลายเท่าสมาคมจันทราโลหิตเป็นสมาคมนักฆ่าที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ภายในมีนักฆ่ากี่คนไม่มีใครรู้แต่ในสมาคมจันทราโลหิต นักฆ่าทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้หญิง!ขอเพียงแค่มีรายชื่อในลิสต์สังหาร ก็แทบจะไม่มีใครสามารถรอดพ้นจากความตายได้สมัยที่ป้าอู๋ยังอายุน้อย เธอเป็นนักฆ่าที่มีชื่อเสียงที่สุดในสมาคมจันทราโลหิตเพียงแต่ว่าตั้งแต่เธอติดตามสองแม่ลูกตระกูลหลิ่ว ก็
“คุณผู้หญิง ผู้หญิงคนนี้อันตรายมากๆ นะคะ ว่ากันว่าเธอยังได้ลอบสังหารประมุขแห่งรัฐของประเทศใดประเทศหนึ่งในแอฟริกา และหลบหนีออกมาได้อย่างปลอดภัยด้วย หลังจากนั้นเธอก็สังหารนายจ้างของเธอ”ป้าอู๋เพียงแค่แวบเดียวก็จำกุหลาบเพลิงได้แล้ว จึงเตือนด้วยความหวังดีหลิ่วชิงเหอหัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา มองดูรูปลักษณ์อันน่ารักและน่าดึงดูดใจในภาพถ่าย กุหลาบเพลิงที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน มุมปากของเธอก็เผยรอยยิ้มเยือกเย็นขึ้นมานี่มันสเปคไอ้เลวฉู่เฉินไม่ใช่เหรอ?ในขณะที่เขากำลังเพลิดเพลินกับส่วนเว้าส่วนโค้งอยู่นั้น ใช้โอกาสที่เขาไม่ทันระวังตัวใช้มีดปาดคอเขา นั่นมันเป็นเรื่องที่สำเร็จแน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? “เธอนี่แหละ ฉันโอนเงินให้แก รีบไปจัดการให้เร็ว ความอดทนของฉันมีจำกัด”หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างไม่สงสัยป้าอู๋ก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากทำตามที่หลิ่วชิงเหอสั่ง จ่ายเงินมัดจำอีกทั้งนำข้อมูลที่เกี่ยวข้องของฉู่เฉินส่งให้ฝ่ายตรงข้ามหลังจากที่ทุกอย่างจัดการเสร็จสิ้นแล้ว หลิ่วชิงเหอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกฉู่เฉินไอ้สัตว์เดรัจฉาน อย่าได้คิดจะแม้จะแตะต้องเส้นผมของเธอ!หลิ่วชิงเหอที่
ผ่านไปไม่นาน กู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่าทั้งสองก็มาถึงบ้านใหญ่ตระกูลฉู่วันนี้หลินชือหย่าสวมชุดเดรสสีขาว ที่เอวของเธอตั้งใจสวมเข็มขัดสีดำที่กว้างเท่าฝ่ามือ ขาสวยขาวเนียนสวมรองเท้าแตะคริสตัล ดูสดชื่นและน่ารื่นรมย์กู้รั่วเสวี่ยสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว ท่อนล่างสวมใส่กระโปรงเอวสูงรัดแน่น ตามมาด้วยเสียงรองเท้าส้นสูงที่ได้ยินอย่างชัดเจน ทำเอาบั้นท้ายที่อวบอั๋นนั้นสวยงามน่าหลงใหลมากกว่าเดิมระหว่างที่รอทั้งสองสาวเดินเข้าไปในห้อง กู้รั่วเสวี่ยก็มองไปที่อินซู่ซู่ด้วยความสงสัย“เธอเป็นสาวใช้ของผมครับ”ฉู่เฉินไม่รอให้กู้รั่วเสวี่ยถาม ก็รีบชิงแนะนำขึ้นมาเสียก่อนอินซู่ซู่ก็ยิ้มให้กับกู้รั่วเสวี่ยและหลินชือหย่า จากนั้นเธอก็ชงชาหอมให้ทุกคนแล้วออกจากห้องไปกู้รั่วเสวี่ยแม้ว่าภายในใจจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปในเมื่อก่อนฉู่เฉินก็เป็นคุณชายใหญ่ของตระกูลฉู่ เป็นธรรมดาของคนทั่วไปที่จะมีสาวใช้ข้างกาย เธอคงไม่คาดหวังให้คุณชายใหญ่ฉู่ซักผ้า ทำกับข้าวเองหรอกใช่ไหม?เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ต้องมีคนดูแลถึงจะถูกเมื่อคิดถึงตรงนี้ กู้รั่วเสวี่ยสายตาเปลี่ยนไปมองหลินชือหย่าพร้อมพูดว่า “เสี
“อ๊ะ!”ในตอนนั้นเอง หลินชือหย่าก็กรีดร้องออกมา เอามือกุมไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเธอ เธอเจ็บจนล้มนั่งลงไป ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลซึมออกมาตามผิวหนังของหลินชือหย่าอีกทั้งทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอก็เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่เยือกเย็นเมื่อเห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ ฉู่เฉินก็หลับตาลง หลังจากนั้นเขาชี้นิ้วของเขาเหมือนกระบี่ พลังวิญญาณก็เข้าสู่ร่างกายของหลินชือหย่าทันที หลังจากที่พลังวิญญาณเข้าสู่ร่างกายแล้ว สถานการณ์ของหลินชือหย่าก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ บรรเทาลงไปฉู่เฉินถึงโบกมือให้หลินชือหย่า “คุณหลิน ใส่เสื้อผ้าเถอะครับ”หลินชือหย่าลังเลไปครู่หนึ่ง เธอที่สวมแค่ชุดเดรสเพียงชิ้นเดียว ข้างในโล่งไปหมด สีหน้ากระวนกระวายนั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้ง ดวงตางดงามมองไปที่ฉู่เฉิน ถามขึ้นมาว่า “คุณฉู่คะ ฉันจัดอยู่ในสถานการณ์ไหนเหรอคะ?” ฉู่เฉินจิบชาเข้าไปหนึ่งอึก ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “คุณหลินไปมีเรื่องกับใครมาไหมครับ? ผมไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงใช้หนอนกู่ที่ร้ายแรงแบบนี้มาทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งได้”หนอนกู่งั้นเหรอ?!หลินชือหย่าตกตะลึงเป็นอย่างมาก ขนลุก
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี