หลินรั่วเวยส่ายหน้าพูดว่า “ไม่เจ็บค่ะ ไม่เจ็บเลยสักนิดเดียว...” เวลานี้เธอเหมือนกับเข้าสู่โลกใบใหม่ เบื้องหน้ามีเพียงแสดงแดดอบอุ่น ราวกับว่าตัวเธอได้อาบแสงตะวันจนหมดไม่ถึงห้านาที หลินรั่วเวยอิงแอบกายฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว รู้สึกได้จากทางด้านหลังถึงแผงอกอันแข็งแกร่งและจังหวะหัวใจที่เต้นอย่างรุนแรงของฉู่เฉิน หลินรั่วเวยก็เผลอหอบหายใจเบา ๆ ออกมาความรู้สึกที่ถูกพลังของเพศชายโอบล้อมปกป้องโดยสมบูรณ์เช่นนี้เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยมีมาก่อนขณะที่ฉู่เฉินขยับมือ หลินรั่วเวยก็รู้สึกว่ามีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาในใจโดยไม่ได้ตั้งใจ “มาเถอะ คุณนอนลงก่อน” ฉู่เฉินค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วพูดพลางชี้ไปยังเตียงที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นบนร่างหายไป หลินรั่วเวยเหมือนตกใจตื่นขึ้นมาจากฝัน เธอถึงค่อยพบว่าตัวเองกำลังมองหน้าฉู่เฉินอยู่หลินรั่วเวยอายจนเอามือสองข้างปิดดวงหน้าเล็ก ๆ ทันที เธอโอ้เอ้อยู่พักใหญ่ถึงค่อยเอนตัวนอนลงบนเตียง เชี่ยเอ๊ย! ท้องน้อยเกลี้ยงเกลาดั่งหยก และกล้ามหน้าท้องที่ชัดเจนนี้ เรือนร่างนี้เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบจริง ๆเมื่อกวาดตามองขอบลูกไม้สีดำที่โผล่ออกมาบนเอวของหลินรั่วเวย ฉู่เฉินก
ต่อให้ถูกฟ้องร้องก็ต้องทำลายเรื่องดี ๆ ของฉู่เฉินให้ได้ ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงซะ!หมอประวัติไม่ดีที่ทำเรื่องเลวทรามต่ำช้าโดยอ้างว่ารักษาคนไข้ ต่อให้ฮว่าจิ่วหยางยอมรับเขาแล้วเป็นอย่างไร?เกรงว่าแม้แต่ทีมผู้กำกับก็ไม่สามารถปิดปากผู้คนได้หรอกใช่ไหม?ต่อให้มีแรงกดดันจากฝ่ายต่าง ๆ แต่ในฐานะที่หลินรั่วเวยเป็นผู้เกี่ยวข้องก็ทำได้เพียงลุกออกมาชี้แจงว่าฉู่เฉินเป็นคนบังคับขืนใจเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้ พอถึงเวลานั้น...หึ ๆ!ข่งลิ่งเจี๋ยถูกความคิดอันบ้าคลั่งในใจตัวเองนี้ทำให้ดีจนสติหลุดแล้วเขาไม่รอให้ผู้คนตอบก็เตะใส่ประตูห้อง!“ปัง!”ชั่วพริบตาที่ประตูห้องถูกเตะแรง ๆ จนเปิดออก สายตาเกือบทุกคนต่างจ้องมองไปยังทั้งสองคนในห้องโดยพร้อมเพรียงกัน!แต่สิ่งที่ปรากฏขึ้นในสายตาของทุกคนกลับทำให้ข่งลิ่งเจี๋ยตะลึงงันโดนสิ้นเชิง!มองเห็นเพียงหลินรั่วเวยที่แต่งกายเรียบร้อย ส่วนฉู่เฉินกำลังเอานิ้วมือสองข้างที่ทำเป็นรูปกระบี่เปิดเส้นลมปราณให้หลินรั่วเวย เมื่อประตูถูกกระแทกจนเปิดออก ฉู่เฉินกับหลินรั่วเวยที่กำลังผ่อนคลายเพลิดเพลินก็มองไปทางหน้าประตูแทบจะพร้อมกัน“เกิดอะไรขึ้น!” ดวงหน้างดงามของหล
เวรเอ๊ย!นั่นเป็นนางฟ้าในใจของพวกเขานะ! โดนฉู่เฉินทำลายแบบนี้!ในขณะที่ทุกคนปวดร้าวปานจะขาดใจ หลินรั่วเวยกลับเงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูกว่า “หมอเทวดาฉู่คะ ถ้าเกิดฉันรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก ฉันโทรศัพท์ไปหาคุณให้มารักษาที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”“งั้นถ้าเกิดฉันอยากกินยาอีก ฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?”พอพูดถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเขินอาย “ได้สิ” กิน?! หัวใจของทุกคนในที่แห่งนี้แทบจะระเบิดหมดแล้ว!แค่คำว่า “กิน” คำเดียว แต่...ครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย ข่งลิ่งเจี๋ยเซ่อซ่าไปแล้ว ขนาดฮว่าจิ่วหยางก็ยังแขนสั่นเล็กน้อย “คุณหลิน โรคของคุณ...”หลินรั่วเวยยิ้มพลางเอ่ยกับฮว่าจิ่วหยางว่า “ผู้อาวุโสฮว่า ฉันรู้สึกว่าอาการป่วยของฉันหายดีแล้ว รบกวนคุณช่วยยืนยันอีกทีด้วยค่ะ” เธอพูดจบก็ควงแขนของฉู่เฉินเดินมาที่โต๊ะแพทย์ การกระทำเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตาของข่งลิ่งเจี๋ย ทำให้เขาโกรธจนปอดแทบจะระเบิดแล้ว!ก่อนที่เขาจะเตะประตู ฉู่เฉินอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาเตะประตูแล้ว ฉู่เฉินแม่งเหมือนกับทำทุกอย่างที่เขาควรทำแ
เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
เหตุการณ์ในช่องไลฟ์สดเมื่อครั้งก่อนเพิ่งจะสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกระแสสังคมผลักขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?พอวางโทรศัพท์มือถือลง หลิ่วชิงเหอก็ไม่อาจสงบใจได้อีกเช่นกัน หรือว่าฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนั้นจริง ๆ? “ฮึ สวะอย่างฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้ยังไง จะต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินแน่ ๆ!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นเป้าหมายของอีกฝ่ายจะต้องอยากยืมมือของฉู่เฉินมากดดันฉู่ซื่อกรุ๊ปกับแม่ลูกตระกูลหลิ่วอย่างแน่นอน ต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ! แต่หลิ่วชิงเหอกลับเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินเหรอ? เป็นไปไม่ได้...” อันที่จริงในใจของเธอก็มีความมึนงงเช่นกัน ถึงแม้ฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรักษาแม้แต่โรคมะเร็งได้ง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?แต่ถ้าจะบอกว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินเป็นของปลอม นี่ก็ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ฉู่เฉินรักษาจนหายคนนั้นเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้เลยนะ
หลิ่วชิงเหอมองหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หรูเยียน แม่เคยบอกลูกตั้งนานแล้วว่าฉู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ถ้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานอย่างฉู่เฉิน ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีอะไรแตกต่างกันคะ เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกยัยแก่โจวเทียนเฟิ่งนั่นเลี้ยงดูอยู่จริง ๆ ก็ได้”“ฮึ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแค่โจวเทียนเฟิ่งคนเดียวจะปิดบังความจริงไว้ได้อีก?”“หนูอยากดูว่าพอถึงการแข่งขันระดับเมืองแล้ว ฉู่เฉินไม่มีนักแสดงช่วยหนุน เขายังจะรักษาภาพลักษณ์หมอเทวดาของเขาได้ยังไง!”ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลิ่วหรูเยียนพลันดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สวะอย่างข่งลิ่งเจี๋ย หลิ่วหรูเยียนก็โกรธจัด เธอปฏิเสธสายแล้วบล็อกข่งลิ่งเจี๋ยทันที“สวะ! สวะถึงขนาดที่เทียบกับไอ้สวะฉู่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ตะโกนอย่างบึ้งตึง หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งขึ้นชั้นสองด้วยความฉุนเฉียว เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงแค่นี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนให้ฉู่เฉินรู้สำนึกบ้าง!..... อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินพากู้รั่วเสวี่ยกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นก
ฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน” พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี นายยังเป็นคนสบาย ๆ เหมือนเดิมเลยนะ”สบาย ๆ?ทำไมฉู่เฉินจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นคนสบาย ๆ มากอันที่จริงนั่นเป็นเพียงการทำดีกับน้องสาวคนสวยไม่กี่คนในชั้นเรียนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แต่ฉู่เฉินขี้เกียจจะอธิบายเรื่องพวกนี้เช่นกัน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยให้เซี่ยฉีฉี“จริงสิ เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงรุ่นเล็ก ๆ ของเพื่อนสมัยม.ปลายของพวกเรา ถึงยังไงนายก็ไม่มีธุระอะไร ไม่สู้ไปเจอหน้าทุกคนด้วยกันดีกว่า ถึงยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนเก่าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะยังได้เกี่ยวข้องกันบ้าง” เซี่ยฉีฉีขับรถพลางเอ่ยแนะนำเรื่องของตระกูลฉู่ เธอเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ยินว่าหลังจากที่คุณพ่อฉู่คุณแม่ฉู่เกิดอุบัติเหตุ ฉู่เฉินก็โดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปบวกกับฉู่เฉินแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแม้แต่รถสำหรับใช้เดินทาง เซี่ยฉีฉีก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็มีจำกัด เธอถึงได้ค
“คุณชายฉู่? ยังมีคุณชายฉู่อะไรอีก เรียกว่าขอทานยังใกล้เคียงมากกว่า” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมองฉู่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าดูแคลน เขาชื่อหลี่เฟิง ตอนสมัยเรียนก็เป็นลูกน้องของหลูฉีเหว่ย ผู้ชายทางด้านข้างที่ชื่อสวีเจี้ยนก็พูดหยอกล้อตามว่า “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉันได้ยินว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน คุณชายฉู่เหมือนจะโดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนี่นา?” “ขนาดคฤหาสน์หลังนั้น ตอนนี้ก็โดนยึดไปแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ทางด้านข้างต่างก็ทำหน้าดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหลือบมองฉู่เฉินแวบหนึ่งก็พากันหันหน้าไปทางอื่น เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางหลี่เฟิงกับสวีเจี้ยนแล้วพูดว่า “หลี่เฟิง สวีเจี้ยน พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง! ถึงยังไงฉู่เฉินก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเรา พวกนายไปซ้ำเติมเขาได้ยังไง!”ทั้งสองคนที่โดนเซี่ยฉีฉีถามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพากันมองไปทางหลูฉีเหว่ยเห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็นพระเอกของวันนี้ หลูฉีเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา หรี่ตามองฉู่เฉินโดยไม่พูดไม่จา “ช่างเถอะ ฉีฉี ไม่เป็นไรหรอก” ฉู่เฉินตบบ่าเซี่ยฉีฉีเบา
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง
การหลอมยาวิญญาณเซียนนั้น ไม่ใช่ว่ามีสูตรยาและวัตถุดิบยาแล้วจะทำได้ นั่นต้องอาศัยนักหลอมยาชั้นยอดเท่านั้นแม้แต่ในเก้าสวรรค์สิบพิภพ คนที่สามารถหลอมยาพลังวิญญาณนี้ออกมาได้มีน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่อย่างนั้นยาวิญญาณเซียนก็คงไม่เป็นที่ต้องการมากขนาดนั้น“เจ้าพูดจริงหรือ?”อวี้ลู่มีสีหน้าจริงจัง กล่าวย้ำถามกับฉู่เฉินอีกครั้งเพื่อความแน่ใจฉู่เฉินพยักหน้าหนักแน่นก่อนตอบว่า “แน่นอน ก็แค่ยาวิญญาณเซียนเม็ดเล็กๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องเล็กน้อย”เมื่อเห็นฉู่เฉินเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ อวี้ลู่ก็อดจ้องเขาด้วยความสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าสายตาของอวี้ลู่ราวกับจะมองทะลุตัวเอง ฉู่เฉินจึงกล่าวด้วยความสงสัย “พี่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นทำไม?”ดวงตาคู่สวยของอวี้ลู่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยขึ้น “ยามนี้ข้าสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วว่าเจ้าเป็นคนธรรมดาจากโลกมนุษย์จริงหรือไม่? เท่าที่ข้ารู้มา ในโลกมนุษย์ไม่มีบันทึกของยาวิญญาณเซียน แล้วเจ้ารู้สูตรยาได้อย่างไร?”“อีกอย่าง เจ้าคงไม่เคยหลอมยาวิญญาณเซียนมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมั่นใจนักว่าจะสามารถหลอมยาได้สำเร็จ?”“หรือว่า ภายในร่างกายของเจ้ายังมีอีกดวงวิญญาณหนึ่งอาศัย
“ข้า…”อวี้ลู่ยกมือเล็กขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงการตบครั้งก่อนที่เกือบทำให้ตนต้องจบชีวิตไป ในที่สุดก็ยอมแพ้แล้วฉู่เฉินใช้วิธีเดิมที่ทำเมื่อกี้นี้ หลังจากทำซ้ำหลายครั้ง มังกรคำรามหดตัวลงจนเหลือขนาดแค่หนึ่งนิ้วจากนั้นฉู่เฉินก็เรียนรู้วิธีของอวี้ลู่เพื่อให้มังกรคำรามกลับมาเป็นเหมือนเดิมหลังจากผ่านไปหลายครั้ง ในที่สุดฉู่เฉินก็สามารถควบคุมได้อย่างอิสระแล้วอินซู่ซู่ที่อยู่ข้างๆ มองตาค้าง ที่แท้แล้วนายท่านก็เก่งขนาดนี้เลยเหรอ?“นาย... นายท่าน ฉันก็อยากได้ของวิเศษแบบนี้บ้างค่ะ”อินซู่ซู่อดไม่ได้ที่จะพูดออกไปฉู่เฉินยังไม่ทันจะพูดอะไร อวี้ลู่ก็หัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเห็นเขาดูร่ำรวยถึงเพียงนั้นเลยหรือ? ทั้งตัวเขาก็มีแค่ของวิเศษระดับต่ำที่สุดเพียงชิ้นเดียว”ในฐานะที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เหยาฉือ ของวิเศษระดับเหลืองนั้นไม่เข้าตาอวี้ลู่เลยแม้แต่น้อย ถ้าโยนลงไปบนพื้น อวี้ลู่ก็คร้านจะก้มลงไปเก็บฉู่เฉินเหลือบมองอวี้ลู่ ก่อนจะมุ่ยปากกล่าวว่า “ถ้าพี่รวยมากนัก ก็เอาของมาแบ่งให้ทุกคนบ้างสิ?”อวี้ลู่ขมวดคิ้ว มองฉู่เฉินอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้าฝึกวิชาของสำนักใดมา? คงไม่
ในห้องหลอมอาวุธของวิลล่าเฟิ่งหมิง ฉู่เฉินกำลังตั้งใจหลอมกระบี่วิญญาณชิงหลงเมื่อกระบี่วิญญาณชิงหลงถูกหลอมรวม ในที่สุดกระบี่เล่มนั้นในมือของฉู่เฉินก็พัฒนาไปเป็นของวิเศษระดับเหลือง“ตูม!”มังกรตัวเล็กหนึ่งตัวเลื้อยอยู่บนตัวกระบี่สีครามฉู่เฉินถ่ายพลังวิญญาณเข้าตัวกระบี่ ทันใดนั้นปราณมังกรเพลิงก็ระเบิดออกไปไกลถึงสิบเมตรไม่เพียงเท่านี้ ของวิเศษระดับเหลืองนี้ยังเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณกับฉู่เฉิน ไม่ว่าจะเป็นคมกระบี่หรือการใช้ ล้วนคล่องแคล่วขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากแม้แค่การฟันธรรมดาๆ เพียงครั้งเดียว ก็สามารถเพิ่มผลลัพธ์ได้มากกว่าสิบเท่าฉู่เฉินประเมินกระบี่ยาวในมือแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องหลอมอาวุธมายังพื้นที่โล่งกว้างหลังภูเขา จากนั้นฉู่เฉินจึงฟันกระบี่ออกไปอย่างรุนแรงตูม!ในพริบตาเดียวพื้นดินก็แยกออกเป็นร่องยาวขนาดยี่สิบกว่าเมตรและลึกลงไปมากกว่าหนึ่งเมตรและในขณะที่ฉู่เฉินฟันกระบี่นั้น ราวกับมีมังกรคำรามดังสะเทือนทั่วทุกทิศทาง“มังกรคำราม?”แม้แต่ฉู่เฉินก็ยังรู้สึกตกใจเล็กน้อย!สามารถกล่าวได้ว่าเมื่อกี้ฉู่เฉินใช้พลังเพียงหนึ่งส่วนเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ท
กล่าวเสร็จหานอวี้ก็หันกายเดินไปทางหลังจวน เพิ่งจะถึงประตูก็หยุดฝีเท้าอย่างกะทันหัน แล้วหันกลับมากล่าวกับซ่งหนิงซวงว่า “ใช่แล้ว ศิษย์น้องเจ็ด ใบรับรองอะไรนั้นรีบส่งมาให้ฉันได้แล้ว ไม่อย่างนั้นการเข้า ๆ ออก ๆ จะสะดุดตาเกินไป”ซ่งหนิงซวงได้ยินแล้วก็ยิ้มยิงฟัน และเอาเล่มเล็ก ๆ สีฟ้าออกมายื่นให้หานอวี้พร้อมกล่าว “นี่เป็นใบรับรองแพทย์ส่วนตัวของฉัน รับไปสิ ศิษย์พี่ไม่เพียงเข้าออกจวนขุนพลได้อย่างสะดวก สถาบันทางการแพทย์ใหญ่ ๆ แต่ละแห่งก็สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระเช่นกัน”“ไม่เลวเลยทีเดียว”หานอวี้รับเอกสารมา และกล่าวพร้อมโบกมือให้ซ่งหนิงซวง “เดินทางระวังด้วยล่ะ ฉันได้ยินว่าตอนนี้คนจากวังเทียนเจี้ยนก็อยู่ที่มณฑลเจียงเช่นกัน ไม่มีเรื่องได้ก็อย่ามีเรื่องจะดีที่สุด”กล่าวเสร็จหานอวี้ก็รีบเดินไปยังด้านในที่พักซ่งหนิงซวงมองแผ่นหลังของหานอวี้อย่างเนิ่นนานแล้วจึงกวักมือเรียกทหารหญิงคนหนึ่งมาและกล่าว “ให้หลิ่วชิงเหอรีบมาถึงและรอที่ห้องโถงรับรองจวนขุนพล บ่ายวันนี้ร่วมเดินทางกลับไปยังเจียงจงพร้อมกับฉัน”“รับทราบค่ะ!”ทหารหญิงขานรับแล้วรีบวิ่งออกไปจากจวนขุนพลซ่งหนิงซวงก็กลับเข้าห้องของตัวเอง เปลี