เวรเอ๊ย!นั่นเป็นนางฟ้าในใจของพวกเขานะ! โดนฉู่เฉินทำลายแบบนี้!ในขณะที่ทุกคนปวดร้าวปานจะขาดใจ หลินรั่วเวยกลับเงยหน้ามองไปทางฉู่เฉินด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงอ่อนช้อยราวกับไม่มีกระดูกว่า “หมอเทวดาฉู่คะ ถ้าเกิดฉันรู้สึกไม่สบายตรงไหนอีก ฉันโทรศัพท์ไปหาคุณให้มารักษาที่บ้านฉันได้ไหมคะ?”“งั้นถ้าเกิดฉันอยากกินยาอีก ฉันไปหาคุณได้ไหมคะ?”พอพูดถึงตรงนี้ หลินรั่วเวยก็ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเขินอาย “ได้สิ” กิน?! หัวใจของทุกคนในที่แห่งนี้แทบจะระเบิดหมดแล้ว!แค่คำว่า “กิน” คำเดียว แต่...ครอบคลุมไปหมดทุกอย่างเลย ข่งลิ่งเจี๋ยเซ่อซ่าไปแล้ว ขนาดฮว่าจิ่วหยางก็ยังแขนสั่นเล็กน้อย “คุณหลิน โรคของคุณ...”หลินรั่วเวยยิ้มพลางเอ่ยกับฮว่าจิ่วหยางว่า “ผู้อาวุโสฮว่า ฉันรู้สึกว่าอาการป่วยของฉันหายดีแล้ว รบกวนคุณช่วยยืนยันอีกทีด้วยค่ะ” เธอพูดจบก็ควงแขนของฉู่เฉินเดินมาที่โต๊ะแพทย์ การกระทำเล็กน้อยนี้อยู่ในสายตาของข่งลิ่งเจี๋ย ทำให้เขาโกรธจนปอดแทบจะระเบิดแล้ว!ก่อนที่เขาจะเตะประตู ฉู่เฉินอาจจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ แต่หลังจากที่เขาเตะประตูแล้ว ฉู่เฉินแม่งเหมือนกับทำทุกอย่างที่เขาควรทำแ
เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
เหตุการณ์ในช่องไลฟ์สดเมื่อครั้งก่อนเพิ่งจะสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกระแสสังคมผลักขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?พอวางโทรศัพท์มือถือลง หลิ่วชิงเหอก็ไม่อาจสงบใจได้อีกเช่นกัน หรือว่าฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนั้นจริง ๆ? “ฮึ สวะอย่างฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้ยังไง จะต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินแน่ ๆ!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นเป้าหมายของอีกฝ่ายจะต้องอยากยืมมือของฉู่เฉินมากดดันฉู่ซื่อกรุ๊ปกับแม่ลูกตระกูลหลิ่วอย่างแน่นอน ต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ! แต่หลิ่วชิงเหอกลับเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินเหรอ? เป็นไปไม่ได้...” อันที่จริงในใจของเธอก็มีความมึนงงเช่นกัน ถึงแม้ฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรักษาแม้แต่โรคมะเร็งได้ง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?แต่ถ้าจะบอกว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินเป็นของปลอม นี่ก็ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ฉู่เฉินรักษาจนหายคนนั้นเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้เลยนะ
หลิ่วชิงเหอมองหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หรูเยียน แม่เคยบอกลูกตั้งนานแล้วว่าฉู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ถ้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานอย่างฉู่เฉิน ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีอะไรแตกต่างกันคะ เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกยัยแก่โจวเทียนเฟิ่งนั่นเลี้ยงดูอยู่จริง ๆ ก็ได้”“ฮึ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแค่โจวเทียนเฟิ่งคนเดียวจะปิดบังความจริงไว้ได้อีก?”“หนูอยากดูว่าพอถึงการแข่งขันระดับเมืองแล้ว ฉู่เฉินไม่มีนักแสดงช่วยหนุน เขายังจะรักษาภาพลักษณ์หมอเทวดาของเขาได้ยังไง!”ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลิ่วหรูเยียนพลันดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สวะอย่างข่งลิ่งเจี๋ย หลิ่วหรูเยียนก็โกรธจัด เธอปฏิเสธสายแล้วบล็อกข่งลิ่งเจี๋ยทันที“สวะ! สวะถึงขนาดที่เทียบกับไอ้สวะฉู่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ตะโกนอย่างบึ้งตึง หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งขึ้นชั้นสองด้วยความฉุนเฉียว เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงแค่นี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนให้ฉู่เฉินรู้สำนึกบ้าง!..... อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินพากู้รั่วเสวี่ยกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นก
ฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน” พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี นายยังเป็นคนสบาย ๆ เหมือนเดิมเลยนะ”สบาย ๆ?ทำไมฉู่เฉินจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นคนสบาย ๆ มากอันที่จริงนั่นเป็นเพียงการทำดีกับน้องสาวคนสวยไม่กี่คนในชั้นเรียนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แต่ฉู่เฉินขี้เกียจจะอธิบายเรื่องพวกนี้เช่นกัน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยให้เซี่ยฉีฉี“จริงสิ เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงรุ่นเล็ก ๆ ของเพื่อนสมัยม.ปลายของพวกเรา ถึงยังไงนายก็ไม่มีธุระอะไร ไม่สู้ไปเจอหน้าทุกคนด้วยกันดีกว่า ถึงยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนเก่าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะยังได้เกี่ยวข้องกันบ้าง” เซี่ยฉีฉีขับรถพลางเอ่ยแนะนำเรื่องของตระกูลฉู่ เธอเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ยินว่าหลังจากที่คุณพ่อฉู่คุณแม่ฉู่เกิดอุบัติเหตุ ฉู่เฉินก็โดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปบวกกับฉู่เฉินแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแม้แต่รถสำหรับใช้เดินทาง เซี่ยฉีฉีก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็มีจำกัด เธอถึงได้ค
“คุณชายฉู่? ยังมีคุณชายฉู่อะไรอีก เรียกว่าขอทานยังใกล้เคียงมากกว่า” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมองฉู่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าดูแคลน เขาชื่อหลี่เฟิง ตอนสมัยเรียนก็เป็นลูกน้องของหลูฉีเหว่ย ผู้ชายทางด้านข้างที่ชื่อสวีเจี้ยนก็พูดหยอกล้อตามว่า “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉันได้ยินว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน คุณชายฉู่เหมือนจะโดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนี่นา?” “ขนาดคฤหาสน์หลังนั้น ตอนนี้ก็โดนยึดไปแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ทางด้านข้างต่างก็ทำหน้าดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหลือบมองฉู่เฉินแวบหนึ่งก็พากันหันหน้าไปทางอื่น เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางหลี่เฟิงกับสวีเจี้ยนแล้วพูดว่า “หลี่เฟิง สวีเจี้ยน พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง! ถึงยังไงฉู่เฉินก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเรา พวกนายไปซ้ำเติมเขาได้ยังไง!”ทั้งสองคนที่โดนเซี่ยฉีฉีถามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพากันมองไปทางหลูฉีเหว่ยเห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็นพระเอกของวันนี้ หลูฉีเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา หรี่ตามองฉู่เฉินโดยไม่พูดไม่จา “ช่างเถอะ ฉีฉี ไม่เป็นไรหรอก” ฉู่เฉินตบบ่าเซี่ยฉีฉีเบา
ทั่วทั้งห้องหรือแม้แต่เซี่ยฉีฉีก็ยกแก้วเหล้าลุกขึ้นมาดื่มคารวะให้เขา มีเพียงฉู่เฉินคนเดียวที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในมุมห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉู่เฉิน นายทำอะไรน่ะ? ยังไม่รีบดื่มคารวะให้พี่เหว่ยอีก!” “ใช่แล้ว ถ้าเกิดพี่เหว่ยอารมณ์ดี บางทีอาจจะหางานในบริษัทที่บ้านพวกเขาให้นายทำก็ได้นะ” ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดกันเซ็งแซ่ พากันตำหนิฉู่เฉินว่าไม่รู้จักกาลเทศะเกินไปแล้ว “ขอโทษทีนะ ฉันไม่ดื่มเหล้าคุณภาพต่ำ” ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเฉยชาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ฉู่เฉินพูดออกมา ทั่วทั้งห้องส่วนตัวก็เงียบกริบอย่างน่าประหลาด บรรยากาศเย็นลงในชั่วพริบตา! “หัวหน้าห้อง ฉันคิดว่าฉู่เฉินเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นแน่ ๆ เขาแค่...”เซี่ยฉีฉีกำลังอยากอธิบายแทนฉู่เฉิน หลูฉีเหว่ยกลับยิ้มหยันพลางวางแก้วเหล้าลงแล้วพูดตัดบทว่า “ฉีฉี นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมว่าคุณชายฉู่ของพวกเรายังนึกว่าตัวเองเป็นคุณชายของฉู่ซื่อกรุ๊ปอยู่สินะ”“ดูท่าวันนี้ต้องสั่งสอนบทเรียนทางสังคมให้คุณชายฉู่ดี ๆ หน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเอาแต่ไม่เข้าใจสถานะของตัวเองแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใ
“ไอ้ขี้ขลาด!” หลูฉีเหว่ยกลอกตาใส่ฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนแล้วพูดพลางยิ้มหยันว่า “ถ้าเกิดผู้หญิงคนไหนอยู่กับนาย คงโชคร้ายไปแปดชาติจริง ๆ” พวกหลี่เฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็พากันพูดเยาะเย้ยว่า “คุณชายฉู่ ต่อให้ไม่มีตระกูลฉู่เป็นแบ็คใหญ่ นายก็ไม่เห็นต้องขี้ขลาดแบบนี้เลยนะ?”“นั่นสิ เห็นแฟนตัวเองถูกคนรังแกแต่ไม่กล้าลงมือ นี่ยังถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?”“เฮ้อ ฉีฉี ฉันว่าเธออยู่ห่าง ๆ คนอย่างฉู่เฉินหน่อยดีกว่า คนแบบเขาพึ่งพาไม่ได้หรอก ถ้าเกิดวันไหนเธอถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าเขา คาดว่าเขาคงไม่กล้าเข้าไปห้ามหรอก”ทุกคนพากันพูดขึ้นมา เซี่ยฉีฉีฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหูอย่างแรง! เธอเชื่อว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนแบบที่พวกเขาพูด นอกจากนี้เธอก็เชื่อการตัดสินใจของฉู่เฉินเช่นกัน สถานเริงรมย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันเช่นนี้ ระวังตัวหน่อยย่อมใช่เรื่องผิด“พวกนายพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ฉู่เฉินก็แค่หวังดี ฉันว่าเชื่อฉู่เฉินดีกว่านะ พวกเราเปลี่ยนที่เล่นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วกล่าว “ฮ่า ๆ ฉีฉี เธอวางใจได้เลย มีพี่เหว่ยอยู่ พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามหรอก จริงไหม พี่เหว่ย?” หลี่เ
เหมือนสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง พิธีกรสาวสวยรีบยกมือข้างหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ ในขณะที่ผมตรงหน้าผากของเธอสะบัดอย่างแรง ม่านบนเวทีก็สั่นไหวเป็นจังหวะเช่นกัน“ต่อไปของเชิญทุกท่าน...”“อ๊า!”“เชิญทุกท่าน...”“อือ...”สาวสวยอีกคนที่ยืนอยู่หน้าเวทีก็งงงวย นี่... นี่มันเสียงอะไรกัน?ไม่เพียงแต่เธอจะตกตะลึงเท่านั้น แต่ผู้ชมทุกคนก็ตกตะลึงเช่นกันม่านสั่นอย่างรุนแรง และเห็นร่างเลือนรางของคนสองคนยืนอยู่ด้านหลังม่านดูเหมือนว่าจะได้ยินเสียงกระทบกันเป็นระยะๆนี่มันเรื่องอะไรกัน?ขณะที่ทุกคนกำลังมองหน้ากันเพื่อพยายามหาคำตอบ จู่ๆ ก็มีเสียงปังดังขึ้นมือของพิธีกรเด็กสาวอีกคนกดสวิตช์ไฟโพรเจกเตอร์โดยไม่ได้ตั้งใจ และลำแสงก็ส่องออกมาโดยตรงจากด้านหลังของฉู่เฉินและพิธีกรสาวสวยวินาทีต่อมา เงาอันสั่นไหวสองร่างปรากฏขึ้นบนม่านตรงกลางเวที“ฉิบหาย!”“นี่มันเรื่องเชี่ยอะไรเนี่ย?”“นะ... นี่มันรายการพิเศษเหรอ?”แทบจะทุกคนตกตะลึงกับฉากบนม่านเด็กสาวบนเวทีก็เกิดอาการตื่นตระหนกและรีบวิ่งไปที่หลังเวทีเพื่อปิดไฟโพรเจกเตอร์แต่เมื่อเขาเข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าพิธีกรสาวสวยหลับตาปี๋ เธอใช้มือเล็กๆ ข้าง
ยาเม็ดอยู่ในมือ หลิวจิ่งหงราวกับว่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาได้ ยกมือเล็กๆ ของเฉียนเจียวเจียวขึ้นมา หันหน้าไปจูบปากเล็กของเธอหืม?หลิวจิ่งหงรู้สึกถึงความผิดปกติ ถามขึ้นมาด้วยความอึดอัดใจ “ปากของคุณทำไมทั้งร้อนทั้งเค็มแบบนี้?”เฉียนเจียวเจียวถูกถามแบบนี้ก็ใจสั่น เธอกลืนน้ำลายลงไป “เอ๋? ฉัน... เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปดื่มน้ำผึ้งมาค่ะ น่าจะเป็นเพราะ... เพราะน้ำผึ้งนะคะ?”หลิวจิ่งหงพยักหน้า ไม่ได้สงสัยอะไรอีก หลังจากนั้นเขาก็หันหลังดึงเฉียนเจียวเจียว และหลี่ว์เจิ้งหยางและคนอื่นๆ ออกไปจากงานประมูลของประมูลอีกไม่กี่ชิ้นที่เหลือ ฉู่เฉินก็ไม่มีอารมณ์ดูอีกต่อไป เขาและอวี้ลู่เดินออกมาจากงานประมูลพร้อมกันหลินชือหย่าก็เดินมาจากข้างหลังเวที เดินเข้ามาในห้องโถง ในขณะที่เธอต้องการขึ้นไปแสดงความรักกับฉู่เฉิน สักพักเลขาก็วิ่งมาอย่างรวดเร็วแล้วกระซิบอะไรบางอย่างที่หูของหลินชือหย่า“โอเค ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”พูดจบ หลินชือหย่าก็รีบเดินตามฉู่เฉินไป “ฉู่เฉิน ฉันต้องกลับไปที่บริษัทก่อนนะคะ มีประชุมสำคัญน่ะค่ะ ฉันจะต้องขัดขวางไม่ให้หลินฟางเจิ้งได้เปิดการประชุม ดังนั้นคงจะไปเป็
เมื่อเห็นหญิงสาวในชุดขาวที่คอยติดตามฉู่เฉินมาโดยตลอด เฉียนเจียวเจียวก็กลัวและรีบเอามือปิดหน้าสีชมพูของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างเร็วที่สุดจะเป็นชู้ใครก็ต้องรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวบ้างแม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้หญิงคนแรก แต่เธอก็มีอันดับสูงกว่าเฉียนเจียวเจียวอย่างแน่นอน ควรหลีกเลี่ยงหากเป็นไปได้เมื่อเฉียนเจียวเจียววิ่งออกไปไกลแล้ว อวี้ลู่ก็ขมวดคิ้วแน่นพร้อมถามขึ้นมาว่า “พวกเจ้า... เมื่อกี้พวกเจ้าทำอะไรกัน?”หืม?นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เฉินถูกเธอถามจนตอบไม่ถูกคำถามนี้เขาจะตอบอย่างไรดี?นั่นไม่ใช่เพราะอวี้ลู่ไร้เดียงสา แม้ว่าเธอจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่อายุกว่าพันปี แต่เธอไม่เคยพบเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเมื่อเปรียบเทียบสิ่งที่หลากหลายในโลกมนุษย์แล้ว โลกเซียนนั่นจืดชืดกว่ามากแม้ว่ามังกรเฒ่าจะหลับนอนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่การหลับนอนปกติ ส่วนเรื่องการใช้ปากแบบนี้ไม่เคยมีมาก่อนอวี้ลู่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ที่ทั้งวันเอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เหยาฉือตั้งใจบำเพ็ญเพียร แน่นอนว่าเธอไม่เข้าใจเรื่องพรรค์นี้“เอ่อ... เธอปากแห้งน่ะครับ ผมช่วยเติมความชุ่มชื้น”ฉู่เฉินพู
ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้เฉียนเจียวเจียวกลับฉี่ราดไม่ใช่เพราะดื่มน้ำมากเกินไป แต่เพราะถูกหลิวจิ่งหงลูบไล้จนหน้าอกจะเป็นมันเงาอยู่แล้วปรากฏว่าหลิวจิ่งหง ผู้ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเจ้าชู้ แต่ไม่เคยลงมือทำอะไรจริงจังเลยใครมันจะไปรับได้?เธอแฉะไปหมดแล้ว หากยังไม่ไปห้องน้ำเธอคงจะรักษาหน้าไม่อยู่แน่นอนเฉียนเจียวเจียวควบเท้าไป ไม่แม้แต่จะทักทายหลิวจิ่งหง แต่ฉู่เฉินก็สังเกตเห็นความผิดปกตินี้ได้“เอาล่ะทุกคน เราอย่าไปทำให้คุณชายหลิวลำบากใจเลยครับ เขาจนมากพอแล้ว รูดบัตรเถอะครับ”หลังจากนั้นฉู่เฉินก็รูดบัตรหนึ่งหมื่นห้าพันล้านภายใต้การจับจ้องของทุกคน หลินชือหย่าคลั่งไคล้ฉู่เฉินมากๆ นอกจากราคาประมูลครั้งสุดท้ายของกระถางเก้าดารา ฉู่เฉินก็ไม่ได้จ่ายเงินสักแดงเดียว อีกทั้งเขายังช่วยตระกูลหลินทำเงินมหาศาลนี่มันเร็วกว่าการพิมพ์ธนบัตรเสียอีก“ขอโทษด้วยครับ ผมดื่มน้ำเยอะไปหน่อย ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”รูดบัตรเสร็จ ฉู่เฉินก็ปลีกตัวออกมาจากฝูงชน เขาลูบลูกแพร์ของพิธีกรสาวสวย เขาถึงจะเดินมาทางห้องน้ำด้วยความมั่นอกมั่นใจพิธีกรสาวถึงกับมึนงงเมื่อกี้... เมื่อกี้สุดหล่อผู้ร่ำรวยเหมือนจะจับหน้าอ
ฮ่าๆๆ...ทุกคนต่างพากันหัวเราะลั่นอีกครั้งไอ้กระจอก!“หนึ่งหมื่นสามพันล้านบาทถ้วน...”เสียงของหลิวจิ่งหงสั่นเครือขณะที่น้ำกระเซ็นลงมา และตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ไม่สัมผัสมาก่อนอย่างแท้จริง! “ติ้ดๆ จำนวนเงินของท่านไม่เพียงพอ”เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือน หลิวจิ่งหงก็รู้ทันทีว่าเงินในบัตรของเขาเหลือแค่ห้าร้อยล้านเท่านั้นฉิบหาย!ไม่มีเงินแล้ว!“ว๊า คุณชายหลิวไม่มีเงินแล้วจริงๆ เหรอเนี่ย? หากรู้ก่อนว่าตระกูลหลิวจนขนาดนี้ ผมคงจะไม่ล้อเล่นกับคุณชายหลิวแบบนี้ เงินแค่ไม่กี่พันล้านบาทก็จ่ายไม่ไหว มันน่าผิดหวังจริงๆ นะครับเนี่ย”ฉู่เฉินพยักหน้ารัวๆ พร้อมทั้งถอนหายใจหลิวจิ่งหงโกรธจนกล้ามเนื้อจนเนื้อของเขาเต็มไปด้วยโทสะ การเงินของเขาจะแพ้ให้กับไอ้แมงดาฉู่เฉินนั่นได้อย่างไร?“ขอเวลาฉันสองนาที!”พูดจบ หลิวจิ่งหงก็ต่อสายโทรศัพท์ออกไปหลังจากการแลกเปลี่ยนกันสั้นๆ หลิวจิ่งหงดูเหมือนว่าจะกลับมามีความมั่นใจอีกครั้งและตะโกนเสียงดังว่า “รูดบัตร!”ตามมาด้วยเสียงแจ้งเตือน หนึ่งหมื่นสามพันล้านก็ถูกรูดออกไปในขณะนั้นเอง หลินชือหย่าที่อยู่ด้านล่างก็เกือบจะหัวเราะลั่นออกมานี่เป็นงานประ
ไม่มีเงินเหรอ?สามคำนี้ไม่ใช่แค่กำลังเพียงดูถูกดูแคลนหลิวจิ่งหง แต่เป็นดูถูกดูแคลนคนตระกูลหลิว!“โอเคค่ะ”พิธีกรสาวสวยคว้าเครื่องโพสจากพนักงานข้างๆ เธอสั่นหน้าอกใหญ่และบั้นท้ายของเธอ แล้วเดินไปหาฉู่เฉินด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุภาพบุรุษที่มีอนาคตเหมือนฉู่เฉินไม่ใช่จะพบเจอได้ในทุกวันแม้ว่าจะมาเพื่อเข้าร่วมงานประมูล แต่คนจำนวนไม่น้อยมาเพราะอยากหลับนอนกับพิธีกรสาวสวยต่างหากแต่คนเหล่านั้นถ้าไม่ใช่ตาแก่หัวงูที่อายุอานามสี่ห้าสิบ ก็เป็นพวกลูกหลานเศรษฐีที่เอาแต่พึ่งพาครอบครัว ไม่ได้ประสบความสำเร็จด้วยตัวเองแต่ฉู่เฉินเขาเป็นคนประสบความสำเร็จมีเงินมหาศาลคนแรกของตระกูล นั่นแหละคือข้อแตกต่างของพวกเขาสมมุติว่าสามารถสนิทสนมกับฉู่เฉินได้มากกว่านี้ หาสถานที่ที่ไม่มีใคร แสดงเทคนิคการใช้ปากของเธอ หรือว่าคิดท่าทางใหม่ๆ นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สุดยอดมากๆ แล้ว“หยุด!”หลิวจิ่งหงโกรธจนหน้าเขียวแม่งเอ๊ย ในมณฑลนี้มีใครกว่าบอกว่าตระกูลหลิวไม่มีเงินบ้าง?นี่แทบจะเหมือนด่าตระกูลหลิวต่อหน้าต่อตาพวกเขาเลย!“คุณชายหลิว คุณยังมีเงินเหลืออยู่ไหมครับ?ฉู่เฉินพูดขึ้นมาพร้อมด้วยรอยยิ้มยียวนกวนประสาท “แ
เขาใช้เงินกว่าร้อยกว่าล้านไปกับประมูลดอกไม้และของเก่าต่างๆในเมื่อเป็นสมบัติล้ำค่า แน่นอนว่าการเสนอราคาก็จะดุเดือดเป็นธรรมดา โดยเฉพาะฉู่เฉินที่เสนอราคาให้สูงลิบลิ่ว แม้ว่าจะใช้เงินประมูลไปร้อยกว่าล้านก็ไม่รับประกันว่าจะสามารถครอบครองสิ่งนั้นได้แต่เขาก็ครุ่นคิดอีกครั้ง ฉู่เฉินมันก็แค่ไอ้แมงดา เขาไม่อยากจะเชื่อว่าฉู่เฉินจะท้าทายเขาขนาดนี้!เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิวจิ่งหงก็ชูป้ายขึ้นมาทันที “สองพันห้าร้อยล้านบาทถ้วน!”คำพูดนี้ออกไป เหล่าสาธารณชนที่อยู่ข้างล่างเวทีต่างพากันสูดลมหายใจเหน็บหนาว ราคาเริ่มต้นที่ห้าร้อยล้าน หลิวจิ่งหงเสนอราคาไปสองพันห้าร้อยล้าน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากให้คนอื่นเสนอราคาแข่งกับเขาสักพักสายตาของทุกคนก็หันไปมองฉู่เฉินนัยน์ตางดงามของพิธีกรก็มองไปทางฉู่เฉินเช่นกันหากได้รับราคาประมูลยิ่งสูง ส่วนแบ่งที่เธอจะได้ก็จะยิ่งเยอะเข้าไปอีก แม้ว่าฉู่เฉินจะทำเพื่อความสนุก แต่เธอก็ได้รับประโยชน์มาไม่น้อยเช่นกันฉู่เฉินปอกส้มเป็นชิ้นแล้วใส่เข้าปาก จากนั้นหยิบป้ายประมูลขึ้นมาอย่างช้าๆ แล้วพูดว่า “ห้าพันล้านบาทถ้วน”ซี้ดๆ !ทุกคนที่อยู่ในงานต่างพากันจับจ้องฉู่เฉินอย่างตะล
“เจ้ารู้จักกระถางเก้าดาราด้วยหรือ?”อวี้ลู่มองไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาที่ประหลาดใจกระถางเก้าดาราเป็นสิ่งที่หายากแม้แต่โลกเซียนเอง และยังเป็นของวิเศษสำคัญที่ใช้จัดเตรียมค่ายกลเก้าดาราสังหารอีกด้วยพลังของค่ายกลเก้าดาราสังหารแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปราณของแต่ละบุคคลอีกด้วย เช่นเดียวกับฉู่เฉินตอนนี้ หากเขาสร้างค่ายกลเก้าดาราสังหารขึ้นมา เขาก็สามารถฆ่าคนที่อยู่ระดับเดียวกับเขาได้ทันทีแม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่เก่งกว่าเขาสองระดับ เขาก็สามารถทำได้ทั้งโจมตีและป้องกัน หากจำนวนของฝ่ายตรงข้ามไม่มากเกินไป เขาก็สามารถฆ่าได้ตามใจ“แปลกใจเหรอครับ?”ฉู่เฉินคลี่ยิ้มนิ่งๆ ให้กับอวี่ลู่ วิชาของมังกรเฒ่าครอบคลุมทุกสิ่งจะไม่มีได้อย่างไร?แม้ว่ากระถางเก้าดาราจะไม่ได้มีประโยชน์กับฉู่เฉินในตอนนี้มากนัก แต่ในภายภาคหน้าเขาจะต้องได้ใช้แน่นอน เพราะอย่างไรฉู่เฉินก็ไม่อาจมั่นใจได้ว่าเขาจะไปทำให้ผู้มีอิทธิพลคนไหนไม่พอใจหรือไม่และคนที่อยู่ข้างกายเขาจำเป็นต้องได้รับการปกป้องเสมอค่ายกลเก้าดาราสังหารเป็นตัวเลือกที่ไม่แย่“ต่อไปคือสินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ นั่นคือภาพวาดราชาสวรรค์ประทานโอร
หลินชือหย่าพยักหน้าแรง ๆ แล้วเอ่ยด้วยความกังวลใจเล็กน้อย “ฉู่เฉิน เมื่อกี้คุณล่วงเกินหลิวจิ่งหงไปแล้ว ฉันเป็นห่วงว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับคุณจริง ๆ”ถ้าเกิดบอกว่าตอนที่อยู่ชั้นหนึ่งเป็นเพียงการตบหน้าหลิวจิ่งหงด้วยคำพูด เช่นนั้นเมื่อกี้ ฉู่เฉินก็แตะขีดจำกัดล่างของตระกูลหลิวแล้ว ถึงแม้เธอไม่รู้ว่าฉู่เฉินเตะแรงแค่ไหน แต่ดูจากสภาพของหลิวจิ่งหง เกรงว่าอสุจิของรุ่นถัดไปคงจะไหลจนแห้งเหือดหมดแล้ว ฐานะของตระกูลหลิวในเมืองเอกของมณฑลไม่ใช่แค่อาศัยความสำเร็จในแวดวงธุรกิจเท่านั้น ได้ยินว่าตระกูลหลิวยังเป็นลูกศิษย์นอกสำนักอะไรสักแห่งด้วยเมื่อหลายปีก่อน หลิวฮ่าวฮุยบิดาของหลิวจิ่งหงก็อาศัยพลังยุทธ์บดขยี้โลกใต้ดินแทบจะทั่วทั้งเมืองเอกของมณฑล ถึงได้สร้างอาณาเขตธุรกิจของตระกูลหลิวในปัจจุบันถ้าตระกูลหลิวพุ่งเป้ามาที่ฉู่เฉิน ผลที่ตามมานั้นไม่กล้าจินตนาการจริง ๆ“ไม่เป็นไร ตระกูลหลิวแล้วยังไง ตราบใดที่พวกเขากล้ามา ผมก็กล้าฝังมัน!” ฉู่เฉินหัวเราะหยัน เอ่ยอย่างเรียบนิ่งว่า “จำไว้นะ คุณเป็นผู้หญิงของฉู่เฉิน ในโลกนี้ ใครก็ทำร้ายคุณไม่ได้ทั้งนั้น”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของฉู่เฉิน หลินชือหย่าอดไม่ได้ที่จ