เมื่อเห็นตัวเองกลายเป็นเป้าโจมตีของทุกคน ข่งลิ่งเจี๋ยก็ฝืนยิ้ม เดินเข้าไปใกล้ฉู่เฉินแล้วพูดว่า “คุณฉู่ พวกเราไม่มีความแค้นต่อกัน ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้หรอกใช่ไหม?”“เป็นคนก็หัดเหลือทางรอดไว้ เผื่อวันหน้าได้พบกันใหม่” ข่งลิ่งเจี๋ยพูดพลางชี้ไปยังป้ายคุมสอบบนตัว ราวกับกำลังข่มขู่ฉู่เฉิน เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ยิ้ม มองข่งลิ่งเจี๋ยอย่างละเอียดด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “วันหน้า? คุณคิดว่าระหว่างพวกเรายังมีความจำเป็นต้องพบกันอีกเหรอ? ไม่มีใครติดหนี้ผมได้ทั้งนั้น!” “เวลาของทุกคนมีค่ามาก ผู้คุมสอบข่งรีบทำให้เร็วที่สุดด้วยครับ” ฉู่เฉินพูดจบก็เอามือสองข้างไพล่หลัง ยืนตัวตรงพลางเชิดคางขึ้นสูง ฉู่เฉินไม่มีทางเมตตาให้กับคนอย่างข่งลิ่งเจี๋ย คนที่เลียแข้งเลียขาหลิ่วหรูเยียนคู่ควรทำตัวหยิ่งยโสต่อหน้าเขาด้วยเหรอ? “นาย...ไอ้คนแซ่ฉู่!” ข่งลิ่งเจี๋ยกำลังคิดจะเอ่ยปากข่มขู่ฉู่เฉินต่อ เขากลับพบว่าฮว่าจิ่วหยางจ้องมองตนด้วยสีหน้าทะมึน ซี้ด!ข่งลิ่งเจี๋ยอดรู้สึกหนาวสันหลังไม่ได้ เขาฝืนข่มกลั้นโทสะในใจ แล้วคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ “คุณฉู่ ขอโทษด้วยครับ ผมไม่ควรสงสัยในวิชาแพทย์ของคุณ”
เหตุการณ์ในช่องไลฟ์สดเมื่อครั้งก่อนเพิ่งจะสงบลงไปบ้างแล้ว แต่ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกกระแสสังคมผลักขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้?พอวางโทรศัพท์มือถือลง หลิ่วชิงเหอก็ไม่อาจสงบใจได้อีกเช่นกัน หรือว่าฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนั้นจริง ๆ? “ฮึ สวะอย่างฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์สูงส่งขนาดนี้ได้ยังไง จะต้องมีคนคอยควบคุมอยู่เบื้องหลัง ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินแน่ ๆ!” หลิ่วหรูเยียนโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ก่อนจะกำหมัดแน่นเป้าหมายของอีกฝ่ายจะต้องอยากยืมมือของฉู่เฉินมากดดันฉู่ซื่อกรุ๊ปกับแม่ลูกตระกูลหลิ่วอย่างแน่นอน ต่ำช้าไร้ยางอายจริง ๆ! แต่หลิ่วชิงเหอกลับเอ่ยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่า “ติดสินบนฮว่าจิ่วหยางมาเป็นผู้รับรองให้ฉู่เฉินเหรอ? เป็นไปไม่ได้...” อันที่จริงในใจของเธอก็มีความมึนงงเช่นกัน ถึงแม้ฉู่เฉินจะมีวิชาแพทย์อยู่บ้าง แต่ยังไม่ถึงขั้นรักษาแม้แต่โรคมะเร็งได้ง่าย ๆ หรอกใช่ไหม?แต่ถ้าจะบอกว่าวิชาแพทย์ของฉู่เฉินเป็นของปลอม นี่ก็ไม่สมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง เด็กสาวที่ฉู่เฉินรักษาจนหายคนนั้นเป็นคนดังบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้เลยนะ
หลิ่วชิงเหอมองหลิ่วหรูเยียนที่โกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่แวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “หรูเยียน แม่เคยบอกลูกตั้งนานแล้วว่าฉู่เฉินในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนมาก ถ้าจะจัดการไอ้เดรัจฉานอย่างฉู่เฉิน ต้องระมัดระวังให้มาก ๆ”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “มีอะไรแตกต่างกันคะ เขาก็แค่โชคดีเท่านั้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกยัยแก่โจวเทียนเฟิ่งนั่นเลี้ยงดูอยู่จริง ๆ ก็ได้”“ฮึ หนูไม่เชื่อหรอกว่าแค่โจวเทียนเฟิ่งคนเดียวจะปิดบังความจริงไว้ได้อีก?”“หนูอยากดูว่าพอถึงการแข่งขันระดับเมืองแล้ว ฉู่เฉินไม่มีนักแสดงช่วยหนุน เขายังจะรักษาภาพลักษณ์หมอเทวดาของเขาได้ยังไง!”ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของหลิ่วหรูเยียนพลันดังขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นไอ้สวะอย่างข่งลิ่งเจี๋ย หลิ่วหรูเยียนก็โกรธจัด เธอปฏิเสธสายแล้วบล็อกข่งลิ่งเจี๋ยทันที“สวะ! สวะถึงขนาดที่เทียบกับไอ้สวะฉู่เฉินไม่ได้ด้วยซ้ำ!”หลังจากที่ตะโกนอย่างบึ้งตึง หลิ่วหรูเยียนก็วิ่งขึ้นชั้นสองด้วยความฉุนเฉียว เรื่องในวันนี้ไม่มีทางจบลงแค่นี้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสั่งสอนให้ฉู่เฉินรู้สำนึกบ้าง!..... อีกทางด้านหนึ่ง ฉู่เฉินพากู้รั่วเสวี่ยกลับไปที่คฤหาสน์ เมื่อเห็นก
ฉู่เฉินยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ถึงยังไงฉันก็ไม่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องทำ ถือว่านั่งรถเล่นละกัน” พอได้ยินคำพูดนี้ เซี่ยฉีฉีก็ยิ้มอย่างเขินอายแล้วพูดว่า “ไม่เจอกันหลายปี นายยังเป็นคนสบาย ๆ เหมือนเดิมเลยนะ”สบาย ๆ?ทำไมฉู่เฉินจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเป็นคนสบาย ๆ มากอันที่จริงนั่นเป็นเพียงการทำดีกับน้องสาวคนสวยไม่กี่คนในชั้นเรียนเท่านั้นเองไม่ใช่เหรอ? แต่ฉู่เฉินขี้เกียจจะอธิบายเรื่องพวกนี้เช่นกัน เขาเพียงแต่ส่งยิ้มอย่างไม่มีพิษภัยให้เซี่ยฉีฉี“จริงสิ เดี๋ยวจะมีงานเลี้ยงรุ่นเล็ก ๆ ของเพื่อนสมัยม.ปลายของพวกเรา ถึงยังไงนายก็ไม่มีธุระอะไร ไม่สู้ไปเจอหน้าทุกคนด้วยกันดีกว่า ถึงยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนเก่าด้วยกันทั้งนั้น ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะยังได้เกี่ยวข้องกันบ้าง” เซี่ยฉีฉีขับรถพลางเอ่ยแนะนำเรื่องของตระกูลฉู่ เธอเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้ยินว่าหลังจากที่คุณพ่อฉู่คุณแม่ฉู่เกิดอุบัติเหตุ ฉู่เฉินก็โดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปบวกกับฉู่เฉินแต่งตัวธรรมดา ไม่มีแม้แต่รถสำหรับใช้เดินทาง เซี่ยฉีฉีก็อดเกิดความสงสารไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรความสามารถของเธอก็มีจำกัด เธอถึงได้ค
“คุณชายฉู่? ยังมีคุณชายฉู่อะไรอีก เรียกว่าขอทานยังใกล้เคียงมากกว่า” ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในมุมห้องมองฉู่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าดูแคลน เขาชื่อหลี่เฟิง ตอนสมัยเรียนก็เป็นลูกน้องของหลูฉีเหว่ย ผู้ชายทางด้านข้างที่ชื่อสวีเจี้ยนก็พูดหยอกล้อตามว่า “ใครว่าไม่ใช่ล่ะ ฉันได้ยินว่านับตั้งแต่ที่ตระกูลฉู่เกิดเรื่องเมื่อสามปีก่อน คุณชายฉู่เหมือนจะโดนไล่ออกจากคณะกรรมการของฉู่ซื่อกรุ๊ปแล้วนี่นา?” “ขนาดคฤหาสน์หลังนั้น ตอนนี้ก็โดนยึดไปแล้ว” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้หญิงหลายคนที่อยู่ทางด้านข้างต่างก็ทำหน้าดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหลือบมองฉู่เฉินแวบหนึ่งก็พากันหันหน้าไปทางอื่น เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วมุ่นมองไปทางหลี่เฟิงกับสวีเจี้ยนแล้วพูดว่า “หลี่เฟิง สวีเจี้ยน พวกนายทำแบบนี้ได้ยังไง! ถึงยังไงฉู่เฉินก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนของพวกเรา พวกนายไปซ้ำเติมเขาได้ยังไง!”ทั้งสองคนที่โดนเซี่ยฉีฉีถามก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะพากันมองไปทางหลูฉีเหว่ยเห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็นพระเอกของวันนี้ หลูฉีเหว่ยยิ้มอย่างเย็นชา หรี่ตามองฉู่เฉินโดยไม่พูดไม่จา “ช่างเถอะ ฉีฉี ไม่เป็นไรหรอก” ฉู่เฉินตบบ่าเซี่ยฉีฉีเบา
ทั่วทั้งห้องหรือแม้แต่เซี่ยฉีฉีก็ยกแก้วเหล้าลุกขึ้นมาดื่มคารวะให้เขา มีเพียงฉู่เฉินคนเดียวที่นั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ในมุมห้องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ฉู่เฉิน นายทำอะไรน่ะ? ยังไม่รีบดื่มคารวะให้พี่เหว่ยอีก!” “ใช่แล้ว ถ้าเกิดพี่เหว่ยอารมณ์ดี บางทีอาจจะหางานในบริษัทที่บ้านพวกเขาให้นายทำก็ได้นะ” ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ต่างพูดกันเซ็งแซ่ พากันตำหนิฉู่เฉินว่าไม่รู้จักกาลเทศะเกินไปแล้ว “ขอโทษทีนะ ฉันไม่ดื่มเหล้าคุณภาพต่ำ” ฉู่เฉินตอบกลับอย่างเฉยชาโดยที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาทันทีที่ฉู่เฉินพูดออกมา ทั่วทั้งห้องส่วนตัวก็เงียบกริบอย่างน่าประหลาด บรรยากาศเย็นลงในชั่วพริบตา! “หัวหน้าห้อง ฉันคิดว่าฉู่เฉินเขาไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นแน่ ๆ เขาแค่...”เซี่ยฉีฉีกำลังอยากอธิบายแทนฉู่เฉิน หลูฉีเหว่ยกลับยิ้มหยันพลางวางแก้วเหล้าลงแล้วพูดตัดบทว่า “ฉีฉี นี่ไม่ใช่เรื่องของคุณ ผมว่าคุณชายฉู่ของพวกเรายังนึกว่าตัวเองเป็นคุณชายของฉู่ซื่อกรุ๊ปอยู่สินะ”“ดูท่าวันนี้ต้องสั่งสอนบทเรียนทางสังคมให้คุณชายฉู่ดี ๆ หน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเอาแต่ไม่เข้าใจสถานะของตัวเองแบบนี้ต่อไปจะต้องเกิดการสูญเสียครั้งใ
“ไอ้ขี้ขลาด!” หลูฉีเหว่ยกลอกตาใส่ฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนแล้วพูดพลางยิ้มหยันว่า “ถ้าเกิดผู้หญิงคนไหนอยู่กับนาย คงโชคร้ายไปแปดชาติจริง ๆ” พวกหลี่เฟิงที่อยู่ทางด้านข้างก็พากันพูดเยาะเย้ยว่า “คุณชายฉู่ ต่อให้ไม่มีตระกูลฉู่เป็นแบ็คใหญ่ นายก็ไม่เห็นต้องขี้ขลาดแบบนี้เลยนะ?”“นั่นสิ เห็นแฟนตัวเองถูกคนรังแกแต่ไม่กล้าลงมือ นี่ยังถือว่าเป็นผู้ชายแบบไหนกัน?”“เฮ้อ ฉีฉี ฉันว่าเธออยู่ห่าง ๆ คนอย่างฉู่เฉินหน่อยดีกว่า คนแบบเขาพึ่งพาไม่ได้หรอก ถ้าเกิดวันไหนเธอถูกคนอื่นรังแกต่อหน้าเขา คาดว่าเขาคงไม่กล้าเข้าไปห้ามหรอก”ทุกคนพากันพูดขึ้นมา เซี่ยฉีฉีฟังแล้วรู้สึกไม่รื่นหูอย่างแรง! เธอเชื่อว่าฉู่เฉินไม่ใช่คนแบบที่พวกเขาพูด นอกจากนี้เธอก็เชื่อการตัดสินใจของฉู่เฉินเช่นกัน สถานเริงรมย์ที่มีคนดีคนเลวปะปนกันเช่นนี้ ระวังตัวหน่อยย่อมใช่เรื่องผิด“พวกนายพูดให้น้อยลงหน่อยเถอะ ฉู่เฉินก็แค่หวังดี ฉันว่าเชื่อฉู่เฉินดีกว่านะ พวกเราเปลี่ยนที่เล่นก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง?”เซี่ยฉีฉีขมวดคิ้วกล่าว “ฮ่า ๆ ฉีฉี เธอวางใจได้เลย มีพี่เหว่ยอยู่ พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามหรอก จริงไหม พี่เหว่ย?” หลี่เ
แค่สายตาก็ทำให้พวกหลี่เฟิงตกใจกลัวจนรีบก้มหน้า ไม่กล้าสบตา แล้วเถียนลู่ลู่ควงแขนของหลูฉีเหว่ยแล้วเอ่ยปากพูดอย่างดูแคลนว่า “แฟนฉันเป็นคนต่อยเอง ทำไมคะ คุณยังกล้าหาเรื่องลูกศิษย์ของปรมาจารย์โจวอีกเหรอ?” หลูฉีเหว่ยได้ยินคำกล่าวก็ยืดเอวขึ้นนั่งตัวตรงบนโซฟา ทำหน้ายิ้มหยันพลางสบตากับเจิ้งหู่ “ปรมาจารย์?” เจิ้งหู่หัวเราะหยันทีหนึ่ง ก่อนจะปรบมือเบา ๆ สองครั้งไปทางหน้าประตู ไม่นานก็มีชายวัยกลางคนสวมชุดฝึกกังฟูไว้ทรงผมเกรียนเดินเข้ามาในห้องส่วนตัว แค่ออร่าบนตัวคนผู้นี้ก็กดดันหลูฉีเหว่ยจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว ซี้ด!หลูฉีเหว่ยอดใจกระตุกไม่ได้ ความรู้สึกกดดันสุดขีดเช่นนี้ เขาเคยสัมผัสได้จากตัวปรมาจารย์โจวเท่านั้นหรือพูดอีกอย่างก็คือ ข้างกายเจิ้งหู่ก็มีปรมาจารย์ด้วยเหมือนกัน?ชั่วพริบตานั้น เหงื่อเย็น ๆ ไหลลงมาตามแก้มของหลูฉีเหว่ย เจิ้งหู่หรี่ตา เดินมาอยู่เบื้องหน้าหลูฉีเหว่ย ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าหลูฉีเหว่ยไปหนึ่งฉาด “เพียะ!”เสียงดังฟังชัดลั่นไปทั่วห้องส่วนตัว! “ลูกศิษย์ของปรมาจารย์เจ๋งมากเลยหรือไง? กล้าทำร้ายญาติผู้น้องของฉัน ฉันว่าแกแม่งรนหาที่ตายแล้ว!” สิ้นเสียงพูด เจิ้ง
มันอยู่เหนือระดับที่พวกเขาสามารถประมาณค่าได้ไปแล้ว!นักพรตแห่งน้ำไฟผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานเมื่อกี้ ตอนนี้ก็เหงื่อเย็นแตกพลั่ก ไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแม้แต่คำเดียวเมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็เปลี่ยนไปทันที มองสำรวจฉู่เฉินด้วยรอยยิ้มเยาะและกล่าวว่า “เจ้าหนู ดูเหมือนว่าการคำนวณของมนุษย์จะสู้การคำนวณของสวรรค์ไม่ได้จริงๆ คุณคงไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลยใช่ไหมล่ะ”“ยังกล้าให้ฉันมอบศิษย์ไปอุ่นเตียงให้แกอีกเหรอ? หึ!”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็แค่นเสียงเย็นและกล่าวว่า “ฉันแนะนำให้แกรีบส่งหยกโลหิตกิเลนมา แล้วฆ่าตัวตายรชดใช้ความผิดต่อหน้าฉันซะ ไม่งั้น...”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ในดวงตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ระเบิดรังสีอำมหิตออกมาสองสายสถานการณ์พลิกผันเร็วเกินไป จนกระทั่งหลิงเสวี่ยยังไม่ได้สติ แต่ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่เปลี่ยนสีหน้าเร็วเกินไปหน่อยเหรอ?ฉู่เฉินหรี่ตาลงและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณแน่ใจเหรอ?”“หึ เจ้าหนู ใกล้ตายแล้ว อย่าดิ้นรนไปให้เปลืองแรงเลย!”ขณะกล่าว ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ชักกระบี่ออกมาทันที กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวของผู้แข็งแกร่งระดับควบแ
หลิงเสวี่ยมองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนผู้เป็นดั่งเทพเจ้าในใจของเธอ ที่ขณะนี้กลับกำลังก้มหัวคำนับให้ฉู่เฉิน ความรู้สึกก็ซับซ้อนอย่างยิ่งหรือเป็นอย่างที่ฉู่เฉินเคยกล่าวไว้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนที่เธอเคารพราวเทพเจ้ามาโดยตลอด ช่างดูเล็กจ้อยราวกับมดตัวหนึ่งจริงเหรอ?เธอไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่ทั้งหมดนี้ เธอก็เถียงไม่ออก“ปะ… ปรมาจารย์…”น้ำตาของหลิงเสวี่ยไหลพรากลงมาแต่เธอไม่ได้ร้องไห้ให้ปรมาจารย์ว่านเจี้ยน แต่เป็นความเชื่อของตนที่ยึดมั่นมาหลายปี ที่ในเวลานี้มันพังทลายลงอย่างสิ้นเชิง“ปรมาจารย์?”ฉู่เฉินจ้องปรมาจารย์ว่านเจี้ยนอย่างเย็นชา ก่อนสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกล่าวว่า “งั้นผมขอถามคุณหน่อยว่าคุณส่งพ่อแม่ของผมไปให้ใครต่อ”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองไปที่ฉู่เฉินแล้วกล่าวว่า “คุณฉู่ คุณอย่าถามเลย ผมพูดไม่ได้ แค่ผมพูดตัวตนของอีกฝ่ายออกมาก็จะระเบิดเป็นหมอกโลหิตทันที”ซี้ด ซี้ด!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ฉู่เฉินก็ชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจทันทีว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ถูกคนลงยันต์คุมวิญญาณเช่นกัน ตราบใดที่เอ่ยตัวตนของอีกฝ่ายออกมา ก็จะระเบิดกลายเป็นหมอกโลหิตเหมือนกับเกาเซ
ประตูหินหมื่นชั่งที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่แล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ก็ยิ่งสั่นคลอนมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่าประตูกำลังจะถูกทำลาย ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็ร้อนใจแทบจะกระอักเลือดออกมาแต่ในขณะนี้ ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ที่โจมตีมานานแต่ยังไม่สำเร็จ ก็เรียกเทพสังหารและคนอื่นๆ ให้เข้าร่วมการต่อสู้ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัวนับไม่ถ้วนถาโถมเข้าใส่ประตูหินหมื่นชั่ง และศิษย์จำนวนไม่น้อยที่เฝ้าดูแลประตูหินหมื่นชั่งก็ถูกแรงสั่นสะเทือนกระแทกจนเลือดสาดแม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงยังกระอักเลือดล้มลง หมดเรี่ยวแรงในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้วจริงๆถ้าประตูภูเขาถูกทำลายลงและว่านโซ่วเซียนเวิงและพวกพ้องไม่ได้รับหยกโลหิตกิเลน แน่นอนว่าจะต้องระบายความโกรธกับศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนและทั้งวังเทียนเจี้ยนคงต้องนองไปด้วยเลือดเป็นแน่“คุณ...คุณฉู่ ขอร้องคุณแล้ว รีบออกไปจากที่นี่เถิด วิหารของวังเทียนเจี้ยนของผมเล็กเกินไปที่จะรองรับคนใหญ่คนโตเช่นคุณได้”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนคุกเข่าลงพร้อมอ้อนวอนน้ำตานองหน้าเมื่อเห็นฉากนี้ หลิงเสวี่ยสับสนไปหมดแล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉู่เฉินกล่าวไว้จริงๆ
ครั้งนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนยอมแพ้แล้วจริงๆ เพราะสองคนที่มาด้วยกันนั้นคือตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวของภูเขาหลางจวีซวีอันเลื่องชื่อ นักพรตแห่งน้ำไฟพวกเขาทั้งสองคนเป็นทั้งศิษย์พี่ศิษย์น้อง ทั้งยังมีชื่อเสียงเรื่องรักร่วมเพศอีกด้วย และตัวติดกันมาตั้งแต่เด็กและเป็นสองผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุด ทั่วทั้งภูเขาหลางจวีซวี ใครได้ยินชื่อเสียงของคนทั้งสองแล้วไม่ปวดหัวบ้าง?“แกคู่ควรมาขอเรียกร้องศักดิ์ศรีต่อหน้าพวกเราสองคนด้วยเหรอ?”หนึ่งในนักพรตก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวของระดับทารกวิญญาณขั้นสูงสุดก็แผ่ลงมาประตูหินหมื่นจินที่โจมตีมานานก็ไม่พัง ทันใดนั้นก็เกิดรอยแตกร้าวขนาดใหญ่กว้างกว่าสามนิ้วแม้แต่ว่านโซ่วเซียนเวิงและคนอื่นๆ ก็ก็ยังตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าว เพื่อรักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากประตูวังเทียนเจี้ยน“ครับ ครับ ครับ ผู้น้อยจะไปเชิญฉู่เฉินทันทีมาเดี๋ยวนี้ครับ”ในขณะนี้ ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหมดความอดทนแล้วและรีบร้อนวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่ในขณะนี้ เหล่าศิษย์วังเทียนเจี้ยนที่เดิมทียังคงโหวกเหวกโวยวายเพราะหลิงเสวี่ย ต่างก็หวาดกลัวจนเงียบกริบ คุกเข่าลงกับพื้นทีละคน ไ
ถุย!หลิงเสวี่ยจ้องฉู่เฉินด้วยความเกลียดชังเธอคุกเข่าบนพื้นมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว นวดจนแขนทั้งปวดทั้งเมื่อย ฉู่เฉินม่รู้จักทะนุถนอมผู้หญิงเลยงั้นเหรอ?แม้แต่น้ำสักอึกก็ไม่ให้เธอดื่ม อย่างน้อยก็น่าจะให้เธอได้พักบ้างสิ“ฉู่เฉิน คุณคงไม่คิดจริงๆ หรอกนะว่าพวกเราในวังว่านเจี้ยนจะกลัวคุณ? ตราบใดที่กำลังเสริมมาถึง คนเหล่านั้นที่อยู่ข้างนอกก็จะถูกขับไล่ออกไป ถึงเวลานั้น... ถึงเวลานั้นคุณจะมาร้องไห้ก็ไม่ทันแล้ว!”หลิงเสวี่ยไม่อาจทนได้อีกต่อไป กัดฟันเงยหน้าขึ้นมองฉู่เฉินด้วยความโกรธแค้นฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ ส่ายหัวและกล่าวว่า “วังว่านเจี้ยน? กำลังเสริม? คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว”กล่าวถึงตรงนี้ ฉู่เฉินก็ค่อยๆ วางถ้วยชาลงและกล่าวอย่างใจเย็น “คุณคงไม่คิดว่าผมจงใจปล่อยข่าวออกไปเพื่อจัดการกับพวกคุณโดยเฉพาะหรอกใช่ไหม?”“ถ้าคิดแบบนั้น คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”อย่าว่าแต่พวกคุณสามสำนักเลย ต่อให้สามสิบหรือสามร้อย ผมก็ไม่ใส่ใจ”โอ้ย บ้าจริง!คุณนี่โม้เกินไปแล้ว!หลิงเสวี่ยโกรธจนฝ่ามือคันยุบยิบ อยากจะตบฉู่เฉินสักสองฉาดเมื่อเห็นสีหน้าไม่พอใจของหลิงเสวี่ย ฉู่เฉินก็ยิ้มอย่างไม่ใส่ใจและกล่าวว่า “ไม่เชื่
“ปรมาจารย์ อย่ารับปากเขานะครับ!”“ปรมาจารย์ วังว่านเจี้ยนของเรายังจะกลัวเขาที่เป็นแค่ผู้บำเพ็ญอิสระคนเดียวอีกเหรอ!”“ปรมาจารย์ ผมอาสาไปเฝ้าประตูเขาเพื่อปกป้องสำนักเองครับ!”เหล่าศิษย์ต่างตาเบิกโพลงด้วยความโกรธแค้น!ความหมายในคำพูดของฉู่เฉิน นั้นชัดเจนยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด คือต้องการใช้หลิงเสวี่ยแลกกับความปลอดภัยของทั้งสำนักเทียนเจี้ยนของพวกเขา!ใครในที่นี้ที่ไม่ใช่ลูกผู้ชายอกสามศอกบ้าง?ยิ่งไปกว่านั้น หลิงเสวี่ยยังเป็นศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าคิดถึงทั้งวันทั้งคืนแล้วจะให้นั่งดูศิษย์น้องสาวที่สวยดั่งเทพธิดาไปอุ่นเตียงให้สารเลวฉู่เฉินนั่นได้ยังไง?!“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของวังเทียนเจี้ยน ให้ฉันได้ไตร่ตรองก่อน”ถึงปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจะหน้าหนาแค่ไหน ก็ไม่อาจตอบรับฉู่เฉินได้โดยง่าย ท้ายที่สุดแล้วก็เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของสำนักเทียนเจี้ยนโดยเฉพาะในโลกแห่งการหยั่งรู้ มีกฎที่ไม่ได้เขียนไว้ว่าอยู่อย่างหนึ่งไม่ว่าจะเป็นนิกายหรือสำนักไหน การส่งศิษย์หญิงให้คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นกระถางหลอมเพื่อบำเพ็ญคู่หรือเพื่ออุ่นเตียง ล้วนเท่ากับเป็นการยอมจำนนต่ออีกฝ่ายวังเทียนเจี้ยนแค่ประสบ
ต้องรีบกำจัดหายนะนี่ออกไปโดยด่วน ไม่งั้นแม้แต่ประตูหินหนักหมื่นชั่งของวังเทียนเจี้ยนคงจะทนได้อีกไม่นานแม้ประตูหินบานนั้นจะเป็นสิ่งที่บรรพจารย์ทิ้งไว้ แม้แต่ผู้มีพลังระดับทารกวิญญาณก็ไม่อาจทำอะไรวังเทียนเจี้ยนได้ในเวลาอันสั้น แต่ตอนนี้หน้าประตูวังเทียนเจี้ยนกลับมีเสียงดังกึกก้องดังขึ้นถ้าจะบอกว่าปรมาจารย์ว่านเจี้ยนไม่กังวล นั่นก็เป็นโกหกอย่างไรเสียก็มีสำนักชิงอวิ๋นเป็นตัวอย่างอยู่ตรงหน้า ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนจึงตระหนักถึงความร้ายกาจในเรื่องนี้ดี“ไม่ต้องรีบร้อน ใช่แล้ว ที่นี่มีห้องรับรองแขกไหม?”ฉู่เฉินวางถ้วยชาลง เอามือเท้าคาง เอนตัวนอนบนเก้าอี้ยาวและเงยหน้าขึ้นกวาดตามองปรมาจารย์ว่านเจี้ยนแวบหนึ่งอะไรนะ?ห้องรับรองแขกเหรอ?ตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกคนในวังเทียนเจี้ยน ล้วนมีสีหน้าโกรธจัด!ฉู่เฉินคิดว่าวังเทียนเจี้ยนเป็นโรงแรมหรือไง? ยังจะขอห้องรับรองแขกอีก!“กึก...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนกัดฟัน ก่อนจะพยักหน้ากล่าว “แน่นอนว่ามีครับ คุณฉู่...”“หาว …”ฉู่เฉินหาว ขยี้ตาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็ดีเลย รบกวนเจ้าสำนักจัดให้ผมสักห้องด้วยครับ ผมอยากพูดคุยเรื่องชีวิตกับศิษย์น้องหลิงเสวี่ยอย่างลึก
อะไรนะ?!ดวงตาคู่สวยของหลิงเสวี่ยจ้องไปที่ฉู่เฉินด้วยสายตาราวกับจะกลืนกินฉู่เฉินเข้าไปทั้งเป็นเหล่าศิษย์ของวังเทียนเจี้ยนที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ ต่างก็พากันจ้องฉู่เฉินเขม็งด้วยสายตาอาฆาตหลิงเสวี่ยคือหนึ่งในสามหญิงงามแห่งวังเทียนเจี้ยน โดยปกติแล้ว ถือเป็นคู่ครองในอุดมคติของบรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้อง แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลิงเสวี่ยดูเหมือนจะไม่สนใจใครเลยกระทั่งศิษย์พี่ใหญ่ถานเฟิงก็ยังโดนศิษย์น้องหลิงเสวี่ยปฏิเสธมาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจ้าเด็กฉู่เฉินคนนี้กลับขอให้ศิษย์น้องหญิงที่พวกเขาเฝ้าใฝ่ฝันมานวดขาให้เขาเนี่ยนะ?“ปรมาจารย์ คนคนนี้จองหองเกินไป ผม...”“ถอยไป!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนถลึงตาจ้องถานเฟิงอย่างดุดัน การฆ่าฉู่เฉินยังไม่ง่าย?แต่ถ้าฆ่าฉู่เฉินแล้ว แล้วเหล่ายอดฝีมือที่เขาเอาชนะมาได้จะทำยังไง?จะให้วังเทียนเจี้ยนถูกทำลายงั้นเหรอ?เมื่อถานเฟิงเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายของปรมาจารย์ว่านเจี้ยน ก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าไปและรีบถอยไปยืนอยู่ด้านข้าง“หลิงเสวี่ย ไม่ได้ยินที่คุณฉู่สั่งเหรอ?”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนสีหน้ามืดมน กัดฟันเอ่ยถาม“อะไรนะ? ปรมาจารย์ ฉัน...”หลิ
เมื่อปรมาจารย์ว่านเจี้ยนได้ยินรายงานจากศิษย์ในสำนัก ก็รีบร้อนสั่งว่า “ใครก็ได้ รีบปิดประตูเขาเร็วเข้า ห้ามผู้ใดบุกรุกเข้ามาโดยเฉพาะฉู่เฉิน ห้ามให้เขาเข้ามาเด็ดขาด”น่ากลัวเกินไปแล้ว แม้วังเทียนเจี้ยนจะมีคนหนุนหลังอยู่ แต่ศึกใหญ่นี้ ถ้าปะทุขึ้นในวังเทียนเจี้ยน ทั้งวังเทียนเจี้ยนก็อาจจะพินาศย่อยยับ ถึงจะชนะแล้วยังไงล่ะ?ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายล้วนเป็นสำนักระดับสูงสุดในโลกแห่งการหยั่งรู้ แม้อำนาจเบื้องหลังวังเทียนเจี้ยน ก็ใช่ว่าจะสามารถคว้าชัยชนะได้แต่ในเวลานี้ เพียงเห็นเงาร่างผู้หนึ่งพุ่งทะยานมาทางประตูเขาวังเทียนเจี้ยนรวดเร็วดั่งสายลมกรรโชก“ปรมาจารย์ ท่านดู...”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนมองตามปลายนิ้วของศิษย์ในสำนักไป เพียงเห็นฉู่เฉินสภาพเปื้อนฝุ่น กำลังวิ่งหน้าตั้งมาทางวังเทียนเจี้ยนด้วยรอยยิ้มจางบนใบหน้าแม่ง!รูม่านตาของปรมาจารย์ว่านเจี้ยนหดแคบลงทันที กลัวอะไรก็เจออย่างนั้นจริงๆดาวหายนะฉู่เฉิน ดันมาแล้วจริงๆ !“เร็ว… รีบปิดประตูเขาเดี๋ยวนี้!”ปรมาจารย์ว่านเจี้ยนตกใจจนพูดจาตะกุกตะกักเขาไม่ได้กลัวฉู่เฉิน แต่กลัวกลุ่มคนที่ตามหลังฉู่เฉินมาไกลๆ ต่างหาก!เปรี้ยง!พร้อมด้วยเสียงดังส