โรเซ่ก้าวเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยหัวใจที่เบิกบาน วันนี้เธอรู้สึกอยากรู้จักสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้น เธออยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของห้องสมุดที่เธอรัก และอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าห้องสมุดอื่น ๆ
ขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส
"อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" ซูโฮถาม
โรเซ่ยิ้ม "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ"
ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถามของโรเซ่ ก่อนจะผายมือเชิญเธอเดินไปยังมุมสงบของห้องสมุดที่มีแสงไฟส่องลงมาอย่างอ่อนโยน เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมนั้นก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
"ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คุณคิดไว้ครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ค้นพบความสุขจากการอ่าน และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น" ซูโฮเริ่มเล่า
โรเซ่ดวงตาเป็นประกาย "ว้าว ฟังดูน่าทึ่งมากเลยค่ะ แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่า 'ห้องสมุดแห่งความฝัน' ล่ะคะ"
"ชื่อนี้มีที่มานะครับ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ห้องสมุดธรรมดา ทุกคนที่เข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ มักจะบอกว่าพวกเขารู้สึกเหมือนถูกพาเข้าสู่โลกอีกใบ เหมือนได้หลุดเข้าไปในความฝันอันแสนพิเศษของตัวเอง เลยมีคนเรียกที่นี่ว่า 'ห้องสมุดแห่งความฝัน' จนชื่อนี้ก็ติดหูมาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา" ซูโฮอธิบาย
โรเซ่ยิ้ม "เป็นชื่อที่เข้ากับบรรยากาศมากเลยค่ะ เวลาที่ฉันอยู่ที่นี่ ฉันรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในโลกนิยายจริง ๆ เหมือนทุกตัวอักษรพาฉันไปสู่สถานที่ใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นเสมอ"
ซูโฮพยักหน้าเห็นด้วย เขามองไปรอบ ๆ ห้องสมุดด้วยความอ่อนโยน ก่อนจะเล่าต่อ
"ปู่ของผมบอกไว้ว่า ห้องสมุดแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงที่เก็บหนังสือเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ที่รวมเอาความฝันของผู้คนที่เคยเข้ามา ความฝันเหล่านั้นจะฝังอยู่ในตัวหนังสือทุกเล่ม เพื่อให้คนที่มาอ่านรู้สึกถึงความอบอุ่นและแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตต่อไป" ซูโฮกล่าว
"นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฉันรู้สึกมีพลังทุกครั้งที่ได้อ่านหนังสือที่นี่สินะคะ แปลกจังเลยค่ะ" โรเซ่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
"ไม่แปลกหรอกครับ นั่นคือเสน่ห์ของที่นี่ ห้องสมุดนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ผ่อนคลายและลืมความเหนื่อยล้าจากโลกภายนอก มาเติมความฝันและแรงบันดาลใจให้กับชีวิตใหม่ คุณอาจจะสังเกตเห็นว่า แม้แต่บรรยากาศของที่นี่ก็เงียบสงบและอบอุ่นเสมอ เพราะเราตั้งใจทำให้ที่นี่เป็นที่พิเศษสำหรับทุกคน" ซูโฮอธิบาย
โรเซ่ฟังด้วยความตั้งใจ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
"แล้วคุณล่ะคะ คุณรู้สึกยังไงกับที่นี่" โรเซ่ถาม
ซูโฮยิ้ม "สำหรับผม ที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองเลยครับ ผมเติบโตมากับห้องสมุดแห่งนี้ ตอนเด็ก ๆ ผมจะมานั่งอ่านหนังสือที่นี่ทุกวัน และเมื่อโตขึ้นก็ได้รับหน้าที่ดูแลที่นี่ต่อจากครอบครัว ผมรู้สึกโชคดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของห้องสมุดที่อบอุ่นแบบนี้"
"ฟังดูเหมือนคุณมีความผูกพันกับที่นี่มาก ๆ เลยนะคะ" โรเซ่กล่าว
"ใช่ครับ นี่เป็นที่ที่ผมสามารถฝันและจินตนาการได้อย่างไม่จำกัด และผมก็ดีใจที่ได้เห็นผู้คนมากมายมาร่วมแบ่งปันความฝันในที่เดียวกัน" ซูโฮกล่าว
โรเซ่มองไปรอบ ๆ ห้องสมุดด้วยความรู้สึกใหม่ เธอรู้สึกว่าเธอเข้าใจความหมายของที่นี่มากขึ้น และรู้สึกว่าห้องสมุดแห่งความฝันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความหมายอย่างแท้จริง
"คุณซูโฮ ขอบคุณมากนะคะที่เล่าประวัติของห้องสมุดให้ฉันฟัง ฉันรู้สึกว่าฉันเข้าใจที่นี่มากขึ้น และก็ดีใจมากที่มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่" โรเซ่กล่าวด้วยความซาบซึ้ง
"ผมเองก็ดีใจที่ได้เล่าให้คุณฟัง และยินดีต้อนรับคุณทุกครั้งที่คุณเข้ามาเลยครับ คุณโรเซ่" ซูโฮตอบ
ทั้งสองคนหัวเราะด้วยความสนุกสนาน ก่อนที่โรเซ่จะหยิบหนังสือเล่มใหม่ขึ้นมาและนั่งอ่านต่อ โดยมีซูโฮนั่งอยู่ข้าง ๆ คอยแนะนำหนังสือเล่มอื่น ๆ ให้เธอได้ลองอ่านบ้าง
**การเดินทาง...สู่โลกใบใหม่:**
โรเซ่กำลังจมดิ่งอยู่ในโลกของหนังสือเล่มหนา จู่ ๆ ซูโฮก็เดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสอย่างน่าดึงดูด มันมีภาพมังกรตัวโตที่คาบเพชรพลอยไว้ในปาก และมีฉากหลังเป็นภูเขาหินลึกลับที่เต็มไปด้วยหมอกบาง ๆ
โรเซ่เงยหน้าขึ้นจากหนังสือเล่มหนาที่กำลังอ่านอยู่ เธอสบตากับซูโฮที่ยืนถือหนังสือเล่มใหม่ไว้ในมือ
"เล่มนี้น่าสนใจมากนะคะ" โรเซ่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ซูโฮยิ้มก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เธอ "ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบ มันเป็นเรื่องราวของการเดินทางข้ามมิติไปยังโลกที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมีชีวิตในตำนาน เหมือนกับเราได้หลีกหนีจากโลกแห่งความจริงไปอีกที่หนึ่ง คุณคิดว่ามันน่าลองไหมครับ"
โรเซ่พยักหน้าเบา ๆ "ฉันชอบที่จะหลงไปในโลกของนิยายอยู่แล้วค่ะ โลกที่ไม่มีข้อจำกัดของความเป็นไปได้ ทำให้เราได้ฝันและผจญภัยโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น"
ซูโฮหัวเราะเบา ๆ "จริงครับ ผมเองก็ชอบคิดแบบนั้น บางครั้งเราก็ต้องการที่ที่ให้หัวใจได้หลงทางบ้าง และหนังสือก็เป็นทางที่พาเราไปที่ที่เราอยากไปได้ง่ายที่สุด"
"งั้นเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิคะว่าเรื่องนี้เกี่ยวกับอะไร" โรเซ่วางหนังสือเล่มที่อ่านอยู่ลง แล้วหันไปมองซูโฮด้วยความสนใจ
"เรื่องนี้เกี่ยวกับเด็กหนุ่มที่ค้นพบว่าตัวเองสามารถข้ามไปยังโลกอีกใบได้ครับ โลกนั้นเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่เราคิดว่ามีแค่ในนิยาย เช่น มังกร ยักษ์ เอลฟ์ และพ่อมด แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ผู้ชม เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยกอบกู้โลกนั้นจากการถูกครอบครองโดยจอมมารที่ทรงอำนาจ" ซูโฮเล่าด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายขณะที่เขาพูดถึงเนื้อเรื่องที่เขารัก
"ฟังดูน่าสนุกมากค่ะ" โรเซ่ยิ้มกว้าง "ฉันว่าเราอาจจะต้องเริ่มอ่านเรื่องนี้ไปพร้อม ๆ กันแล้วล่ะค่ะ"
ซูโฮยื่นหนังสือให้เธอ "ผมคิดว่ามันจะเป็นการผจญภัยที่ดีสำหรับพวกเรา ผมจะคอยแนะนำให้คุณไปยังเส้นทางที่น่าสนใจที่สุดในเรื่องนี้ครับ"
โรเซ่หัวเราะเบา ๆ "งั้นฉันจะฝากให้คุณเป็นไกด์ของฉันนะคะ"
ซูโฮยิ้มตอบ "ถือว่าเป็นเกียรติมากครับ ผมจะพยายามพาคุณไปยังโลกที่งดงามที่สุดในนิยายเล่มนี้"
โรเซ่กำลังจมอยู่ในโลกของหนังสือเล่มหนา เมื่อซูโฮเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสสะดุดตา ปกนั้นมีภาพมังกรตัวใหญ่ที่คาบเพชรพลอยไว้ในปาก พร้อมฉากภูเขาหินลึกลับที่รายล้อมไปด้วยหมอกบาง ๆ ราวกับกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่าซูโฮยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นหนังสือให้โรเซ่ "ผมเห็นคุณชอบอ่านนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ตลอด ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยไหมครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปอีกโลกเลยนะ เปิดโลกใหม่ให้คุณแน่นอน"โรเซ่ตาเป็นประกายขึ้นทันที "โอ้โห! มังกรด้วยเหรอคะ ฉันไม่เคยลองอ่านแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นปกแล้วก็อยากรู้เลยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องนี้บ้าง!" เธอเอื้อมมือไปรับหนังสือมา พร้อมพลิกดูหน้าปกด้วยความตื่นเต้นซูโฮยิ้มอย่างเอ็นดู "ถ้าคุณชอบนะครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ มีมังกร ยักษ์ และสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนักผจญภัยต้องตามหา"โรเซ่หัวเราะเล็กน้อยพลางบอกอย่างมั่นใจ "ฟังดูท้าทายดีค่ะ! ฉันอยากทะลุมิติไปเจอกับมังกรตัวนั้นและออกผจญภัยดูบ้างจังเลย" แต่แล้วเธอก็เผลอพูดเบา ๆ "ถ้ามีจริงก็คงดีนะ... อยากลองไปดูสักครั้งจัง"ซูโฮยิ้มขี
หลังจากที่ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด โรเซ่และซูโฮก็ต้องพบกับอีกหนึ่งความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า: หน้าผาสูงชันที่ขวางกั้นเส้นทางสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงัดและอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว เสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่านทำให้สถานการณ์ดูตึงเครียดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ซูโฮและโรเซ่กลับมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน"ดูเหมือนเราจะเจออุปสรรคใหม่แล้วนะ โรเซ่...คิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม" ซูโฮเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม"ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก เมื่อกี้ก็ยังผ่านอุปสรรคถ้ำไปได้แล้ว นี่มันแค่หน้าผาแค่นั้นเอง ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก!" โรเซ่ตอบด้วยท่าทางมั่นใจ ขณะที่มือหนึ่งจับแขนของซูโฮอย่างแน่นหนา พร้อมกับมองไปยังหน้าผาที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกย่างก้าว ซูโฮอดที่จะรู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความขี้เล่นของเธอไม่ได้"คุณนี่กล้าได้ใจจริง ๆ โรเซ่ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนกลัวจริง ๆ" ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู"ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันแค่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ถ้าเรากลัวมากไปก็ไม่ไปถึงไหนหรอกนะ" โรเซ่ตอบด้
หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่มาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง ทุกย่างก้าวที่เธอเดินเคียงข้างซูโฮ ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและกล้าหาญมากยิ่งขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่ก็หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะที่โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น"โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะซูโฮ" โรเซ่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความท้าทาย"นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก" ซูโฮกล่าวด้วยความประหลาดใจ"ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรไปได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้" โรเซ่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นซูโฮยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่
เมื่อซูโฮและโรเซ่ก้าวเข้าไปในโลกนิยายโรแมนติกที่เขาแนะนำ บรรยากาศรอบตัวก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง บ้านสีขาวหลังเล็ก ๆ เรียงรายอยู่ริมทะเลสาบที่เงียบสงบ เงาของพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนบนผืนน้ำ สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและชวนฝัน โรเซ่รู้สึกตื่นเต้นและประหม่านิด ๆ ในขณะที่ซูโฮเดินเคียงข้างเธอด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนซูโฮมองเธอด้วยสายตาที่อบอุ่นและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่นุ่มนวล"นี่...เราจะต้องแกล้งเป็นคู่รักเพื่อผ่านด่านนี้ไป คุณคิดว่าอย่างไร"โรเซ่ที่ดูมั่นใจมาตลอด กลับหน้าแดงเล็กน้อย เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพยายามซ่อนความเขินอาย"แค่แสดงบทคู่รักเอง...คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม" โรเซ่ตอบพร้อมรอยยิ้มที่พยายามจะกลบเกลื่อนความรู้สึกที่แท้จริง"ใช่ แต่คงต้องแสดงให้แนบเนียนหน่อย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ผ่านด่านนี้" ซูโฮตอบพร้อมกับยิ้มขำทั้งคู่เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอกับคนชราที่ดูใจดีในชุดผ้าคลุมสีขาว คนชรามองทั้งสองด้วยความเอ็นดู"ยินดีต้อนรับพวกเธอ ทั้งสองช่างเหมาะสมกันจริง ๆ เหมือนคู่รักที่เกิดมาเพื่อกันและกัน" คนชรากล่าวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนซูโฮหันไปสบตาโรเซ่ เขาเห็นรอยยิ้มที่แฝงความขี้เล่น และเอ่ยเสียงนุ่ม"ใช่
ในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรักและความโรแมนติก โรเซ่และซูโฮเดินกลับมาที่บ้านพักหลังจากได้ชมดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะ ความรู้สึกที่ทั้งสองได้แบ่งปันกันเมื่อสักครู่ยังคงติดอยู่ในใจ โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่อได้อยู่เคียงข้างซูโฮเมื่อถึงบ้าน ซูโฮเปิดประตูให้โรเซ่และยิ้มให้เธออย่างสุภาพ โรเซ่สังเกตเห็นความพยายามของเขาที่จะทำตัวให้ดีที่สุดเพื่อเธอ ความรู้สึกอบอุ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นในตัวเขามากยิ่งขึ้น"ขอบคุณนะที่เป็นสุภาพบุรุษให้ฉันเสมอซูโฮ ฉันชอบความรู้สึกนี้" โรเซ่เอ่ยด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง"ก็เพราะคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด! และผมก็อยากให้คุณรู้สึกพิเศษ" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและจริงใจโรเซ่รู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ซูโฮยังคงไม่หยุดที่จะสร้างความประทับใจให้เธอ เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาก็รีบหยิบผ้าห่มมาเพื่อให้เธอได้นั่งอย่างสบาย"นี่ เก็บไว้ถ้าหนาวนะ" ซูโฮกล่าวด้วยความเป็นห่วง"คุณนี่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงเลยนะ" โรเซ่พูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข"ก็คงเป็นเพราะคุณมีเสน่ห์แบบนั้น!" ซูโฮตอบด้วยเสีย
ขณะเดินกลับจากมื้ออาหารค่ำ โรเซ่และซูโฮใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิต งานอดิเรก และความฝันในอนาคตของพวกเขา บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดาวที่ระยิบระยับ และเสียงของการจราจรจากถนนทำให้บรรยากาศดูคึกคัก โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับซูโฮ"โรเซ่ เธอเคยคิดไหมว่าถ้าหากเราสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกแฟนตาซีได้ เราจะทำอะไรบ้าง" ซูโฮถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนฝัน"อืม... คุณอยากเป็นนักผจญภัยที่ออกตามหาสมบัติ! แล้วคุณล่ะซูโฮ" โรเซ่ตอบด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความขี้เล่น"ผมจะเป็นนักรบที่คอยปกป้องคุณจากอันตราย!" ซูโฮกล่าวพร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยนโรเซ่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของซูโฮ เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่ออยู่กับเขา ราวกับว่าเขาเป็นคนที่สามารถทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและการสนับสนุนที่ไม่เหมือนใคร"ถ้าฉันเป็นนางเอก ฉันจะต้องเป็นนางเอกที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกินนะ" โรเซ่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความน่ารัก"นักรบไม่มีเวลากินอาหารหรอก! ผมจะต้องไปรบ!" ซูโฮแกล้งทำเสียงเข้ม"ยังไงก็ต้องหิวอยู่ดี! ถ้าไม่มีอาหาร นักรบก็ไม่มีแรงจะต่อ
ในช่วงบ่ายที่สดใส โรเซ่และซูโฮตัดสินใจที่จะใช้เวลาร่วมกันในสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในโลกนิยายที่พวกเขาอยู่ มันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสี และบรรยากาศที่โรแมนติก ลมเบา ๆ พัดผ่านทำให้โรเซ่รู้สึกมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เมื่อเดินเข้าไปในสวน โรเซ่สวมชุดเดรสสีฟ้าลายดอกไม้ที่พริ้วไหวเมื่อโดนลม ซึ่งทำให้เธอดูสดใสและเต็มไปด้วยพลังงาน"ซูโฮ! ดูซิ! ดอกไม้ตรงนั้นสวยมากเลย" โรเซ่ชี้ไปยังดอกไม้สีสดใสที่บานอยู่กลางสวน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น"ใช่! มันสวยจริง ๆ ทำให้ผมนึกถึงภาพวาดในนิยายที่เราเคยอ่านกันเลย" ซูโฮตอบด้วยรอยยิ้มโรเซ่หันมามองซูโฮด้วยรอยยิ้มกว้าง ความมั่นใจในตัวเองของเธอทำให้เธอรู้สึกว่า การแสดงออกถึงความชอบของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญ"ฉันชอบดอกไม้ เพราะมันทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา! เหมือนกับความรักที่เราอ่านในนิยายเลย" โรเซ่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข"ความรักที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งสวยงามแบบนี้ก็จริงนะ" ซูโฮกล่าวด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นขณะที่เดินต่อไป โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลมาตั้งแต่เด็ก"เมื่อปีที่แล้ว ฉันพ
บรรยากาศในสวนสาธารณะถูกเติมเต็มด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านกิ่งไม้และเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินไปมา โรเซ่และซูโฮนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่ความสดชื่นของลมเย็นช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยถึงความฝันของพวกเขา"ซูโฮ ฉันรู้ว่าคุณมีความฝันเกี่ยวกับห้องสมุดแห่งความฝันของปู่จริงไหม มันเป็นอย่างไรบ้าง" โรเซ่ถามด้วยความสนใจซูโฮยิ้มกว้าง เมื่อต้องพูดถึงห้องสมุดที่เขารักมาก"ใช่! ห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พิเศษมากสำหรับผม มันไม่ใช่แค่ที่เก็บหนังสือ แต่เป็นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกวัย ผมรับช่วงดูแลมันต่อจากพ่อของผม" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจโรเซ่จ้องมองเขาอย่างตั้งใจ และสามารถเห็นแสงแห่งความหลงใหลในดวงตาของเขา"โอ้! มันฟังดูยอดเยี่ยมจริง ๆ ฉันจำได้ว่าได้ยินเกี่ยวกับห้องสมุดนี้จากเพื่อน ๆ พวกเขาพูดถึงความอบอุ่นและบรรยากาศที่ดีที่นั่น" โรเซ่กล่าวด้วยความชื่นชม"ใช่! ห้องสมุดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกของการแบ่งปัน ความรู้สึกที่ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านหนังสือและพูดคุยกันได้ ผมอยากให้มันเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเปิดใจและเชื่อมโยงกัน" ซูโฮตอบด้วยค
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้ง เพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ...ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบา ๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้น**การพบเจอ...และการเริ่มต้นใหม่:**จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยุคยองเป็นครั้งที่สองในงานเลี้
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสวในห้องทำงานของ Aura Seoul รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้า เธอสัมผัสได้ถึงความสำเร็จที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เสียงปรบมือและคำชื่นชมจากงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ยังคงดังก้องอยู่ในหู"เธอรู้ไหม โรเซ่ ฉันคิดว่าเธอสามารถทำได้ดีมาก" แคลร์ เพื่อนสนิทและผู้ช่วยคนเก่งของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี"จริงเหรอคะ" โรเซ่ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นแตะหน้าอกข้างซ้าย "ฉันเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาถึงจุดนี้ได้""ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของเธอคือสิ่งที่วงการนี้ต้องการ ไม่มีใครเหมือนเธอหรอก" จูฮี เพื่อนอีกคนเสริมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจโรเซ่หัวเราะเบา ๆ"ขอบคุณนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการเปิดตัวใหม่ ๆ มันก็เหมือนกับการโดนตีในท้อง แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันคงไม่รู้จักตัวเองว่าความสามารถที่แท้จริงของฉันคืออะไร" โรเซ่กล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ" จูฮีกล่าว "แต่เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ สู้ ๆ นะ โรเซ่"โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจจากคำพูดของเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้**ข่าวลือ...และการเผชิญหน้
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อน ๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบา ๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า"คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง" ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใยโรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน"ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าของกรุงโซลทอประกายผ่านม่านสีขาว ส่องกระทบใบหน้าของโรเซ่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนริมฝีปาก เมื่อนึกถึงความฝันอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านพ้นไป เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง กวาดสายตามองทิวทัศน์ของเมืองที่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นจากนิทรา"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" โรเซ่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สดใสเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ โรเซ่ก็เดินลงมายังห้องครัว กลิ่นหอมของอาหารเช้าลอยมาเตะจมูก เธอพบว่าคุณพ่อกำลังตักข้าวใส่ชาม ส่วนคุณแม่กำลังจัดวางเครื่องเคียงต่าง ๆ บนโต๊ะอาหาร มินจี น้องสาวของเธอนั่งรออยู่ด้วยท่าทางสดใส"เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก" คุณแม่ทักทายด้วยรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง "แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย"มินจีที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว"จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่" มินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง"ทุกคนหั
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้ง จนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ"คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า" โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา"บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน" ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว"คุณหมายความว่ายังไง คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้" โรเซ่ถามด้วยความสงสัยซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง"ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ" ซูโฮตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ"แต่คุณมาจากไหน คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า" โรเซ่ยังคงถามต่อเขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
เช้าวันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง"เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก" แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง"แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย" โรเซ่ตอบด้วยความตื่นเต้นมินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว"จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่" มินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นโรเซ่หัวเราะเบา ๆ"แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง" โรเซ่ตอบด้วยรอยยิ้มทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ"พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่
โรเซ่หลับตาลงอย่างช้า ๆ หลังจากวันที่ยาวนานผ่านไป ความเงียบสงบของค่ำคืนนี้ชวนให้เธอนึกถึงโลกใบหนึ่งที่เธอไม่ได้ไปมาหลายวัน โลกที่เต็มไปด้วยแสงสลัวและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหนังสือเก่า ๆ และเมื่อเธอเปิดตาขึ้นอีกครั้งในความฝัน เธอพบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องสมุดแห่งความฝันอีกครั้ง"คุณกลับมาแล้ว" เสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่นดังขึ้นข้างหลัง โรเซ่หันไปและพบกับซูโฮ เขายืนอยู่ในชุดเรียบง่าย สายตาของเขามองเธอด้วยความอ่อนโยนที่โรเซ่คุ้นเคย"ใช่ ฉันกลับมาแล้ว" โรเซ่พูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่เดินเข้าไปใกล้เขา "ที่นี่สงบกว่าชีวิตจริงของฉันเยอะเลย"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ "ผมเดาว่ามันคงมีเรื่องมากมายที่ทำให้คุณเหนื่อย แต่คุณก็ยังดูสดใสเสมอ"โรเซ่ยิ้มขี้เล่น"ฉันก็ต้องพยายามทำตัวให้สดใสสิ ฉันไม่ชอบให้ใครมองว่าฉันอ่อนแอ" โรเซ่ตอบด้วยความมั่นใจ"แต่คุณก็ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด" ซูโฮพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณมีพลังในแบบที่คนอื่นไม่มี และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง"โรเซ่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ซูโฮ"คุณพูดเหมือนรู้จักฉันดีจัง... มากกว่าที่ฉันรู้จักตัวเองเสียอีก" โรเซ่กล่าวด้วยความสงสัยซูโฮยิ้มบ