หลังจากทั้งคู่ได้เผชิญกับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาหมาด ๆ โรเซ่และซูโฮก็พบกับอีกหนึ่งอุปสรรคที่ท้าทายไม่แพ้กัน: หน้าผาสูงชันที่ตัดขาดจากเส้นทางเดิมไปสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบและความอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว ท่ามกลางเสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่าน ซูโฮและโรเซ่ยืนอยู่ข้างหน้าผา รอยยิ้มของทั้งคู่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิด
ซูโฮ: (หัวเราะเล็ก ๆ) “โรเซ่! คุณมั่นใจในตัวเองแค่ไหนกัน? เมื่อกี้ยังบอกว่าจะผ่านทุกอุปสรรคไปได้อยู่เลย”
โรเซ่: “ก็...ก็ใช่น่ะสิ! แต่ว่าฉันไม่ได้หมายถึงทางแคบที่สูงจนตกลงไปจะไม่รอดแบบนี้!”
เธอพูดพลางกระชับแขนที่กอดจินฮยองแน่นขึ้น ซูโฮอดที่จะหัวเราะกับท่าทางของเธอไม่ได้ เขารู้สึกเอ็นดูในความมั่นใจและขี้เล่นของโรเซ่ ซึ่งถึงแม้ว่าเธอจะหวาดกลัว แต่ก็ไม่เคยหยุดที่จะตอบโต้ในแบบของตัวเอง
ซูโฮ: “โอเค ถ้าอย่างนั้นถ้าฉันสัญญาว่าจะคอยดูแลเธอให้ผ่านไปได้ล่ะ? เธอคิดว่ายังกลัวอยู่ไหม?”
โรเซ่: (หน้าแดงเล็กน้อย) “ก็...อืม…อาจจะไม่กลัวเท่าไหร่ ถ้าคุณอยู่ข้าง ๆ”
เธอยิ้มด้วยความเขินอาย แต่ก็ยังคงกอดแขนจินฮยองแน่น จนเขารู้สึกถึงความอ่อนโยนในท่าทางที่ดูขี้เล่นของเธอ ทั้งสองค่อย ๆ เดินไปข้างหน้า ในขณะที่โรเซ่เริ่มพูดไปเรื่อย ๆ เพื่อกลบความกลัวในใจ
โรเซ่: “นี่! ซูโฮ คุณคิดว่าเราจะเจอเจ้ามังกรยักษ์ในตำนานจริง ๆ ไหม?”
ซูโฮ: “ถ้าเป็นตามที่นิยายบอก เราคงหนีไม่พ้นเจ้ามังกรตัวนั้นแน่ ๆ และถ้าเราเจอมันจริง ๆ คุณจะทำอย่างไร?”
โรเซ่: “ถ้าเจอจริง ๆ นั้นเหรอ? ก็...ฉันจะสั่งให้มันยอมจำนน แล้วเอามันมาเป็นพาหนะของเราซิ!” (ทำท่าทางมั่นใจ)
ซูโฮหัวเราะดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาประทับใจในความมั่นใจเกินตัวของเธอ แม้ว่าจะรู้ดีว่าโรเซ่กำลังกลัวก็ตาม แต่เธอก็ไม่ยอมแสดงออกให้เห็นง่าย ๆ
ซูโฮ: “ถ้าอย่างนั้นผมจะคอยดูเธอให้บังคับเจ้ามังกรยักษ์ตัวนั้นยอมจำนนแล้วกัน โรเซ่ผู้กล้าหาญ”
โรเซ่: “ต้องคอยดูให้ดีนะ เพราะฉันอาจทำให้นายต้องทึ่งกับความสามารถของฉัน!”
บทสนทนานี้ทำให้โรเซ่รู้สึกสบายใจขึ้น เธอเดินเคียงข้างซูโฮไปอย่างมั่นใจและขี้เล่น เมื่อทั้งสองมาถึงทางโค้งที่ล้อมรอบด้วยหมอก โรเซ่หันไปสบตาจินฮยอง เธอรู้สึกได้ว่าการผจญภัยนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเดินทางในนิยาย แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่เธอได้รู้จักตัวเองและรู้สึกถึงความผูกพันที่มีต่อซูโฮมากขึ้น
ทั้งสองพูดคุยเล่นไปตลอดทาง ทำให้เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว การผจญภัยนี้เป็นเหมือนบทเรียนที่ทำให้โรเซ่ได้พบกับความกล้าหาญที่แฝงอยู่ในใจและความสัมพันธ์ที่เบ่งบานขึ้นอย่างช้า ๆ
หลังจากการต่อสู้กับกิ้งก่ายักษ์ผ่านพ้นไป โรเซ่และจินฮยองเดินทางต่อเข้าสู่ป่าลึก ที่นี่มีทางเดินเล็ก ๆ แคบ ๆ ทอดยาวเข้าไปในพุ่มไม้หนาทึบ บรรยากาศรอบ ๆ เงียบสงบ แต่ยังคงแฝงความน่ากลัวที่ชวนให้ขนลุก จินฮยองเดินอยู่ข้างหน้า คอยสำรวจเส้นทางเพื่อให้แน่ใจว่าปลอดภัย ส่วนโรเซ่เดินตามมาด้วยท่าทีมั่นใจ แต่มุมปากของเธอแอบยิ้มขี้เล่นในทุกจังหวะที่จินฮยองหันมามอง
ซูโฮ: “เธอไม่กลัวอะไรบ้างเลยเหรอโรเซ่? ป่าลึกแบบนี้นะ มีอะไรโผล่มาก็ไม่แปลก”
โรเซ่: (ยิ้มและพูดเสียงนุ่ม) “กลัวนะกลัวอยู่หรอก แต่จะให้หนีไปตอนนี้ก็ไม่ใช่โรเซ่ที่นายรู้จักแน่ ๆ ฉันนะ…เกิดมาเพื่อเผชิญหน้าอุปสรรคต่างหาก!”
ซูโฮ: (หัวเราะเบา ๆ) “ก็จริงนะ ตั้งแต่รู้จักคุณมา ผมก็รู้สึกว่าคุณนี่กล้าหาญและมั่นใจมากจริง ๆ บางทีผมเองก็แอบกังวลเล็ก ๆ กลัวคุณจะทำอะไรนอกเหนือคาดเดาไปมากกว่านี้”
โรเซ่: (ทำหน้าตายและแกล้งพูดอย่างล้อเล่น) “อย่าประเมินฉันต่ำเกินไปซิซูโฮ ฉันอาจจะมีความสามารถที่คุณคาดไม่ถึงก็ได้… หรือบางทีอาจจะทำให้เรื่องยากกลายเป็นเรื่องง่ายโดยที่คุณไม่ทันสังเกตเลยก็ได้นะ!”
เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปในป่าลึก พวกเขาก็พบอุปสรรคขวางหน้า เป็นสะพานไม้เก่าที่ยื่นไปอีกฝั่งของหุบเหวลึก สะพานนั้นดูเก่าและพร้อมจะพังทลายได้ทุกเมื่อ โรเซ่มองสะพานอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะหันมาพูดกับจินฮยองด้วยท่าทีมั่นใจ
โรเซ่: “ฉันคิดว่าเราสามารถข้ามได้นะ แต่นายจะไว้ใจฉันหรือเปล่า?”
ซูโฮ: (ยิ้มและพยักหน้า) “แน่นอน ผมไว้วางใจในความกล้าหาญของเธอ คุณลองไปก่อนซิ ผมจะตามไป”
โรเซ่ก้าวเท้าไปบนสะพานอย่างมั่นใจ สะพานไม้เก่าแคบและโคลงเคลงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวออกมา เธอเริ่มหันกลับมาพูดคุยกับจินฮยองเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ
โรเซ่: “เห็นไหมล่ะ คุณคิดว่าฉันจะทำไม่ได้จริง ๆ เหรอ? แค่สะพานไม้เก่า ๆ เอง!”
ซูโฮ: (หัวเราะและก้าวตาม) “โอเค ๆ ยอมรับว่าผมประเมินคุณต่ำไปหน่อย แต่ผมขอพูดไว้นะว่าคุณนี่เป็นคนที่ทำให้ผมประหลาดใจอยู่ตลอดเวลาเลยจริง ๆ”
เมื่อพวกเขาข้ามสะพานไปได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็มุ่งหน้าต่อไปในป่า ระหว่างทางพวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โรเซ่เล่าเรื่องในวัยเด็กของเธอที่มักจะชอบอ่านนิยายแฟนตาซีและจินตนาการว่าเธอเป็นนางเอกที่ได้ผจญภัยอย่างไร
โรเซ่: “ตอนเด็ก ๆ ฉันอ่านนิยายแนวแฟนตาซีมากมาย แล้วก็มักจะคิดเสมอว่าตัวเองอยู่ในโลกนั้น ได้เจอกับมังกร เวทมนตร์ หรือการผจญภัยในป่าลึกแบบนี้ แค่คิดก็สนุกแล้ว”
ซูโฮ: (ฟังด้วยความสนใจ) “ผมว่าเป็นเสน่ห์ของคุณเลยนะ คุณมีความคิดจินตนาการที่สดใสและเปี่ยมไปด้วยความฝัน ไม่แปลกใจเลยที่เธอกล้าหาญได้ขนาดนี้”
โรเซ่: (ยิ้มเขิน) “ขอบคุณนะที่เข้าใจ ความจริงฉันก็มีความกลัวอยู่เหมือนกัน แต่ฉันคิดเสมอว่าถ้าเรากลัวแล้วเราหยุดเดิน เราจะไม่มีทางได้พบเจอสิ่งใหม่ ๆ ที่รอเราอยู่ข้างหน้าเลย”
เมื่อเดินทางมาถึงลานกว้างในป่าที่เต็มไปด้วยดอกไม้และแสงแดดที่ส่องลงมากลางลาน พวกเขาทั้งสองหยุดพักและนั่งลง ซูโฮหยิบขนมปังจากกระเป๋าออกมาแบ่งกับโรเซ่ ทั้งคู่สนุกสนานกับการสนทนาอย่างอบอุ่น โรเซ่มีรอยยิ้มที่สดใสและแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง ซึ่งทำให้จินฮยองเริ่มรู้สึกอบอุ่นในใจมากขึ้น
ซูโฮ: “รู้ไหม โรเซ่ คุณเป็นคนที่ทำให้ผมอยากที่จะเปิดรับโลกใบใหม่ ผมเองไม่ค่อยมีโอกาสได้ผจญภัยหรือคิดจินตนาการเหมือนเธอมาก่อน แต่พอได้อยู่กับเธอ ผมก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นขึ้นมา”
โรเซ่: (หัวเราะและหยอก) “ถ้าอย่างนั้นก็ขอต้อนรับสู่โลกแห่งจินตนาการของฉันนะ! ในโลกนี้ เราต้องพร้อมที่จะเผชิญอุปสรรคและความท้าทายอย่างไม่ย่อท้อ แต่ไม่ต้องห่วงไปนะ เพราะฉันจะอยู่ข้าง ๆ นายเสมอ”
ซูโฮ: (ยิ้มและมองโรเซ่ด้วยแววตาที่อบอุ่น) “ขอบคุณนะ โรเซ่ ที่ทำให้ผมได้พบโลกใหม่ ผมว่าต่อจากนี้ ไม่ว่าต้องเจอกับอะไร ผมก็พร้อมจะเผชิญไปกับคุณ”
ความสนิทสนมและความเชื่อมโยงระหว่างโรเซ่และซูโฮยิ่งลึกซึ้งขึ้นในทุก ๆ นาทีที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ทุกคำพูดและการกระทำของโรเซ่ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเองช่วยทำให้จินฮยองเปิดใจมากขึ้น และเชื่อมั่นในเส้นทางแห่งการผจญภัยที่พวกเขากำลังเดินไปด้วยกัน
หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ก็ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง และทุกย่างก้าวที่เธอเดินข้างซูโฮก็ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะเดียวกัน โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นโรเซ่: (หัวเราะเบา ๆ พร้อมยิ้มอย่างท้าทาย) "โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะจินฮยอง?"ซูโฮ: (ยิ้มตอบ) "นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก"โรเซ่: (พยักหน้า) "ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้"จินฮยองยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่ เขารู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความกล้าหาญของเ
เมื่อซูโฮและโรเซ่เดินเข้าสู่โลกนิยายโรแมนติกที่เขาแนะนำ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความโรแมนติกและสวยงาม บ้านสีขาวเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ เงาของพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนบนผืนน้ำ สร้างบรรยากาศอบอุ่นและชวนฝัน โรเซ่รู้สึกตื่นเต้นและประหม่านิด ๆ ขณะที่จินฮยอนเดินเคียงข้างเธอซูโฮมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่ม ๆซูโฮ: "นี่... เราจะต้องแกล้งเป็นคู่รักเพื่อผ่านด่านนี้ไป คุณคิดว่าอย่างไร?"โรเซ่ที่ดูมั่นใจมาตลอดกลับหน้าแดงเล็กน้อย เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพยายามซ่อนความเขินอายโรเซ่: (ยิ้มกลบเกลื่อน) "แค่แสดงบทคู่รักเอง… คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?"ซูโฮ: (ยิ้มขำ) "ใช่ แต่คงต้องแสดงให้แนบเนียนหน่อย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ผ่านด่านนี้"ทั้งคู่เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอกับคนชราที่ดูใจดีในชุดผ้าคลุมสีขาว คนชรามองทั้งสองด้วยความเอ็นดูคนชรา: "ยินดีต้อนรับพวกเธอ ทั้งสองช่างเหมาะสมกันจริง ๆ เหมือนคู่รักที่เกิดมาเพื่อกันและกัน"ซูโฮหันไปสบตาโรเซ่ เขาเห็นรอยยิ้มที่แฝงความขี้เล่น และเอ่ยเสียงนุ่มซูโฮ: "ใช่ครับ เราสองคนเป็นคู่รักกัน กำลังมาท่องเที่ยวด้วยกัน"โรเซ่: (พยายามกลบเกลื่อนความเขิน) "ค่ะ เราชอบบรรยากา
ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น โรเซ่และซูโฮกลับมาที่บ้านหลังจากไปดูดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะ ความรู้สึกที่พวกเขาเพิ่งได้แชร์กันเมื่อสักครู่ยังคงติดอยู่ในใจ โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ข้าง ๆ ซูโฮเมื่อถึงบ้าน ซูโฮเปิดประตูให้โรเซ่และยิ้มให้เธออย่างสุภาพ โรเซ่สังเกตเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความพยายามที่จะทำตัวให้ดีที่สุดเพื่อเธอ ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นในตัวเขามากยิ่งขึ้นโรเซ่: "ขอบคุณนะที่เป็นสุภาพบุรุษให้ฉันเสมอจินยอง ฉันชอบความรู้สึกนี้"ซูโฮ: (ยิ้ม) "ก็เพราะคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด! และผมก็อยากให้คุณรู้สึกพิเศษ"โรเซ่รู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขายังไม่หยุดที่จะสร้างความประทับใจให้คุณ เมื่อคุณเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาก็รีบหยิบผ้าห่มมาเพื่อให้คุณนั่งอย่างสบายซูโฮ: "นี่ เก็บไว้ถ้าหนาวนะ"โรเซ่ยิ้มรับผ้าห่มแล้วพูดว่า:โรเซ่: "คุณนี่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงเลยนะ"ซูโฮ: "ก็คงเป็นเพราะคุณมีเสน่ห์แบบนั้น!"พวกเขานั่งอยู่บนโซฟา และโรเซ่เริ่มพูดถึงประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเมื่อครู่ ในขณะที่พูด เธอไม่ลืมที่จะหยิบเรื่อ
ขณะเดินกลับจากอาหารค่ำ โรเซ่และซูโฮใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิต งานอดิเรก และความฝันในอนาคตของพวกเขา บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ และเสียงของการจราจรจากถนนทำให้บรรยากาศดูคึกคัก โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับซูโฮซูโฮ: "โรเซ่ เธอเคยคิดมั้ยว่าถ้าหากเราสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกแฟนตาซีได้ เราจะทำอะไรบ้าง?"โรเซ่: "อืม... คุณอยากเป็นนักผจญภัยที่ออกตามหาสมบัติ! แล้วคุณล่ะซูโฮ?"ซูโฮ: "ผมจะเป็นนักรบที่คอยปกป้องคุณจากอันตราย!" (เขายิ้มขณะพูด)โรเซ่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของซูโฮ เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่ออยู่กับเขา ราวกับว่าเขาเป็นคนที่สามารถทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและการสนับสนุนที่ไม่เหมือนใครโรเซ่: "ถ้าฉันเป็นนางเอก ฉันจะต้องเป็นนางเอกที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกินนะ!"ซูโฮ: (แกล้งทำเสียงเข้ม) "นักรบไม่มีเวลากินอาหารหรอก! ผมจะต้องไปรบ!"โรเซ่: (ยิ้มอย่างขำขัน) "ยังไงก็ต้องหิวอยู่ดี! ถ้าไม่มีอาหาร นักรบก็ไม่มีแรงจะต่อสู้ซิ!"การสนทนาเปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ จนในที่สุดพวกเขาก็ถึงสะพานที่มองเห็นวิวทิ
ในช่วงบ่ายที่สดใส โรเซ่และซูโฮตัดสินใจที่จะใช้เวลาร่วมกันในสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในโลกนิยายที่พวกเขาอยู่ มันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีและบรรยากาศที่โรแมนติก ลมเบา ๆ พัดผ่านทำให้โรเซ่รู้สึกมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เมื่อเดินเข้าไปในสวน โรเซ่สวมชุดเดรสสีฟ้าลายดอกไม้ที่พริ้วไหวเมื่อโดนลม ซึ่งทำให้เธอดูสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานโรเซ่: "ซูโฮ! ดูซิ! ดอกไม้ตรงนั้นสวยมากเลย!"โรเซ่ชี้ไปยังดอกไม้สีสดใสที่บานอยู่กลางสวน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นซูโฮ: "ใช่! มันสวยจริง ๆ ทำให้ผมนึกถึงภาพวาดในนิยายที่เราเคยอ่านกันเลย"โรเซ่หันมามองซูโฮด้วยรอยยิ้มกว้าง ความมั่นใจในตัวเองของเธอทำให้เธอรู้สึกว่าการแสดงออกถึงความชอบของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญโรเซ่: "ฉันชอบดอกไม้ เพราะมันทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา! เหมือนกับความรักที่เราอ่านในนิยายเลย"ซูโฮ: "ความรักที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งสวยงามแบบนี้ก็จริงนะ"ขณะที่เดินต่อไป โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลมาตั้งแต่เด็กโรเซ่: "เมื่อปีที่แล้ว ฉันพยายามทำชุดเดรสสำหรับงานปาร์ตี้ แต่ฉันดันเลือกสีที่มันดูแปลก
บรรยากาศในสวนสาธารณะถูกเติมเต็มด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านกิ่งไม้และเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินไปมา โรเซ่และซูโฮนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่ความสดชื่นของลมเย็นช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยถึงความฝันของพวกเขาโรเซ่: "ซูโฮ! ฉันรู้ว่าคุณมีความฝันเกี่ยวกับห้องสมุดแห่งความฝันของปู่จริงไหม? มันเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูโฮยิ้มกว้าง เมื่อต้องพูดถึงห้องสมุดที่เขารักมากซูโฮ: "ใช่! ห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พิเศษมากสำหรับผม มันไม่ใช่แค่ที่เก็บหนังสือ แต่เป็นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกวัย ผมรับช่วงดูแลมันต่อจากพ่อของผม"โรเซ่จ้องมองเขาอย่างสนใจ และสามารถเห็นแสงแห่งความหลงใหลในดวงตาของเขาโรเซ่: "โอ้! มันฟังดูยอดเยี่ยมจริง ๆ! ฉันจำได้ว่าได้ยินเกี่ยวกับห้องสมุดนี้จากเพื่อน ๆ พวกเขาพูดถึงความอบอุ่นและบรรยากาศที่ดีที่นั่น"ซูโฮ: "ใช่! ห้องสมุดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกของการแบ่งปัน ความรู้สึกที่ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านหนังสือและพูดคุยกันได้ ผมอยากให้มันเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเปิดใจและเชื่อมโยงกัน"โรเซ่: "ความคิดของคุณช่างงดงาม! ฉันเองก็ฝันถึงการสร้างสิ่งที่ดีให้กับผู้คนเ
โรเซ่และซูโฮนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านใบไม้ ร่างของพวกเขาเป็นจุดเด่นในบรรยากาศที่เงียบสงบ โรเซ่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้อยู่กับจินยองและแชร์ความฝันของเธอกับเขาซูโฮ: "โรเซ่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณมีความคิดสร้างสรรค์ขนาดนี้ ผมชอบที่จะฟังคุณพูดถึงความฝันของคุณ"โรเซ่ยิ้มและสัมผัสถึงความอบอุ่นจากคำชมของเขาโรเซ่: "ขอบคุณนะ! การได้สร้างสิ่งที่มีความหมายให้กับผู้คนเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา มันเหมือนการได้ทำอะไรที่สำคัญ"ซูโฮมองไปที่เธออย่างตั้งใจซูโฮ: "ความฝันของคุณมันใหญ่หลวงมาก ผมมั่นใจว่าคุณสามารถทำให้มันเป็นจริงได้"โรเซ่: "แน่นอน! และผมก็รู้สึกว่าความฝันของเรามีความคล้ายกันมาก ฉันอยากให้ห้องสมุดแห่งความฝันที่ให้ทุกคนมีโอกาสค้นหาความรู้และแรงบันดาลใจ"ซูโฮ: "นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักห้องสมุดแห่งนี้ มันไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์"โรเซ่รู้สึกถึงความใกล้ชิดเมื่อทั้งคู่เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความฝันของตัวเองโรเซ่: "มีคนมากมายที่มาใช้ห้องสมุดแห่งนี้ และฉันอยากให้มันเป็นที่ที่ผู้คนสามารถมาแบ่งปันความฝันและสร้างสรรค์ได้"ซูโฮ: "
บรรยากาศที่โรเซ่และซูโฮอยู่ในห้องสมุดแห่งความฝันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อซูโฮตัดสินใจพาโรเซ่เข้าไปในโลกนิยายสืบสวน ทั้งคู่ยืนอยู่ที่กลางห้องสมุด ขณะที่ซูโฮยิ้มอย่างมั่นใจและยื่นมือไปจับมือของโรเซ่ซูโฮ: “ผมมีอะไรสนุก ๆ จะให้คุณลองดู… เราจะเข้าไปในโลกนิยายสืบสวนกัน!”โรเซ่ตาโตด้วยความตื่นเต้นและสงสัย เธอมองไปที่หน้าต่างที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและเห็นภาพวาดที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวา ขณะที่เสียงของจินยองดึงดูดความสนใจของเธอโรเซ่: “จริงเหรอ? แต่… เราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไง?”ซูโฮ: “แค่จินตนาการตามที่เราคิด… ยิ่งเราตั้งใจมากเท่าไร เราจะยิ่งเข้าไปได้ลึกขึ้น!”โรเซ่รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง ความมั่นใจในตัวเองเริ่มผุดขึ้นในใจ ขณะที่เธอยิ้มและยอมรับมือของจินยองโรเซ่: “ถ้าเป็นแบบนั้น… ฉันก็พร้อมที่จะเข้าไปกับคุณ!”เมื่อทั้งสองเริ่มปิดตาและตั้งใจจินตนาการภาพของโลกนิยายสืบสวน พวกเขารู้สึกถึงแรงดึงดูดและความอบอุ่นที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นทันใดนั้น พวกเขาพบว่าตนเองยืนอยู่กลางเมืองที่มีบรรยากาศคล้ายหนังสือสืบสวนเก่า แสงไฟจากตึกสูงส่องสว่างบนถนนที่มีคนเดินผ่านไปมา แต่มีบางอย่าง
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้งเพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ... ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยองเจเป็นครั้งที่สองในงานเลี้ยงของเพื่อนๆ เขามีลักษณะภายนอกท
โรเซ่กลับมาที่สำนักงานของ Aura Seoul ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าที่เคย เธอเดินผ่านห้องต่างๆ ของสำนักงาน, มองเห็นทีมงานที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ความคิดของเธอกลับไปที่การเริ่มต้นใหม่ที่เธอตัดสินใจในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การกลับมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถสร้างบางสิ่งที่ยั่งยืนและเต็มไปด้วยความหมาย"วันนี้คุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ไหม?" แคลร์ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของโรเซ่โรเซ่ยิ้มให้กับเพื่อนรักของเธอ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงาน "พร้อมแล้วล่ะ ไม่แค่พร้อม ยังรู้สึกว่าเหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย"แคลร์ยิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ "นี่แหละที่เรารอคอยมานานที่สุด ใครจะไปรู้ว่าโรเซ่ที่เคยลังเล จะกลับมาแข็งแกร่งขนาดนี้"โรเซ่เอนตัวไปข้างหลังในเก้าอี้สำนักงาน พูดเบาๆ ว่า "เพราะในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่า ไม่ว่าโลกความจริงหรือโลกความฝัน ฉันสามารถทำสิ่งที่ฉันรักได้"หลังจากที่โรเซ่กลับมาทำงานและเริ่มสร้างทีมออกแบบที่แข็งแกร่งขึ้น เธอก็ได้พาทีมพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ จนทำให้ Aura Seoul กลายเป็
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อนๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบาๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง"โรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน "ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโลกความจริง และมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"โรเซ่พ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งดึงเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ใจต้องการ เธอกุมมือของตัวเองแน่น ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ"ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้..." เธอพึมพำเบาๆไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบาๆ ในความเงียบสงัด เธอหันไปตามเสียง และพบว่าซูโฮยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนและสงบเหมือนทุกครั้ง แต่ดวงตากลับแฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"คุณดูเหมือนกำลังคิดมาก" ซูโฮพูดเบาๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอ"ฉันแค่..." โรเซ่พูดติดขัด เธอเงยหน้ามองเขาและสูดลมหายใจลึก "ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันควรทำยังไงต่อไป ฉันรักที่จะได้มาที่นี่ ได้เจอคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันรู้ว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรยึดถือไว้ตลอดไป"ซูโฮมองเธอเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณกลัวที่จะต้องเลือกใช่ไหม?"คำถามนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของโรเซ่อย่างจัง เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบตัว ราวกับกำลังมองหาคำตอบที่เธอไม่เคยหาเจอ"ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องเลือกระหว่างความสุขที่ฉันรู้ว่ามัน
โรเซ่เปิดม่านห้องนอนออกเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ท้องฟ้าในกรุงโซลสวยงามราวกับมีใครแต่งแต้มไว้ให้ เธอยืนมองทิวทัศน์จากระเบียงและสูดหายใจลึก รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" เธอพูดกับตัวเองเสียงเบาเมื่อเดินเข้าครัว เธอพบมินจีที่กำลังนั่งคุยกับแม่อยู่บนโต๊ะอาหาร มินจีดูสดใสเสมอในตอนเช้า เธอเป็นพลังบวกที่ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่น"พี่โรเซ่! ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะ?" มินจีถามพร้อมรอยยิ้มโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "เมื่อคืนพี่นอนดึก วาดแบบเพลินไปหน่อย"แม่ยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะโรเซ่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะป่วยเอา"โรเซ่เดินไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองแล้วนั่งลงข้างมินจี "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ หนูแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" เธอยิ้มให้แม่อย่างอ่อนโยนมินจีเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้ดูจากซีรีส์เมื่อคืน โรเซ่ฟังน้องสาวเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ แม้ว่าเนื้อหาจะเบาสมองและไม่เกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอก็อดหัวเราะไม่ได้กับความตลกในน้ำเสียงและท่าทางของมินจี"พี่ควรดูด้วยนะ มันสนุกมาก!" มินจีพูดด้วยความกระตือรือร้น"ถ้าพี่ว่าง พี่จะลองดูนะ" โรเ
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้งจนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ“คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?” โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา“บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน” ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง? คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้?”ซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง “ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ”“แต่คุณมาจากไหน? คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า?”เขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “คุณรู้ไหมว่าคุณมีความสามารถมากก
วันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง“เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก” แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง “แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย”มินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว “จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า? พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง”ทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ“พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่ะ”แม่ของเธอจับมือของโรเซ่ “แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ สิ่งที่ลูกทำมันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ”โรเซ่ยิ้
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงดนตรี โรเซ่ยืนอยู่เบื้องหลังม่านเวทีของแฟชั่นโชว์ระดับโลกในปารีส เธอสวมชุดสูทสีดำที่ออกแบบเอง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเมื่อเธอก้าวออกไปกลางเวที ผลงานการออกแบบของเธอได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม การได้ยินเสียงเหล่านั้นทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจหลังการแสดงจบลง ดีไซเนอร์ชื่อดังคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่คำพูดของเขากลับสร้างแรงสะท้อนในใจของเธอ“ผลงานของคุณยอดเยี่ยมมาก แต่ยังมีบางจุดที่สามารถพัฒนาได้ ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ อย่าหยุดแค่นี้”โรเซ่ยิ้มรับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแน่นอน”แม้จะรู้สึกภูมิใจ แต่คำวิจารณ์นั้นก็ทำให้เธอเริ่มคิดลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอตระหนักว่าการเดินทางครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อเธอกลับมาถึงโรงแรม โรเซ่เอนตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน คำพูดของซูโฮในโลกความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“คุณสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่คุณต้องเชื่อในตัวเอง”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “คุณนี่ช่างรู้จักปลอบใจฉันในทุกช่วงเวลาเลยจริง ๆ”ในคืนนั้น โรเซ่พยายามฝันถึงซูโ