ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น โรเซ่และซูโฮกลับมาที่บ้านหลังจากไปดูดอกไม้ไฟในสวนสาธารณะ ความรู้สึกที่พวกเขาเพิ่งได้แชร์กันเมื่อสักครู่ยังคงติดอยู่ในใจ โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ข้าง ๆ ซูโฮ
เมื่อถึงบ้าน ซูโฮเปิดประตูให้โรเซ่และยิ้มให้เธออย่างสุภาพ โรเซ่สังเกตเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความพยายามที่จะทำตัวให้ดีที่สุดเพื่อเธอ ความรู้สึกที่อบอุ่นนี้ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเชื่อมั่นในตัวเขามากยิ่งขึ้น
โรเซ่: "ขอบคุณนะที่เป็นสุภาพบุรุษให้ฉันเสมอจินยอง ฉันชอบความรู้สึกนี้"
ซูโฮ: (ยิ้ม) "ก็เพราะคุณสมควรได้รับสิ่งที่ดีที่สุด! และผมก็อยากให้คุณรู้สึกพิเศษ"
โรเซ่รู้สึกเขินอายเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขายังไม่หยุดที่จะสร้างความประทับใจให้คุณ เมื่อคุณเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่น เขาก็รีบหยิบผ้าห่มมาเพื่อให้คุณนั่งอย่างสบาย
ซูโฮ: "นี่ เก็บไว้ถ้าหนาวนะ"
โรเซ่ยิ้มรับผ้าห่มแล้วพูดว่า:
โรเซ่: "คุณนี่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงเลยนะ"
ซูโฮ: "ก็คงเป็นเพราะคุณมีเสน่ห์แบบนั้น!"
พวกเขานั่งอยู่บนโซฟา และโรเซ่เริ่มพูดถึงประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเมื่อครู่ ในขณะที่พูด เธอไม่ลืมที่จะหยิบเรื่องตลกมาบอกให้จินยองฟัง
โรเซ่: "รู้ไหม? ฉันคิดว่าเราเป็นคู่รักที่น่าจะมีชีวิตเหมือนในนิยายโรแมนติกได้จริง ๆ"
ซูโฮ:(หัวเราะ) "ใช่เลย! แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมคงต้องเป็นนักรบที่คอยปกป้องคุณจากอันตราย!"
โรเซ่หัวเราะออกมา และในขณะเดียวกันก็ดูดซับความอบอุ่นที่ซูโฮมอบให้ ความมั่นใจในตัวเองของเธอเริ่มเพิ่มขึ้น ขณะที่เธอคิดว่าวิธีที่เขาแสดงออกถึงความใส่ใจ ทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่าอย่างมาก
โรเซ่: "ถ้าคุณเป็นนักรบ ฉันจะเป็นนางเอกที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกินทุกวัน"
ซูโฮ: "ยินดีเลย! แต่คุณต้องเก็บสูตรอาหารลับไว้ให้ดีนะ!"
พวกเขาทั้งคู่หัวเราะไปด้วยกัน โรเซ่รู้สึกว่าความสนุกสนานที่พวกเขามีร่วมกันกำลังช่วยเติมเต็มชีวิตของเธอให้สดใสมากขึ้น
ในระหว่างการสนทนา โรเซ่เริ่มมองซูโฮในแง่ที่ลึกซึ้งขึ้น เธอเห็นความใส่ใจและความอบอุ่นที่เขามีต่อเธออย่างชัดเจน เธอจึงตัดสินใจลองถามเขาเกี่ยวกับสิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ
โรเซ่: "ซูโฮ คุณเคยมีความรู้สึกว่าคุณทำอะไรเพื่อคนอื่นมากเกินไปไหม?"
ซูโฮ: "อืม... บางครั้งก็มีนะ แต่ผมคิดว่า ถ้าเราใส่ใจคนอื่นให้มากขึ้น ชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้นเช่นกัน"
โรเซ่: "มันน่าประทับใจมาก! ฉันเองก็พยายามให้มากที่สุดเช่นกัน"
ด้วยการพูดคุยกันแบบนี้ โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างพวกเขา และความมั่นใจในตัวเองของเธอก็เพิ่มขึ้นเมื่อเธอรู้ว่าเธอสามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงให้เขาได้เห็น
โรเซ่: "ฉันรู้สึกว่าเราเป็นเหมือนจิ๊กซอร์ที่พอดีกันจริง ๆ"
ซูโฮ: "จริงซิ! เราควรจะทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อกันและกัน"
ซูโฮพยายามแสดงให้โรเซ่เห็นว่าเขาพร้อมที่จะเป็นสุภาพบุรุษและเป็นคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ไหนก็ตาม
ซูโฮ: "ถ้ามีอะไรที่ทำให้คุณรู้สึกไม่ดี หรือมีปัญหาอะไร ให้ผมรู้ได้เลยนะ ผมจะพยายามช่วยคุณให้ดีที่สุด"
คำพูดของซูโฮทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจ คุณรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและเอาใจใส่จริง ๆ นอกจากนี้ เขายังทำให้เธอเห็นถึงความสำคัญของการดูแลซึ่งกันและกันในความสัมพันธ์
โรเซ่: "ขอบคุณนะซูโฮ ฉันรู้สึกโชคดีมากที่มีเธอในชีวิต"
ซูโฮ: "อย่าลืมนะ โรเซ่ คุณก็สำคัญสำหรับผมเหมือนกัน"
เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขายังคงนั่งคุยกันต่ออย่างอิสระ ความสนุกสนานและความน่ารักของซูโฮทำให้โรเซ่รู้สึกสบายใจ เธอรู้สึกถึงการเติบโตของความสัมพันธ์นี้และความเป็นตัวตนของเขาที่มีต่อเธอมากขึ้น
ในที่สุด ความคิดที่ว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่น่ารักในโลกแห่งความเป็นจริงก็ทำให้โรเซ่รู้สึกตื่นเต้น เธออยากใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตกับเขาอย่างเต็มที่
โรเซ่: "ฉันหวังว่าเราจะสามารถสร้างความทรงจำที่สวยงามร่วมกันได้ในทุก ๆ วัน"
ซูโฮ: "แน่นอน! เราจะทำให้ทุกวันที่ผ่านไปมีความหมาย!"
ด้วยการที่พวกเขาแลกเปลี่ยนความรู้สึกกันอย่างเปิดเผย ความสัมพันธ์ของโรเซ่และซูโฮจึงยิ่งแน่นแฟ้นและน่ารักมากขึ้น โรเซ่รู้ว่าเธอได้พบกับคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใด ๆ ในชีวิตก็ตาม
ค่ำคืนนี้เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความอบอุ่นที่ทำให้โรเซ่รู้สึกว่าเธอได้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงในโลกใบนี้ และมีซูโฮอยู่เคียงข้างเธอเพื่อแบ่งปันความฝันและความหวังในอนาคตอย่างไม่สิ้นสุด
หลังจากที่ซูโฮและโรเซ่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารค่ำและเสียงหัวเราะในร้านอาหารโรแมนติก พวกเขาเดินกลับออกมาด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและแสงไฟจากเมืองที่สะท้อนอยู่ในสายตา ระหว่างทาง ซูโฮก็มองหาโอกาสเล็ก ๆ ที่จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านทางเดินที่มีแอ่งน้ำเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า ซูโฮรีบเดินนำหน้า เขาหันมามองโรเซ่และยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงความขี้เล่น
ซูโฮ: "ถ้าข้างหน้านี้ดูทุลักทุเลไปสักหน่อย คุณอนุญาตให้ผมช่วยไหม?"
โรเซ่หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าให้เขาอย่างขำขัน แต่ก็รู้สึกประทับใจในความใส่ใจของเขา ซูโฮยื่นแขนให้เธอจับ โดยไม่รีรอ เขาช่วยพยุงเธอข้ามแอ่งน้ำนั้นไปได้อย่างเรียบร้อย แต่โรเซ่ก็ยังทำเป็นเล่น ๆ แกล้งสะดุดเล็กน้อยเพื่อดูท่าทางของซูโฮ
โรเซ่: "ขอบคุณนะซูโฮ บางทีฉันอาจจะติดใจให้คุณเป็นผู้ช่วยเดินข้ามทางยาก ๆ ต่อไปก็ได้นะ"
หลังจากที่ซูโฮและโรเซ่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารค่ำและเสียงหัวเราะในร้านอาหารโรแมนติก พวกเขาเดินกลับออกมาด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและแสงไฟจากเมืองที่สะท้อนอยู่ในสายตา ระหว่างทาง ซูโฮก็มองหาโอกาสเล็ก ๆ ที่จะแสดงความเป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก
ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านทางเดินที่มีแอ่งน้ำเล็ก ๆ อยู่ข้างหน้า ซูโฮรีบเดินนำหน้า เขาหันมามองโรเซ่และยิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแฝงความขี้เล่น
ซูโฮ: "ถ้าข้างหน้านี้ดูทุลักทุเลไปสักหน่อย เธออนุญาตให้ฉันช่วยไหม?"
โรเซ่หัวเราะเบา ๆ และพยักหน้าให้เขาอย่างขำขัน แต่ก็รู้สึกประทับใจในความใส่ใจของเขา ซูโฮยื่นแขนให้เธอจับ โดยไม่รีรอ เขาช่วยพยุงเธอข้ามแอ่งน้ำนั้นไปได้อย่างเรียบร้อย แต่โรเซ่ก็ยังทำเป็นเล่น ๆ แกล้งสะดุดเล็กน้อยเพื่อดูท่าทางของจินฮยอง
โรเซ่: "ขอบคุณนะซูโฮ บางทีฉันอาจจะติดใจให้คุณเป็นผู้ช่วยเดินข้ามทางยาก ๆ ต่อไปก็ได้นะ"
ซูโฮ: (ยิ้ม) "ถ้าคุณต้องการ ผมพร้อมเสมอ"
หลังจากนั้น ทั้งสองคนก็เดินไปด้วยกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ซูโฮพยายามเปิดประตูให้เธอทุกครั้งที่ผ่าน ทำให้โรเซ่แอบยิ้มอยู่บ่อย ๆ กับความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเจ้าหญิงในนิยายที่มีสุภาพบุรุษคอยดูแล ทำให้เธอรู้สึกทั้งอุ่นใจและมีความสุขที่ได้มีเขาอยู่เคียงข้าง
เมื่อทั้งสองมาถึงสะพานที่มีลมพัดเย็น ซูโฮสังเกตว่าโรเซ่เริ่มลูบแขนตัวเองเบา ๆ เพราะอากาศหนาว เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตัดสินใจถอดเสื้อคลุมของเขาออกและคลุมให้เธออย่างอ่อนโยน
ซูโฮ: "คุณอาจจะยังไม่ชินกับอากาศหนาวของที่นี่ นี่เสื้อคลุม ผมอยากให้คุณรู้สึกอุ่นมากกว่าที่จะต้องทนหนาว"
โรเซ่เงยหน้าขึ้นมองซูโฮ ตื่นตะลึงกับท่าทีที่สุภาพและใส่ใจของเขา แม้ว่าเธอจะเคยเห็นผู้ชายที่ดูแลเธอมาก่อน แต่การกระทำของซูโฮกลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นในแบบที่ต่างออกไป เธอพยายามปกปิดความรู้สึกเขินอายด้วยการพูดขี้เล่นโรเซ่: "ทำแบบนี้เดี๋ยวคุณก็ต้องหนาวเองซิซูโฮ"
ซูโฮ: (ยิ้มอบอุ่น) "ไม่เป็นไร ผมอยากให้คุณสบายใจมากกว่า"
คำพูดนี้ทำให้โรเซ่รู้สึกหวั่นไหวในใจ เธอรู้สึกถึงความจริงใจและความอบอุ่นที่เขามอบให้ โดยไม่รู้ตัว เธอเริ่มมองเขาในแง่มุมที่ลึกซึ้งขึ้นเรื่อย ๆ ซูโฮไม่ได้เป็นแค่เพื่อนที่มีความขี้เล่น แต่ยังเป็นผู้ชายที่ใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ ที่คนอื่นอาจจะมองข้ามไป
ทั้งคู่เดินต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ โรเซ่แอบมองใบหน้าของซูโฮขณะเขากำลังสนใจวิวทิวทัศน์ในยามค่ำคืน เธอยิ้มอย่างอบอุ่น และรู้สึกขอบคุณที่ได้พบเขาในชีวิตนี้ ช่วงเวลาที่ใช้ร่วมกันในคืนนั้นทำให้เธอเริ่มมองเห็นจินฮยองในมุมที่เป็นมากกว่าเพื่อนและคู่หูในการผจญภัย เขาคือคนที่เธอสามารถพึ่งพาได้ และคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
โรเซ่: (กระซิบเบา ๆ กับตัวเอง) "ฉันโชคดีจังที่ได้พบคนแบบนี้"
ซูโฮ: "เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?"
โรเซ่: (ตกใจเล็กน้อย) "อ๋อ… ไม่มีอะไรหรอก แค่บอกว่าคืนนี้อากาศดีมากแค่นั้นเอง"
ซูโฮหัวเราะออกมาเบา ๆ และเดินต่อไป โดยไม่รู้ว่าในใจของโรเซ่เริ่มมีความรู้สึกที่มากกว่ามิตรภาพเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งการเดินเล่นครั้งนี้กลายเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับทั้งคู่
ขณะเดินกลับจากอาหารค่ำ โรเซ่และซูโฮใช้เวลาที่เหลืออยู่ในการพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับชีวิต งานอดิเรก และความฝันในอนาคตของพวกเขา บรรยากาศยามค่ำคืนเต็มไปด้วยดาวระยิบระยับ และเสียงของการจราจรจากถนนทำให้บรรยากาศดูคึกคัก โรเซ่รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาเมื่อได้ใช้เวลาร่วมกับซูโฮซูโฮ: "โรเซ่ เธอเคยคิดมั้ยว่าถ้าหากเราสามารถมีชีวิตอยู่ในโลกแฟนตาซีได้ เราจะทำอะไรบ้าง?"โรเซ่: "อืม... คุณอยากเป็นนักผจญภัยที่ออกตามหาสมบัติ! แล้วคุณล่ะซูโฮ?"ซูโฮ: "ผมจะเป็นนักรบที่คอยปกป้องคุณจากอันตราย!" (เขายิ้มขณะพูด)โรเซ่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบของซูโฮ เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความมั่นใจมากขึ้นเมื่ออยู่กับเขา ราวกับว่าเขาเป็นคนที่สามารถทำให้เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและการสนับสนุนที่ไม่เหมือนใครโรเซ่: "ถ้าฉันเป็นนางเอก ฉันจะต้องเป็นนางเอกที่ทำอาหารอร่อย ๆ ให้คุณกินนะ!"ซูโฮ: (แกล้งทำเสียงเข้ม) "นักรบไม่มีเวลากินอาหารหรอก! ผมจะต้องไปรบ!"โรเซ่: (ยิ้มอย่างขำขัน) "ยังไงก็ต้องหิวอยู่ดี! ถ้าไม่มีอาหาร นักรบก็ไม่มีแรงจะต่อสู้ซิ!"การสนทนาเปลี่ยนไปอย่างเป็นธรรมชาติ จนในที่สุดพวกเขาก็ถึงสะพานที่มองเห็นวิวทิ
ในช่วงบ่ายที่สดใส โรเซ่และซูโฮตัดสินใจที่จะใช้เวลาร่วมกันในสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในโลกนิยายที่พวกเขาอยู่ มันเป็นสวนที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีและบรรยากาศที่โรแมนติก ลมเบา ๆ พัดผ่านทำให้โรเซ่รู้สึกมีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เมื่อเดินเข้าไปในสวน โรเซ่สวมชุดเดรสสีฟ้าลายดอกไม้ที่พริ้วไหวเมื่อโดนลม ซึ่งทำให้เธอดูสดใสและเต็มไปด้วยพลังงานโรเซ่: "ซูโฮ! ดูซิ! ดอกไม้ตรงนั้นสวยมากเลย!"โรเซ่ชี้ไปยังดอกไม้สีสดใสที่บานอยู่กลางสวน ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้นซูโฮ: "ใช่! มันสวยจริง ๆ ทำให้ผมนึกถึงภาพวาดในนิยายที่เราเคยอ่านกันเลย"โรเซ่หันมามองซูโฮด้วยรอยยิ้มกว้าง ความมั่นใจในตัวเองของเธอทำให้เธอรู้สึกว่าการแสดงออกถึงความชอบของตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญโรเซ่: "ฉันชอบดอกไม้ เพราะมันทำให้รู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา! เหมือนกับความรักที่เราอ่านในนิยายเลย"ซูโฮ: "ความรักที่ทำให้เราได้เห็นสิ่งสวยงามแบบนี้ก็จริงนะ"ขณะที่เดินต่อไป โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องตลกเกี่ยวกับการออกแบบเสื้อผ้าของเธอ ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอหลงใหลมาตั้งแต่เด็กโรเซ่: "เมื่อปีที่แล้ว ฉันพยายามทำชุดเดรสสำหรับงานปาร์ตี้ แต่ฉันดันเลือกสีที่มันดูแปลก
บรรยากาศในสวนสาธารณะถูกเติมเต็มด้วยแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านกิ่งไม้และเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินไปมา โรเซ่และซูโฮนั่งอยู่บนม้านั่งไม้ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่ความสดชื่นของลมเย็นช่วยสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมสำหรับการพูดคุยถึงความฝันของพวกเขาโรเซ่: "ซูโฮ! ฉันรู้ว่าคุณมีความฝันเกี่ยวกับห้องสมุดแห่งความฝันของปู่จริงไหม? มันเป็นอย่างไรบ้าง?"ซูโฮยิ้มกว้าง เมื่อต้องพูดถึงห้องสมุดที่เขารักมากซูโฮ: "ใช่! ห้องสมุดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่พิเศษมากสำหรับผม มันไม่ใช่แค่ที่เก็บหนังสือ แต่เป็นที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนทุกวัย ผมรับช่วงดูแลมันต่อจากพ่อของผม"โรเซ่จ้องมองเขาอย่างสนใจ และสามารถเห็นแสงแห่งความหลงใหลในดวงตาของเขาโรเซ่: "โอ้! มันฟังดูยอดเยี่ยมจริง ๆ! ฉันจำได้ว่าได้ยินเกี่ยวกับห้องสมุดนี้จากเพื่อน ๆ พวกเขาพูดถึงความอบอุ่นและบรรยากาศที่ดีที่นั่น"ซูโฮ: "ใช่! ห้องสมุดนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกของการแบ่งปัน ความรู้สึกที่ทุกคนสามารถเข้ามาอ่านหนังสือและพูดคุยกันได้ ผมอยากให้มันเป็นสถานที่ที่ผู้คนสามารถเปิดใจและเชื่อมโยงกัน"โรเซ่: "ความคิดของคุณช่างงดงาม! ฉันเองก็ฝันถึงการสร้างสิ่งที่ดีให้กับผู้คนเ
โรเซ่และซูโฮนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะที่มีแสงแดดอ่อน ๆ ส่องผ่านใบไม้ ร่างของพวกเขาเป็นจุดเด่นในบรรยากาศที่เงียบสงบ โรเซ่รู้สึกตื่นเต้นที่ได้อยู่กับจินยองและแชร์ความฝันของเธอกับเขาซูโฮ: "โรเซ่ ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าคุณมีความคิดสร้างสรรค์ขนาดนี้ ผมชอบที่จะฟังคุณพูดถึงความฝันของคุณ"โรเซ่ยิ้มและสัมผัสถึงความอบอุ่นจากคำชมของเขาโรเซ่: "ขอบคุณนะ! การได้สร้างสิ่งที่มีความหมายให้กับผู้คนเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวา มันเหมือนการได้ทำอะไรที่สำคัญ"ซูโฮมองไปที่เธออย่างตั้งใจซูโฮ: "ความฝันของคุณมันใหญ่หลวงมาก ผมมั่นใจว่าคุณสามารถทำให้มันเป็นจริงได้"โรเซ่: "แน่นอน! และผมก็รู้สึกว่าความฝันของเรามีความคล้ายกันมาก ฉันอยากให้ห้องสมุดแห่งความฝันที่ให้ทุกคนมีโอกาสค้นหาความรู้และแรงบันดาลใจ"ซูโฮ: "นี่คือสิ่งที่ทำให้ผมรักห้องสมุดแห่งนี้ มันไม่ใช่แค่สถานที่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์"โรเซ่รู้สึกถึงความใกล้ชิดเมื่อทั้งคู่เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับความฝันของตัวเองโรเซ่: "มีคนมากมายที่มาใช้ห้องสมุดแห่งนี้ และฉันอยากให้มันเป็นที่ที่ผู้คนสามารถมาแบ่งปันความฝันและสร้างสรรค์ได้"ซูโฮ: "
บรรยากาศที่โรเซ่และซูโฮอยู่ในห้องสมุดแห่งความฝันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อซูโฮตัดสินใจพาโรเซ่เข้าไปในโลกนิยายสืบสวน ทั้งคู่ยืนอยู่ที่กลางห้องสมุด ขณะที่ซูโฮยิ้มอย่างมั่นใจและยื่นมือไปจับมือของโรเซ่ซูโฮ: “ผมมีอะไรสนุก ๆ จะให้คุณลองดู… เราจะเข้าไปในโลกนิยายสืบสวนกัน!”โรเซ่ตาโตด้วยความตื่นเต้นและสงสัย เธอมองไปที่หน้าต่างที่เต็มไปด้วยแสงสว่างและเห็นภาพวาดที่ดูเหมือนจะมีชีวิตชีวา ขณะที่เสียงของจินยองดึงดูดความสนใจของเธอโรเซ่: “จริงเหรอ? แต่… เราจะเข้าไปในนั้นได้ยังไง?”ซูโฮ: “แค่จินตนาการตามที่เราคิด… ยิ่งเราตั้งใจมากเท่าไร เราจะยิ่งเข้าไปได้ลึกขึ้น!”โรเซ่รู้สึกเหมือนเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่อีกโลกหนึ่ง ความมั่นใจในตัวเองเริ่มผุดขึ้นในใจ ขณะที่เธอยิ้มและยอมรับมือของจินยองโรเซ่: “ถ้าเป็นแบบนั้น… ฉันก็พร้อมที่จะเข้าไปกับคุณ!”เมื่อทั้งสองเริ่มปิดตาและตั้งใจจินตนาการภาพของโลกนิยายสืบสวน พวกเขารู้สึกถึงแรงดึงดูดและความอบอุ่นที่ทำให้พวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นทันใดนั้น พวกเขาพบว่าตนเองยืนอยู่กลางเมืองที่มีบรรยากาศคล้ายหนังสือสืบสวนเก่า แสงไฟจากตึกสูงส่องสว่างบนถนนที่มีคนเดินผ่านไปมา แต่มีบางอย่าง
ในขณะที่โรเซ่และซูโฮกำลังอยู่ในช่วงของการสืบสวนคดีที่เต็มไปด้วยความลึกลับ โรเซ่เริ่มรู้สึกสนุกกับการท้าทายซูโฮซึ่งทำให้บรรยากาศการทำงานร่วมกันของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นโรเซ่: “จินยอง ถ้าคุณอยากจะออกจากที่นี่ไปเร็ว ๆ คุณต้องลองทำอะไรที่ท้าทายกว่านี้นะ!” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่ขี้เล่นซูโฮ: “ท้าทายยังไงครับ?” เขาหันไปมองโรเซ่ด้วยความสนใจโรเซ่ยิ้มกว้างและชี้ไปที่ห้องข้าง ๆ ซึ่งมีบรรยากาศที่ไม่ค่อยเป็นมิตรโรเซ่: “เราต้องลองไปถามคนที่อาศัยอยู่ที่นั่นว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับคดีนี้หรือเปล่า! มันอาจจะอันตรายก็ได้นะ”ซูโฮ: “ผมไม่แน่ใจว่ามันเป็นไอเดียที่ดีหรือเปล่านะ” เขาเอียงหัวไปข้างหนึ่งด้วยท่าทางอ่อนโยนโรเซ่: “แค่ลองดูซิ! คุณไม่ต้องกลัวหรอก ผมอยู่ข้าง ๆ คุณ” เธอท้าทายเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจซูโฮมองไปที่โรเซ่ เขารู้สึกชื่นชมในความกล้าหาญและความมั่นใจของเธอซูโฮ: “ถ้าคุณแน่ใจ ผมก็จะตามคุณไป” เขายิ้มให้กับเธอพวกเขาเดินไปที่ห้องข้าง ๆ และโรเซ่เคาะประตูอย่างมั่นใจโรเซ่: “สวัสดีค่ะ! คุณอยู่ไหม?”เสียงจากในห้องตอบกลับมาเสียงจากในห้อง: “ใคร? ทำไมถึงมาเคาะที่นี่?”โรเซ่หันมามอง
เมื่อทั้งสองไขปริศนาได้สำเร็จ โรเซ่และจินยองรู้สึกถึงความสุขที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันอุปสรรคในครั้งนี้ พวกเขาตัดสินใจฉลองความสำเร็จด้วยการไปทานอาหารที่ร้านโปรดของจินยองโรเซ่: “เราทำได้แล้วนะ! ฉันแทบไม่เชื่อเลยว่าพวกเราจะจัดการได้” เธอพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ทั้งสองเดินเข้าร้านซูโฮ: “ใช่ครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะคุณ” เขาหันไปยิ้มให้เธออย่างอบอุ่นเมื่อถึงที่นั่ง โรเซ่สั่งอาหารอย่างมั่นใจและเต็มไปด้วยความขี้เล่นโรเซ่: “ฉันอยากลองเมนูพิเศษที่นี่ คุณไม่สนใจที่จะลองอะไรแปลกใหม่บ้างเหรอ?”ซูโฮ: “แน่นอนครับ ถ้าคุณคิดว่ามันอร่อย ผมก็ยินดีที่จะลอง” เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มหลังจากที่สั่งอาหารแล้ว พวกเขานั่งลงและเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับความสำเร็จที่เพิ่งผ่านมาโรเซ่: “รู้ไหม ฉันรู้สึกภูมิใจในตัวเองมากๆ ตอนที่เราทำงานร่วมกัน” เธอพูดด้วยความมั่นใจซูโฮ: “ผมก็เช่นกันครับ คุณทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องสนุกที่ได้ทำงานร่วมกับคุณ” เขามองโรเซ่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชมโรเซ่ยิ้มและรู้สึกอบอุ่นในใจเมื่อได้ยินคำพูดของจินยองโรเซ่: “ฉันรู้สึกเหมือนเราทำได้มากกว่าที่คาดหวังนะ”ในระหว่า
หลังจากวันแห่งความสำเร็จและการเฉลิมฉลองผ่านไป โรเซ่และซูโฮมีโอกาสใช้เวลาร่วมกันมากขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ ทั้งสองได้ตัดสินใจไปเดินเที่ยวในสวนสาธารณะที่มีชื่อเสียงในเมือง ซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และทุ่งดอกไม้สีสันสดใสเมื่อเดินเข้ามาในสวน โรเซ่รู้สึกตื่นเต้น เธอวิ่งไปข้างหน้าเล็กน้อยและหันกลับมายิ้มให้จินยองโรเซ่: “คุณคิดว่าที่นี่จะมีดอกไม้ที่สวยที่สุดในโลกไหม?” เธอถามด้วยน้ำเสียงขี้เล่นซูโฮ: “ผมว่าไม่น่าจะมีที่ไหนสวยไปกว่าคุณนะ” เขาตอบอย่างอบอุ่น ทำให้โรเซ่ยิ้มกว้างพวกเขาเดินไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยดอกไม้โรเซ่ชี้ไปที่ดอกไม้สีม่วงที่เบ่งบานอยู่โรเซ่: “ดูสิ! ดอกไม้พวกนี้สวยมาก!” เธอหยุดและเริ่มเดินเข้าไปใกล้ดอกไม้จินยอง: “คุณชอบดอกไม้นี้เหรอ?” เขาถามขณะที่มองตามไปโรเซ่: “ใช่ค่ะ มันทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวา” เธอหันมาพูดพลางยิ้มให้เขาเมื่อเดินต่อไป โรเซ่ก็ตัดสินใจเล่นเกมเล็กๆ เพื่อทำให้บรรยากาศสนุกสนานโรเซ่: “มาแข่งกันดูไหมว่าคุณจะเก็บดอกไม้ได้มากกว่าฉัน?”ซูโฮ: “อ้าว! ถ้าอย่างนั้นผมจะต้องทุ่มสุดตัวแล้ว” เขาหัวเราะและตอบกลับอย่างขำขันโรเซ่เริ่มวิ่งไปหาและเก็บดอกไม้ด้วยความ
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้งเพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ... ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยองเจเป็นครั้งที่สองในงานเลี้ยงของเพื่อนๆ เขามีลักษณะภายนอกท
โรเซ่กลับมาที่สำนักงานของ Aura Seoul ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าที่เคย เธอเดินผ่านห้องต่างๆ ของสำนักงาน, มองเห็นทีมงานที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ความคิดของเธอกลับไปที่การเริ่มต้นใหม่ที่เธอตัดสินใจในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การกลับมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถสร้างบางสิ่งที่ยั่งยืนและเต็มไปด้วยความหมาย"วันนี้คุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ไหม?" แคลร์ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของโรเซ่โรเซ่ยิ้มให้กับเพื่อนรักของเธอ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงาน "พร้อมแล้วล่ะ ไม่แค่พร้อม ยังรู้สึกว่าเหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย"แคลร์ยิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ "นี่แหละที่เรารอคอยมานานที่สุด ใครจะไปรู้ว่าโรเซ่ที่เคยลังเล จะกลับมาแข็งแกร่งขนาดนี้"โรเซ่เอนตัวไปข้างหลังในเก้าอี้สำนักงาน พูดเบาๆ ว่า "เพราะในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่า ไม่ว่าโลกความจริงหรือโลกความฝัน ฉันสามารถทำสิ่งที่ฉันรักได้"หลังจากที่โรเซ่กลับมาทำงานและเริ่มสร้างทีมออกแบบที่แข็งแกร่งขึ้น เธอก็ได้พาทีมพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ จนทำให้ Aura Seoul กลายเป็
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อนๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบาๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง"โรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน "ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโลกความจริง และมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"โรเซ่พ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งดึงเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ใจต้องการ เธอกุมมือของตัวเองแน่น ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ"ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้..." เธอพึมพำเบาๆไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบาๆ ในความเงียบสงัด เธอหันไปตามเสียง และพบว่าซูโฮยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนและสงบเหมือนทุกครั้ง แต่ดวงตากลับแฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"คุณดูเหมือนกำลังคิดมาก" ซูโฮพูดเบาๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอ"ฉันแค่..." โรเซ่พูดติดขัด เธอเงยหน้ามองเขาและสูดลมหายใจลึก "ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันควรทำยังไงต่อไป ฉันรักที่จะได้มาที่นี่ ได้เจอคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันรู้ว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรยึดถือไว้ตลอดไป"ซูโฮมองเธอเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณกลัวที่จะต้องเลือกใช่ไหม?"คำถามนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของโรเซ่อย่างจัง เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบตัว ราวกับกำลังมองหาคำตอบที่เธอไม่เคยหาเจอ"ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องเลือกระหว่างความสุขที่ฉันรู้ว่ามัน
โรเซ่เปิดม่านห้องนอนออกเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ท้องฟ้าในกรุงโซลสวยงามราวกับมีใครแต่งแต้มไว้ให้ เธอยืนมองทิวทัศน์จากระเบียงและสูดหายใจลึก รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" เธอพูดกับตัวเองเสียงเบาเมื่อเดินเข้าครัว เธอพบมินจีที่กำลังนั่งคุยกับแม่อยู่บนโต๊ะอาหาร มินจีดูสดใสเสมอในตอนเช้า เธอเป็นพลังบวกที่ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่น"พี่โรเซ่! ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะ?" มินจีถามพร้อมรอยยิ้มโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "เมื่อคืนพี่นอนดึก วาดแบบเพลินไปหน่อย"แม่ยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะโรเซ่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะป่วยเอา"โรเซ่เดินไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองแล้วนั่งลงข้างมินจี "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ หนูแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" เธอยิ้มให้แม่อย่างอ่อนโยนมินจีเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้ดูจากซีรีส์เมื่อคืน โรเซ่ฟังน้องสาวเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ แม้ว่าเนื้อหาจะเบาสมองและไม่เกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอก็อดหัวเราะไม่ได้กับความตลกในน้ำเสียงและท่าทางของมินจี"พี่ควรดูด้วยนะ มันสนุกมาก!" มินจีพูดด้วยความกระตือรือร้น"ถ้าพี่ว่าง พี่จะลองดูนะ" โรเ
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้งจนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ“คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?” โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา“บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน” ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง? คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้?”ซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง “ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ”“แต่คุณมาจากไหน? คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า?”เขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “คุณรู้ไหมว่าคุณมีความสามารถมากก
วันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง“เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก” แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง “แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย”มินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว “จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า? พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง”ทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ“พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่ะ”แม่ของเธอจับมือของโรเซ่ “แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ สิ่งที่ลูกทำมันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ”โรเซ่ยิ้
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงดนตรี โรเซ่ยืนอยู่เบื้องหลังม่านเวทีของแฟชั่นโชว์ระดับโลกในปารีส เธอสวมชุดสูทสีดำที่ออกแบบเอง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเมื่อเธอก้าวออกไปกลางเวที ผลงานการออกแบบของเธอได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม การได้ยินเสียงเหล่านั้นทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจหลังการแสดงจบลง ดีไซเนอร์ชื่อดังคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่คำพูดของเขากลับสร้างแรงสะท้อนในใจของเธอ“ผลงานของคุณยอดเยี่ยมมาก แต่ยังมีบางจุดที่สามารถพัฒนาได้ ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ อย่าหยุดแค่นี้”โรเซ่ยิ้มรับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแน่นอน”แม้จะรู้สึกภูมิใจ แต่คำวิจารณ์นั้นก็ทำให้เธอเริ่มคิดลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอตระหนักว่าการเดินทางครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อเธอกลับมาถึงโรงแรม โรเซ่เอนตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน คำพูดของซูโฮในโลกความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“คุณสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่คุณต้องเชื่อในตัวเอง”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “คุณนี่ช่างรู้จักปลอบใจฉันในทุกช่วงเวลาเลยจริง ๆ”ในคืนนั้น โรเซ่พยายามฝันถึงซูโ