หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ก็ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง และทุกย่างก้าวที่เธอเดินข้างซูโฮก็ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะเดียวกัน โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
โรเซ่: (หัวเราะเบา ๆ พร้อมยิ้มอย่างท้าทาย) "โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะจินฮยอง?"
ซูโฮ: (ยิ้มตอบ) "นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก"
โรเซ่: (พยักหน้า) "ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้"
จินฮยองยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่ เขารู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความกล้าหาญของเธอ เขาเริ่มหาทางข้ามลำธารและพบก้อนหินที่เรียงกันอยู่พอให้ใช้เป็นจุดเหยียบ แต่ก็ต้องระวังไม่ให้ลื่น
ซูโฮ: "เราลองข้ามไปบนก้อนหินพวกนี้ดีกว่า แต่คุณต้องจับมือฉันไว้แน่น ๆ นะ เผื่อเกิดอะไรขึ้น"
โรเซ่: (ยื่นมือไปจับมือซูโฮอย่างมั่นใจ) "ไม่มีปัญหาเลยซูโฮ นายอย่าห่วงไป ฉันนี่แหละเป็นพวกตั้งมั่นว่าจะข้ามไปให้ได้!"
เมื่อทั้งคู่เริ่มเดินข้ามลำธารไปทีละก้าว โรเซ่ก็พยายามทรงตัวบนก้อนหินและหัวเราะออกมาเป็นระยะ ๆ ทุกครั้งที่เธอรู้สึกเสียหลักเล็กน้อย ซูโฮคอยจับมือของเธอไว้ไม่ให้ล้ม แม้สถานการณ์จะเสี่ยง แต่บรรยากาศกลับเต็มไปด้วยความสนุกและความตื่นเต้นที่ทั้งสองได้แบ่งปันกัน
โรเซ่: (หัวเราะเสียงดัง) "นี่สนุกกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย! คุณดูเหมือนจะเป็นนักผจญภัยตัวจริงเลยนะ"
ซูโฮ: (หัวเราะ) "คุณนี่ล่ะนักผจญภัยตัวจริง ผมแค่พยายามตามเธอให้ทันเท่านั้นเอง!"
เมื่อข้ามลำธารไปได้สำเร็จ โรเซ่ก็ยกมือขึ้นเชียร์อย่างดีใจ พลางหัวเราะเสียงดัง เธอหันมองซูโฮและยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยที่พึงพอใจกับความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ซูโฮหัวเราะตอบและรู้สึกดีที่ได้เห็นโรเซ่ในมุมที่เป็นธรรมชาติและมีชีวิตชีวาขนาดนี้
ทั้งคู่เดินต่อไปจนถึงจุดที่มีต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านสูงยาว โรเซ่เดินล่วงหน้ามาก่อนแล้วเห็นทางข้างหน้ามีสะพานเชือกเก่า ๆ แขวนอยู่ และท่าทางจะไม่แข็งแรงนัก
โรเซ่: (หันกลับมามองจินฮยองด้วยแววตาสนุกสนาน) "คุณว่าเราจะข้ามสะพานนี้ได้ไหม? หรือว่าเราจะลองหาทางอื่นแทน?"
ซูโฮ: (ยิ้ม) "คุณกล้าข้ามสะพานนี้จริง ๆ เหรอ? ดูท่าทางมันจะอันตรายไม่น้อยนะ"
โรเซ่: (พยักหน้าด้วยความมั่นใจ) "แน่นอน! นี่ล่ะเป็นการผจญภัยในนิยายที่ฉันฝันไว้เลย เราจะทำให้ได้และข้ามไปด้วยกัน!"
โรเซ่เริ่มก้าวเดินบนสะพานเชือกอย่างระมัดระวัง ขณะที่ซูโฮตามหลัง เธอหันมายิ้มให้เขาเป็นระยะ ๆ อย่างมั่นใจ ซูโฮคอยดูแลเธออยู่ไม่ห่างและคอยเตือนให้เธอระวัง แต่ในขณะเดียวกันก็อดชื่นชมในความกล้าของเธอไม่ได้
เมื่อข้ามสะพานได้ครึ่งทาง สะพานเกิดโยกแรงขึ้น โรเซ่สูดหายใจลึก ๆ และก้มมองเชือกที่เริ่มขาด
ซูโฮ: "โรเซ่! เธอต้องระวังหน่อย เชือกดูเหมือนจะขาดเร็ว ๆ นี้นะ!"
โรเซ่: (หัวเราะเล็ก ๆ พลางทำหน้าแหย่) "เอาเถอะ ถ้ามันขาดจริง นายรับฉันไหวไหมล่ะ?"
ซูโฮ: (หัวเราะ) "แน่นอนผมจะจับคุณไว้ให้ได้!"
ในที่สุด ทั้งสองก็ข้ามสะพานได้สำเร็จ เมื่อเท้าทั้งสองเหยียบพื้นดินอีกฝั่ง โรเซ่ก็หันไปยิ้มให้จินฮยองอย่างภูมิใจ ทั้งคู่รู้สึกได้ว่าการร่วมผจญภัยนี้ทำให้พวกเขาสนิทกันมากขึ้นและเข้าใจกันมากขึ้นเช่นกัน
โรเซ่: "ฉันไม่เคยคิดว่าการผจญภัยนี้จะสนุกขนาดนี้ การที่ได้ทำอะไรท้าทายกับคุณ มันทำให้ฉันรู้สึกมีพลังอย่างบอกไม่ถูก"
ซูโฮ: (ยิ้มและมองเธออย่างอ่อนโยน) "ผมเองก็รู้สึกดีที่ได้ร่วมทางกับคุณ ความกล้าของคุณทำให้ผมกล้าที่จะลองทำอะไรใหม่ ๆ ไปพร้อมกัน"
โรเซ่: (แกล้งยื่นกำปั้นให้เขา) "ถ้าอย่างนั้นมาทำสัญญากัน เราจะร่วมผจญภัยไปด้วยกันจนกว่าจะถึงจุดหมาย ไม่ว่าอะไรก็ตาม!"
ซูโฮ: (หัวเราะแล้วแตะกำปั้นตอบ) "ตกลง! ไม่ว่าอุปสรรคข้างหน้าจะเป็นยังไง เราจะเผชิญมันไปด้วยกัน!"
ทั้งสองมองหน้ากันและหัวเราะให้กัน จากที่เริ่มต้นเดินทางด้วยการระวังและกังวล ตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับแน่นแฟ้นขึ้นทุก ๆ ก้าวที่พวกเขาเดินไปด้วยกัน ความเข้าใจและความไว้วางใจที่พวกเขามีต่อกันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าสิ่งที่เผชิญมาด้วยกันทั้งหมดนี้จะทำให้ทั้งสองกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งและไม่มีอะไรสามารถขวางกั้นได้
การผจญภัยนี้ไม่เพียงทำให้พวกเขาได้รู้จักกันมากขึ้น แต่ยังทำให้พวกเขาเริ่มเชื่อมโยงกันในระดับที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ทั้งคู่เริ่มรู้สึกว่าการได้มีเพื่อนร่วมทางที่คอยสนับสนุนและหัวเราะไปด้วยกันในทุกสถานการณ์นั้นเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างที่สุด
โรเซ่ หญิงสาววัย 25 ปีที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นในฐานะดีไซเนอร์ของแบรนด์แฟชั่น "Aura Seoul" เธอมีความหลงใหลในความงามและสไตล์ของเสื้อผ้าผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง ด้วยรูปลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ โรเซ่กลายเป็นคนมีเสน่ห์ที่ไม่ว่าใครได้พบก็ต้องสะดุดตาที่บ้าน โรเซ่อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และน้องสาวตัวน้อยชื่อมินจี อายุ 10 ขวบ มินจีเป็นเด็กที่อ่อนโยน น่ารัก พูดเก่ง และรักการอ่านหนังสือ มักจะมีหนังสือนิทานอยู่ในมือเสมอ เธอชอบจินตนาการและเรียบร้อยตามแบบเด็กดี ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายทุกครั้งที่อยู่กับน้องสาว และเป็นแรงบันดาลใจให้โรเซ่ได้พบความสุขในสิ่งเล็ก ๆคุณพ่อของโรเซ่ชื่อมินซู เขาเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงในโซล มีผลงานที่น่าทึ่งและมีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบอาคารใหม่ ๆ มินซูมักจะนำแนวคิดจากธรรมชาติมาใช้ในงานออกแบบ และเขาก็มีความรักในการสอนและแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมกับลูก ๆ เสมอทุกเช้า โรเซ่มักจะเห็นพ่อของเธอแต่งตัวในชุดสูทเรียบร้อย พร้อมกับเอกสารและพอร์ตโฟลิโอที่เขาจะต้องนำไปประชุมโรเซ่: “พ่อ วันนี้ทำงานที่ไหนคะ? มีโปรเจกต์ใหม่หรื
หลังจากทานอาหารเช้าและกล่าวลาครอบครัว โรเซ่รีบออกไปยังที่ทำงาน เมื่อถึงบริษัท "Aura Seoul" เธอก็ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคยและเป็นมิตร โรเซ่เริ่มต้นวันด้วยการวางแผนงานในห้องประชุมกับทีมดีไซน์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอคอลเลกชันใหม่ ในการประชุมครั้งนี้ โรเซ่นำเสนอไอเดียเกี่ยวกับการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและความหรูหรา เธอเน้นให้การออกแบบแสดงถึงความงดงามที่ไม่ซับซ้อน แต่มีสไตล์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงความเป็นผู้หญิงยุคใหม่คุณชเวเป็นหัวหน้าของโรเซ่ที่ Aura Seoul เธอเป็นผู้หญิงที่มีประสบการณ์สูงและเข้มงวดในเรื่องคุณภาพงาน คุณชเวเห็นศักยภาพของโรเซ่ตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่ จึงมักส่งเสริมให้โรเซ่พัฒนาฝีมือ แต่เธอก็ไม่ละเว้นในการชี้จุดบกพร่อง ทำให้โรเซ่ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองมากขึ้น หัวหน้าคนนี้ทำให้โรเซ่รู้สึกว่ามีคนที่ทั้งท้าทายและสนับสนุนอยู่ในที่ทำงานเสมอคุณชเว: “โรเซ่ คอลเล็กชันใหม่ของเธอดูดีนะ แต่ฉันอยากให้เธอลองออกจากกรอบเดิมดูบ้าง ลองอะไรที่ท้าทายกว่านี้ได้ไหม?”โรเซ่: “ได้ค่ะ คุณชเว ขอบคุณที่แนะนำ ฉันจะพยายามสร้างสรรค์มากกว่านี้ค่ะ”หัวหน้า: “โรเซ่ ฉันเห็นว่าเธอมีแ
หลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวัน โรเซ่จะไปที่ห้องสมุดประจำที่เธอโปรดปราน ซึ่งมีชื่อเรียกกันอย่างอบอุ่นว่า "ห้องสมุดแห่งความฝัน" ห้องสมุดนี้มีบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยหนังสือหลายประเภท ตั้งแต่วรรณกรรมคลาสสิกไปจนถึงนิยายรักและแฟนตาซี ที่นี่เป็นที่ที่โรเซ่ได้ปลดปล่อยจินตนาการ และดื่มด่ำไปกับการเป็นนางเอกในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธออ่านในช่วงเย็นวันหนึ่ง หลังจากใช้เวลาในห้องสมุดนานกว่าปกติ โรเซ่ก็กลับมาถึงบ้านพร้อมกับรอยยิ้มและประกายตาแห่งความตื่นเต้น ขณะที่เธอวางกระเป๋าลง แม่ของเธอก็ยิ้มทักทายจากในครัวแม่ซูฮี: "กลับมาแล้วเหรอลูก? วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ ไปอ่านหนังสืออะไรมาอีกล่ะ?"โรเซ่ยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบหยิบหนังสือนิยายที่เพิ่งยืมมาและยืนอยู่ตรงหน้าครอบครัวเหมือนนักเล่านิยายโรเซ่: "แม่ พ่อ วันนี้ฉันเจอนิยายเรื่องใหม่สุดตื่นเต้นเลยค่ะ เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในโลกแฟนตาซี เธอเป็นคนธรรมดาแต่กลับกลายเป็นนางเอกที่ต้องช่วยเหลือผู้คนในอาณาจักรนั้น!"พ่อมินซู: "โอ้ น่าสนุกจริง ๆ แล้วนางเอกของเราทำยังไงต่อ?"โรเซ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ น้องสาวของเธอ มินจี ที่ฟังอย่างตื่นเต้นตาโตโรเซ่
หลังจากวันทำงานที่แสนยาวนาน โรเซ่เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกปลดปล่อย เธอยิ้มกว้างขณะก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นเคย จนในที่สุดก็มาถึงห้องสมุดแห่งความฝัน ห้องสมุดนี้เป็นสถานที่ที่โรเซ่รักที่สุดในโลก บรรยากาศที่เงียบสงบและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกระดาษทำให้ที่นี่เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งของเธอเธอผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้นเบา ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตู ผู้ดูแลห้องสมุด ชายสูงอายุที่มีแว่นตากรอบหนาก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่อ่านอยู่และยิ้มทักทายโรเซ่: "สวัสดีค่ะ คุณลุงวูฮยอน! วันนี้หนูมาช้าหน่อยเพราะงานเยอะมาก ๆ เลยค่ะ"ลุงวูฮยอน: "สวัสดีจ้ะ โรเซ่ วันนี้อยากอ่านเรื่องอะไรล่ะ? หรือมีเรื่องไหนที่อยากจะเป็นนางเอกอีกไหม?"โรเซ่หัวเราะเบา ๆ กับคำแซวของลุงวูฮยอน เพราะเขารู้ดีว่าเธอมักจะชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยายทุกเรื่องที่เธออ่านโรเซ่: "แน่นอนค่ะลุง! วันนี้หนูอยากอ่านแนวแฟนตาซีค่ะ อยากได้เรื่องที่มีทั้งการผจญภัยและความรักหน่อย"ลุงวูฮยอน: "งั้นเดี๋ยวลุงจะแนะนำเรื่อง เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล ให้แล้วกันนะ เป็นเรื่องของเจ้าหญิงที่ถูกสาปให้มีชีวิตอยู่ในเงามืด ต้องเดินทางไปทั่วอาณาจักร
วันรุ่งขึ้น หลังจากเลิกงาน โรเซ่ก็รีบเก็บของและตรงไปที่ห้องสมุดด้วยความตื่นเต้น เธอเดินไปตามทางคุ้นเคยพร้อมกับจินตนาการว่าตัวเองจะได้พบจินฮยองอีกครั้งเมื่อถึงห้องสมุด เธอผลักประตูเข้าไปและสอดส่ายสายตาหาเขา แต่ทว่าคราวนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม ลุงวูฮยอนสังเกตเห็นอาการของโรเซ่แล้วก็หัวเราะเบา ๆลุงวูฮยอน: "ดูเหมือนว่าหนูจะมองหาใครบางคนนะวันนี้ หรือต้องการหนังสือที่พิเศษหน่อย?"โรเซ่ยิ้มขวยเขิน รู้สึกเหมือนถูกจับได้โรเซ่: "เอ่อ… เปล่าค่ะลุง! แค่อยากหาเรื่องอ่านสนุก ๆ ไปนั่งอ่านเหมือนทุกวัน"ลุงวูฮยอนหัวเราะเบา ๆ พร้อมแนะนำหนังสือเล่มใหม่ให้เธอ โรเซ่รับหนังสือมาและเดินไปยังที่นั่งประจำของเธอ คราวนี้เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ไม่เห็นจินฮยองอยู่ตรงนั้น แต่เธอก็พยายามสนุกกับการอ่านตามปกติเวลาผ่านไปได้สักพัก จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงเงาคนเดินมาใกล้ ๆ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วก็เห็นจินฮยองยืนอยู่ตรงนั้นซูโฮ: "ขอโทษที่มาช้านะครับ วันนี้มีธุระที่ต้องทำก่อน พอดีว่าผมจำได้ว่าคุณน่าจะมา ก็เลยรีบมาห้องสมุดทันทีเลย"โรเซ่: (ยิ้มกว้าง) "ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันแค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอคุณวันนี้แล้ว"เมื่อโรเซ่และซูโฮ
โรเซ่เดินเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยความตื่นเต้น ในวันนี้เธอรู้สึกอยากรู้ประวัติของห้องสมุดแห่งนี้มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายซูโฮ: "อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?"โรเซ่: (ยิ้ม) "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้วฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะค่ะ ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ?"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะผายมือชวนโรเซ่เดินไปที่มุมของห้องสมุดที่มีแสงไฟอ่อน ๆ ส่องลงมา เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมสงบก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวอย่างอ่อนโยนซูโฮ: "ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คิดไว้เลยครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ที่ทุกคนสามารถมาค้นหาความสุขจากการอ่านได้ และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น"โรเซ่: (ดวงตาเป็นประกาย) "ว้าว ฟังดูน่าทึ่งมากเลยค่ะ แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่าห้องสมุดแห่งความฝันล่ะคะ?"ซูโฮ: "ชื่อนี้มีที
โรเซ่กำลังจมอยู่กับหนังสือเล่มหนาในมือ เมื่อเห็นซูโฮเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสที่โดดเด่นสะดุดตา ปกนั้นมีภาพมังกรตัวใหญ่คาบเพชรพลอยอยู่ในปาก พร้อมฉากภูเขาหินลึกลับที่รายล้อมไปด้วยหมอกบาง ๆ ดูท่าทางเหมือนกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่าไว้ซูโฮยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นหนังสือให้โรเซ่ "ผมเห็นคุณชอบอ่านนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ตลอด ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยไหมครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปอีกโลกเลยนะ เปิดโลกใหม่ให้แน่นอน"โรเซ่ยิ้มตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที "โอ้โห! มังกรด้วยเหรอคะ ฉันไม่เคยลองอ่านแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นปกแล้วก็อยากรู้เลยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องนี้บ้าง!" เธอเอื้อมมือไปรับหนังสือมา พร้อมพลิกดูหน้าปกด้วยความตื่นเต้นซูโฮยิ้มอย่างเอ็นดู "ถ้าชอบนะครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลาย มีมังกร ยักษ์ และสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนักผจญภัยต้องตามหา"โรเซ่หัวเราะเล็กน้อยพลางบอกอย่างมั่นใจ "ฟังดูท้าทายดีค่ะ! ฉันอยากทะลุมิติไปเจอกับมังกรตัวนั้นและออกผจญภัยดูบ้างจังเลย" แต่แล้วเธอก็เผลอพูดเบา ๆ "ถ้ามีจริงก็คง
หลังจากทั้งคู่ได้เผชิญกับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาหมาด ๆ โรเซ่และซูโฮก็พบกับอีกหนึ่งอุปสรรคที่ท้าทายไม่แพ้กัน: หน้าผาสูงชันที่ตัดขาดจากเส้นทางเดิมไปสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบและความอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว ท่ามกลางเสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่าน ซูโฮและโรเซ่ยืนอยู่ข้างหน้าผา รอยยิ้มของทั้งคู่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิดซูโฮ: (ยิ้ม) “ดูเหมือนเราเจออุปสรรคใหม่แล้วนะ โรเซ่...คิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม?”โรเซ่: (ยิ้มขี้เล่น) “ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก เมื่อกี้ก็ยังผ่านอุปสรรคถ้ำไปได้แล้ว นี่มันแค่หน้าผาแค่นั้นเอง ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก!”เธอกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ ขณะที่มือหนึ่งจับแขนของซูโฮและมองไปยังหน้าผาที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกก้าวเดิน ซูโฮอดที่จะรู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความขี้เล่นของเธอไม่ได้ซูโฮ: “คุณนี่กล้าได้ใจจริง ๆ โรเซ่ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนกลัวจริง ๆ”โรเซ่: (หัวเราะ) “ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันแค่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ถ้าเรากลัวมากไปก็ไม่ไปถึงไหนหรอกนะ”ซูโฮ: “เห็นไหมว่าเราทั้งคู่ต่างมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากกันและกัน ถ้าไม่ได้เธอคอยเตือนให้