โรเซ่ไม่เพียงแต่เป็นดีไซเนอร์ที่เก่งกาจ แต่เธอยังเป็นเหมือนกาวใจที่เชื่อมความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เธอเชื่อว่าการได้ใช้เวลาร่วมกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหัวเราะอย่างมีความสุข จะช่วยเติมพลังให้ทุกคนพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ
"นี่คือ 'การประชุมอาหาร' ของเราทุกคน!" โรเซ่ประกาศอย่างร่าเริงขณะวางจานคุกกี้ช็อกโกแลตชิปที่เธอทำเองลงบนโต๊ะ "มาเติมพลังกันหน่อย ก่อนที่เราจะไปสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่!"
"โรเซ่...เธอทำขนมเก่งขนาดนี้ น่าจะเปิดร้านเบเกอรี่นะ" จันจิเอ่ยชมด้วยความชื่นชม
"ใช่ๆ ฉันอยากกินเค้กที่เธอทำทุกวันเลย" มินอาเสริม
"แล้วถ้าฉันทำเสื้อผ้าลายแมวสุดน่ารักออกมา ลูกค้าคงต้องรักมันมากแน่ๆ เลย!" โรเซ่พูดพลางจินตนาการถึงคอลเลกชันใหม่ของเธอ
"ห้ามพูดแบบนั้นเลยนะ! ไม่งั้นฉันก็จะกลายเป็นดีไซเนอร์ที่ออกแบบ 'แมวลาย' ไปแล้วสิ!" ฮานาแกล้งทำเสียงโอดครวญ ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมา
โรเซ่สังเกตว่าฮานาเป็นคนจริงจังกับการทำงานมาก เธอจึงมักจะชวนฮานาพักผ่อนและคลายเครียดบ้าง "ฮานา...มาลองคุกกี้ของฉันหน่อยสิ มันอร่อยจนทำให้เธอหายเครียดได้เลยนะ"
"อร่อยมาก! เธอทำได้ยังไงเนี่ย" ฮานาเอ่ยชมด้วยความประหลาดใจ
"ก็เพราะว่าฉันใส่ความรักลงไปด้วยไง" โรเซ่ตอบพร้อมรอยยิ้ม
**พลังแห่งการสนับสนุน...แรงใจที่สำคัญ:**
เพื่อนของโรเซ่แต่ละคนต่างมีบุคลิกที่โดดเด่นและมีอารมณ์ขัน พวกเขาไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมงาน แต่เป็นเหมือนครอบครัวที่คอยสนับสนุนและให้กำลังใจกันเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการระดมสมองเพื่อหาไอเดียใหม่ๆ การแบ่งปันเรื่องราวตลกๆ หรือแม้กระทั่งการนัดรวมกลุ่มกันหลังเลิกงาน ทุกช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกัน ทำให้โรเซ่รู้สึกว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวบนเส้นทางสายแฟชั่นนี้
ความรักและการสนับสนุนจากเพื่อนๆ ทำให้โรเซ่มีความสุขกับการทำงานมากยิ่งขึ้น เธอรู้สึกว่าตัวเองมีพลังมากขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความท้าทายใหม่ๆ ที่เข้ามา
**ช่วงเวลาแห่งมิตรภาพ...การเติมเต็มในทุกวัน:**
ช่วงเวลาพักเที่ยงเป็นเหมือนช่วงเวลาแห่งการพักผ่อนและเติมพลังของโรเซ่ เธอจะรีบไปที่ห้องพักของบริษัท ซึ่งกลายเป็นจุดนัดพบประจำของกลุ่มเพื่อน โดยเฉพาะมินอาที่มักจะนั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว
"โรเซ่จ๋า! วันนี้ฉันเตรียม 'คุกกี้ดับเบิลช็อก' สูตรพิเศษมาให้เธอด้วยนะ" มินอาพูดพร้อมยื่นกล่องคุกกี้ให้
"จริงเหรอ! คุกกี้ของเธอเป็นไอเทมที่ฮิตที่สุดในบริษัทแล้วนะเนี่ย ฉันขอลองชิมก่อนใครเลยละกัน!" โรเซ่ตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ทั้งสองสาวหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน ขณะที่โรเซ่ชิมคุกกี้ที่กรอบนอกนุ่มใน เธอมองเห็นมินอาที่กำลังยิ้มอย่างสดใส และรู้สึกว่ามิตรภาพของพวกเธอนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
"พวกเธอคงไม่ลืมเรื่อง 'นัดดื่มสุดสัปดาห์' ของเรานะ" ซูจินพูดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "ฉันเตรียม 'เกมทายใจ' ไว้ให้พวกเธอเล่นกันด้วย"
"ฉันไม่ลืมหรอกซูจิน! แต่วันนี้เธอต้องเล่าเรื่องที่ทำให้ฉันขำจนท้องแข็งให้ฟังอีกนะ" โรเซ่ตอบพร้อมหัวเราะ
ทุกคนต่างหัวเราะและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน โรเซ่รู้สึกโชคดีมากที่ได้มีเพื่อนที่น่ารักและคอยเป็นกำลังใจให้กันและกันในทุกๆ วัน
**ความท้าทายใหม่...โอกาสแห่งการเติบโต:**
เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงบ่าย โรเซ่ได้รับการเรียกตัวจากคุณชเวให้ไปพบในห้องทำงานอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอไม่รู้ว่าคุณชเวเรียกเธอไปพบด้วยเรื่องอะไร แต่ก็รู้สึกว่ามันต้องเป็นเรื่องสำคัญแน่นอน
"โรเซ่ ฉันอยากให้เธอเข้าร่วมโปรเจกต์พิเศษที่จะเป็นคอลเลกชันที่โดดเด่นที่สุดแห่งปีนี้" คุณชเวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง "เธอสนใจไหม"
"ขอบคุณมากค่ะคุณชเว! ฉันยินดีมากค่ะ ฉันจะทำให้ดีที่สุดแน่นอน!" โรเซ่ตอบด้วยความมุ่งมั่น แววตาของเธอเปล่งประกายด้วยความกระตือรือร้น
คุณชเวพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและแอบยิ้มเล็กน้อย แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในความสามารถของโรเซ่
**ค่ำคืนแห่งมิตรภาพ...การผ่อนคลายจากความเครียด:**
หลังเลิกงาน โรเซ่และเพื่อนๆ นัดกันที่ร้านกาแฟใกล้บริษัท เพื่อพูดคุยผ่อนคลายและปล่อยวางจากความเครียดจากการทำงาน
"เอาล่ะ! วันนี้ใครจะเล่าเรื่องสนุกๆ ให้ฟังบ้าง" ยุนซูเปิดประเด็นด้วยเสียงสดใส
"ไม่ต้องห่วง! ยกหน้าที่ให้โรเซ่เลย เธอมีเรื่องเล่าตลกๆ ตลอด" มินอาตอบ
"งั้นฉันจะเล่าเรื่องลูกค้าคนหนึ่งที่ทำให้ฉันอึ้งไปเลยละกัน!" โรเซ่เริ่มเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น "เขามาถามฉันว่า 'เสื้อผ้าพวกนี้ใส่แล้วจะทำให้ดูเหมือนคนรวยได้ไหม?' ฉันแทบขำเลย แต่ก็ต้องตอบไปว่า 'เสื้อผ้าช่วยให้ดูดีได้ แต่ตัวเธอเองต้องช่วยด้วยนะ!'"
ทุกคนหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าของโรเซ่ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังสนั่นไปทั่วร้านกาแฟ มิตรภาพของกลุ่มเพื่อนเหล่านี้ทำให้โรเซ่รู้สึกว่าการทำงานที่ Aura Seoul ไม่ใช่เพียงแค่การทำงาน แต่เป็นช่วงเวลาที่เธอได้เติบโตและมีความสุขไปพร้อมกับเพื่อนๆ
หลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวัน โรเซ่จะไปที่ห้องสมุดประจำที่เธอโปรดปราน ซึ่งมีชื่อเรียกกันอย่างอบอุ่นว่า "ห้องสมุดแห่งความฝัน" ห้องสมุดนี้มีบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยหนังสือหลายประเภท ตั้งแต่วรรณกรรมคลาสสิกไปจนถึงนิยายรักและแฟนตาซี ที่นี่เป็นที่ที่โรเซ่ได้ปลดปล่อยจินตนาการ และดื่มด่ำไปกับการเป็นนางเอกในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธออ่านในช่วงเย็นวันหนึ่ง หลังจากใช้เวลาในห้องสมุดนานกว่าปกติ โรเซ่ก็กลับมาถึงบ้านพร้อมกับรอยยิ้มและประกายตาแห่งความตื่นเต้น ขณะที่เธอวางกระเป๋าลง แม่ของเธอก็ยิ้มทักทายจากในครัวแม่ซูฮี: "กลับมาแล้วเหรอลูก? วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ ไปอ่านหนังสืออะไรมาอีกล่ะ?"โรเซ่ยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบหยิบหนังสือนิยายที่เพิ่งยืมมาและยืนอยู่ตรงหน้าครอบครัวเหมือนนักเล่านิยายโรเซ่: "แม่ พ่อ วันนี้ฉันเจอนิยายเรื่องใหม่สุดตื่นเต้นเลยค่ะ เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในโลกแฟนตาซี เธอเป็นคนธรรมดาแต่กลับกลายเป็นนางเอกที่ต้องช่วยเหลือผู้คนในอาณาจักรนั้น!"พ่อมินซู: "โอ้ น่าสนุกจริง ๆ แล้วนางเอกของเราทำยังไงต่อ?"โรเซ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ น้องสาวของเธอ มินจี ที่ฟังอย่างตื่นเต้นตาโตโรเซ่
หลังจากวันทำงานที่แสนยาวนาน โรเซ่เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกปลดปล่อย เธอยิ้มกว้างขณะก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นเคย จนในที่สุดก็มาถึงห้องสมุดแห่งความฝัน ห้องสมุดนี้เป็นสถานที่ที่โรเซ่รักที่สุดในโลก บรรยากาศที่เงียบสงบและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกระดาษทำให้ที่นี่เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งของเธอเธอผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้นเบา ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตู ผู้ดูแลห้องสมุด ชายสูงอายุที่มีแว่นตากรอบหนาก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่อ่านอยู่และยิ้มทักทายโรเซ่: "สวัสดีค่ะ คุณลุงวูฮยอน! วันนี้หนูมาช้าหน่อยเพราะงานเยอะมาก ๆ เลยค่ะ"ลุงวูฮยอน: "สวัสดีจ้ะ โรเซ่ วันนี้อยากอ่านเรื่องอะไรล่ะ? หรือมีเรื่องไหนที่อยากจะเป็นนางเอกอีกไหม?"โรเซ่หัวเราะเบา ๆ กับคำแซวของลุงวูฮยอน เพราะเขารู้ดีว่าเธอมักจะชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยายทุกเรื่องที่เธออ่านโรเซ่: "แน่นอนค่ะลุง! วันนี้หนูอยากอ่านแนวแฟนตาซีค่ะ อยากได้เรื่องที่มีทั้งการผจญภัยและความรักหน่อย"ลุงวูฮยอน: "งั้นเดี๋ยวลุงจะแนะนำเรื่อง เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล ให้แล้วกันนะ เป็นเรื่องของเจ้าหญิงที่ถูกสาปให้มีชีวิตอยู่ในเงามืด ต้องเดินทางไปทั่วอาณาจักร
วันรุ่งขึ้น หลังจากเลิกงาน โรเซ่ก็รีบเก็บของและตรงไปที่ห้องสมุดด้วยความตื่นเต้น เธอเดินไปตามทางคุ้นเคยพร้อมกับจินตนาการว่าตัวเองจะได้พบจินฮยองอีกครั้งเมื่อถึงห้องสมุด เธอผลักประตูเข้าไปและสอดส่ายสายตาหาเขา แต่ทว่าคราวนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม ลุงวูฮยอนสังเกตเห็นอาการของโรเซ่แล้วก็หัวเราะเบา ๆลุงวูฮยอน: "ดูเหมือนว่าหนูจะมองหาใครบางคนนะวันนี้ หรือต้องการหนังสือที่พิเศษหน่อย?"โรเซ่ยิ้มขวยเขิน รู้สึกเหมือนถูกจับได้โรเซ่: "เอ่อ… เปล่าค่ะลุง! แค่อยากหาเรื่องอ่านสนุก ๆ ไปนั่งอ่านเหมือนทุกวัน"ลุงวูฮยอนหัวเราะเบา ๆ พร้อมแนะนำหนังสือเล่มใหม่ให้เธอ โรเซ่รับหนังสือมาและเดินไปยังที่นั่งประจำของเธอ คราวนี้เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ไม่เห็นจินฮยองอยู่ตรงนั้น แต่เธอก็พยายามสนุกกับการอ่านตามปกติเวลาผ่านไปได้สักพัก จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงเงาคนเดินมาใกล้ ๆ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วก็เห็นจินฮยองยืนอยู่ตรงนั้นซูโฮ: "ขอโทษที่มาช้านะครับ วันนี้มีธุระที่ต้องทำก่อน พอดีว่าผมจำได้ว่าคุณน่าจะมา ก็เลยรีบมาห้องสมุดทันทีเลย"โรเซ่: (ยิ้มกว้าง) "ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันแค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอคุณวันนี้แล้ว"เมื่อโรเซ่และซูโฮ
โรเซ่เดินเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยความตื่นเต้น ในวันนี้เธอรู้สึกอยากรู้ประวัติของห้องสมุดแห่งนี้มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายซูโฮ: "อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?"โรเซ่: (ยิ้ม) "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้วฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะค่ะ ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ?"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะผายมือชวนโรเซ่เดินไปที่มุมของห้องสมุดที่มีแสงไฟอ่อน ๆ ส่องลงมา เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมสงบก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวอย่างอ่อนโยนซูโฮ: "ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คิดไว้เลยครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ที่ทุกคนสามารถมาค้นหาความสุขจากการอ่านได้ และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น"โรเซ่: (ดวงตาเป็นประกาย) "ว้าว ฟังดูน่าทึ่งมากเลยค่ะ แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่าห้องสมุดแห่งความฝันล่ะคะ?"ซูโฮ: "ชื่อนี้มีที
โรเซ่กำลังจมอยู่กับหนังสือเล่มหนาในมือ เมื่อเห็นซูโฮเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสที่โดดเด่นสะดุดตา ปกนั้นมีภาพมังกรตัวใหญ่คาบเพชรพลอยอยู่ในปาก พร้อมฉากภูเขาหินลึกลับที่รายล้อมไปด้วยหมอกบาง ๆ ดูท่าทางเหมือนกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่าไว้ซูโฮยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นหนังสือให้โรเซ่ "ผมเห็นคุณชอบอ่านนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ตลอด ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยไหมครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปอีกโลกเลยนะ เปิดโลกใหม่ให้แน่นอน"โรเซ่ยิ้มตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที "โอ้โห! มังกรด้วยเหรอคะ ฉันไม่เคยลองอ่านแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นปกแล้วก็อยากรู้เลยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องนี้บ้าง!" เธอเอื้อมมือไปรับหนังสือมา พร้อมพลิกดูหน้าปกด้วยความตื่นเต้นซูโฮยิ้มอย่างเอ็นดู "ถ้าชอบนะครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลาย มีมังกร ยักษ์ และสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนักผจญภัยต้องตามหา"โรเซ่หัวเราะเล็กน้อยพลางบอกอย่างมั่นใจ "ฟังดูท้าทายดีค่ะ! ฉันอยากทะลุมิติไปเจอกับมังกรตัวนั้นและออกผจญภัยดูบ้างจังเลย" แต่แล้วเธอก็เผลอพูดเบา ๆ "ถ้ามีจริงก็คง
หลังจากทั้งคู่ได้เผชิญกับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาหมาด ๆ โรเซ่และซูโฮก็พบกับอีกหนึ่งอุปสรรคที่ท้าทายไม่แพ้กัน: หน้าผาสูงชันที่ตัดขาดจากเส้นทางเดิมไปสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบและความอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว ท่ามกลางเสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่าน ซูโฮและโรเซ่ยืนอยู่ข้างหน้าผา รอยยิ้มของทั้งคู่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิดซูโฮ: (ยิ้ม) “ดูเหมือนเราเจออุปสรรคใหม่แล้วนะ โรเซ่...คิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม?”โรเซ่: (ยิ้มขี้เล่น) “ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก เมื่อกี้ก็ยังผ่านอุปสรรคถ้ำไปได้แล้ว นี่มันแค่หน้าผาแค่นั้นเอง ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก!”เธอกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ ขณะที่มือหนึ่งจับแขนของซูโฮและมองไปยังหน้าผาที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกก้าวเดิน ซูโฮอดที่จะรู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความขี้เล่นของเธอไม่ได้ซูโฮ: “คุณนี่กล้าได้ใจจริง ๆ โรเซ่ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนกลัวจริง ๆ”โรเซ่: (หัวเราะ) “ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันแค่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ถ้าเรากลัวมากไปก็ไม่ไปถึงไหนหรอกนะ”ซูโฮ: “เห็นไหมว่าเราทั้งคู่ต่างมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากกันและกัน ถ้าไม่ได้เธอคอยเตือนให้
หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ก็ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง และทุกย่างก้าวที่เธอเดินข้างซูโฮก็ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะเดียวกัน โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นโรเซ่: (หัวเราะเบา ๆ พร้อมยิ้มอย่างท้าทาย) "โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะจินฮยอง?"ซูโฮ: (ยิ้มตอบ) "นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก"โรเซ่: (พยักหน้า) "ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้"จินฮยองยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่ เขารู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความกล้าหาญของเ
เมื่อซูโฮและโรเซ่เดินเข้าสู่โลกนิยายโรแมนติกที่เขาแนะนำ บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความโรแมนติกและสวยงาม บ้านสีขาวเรียงรายอยู่ริมทะเลสาบ เงาของพระอาทิตย์ตกดินสะท้อนบนผืนน้ำ สร้างบรรยากาศอบอุ่นและชวนฝัน โรเซ่รู้สึกตื่นเต้นและประหม่านิด ๆ ขณะที่จินฮยอนเดินเคียงข้างเธอซูโฮมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนและเอ่ยขึ้นด้วยเสียงนุ่ม ๆซูโฮ: "นี่... เราจะต้องแกล้งเป็นคู่รักเพื่อผ่านด่านนี้ไป คุณคิดว่าอย่างไร?"โรเซ่ที่ดูมั่นใจมาตลอดกลับหน้าแดงเล็กน้อย เธอหัวเราะเบา ๆ พลางพยายามซ่อนความเขินอายโรเซ่: (ยิ้มกลบเกลื่อน) "แค่แสดงบทคู่รักเอง… คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม?"ซูโฮ: (ยิ้มขำ) "ใช่ แต่คงต้องแสดงให้แนบเนียนหน่อย ไม่อย่างนั้นเราอาจจะไม่ผ่านด่านนี้"ทั้งคู่เดินไปเรื่อย ๆ จนเจอกับคนชราที่ดูใจดีในชุดผ้าคลุมสีขาว คนชรามองทั้งสองด้วยความเอ็นดูคนชรา: "ยินดีต้อนรับพวกเธอ ทั้งสองช่างเหมาะสมกันจริง ๆ เหมือนคู่รักที่เกิดมาเพื่อกันและกัน"ซูโฮหันไปสบตาโรเซ่ เขาเห็นรอยยิ้มที่แฝงความขี้เล่น และเอ่ยเสียงนุ่มซูโฮ: "ใช่ครับ เราสองคนเป็นคู่รักกัน กำลังมาท่องเที่ยวด้วยกัน"โรเซ่: (พยายามกลบเกลื่อนความเขิน) "ค่ะ เราชอบบรรยากา
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัวของเธอ บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้งเพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ... ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบาๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยองเจเป็นครั้งที่สองในงานเลี้ยงของเพื่อนๆ เขามีลักษณะภายนอกท
โรเซ่กลับมาที่สำนักงานของ Aura Seoul ด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยพลังและความมั่นใจในตัวเองมากกว่าที่เคย เธอเดินผ่านห้องต่างๆ ของสำนักงาน, มองเห็นทีมงานที่กำลังทำงานอย่างขะมักเขม้น ความคิดของเธอกลับไปที่การเริ่มต้นใหม่ที่เธอตัดสินใจในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุดในชีวิต การกลับมาครั้งนี้ไม่เพียงแค่การกลับมาเพื่อทำงาน แต่เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะสามารถสร้างบางสิ่งที่ยั่งยืนและเต็มไปด้วยความหมาย"วันนี้คุณพร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงแล้วใช่ไหม?" แคลร์ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของโรเซ่โรเซ่ยิ้มให้กับเพื่อนรักของเธอ ขณะที่เธอนั่งลงที่โต๊ะทำงาน "พร้อมแล้วล่ะ ไม่แค่พร้อม ยังรู้สึกว่าเหมือนจะมีพลังเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย"แคลร์ยิ้มตอบ ก่อนจะพูดต่อ "นี่แหละที่เรารอคอยมานานที่สุด ใครจะไปรู้ว่าโรเซ่ที่เคยลังเล จะกลับมาแข็งแกร่งขนาดนี้"โรเซ่เอนตัวไปข้างหลังในเก้าอี้สำนักงาน พูดเบาๆ ว่า "เพราะในที่สุดฉันก็รู้แล้วว่า ไม่ว่าโลกความจริงหรือโลกความฝัน ฉันสามารถทำสิ่งที่ฉันรักได้"หลังจากที่โรเซ่กลับมาทำงานและเริ่มสร้างทีมออกแบบที่แข็งแกร่งขึ้น เธอก็ได้พาทีมพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ จนทำให้ Aura Seoul กลายเป็
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อนๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อนๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบาๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า "คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง"โรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน "ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโลกความจริง และมันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด"โรเซ่พ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้าๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดในความฝัน เธอรู้สึกเหมือนมีบางสิ่งดึงเธอไว้ ทำให้เธอไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างที่ใจต้องการ เธอกุมมือของตัวเองแน่น ดวงตากวาดมองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกว้าวุ่นในใจ"ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้..." เธอพึมพำเบาๆไม่นานนัก เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นเบาๆ ในความเงียบสงัด เธอหันไปตามเสียง และพบว่าซูโฮยืนอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าของเขายังคงอ่อนโยนและสงบเหมือนทุกครั้ง แต่ดวงตากลับแฝงด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน"คุณดูเหมือนกำลังคิดมาก" ซูโฮพูดเบาๆ น้ำเสียงของเขาฟังดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่อยู่ในใจของเธอ"ฉันแค่..." โรเซ่พูดติดขัด เธอเงยหน้ามองเขาและสูดลมหายใจลึก "ฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าฉันควรทำยังไงต่อไป ฉันรักที่จะได้มาที่นี่ ได้เจอคุณ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันรู้ว่ามันอาจไม่ใช่สิ่งที่ฉันควรยึดถือไว้ตลอดไป"ซูโฮมองเธอเงียบๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณกลัวที่จะต้องเลือกใช่ไหม?"คำถามนั้นแทงเข้าไปในหัวใจของโรเซ่อย่างจัง เธอพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองรอบตัว ราวกับกำลังมองหาคำตอบที่เธอไม่เคยหาเจอ"ฉันรู้สึกเหมือนฉันต้องเลือกระหว่างความสุขที่ฉันรู้ว่ามัน
โรเซ่เปิดม่านห้องนอนออกเพื่อรับแสงแดดยามเช้า ท้องฟ้าในกรุงโซลสวยงามราวกับมีใครแต่งแต้มไว้ให้ เธอยืนมองทิวทัศน์จากระเบียงและสูดหายใจลึก รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏบนใบหน้า"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" เธอพูดกับตัวเองเสียงเบาเมื่อเดินเข้าครัว เธอพบมินจีที่กำลังนั่งคุยกับแม่อยู่บนโต๊ะอาหาร มินจีดูสดใสเสมอในตอนเช้า เธอเป็นพลังบวกที่ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่น"พี่โรเซ่! ทำไมวันนี้ตื่นสายล่ะ?" มินจีถามพร้อมรอยยิ้มโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "เมื่อคืนพี่นอนดึก วาดแบบเพลินไปหน่อย"แม่ยกแก้วชาเขียวขึ้นจิบก่อนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ลูกควรพักผ่อนให้มากกว่านี้นะโรเซ่ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะป่วยเอา"โรเซ่เดินไปหยิบแก้วน้ำของตัวเองแล้วนั่งลงข้างมินจี "ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะแม่ หนูแข็งแรงอยู่แล้ว แต่ขอบคุณที่เป็นห่วงนะคะ" เธอยิ้มให้แม่อย่างอ่อนโยนมินจีเริ่มเล่าเรื่องราวที่เธอได้ดูจากซีรีส์เมื่อคืน โรเซ่ฟังน้องสาวเล่าเรื่องอย่างตั้งใจ แม้ว่าเนื้อหาจะเบาสมองและไม่เกี่ยวกับเธอเลย แต่เธอก็อดหัวเราะไม่ได้กับความตลกในน้ำเสียงและท่าทางของมินจี"พี่ควรดูด้วยนะ มันสนุกมาก!" มินจีพูดด้วยความกระตือรือร้น"ถ้าพี่ว่าง พี่จะลองดูนะ" โรเ
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเองตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้งจนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ“คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า?” โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา“บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน” ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว “คุณหมายความว่ายังไง? คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้?”ซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง “ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ”“แต่คุณมาจากไหน? คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า?”เขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ ก่อนจะเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “คุณรู้ไหมว่าคุณมีความสามารถมากก
วันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง“เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก” แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง “แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย”มินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว “จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า? พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง”ทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ“พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่ะ”แม่ของเธอจับมือของโรเซ่ “แม่ภูมิใจในตัวลูกมากนะ สิ่งที่ลูกทำมันยิ่งใหญ่มากจริง ๆ”โรเซ่ยิ้
ค่ำคืนที่เต็มไปด้วยแสงไฟและเสียงดนตรี โรเซ่ยืนอยู่เบื้องหลังม่านเวทีของแฟชั่นโชว์ระดับโลกในปารีส เธอสวมชุดสูทสีดำที่ออกแบบเอง ทุกสายตาจับจ้องมาที่เธอเมื่อเธอก้าวออกไปกลางเวที ผลงานการออกแบบของเธอได้รับเสียงปรบมืออย่างล้นหลาม การได้ยินเสียงเหล่านั้นทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิใจหลังการแสดงจบลง ดีไซเนอร์ชื่อดังคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่คำพูดของเขากลับสร้างแรงสะท้อนในใจของเธอ“ผลงานของคุณยอดเยี่ยมมาก แต่ยังมีบางจุดที่สามารถพัฒนาได้ ผมเห็นศักยภาพในตัวคุณ อย่าหยุดแค่นี้”โรเซ่ยิ้มรับ “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ฉันจะไม่หยุดพัฒนาตัวเองแน่นอน”แม้จะรู้สึกภูมิใจ แต่คำวิจารณ์นั้นก็ทำให้เธอเริ่มคิดลึกซึ้งยิ่งขึ้น เธอตระหนักว่าการเดินทางครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อเธอกลับมาถึงโรงแรม โรเซ่เอนตัวลงบนเตียง สายตาเหม่อมองเพดาน คำพูดของซูโฮในโลกความฝันยังคงวนเวียนอยู่ในใจ“คุณสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่คุณต้องเชื่อในตัวเอง”โรเซ่หัวเราะเบา ๆ “คุณนี่ช่างรู้จักปลอบใจฉันในทุกช่วงเวลาเลยจริง ๆ”ในคืนนั้น โรเซ่พยายามฝันถึงซูโ