หลังจากทานอาหารเช้าและกล่าวลาครอบครัว โรเซ่รีบออกไปยังที่ทำงาน เมื่อถึงบริษัท "Aura Seoul" เธอก็ได้รับการต้อนรับจากเพื่อนร่วมงานที่คุ้นเคยและเป็นมิตร โรเซ่เริ่มต้นวันด้วยการวางแผนงานในห้องประชุมกับทีมดีไซน์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการนำเสนอคอลเลกชันใหม่ ในการประชุมครั้งนี้ โรเซ่นำเสนอไอเดียเกี่ยวกับการผสมผสานระหว่างความเรียบง่ายและความหรูหรา เธอเน้นให้การออกแบบแสดงถึงความงดงามที่ไม่ซับซ้อน แต่มีสไตล์เฉพาะตัวที่สะท้อนถึงความเป็นผู้หญิงยุคใหม่
คุณชเวเป็นหัวหน้าของโรเซ่ที่ Aura Seoul เธอเป็นผู้หญิงที่มีประสบการณ์สูงและเข้มงวดในเรื่องคุณภาพงาน คุณชเวเห็นศักยภาพของโรเซ่ตั้งแต่เข้าทำงานที่นี่ จึงมักส่งเสริมให้โรเซ่พัฒนาฝีมือ แต่เธอก็ไม่ละเว้นในการชี้จุดบกพร่อง ทำให้โรเซ่ได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองมากขึ้น หัวหน้าคนนี้ทำให้โรเซ่รู้สึกว่ามีคนที่ทั้งท้าทายและสนับสนุนอยู่ในที่ทำงานเสมอ
คุณชเว: “โรเซ่ คอลเล็กชันใหม่ของเธอดูดีนะ แต่ฉันอยากให้เธอลองออกจากกรอบเดิมดูบ้าง ลองอะไรที่ท้าทายกว่านี้ได้ไหม?”
โรเซ่: “ได้ค่ะ คุณชเว ขอบคุณที่แนะนำ ฉันจะพยายามสร้างสรรค์มากกว่านี้ค่ะ”
หัวหน้า: “โรเซ่ ฉันเห็นว่าเธอมีแนวคิดความคิดสร้างสรรค์มาตลอดในการออกแบบเสื้อผ้า ฉันอยากให้เธอลองนำเสนอในที่ประชุมหน้า”
โรเซ่: “ขอบคุณค่ะ! ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุด!”
มินอา – เพื่อนสนิทแสนอบอุ่นในแผนกประชาสัมพันธ์
โรเซ่มักจะหยอกล้อมินอาในช่วงพักเที่ยง โดยจะเลียนแบบเสียงของเธอเมื่อพูดถึงลูกค้า ที่มักจะมีความเข้มงวดและชอบทำตัวดูดีจนเกินไป
โรเซ่: “มินอา ถ้าลูกค้าคนนี้เข้ามาในร้านแล้วพูดเสียงแบบนี้ ‘เราต้องการเสื้อผ้าที่เรียบหรู ดูมีคลาส’ เธอจะทำยังไง?”
มินอา: (หัวเราะ) “ฉันจะตอบว่า ‘แต่คุณมีแค่เงินในกระเป๋าตังค์แบบพรีเมียมเท่านั้นค่ะ!’”
โรเซ่ชอบทำให้มินอารู้สึกดีในวันที่เครียด ด้วยการหยอกล้อแบบน่ารักและมีน้ำใจ เช่น ทำขนมหวานให้เธอในวันอาทิตย์และบอกว่า “ขนมหวานนี้จะช่วยเพิ่มพลังให้เธอผ่านวันจันทร์ได้!”
โรเซ่กับซูจินชอบเล่นเกมกันระหว่างพัก ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานสดใสขึ้น โรเซ่มักจะชวนซูจินเล่นเกมทายคำศัพท์แฟชั่น โดยจะบอกว่า
โรเซ่: “ถ้าฉันพูดถึง ‘ลุคสุดเนี้ยบ’ เธอจะนึกถึงใคร?”
ซูจิน: “แน่นอนว่าต้องเป็นเธอสิ! แต่ถ้าพูดถึง ‘ลุคที่ทำให้คนงง’ ฉันคงนึกถึงคนอื่น!”
โรเซ่จะตอบด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็กล่าวเสริมว่า “ใช่! เราควรสร้างแคมเปญ ‘ลุคที่ทำให้คนงง’ ขึ้นมา!”
โรเซ่กับซูจินชอบเล่นเกมกันระหว่างพัก ทำให้บรรยากาศในที่ทำงานสดใสขึ้น โรเซ่มักจะชวนซูจินเล่นเกมทายคำศัพท์แฟชั่น โดยจะบอกว่า
โรเซ่: “ถ้าฉันพูดถึง ‘ลุคสุดเนี้ยบ’ เธอจะนึกถึงใคร?”
ซูจิน: “แน่นอนว่าต้องเป็นเธอสิ! แต่ถ้าพูดถึง ‘ลุคที่ทำให้คนงง’ ฉันคงนึกถึงคนอื่น!”
โรเซ่จะตอบด้วยเสียงหัวเราะ แล้วก็กล่าวเสริมว่า “ใช่! เราควรสร้างแคมเปญ ‘ลุคที่ทำให้คนงง’ ขึ้นมา!”
โรเซ่กับยุนซูมีความเข้าใจในแฟชั่นเหมือนกัน ทำให้พวกเขาสามารถพูดคุยและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ ได้ง่าย โรเซ่มักจะกวนยุนซูด้วยการพูดเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นที่ดูแปลกประหลาด
โรเซ่: “ยุนซู ถ้าแฟชั่นกางเกงลายดอกมันจะเป็นเทรนด์ใหม่ไหม?”
ยุนซู: “คงไม่ใช่แน่! แต่ฉันจะขอทำชุดให้เธอสวมใส่สไตล์นั้นในวันฮาโลวีนแทน!”
โรเซ่หัวเราะและบอกว่า “เราควรจัดการประชุมแฟชั่น ‘ลายดอก’ ให้มีกางเกงลายดอกโชว์ด้วยนะ!”
โรเซ่ชอบสอบถามความคิดเห็นจีฮุนเกี่ยวกับเทรนด์แฟชั่นใหม่ ๆ และมักจะทำให้เขาอารมณ์ดีด้วยการชวนเขาเล่นเกมทายความหมายของเทรนด์ที่กำลังจะมา
โรเซ่: “จีฮุน ถ้าฉันพูดถึง ‘ความมืดในแฟชั่น’ เธอจะคิดถึงใคร?”
จีฮุน: “ก็คงไม่ใช่เธอแน่ ๆ เพราะเธอมีแค่ความสว่างสดใส!”
โรเซ่: “ใช่! และถ้าฉันต้องสร้างคอลเล็กชัน ‘ความมืด’ ฉันจะต้องสวมชุดสีดำที่มีลวดลายดอกไม้!”
โรเซ่จะชอบทำอาหารเลี้ยงเพื่อน ๆ และพูดว่า “นี่คือ ‘การประชุมอาหาร’ ของเรา เพื่อให้เรามีพลังในการทำงาน!”
โรเซ่: “ถ้าเราออกแบบเสื้อผ้าให้มีลวดลายแมวสุดน่ารัก ลูกค้าคงรักมากแน่ ๆ!”
ฮานา: “ห้ามพูดแบบนั้น! ฉันจะกลายเป็นคนที่ออกแบบ ‘แมวลาย’ ไปแล้ว!”
โรเซ่: “นี่คือคุกกี้ช็อกโกแลตชิปที่ฉันทำเมื่อวาน! มาลองกันเถอะ!”
จันจิ : “อร่อยมาก! เธอเก่งจัง!”
เพื่อนของโรเซ่ทุกคนล้วนมีอารมณ์ขันและสนุกสนาน โดยเฉพาะเวลาที่พวกเขาได้ทำงานด้วยกัน เช่น การแบ่งปันไอเดียในการหรือการนัดรวมกลุ่มกันหลังเลิกงาน
การมีเพื่อนสนิทช่วยให้โรเซ่รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายมากขึ้นในทุกการออกแบบทุกวัน ความรักและการสนับสนุนจากครอบครัวและเพื่อน ๆ ทำให้เธอเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และพร้อมที่จะเผชิญกับความท้าทายใหม่ ๆ
หลังจากทำงานเสร็จในแต่ละวัน โรเซ่จะไปที่ห้องสมุดประจำที่เธอโปรดปราน ซึ่งมีชื่อเรียกกันอย่างอบอุ่นว่า "ห้องสมุดแห่งความฝัน" ห้องสมุดนี้มีบรรยากาศเงียบสงบและเต็มไปด้วยหนังสือหลายประเภท ตั้งแต่วรรณกรรมคลาสสิกไปจนถึงนิยายรักและแฟนตาซี ที่นี่เป็นที่ที่โรเซ่ได้ปลดปล่อยจินตนาการ และดื่มด่ำไปกับการเป็นนางเอกในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เธออ่านในช่วงเย็นวันหนึ่ง หลังจากใช้เวลาในห้องสมุดนานกว่าปกติ โรเซ่ก็กลับมาถึงบ้านพร้อมกับรอยยิ้มและประกายตาแห่งความตื่นเต้น ขณะที่เธอวางกระเป๋าลง แม่ของเธอก็ยิ้มทักทายจากในครัวแม่ซูฮี: "กลับมาแล้วเหรอลูก? วันนี้ดูอารมณ์ดีนะ ไปอ่านหนังสืออะไรมาอีกล่ะ?"โรเซ่ยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบหยิบหนังสือนิยายที่เพิ่งยืมมาและยืนอยู่ตรงหน้าครอบครัวเหมือนนักเล่านิยายโรเซ่: "แม่ พ่อ วันนี้ฉันเจอนิยายเรื่องใหม่สุดตื่นเต้นเลยค่ะ เป็นเรื่องของหญิงสาวคนหนึ่งที่หลงเข้าไปในโลกแฟนตาซี เธอเป็นคนธรรมดาแต่กลับกลายเป็นนางเอกที่ต้องช่วยเหลือผู้คนในอาณาจักรนั้น!"พ่อมินซู: "โอ้ น่าสนุกจริง ๆ แล้วนางเอกของเราทำยังไงต่อ?"โรเซ่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้าง ๆ น้องสาวของเธอ มินจี ที่ฟังอย่างตื่นเต้นตาโตโรเซ่
หลังจากวันทำงานที่แสนยาวนาน โรเซ่เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกปลดปล่อย เธอยิ้มกว้างขณะก้าวเดินไปตามทางที่คุ้นเคย จนในที่สุดก็มาถึงห้องสมุดแห่งความฝัน ห้องสมุดนี้เป็นสถานที่ที่โรเซ่รักที่สุดในโลก บรรยากาศที่เงียบสงบและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกระดาษทำให้ที่นี่เหมือนเป็นโลกอีกใบหนึ่งของเธอเธอผลักประตูเข้าไป เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ดังขึ้นเบา ๆ ทันทีที่เธอเปิดประตู ผู้ดูแลห้องสมุด ชายสูงอายุที่มีแว่นตากรอบหนาก็เงยหน้าขึ้นมาจากหนังสือที่อ่านอยู่และยิ้มทักทายโรเซ่: "สวัสดีค่ะ คุณลุงวูฮยอน! วันนี้หนูมาช้าหน่อยเพราะงานเยอะมาก ๆ เลยค่ะ"ลุงวูฮยอน: "สวัสดีจ้ะ โรเซ่ วันนี้อยากอ่านเรื่องอะไรล่ะ? หรือมีเรื่องไหนที่อยากจะเป็นนางเอกอีกไหม?"โรเซ่หัวเราะเบา ๆ กับคำแซวของลุงวูฮยอน เพราะเขารู้ดีว่าเธอมักจะชอบจินตนาการว่าตัวเองเป็นนางเอกในนิยายทุกเรื่องที่เธออ่านโรเซ่: "แน่นอนค่ะลุง! วันนี้หนูอยากอ่านแนวแฟนตาซีค่ะ อยากได้เรื่องที่มีทั้งการผจญภัยและความรักหน่อย"ลุงวูฮยอน: "งั้นเดี๋ยวลุงจะแนะนำเรื่อง เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล ให้แล้วกันนะ เป็นเรื่องของเจ้าหญิงที่ถูกสาปให้มีชีวิตอยู่ในเงามืด ต้องเดินทางไปทั่วอาณาจักร
วันรุ่งขึ้น หลังจากเลิกงาน โรเซ่ก็รีบเก็บของและตรงไปที่ห้องสมุดด้วยความตื่นเต้น เธอเดินไปตามทางคุ้นเคยพร้อมกับจินตนาการว่าตัวเองจะได้พบจินฮยองอีกครั้งเมื่อถึงห้องสมุด เธอผลักประตูเข้าไปและสอดส่ายสายตาหาเขา แต่ทว่าคราวนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม ลุงวูฮยอนสังเกตเห็นอาการของโรเซ่แล้วก็หัวเราะเบา ๆลุงวูฮยอน: "ดูเหมือนว่าหนูจะมองหาใครบางคนนะวันนี้ หรือต้องการหนังสือที่พิเศษหน่อย?"โรเซ่ยิ้มขวยเขิน รู้สึกเหมือนถูกจับได้โรเซ่: "เอ่อ… เปล่าค่ะลุง! แค่อยากหาเรื่องอ่านสนุก ๆ ไปนั่งอ่านเหมือนทุกวัน"ลุงวูฮยอนหัวเราะเบา ๆ พร้อมแนะนำหนังสือเล่มใหม่ให้เธอ โรเซ่รับหนังสือมาและเดินไปยังที่นั่งประจำของเธอ คราวนี้เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ไม่เห็นจินฮยองอยู่ตรงนั้น แต่เธอก็พยายามสนุกกับการอ่านตามปกติเวลาผ่านไปได้สักพัก จู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงเงาคนเดินมาใกล้ ๆ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วก็เห็นจินฮยองยืนอยู่ตรงนั้นซูโฮ: "ขอโทษที่มาช้านะครับ วันนี้มีธุระที่ต้องทำก่อน พอดีว่าผมจำได้ว่าคุณน่าจะมา ก็เลยรีบมาห้องสมุดทันทีเลย"โรเซ่: (ยิ้มกว้าง) "ไม่เป็นไรเลยค่ะ ฉันแค่คิดว่าอาจจะไม่ได้เจอคุณวันนี้แล้ว"เมื่อโรเซ่และซูโฮ
โรเซ่เดินเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยความตื่นเต้น ในวันนี้เธอรู้สึกอยากรู้ประวัติของห้องสมุดแห่งนี้มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายซูโฮ: "อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ?"โรเซ่: (ยิ้ม) "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้วฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมนะค่ะ ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ?"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะผายมือชวนโรเซ่เดินไปที่มุมของห้องสมุดที่มีแสงไฟอ่อน ๆ ส่องลงมา เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมสงบก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวอย่างอ่อนโยนซูโฮ: "ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คิดไว้เลยครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่รุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่ที่ทุกคนสามารถมาค้นหาความสุขจากการอ่านได้ และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู่รุ่น"โรเซ่: (ดวงตาเป็นประกาย) "ว้าว ฟังดูน่าทึ่งมากเลยค่ะ แล้วทำไมถึงใช้ชื่อว่าห้องสมุดแห่งความฝันล่ะคะ?"ซูโฮ: "ชื่อนี้มีที
โรเซ่กำลังจมอยู่กับหนังสือเล่มหนาในมือ เมื่อเห็นซูโฮเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสที่โดดเด่นสะดุดตา ปกนั้นมีภาพมังกรตัวใหญ่คาบเพชรพลอยอยู่ในปาก พร้อมฉากภูเขาหินลึกลับที่รายล้อมไปด้วยหมอกบาง ๆ ดูท่าทางเหมือนกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่าไว้ซูโฮยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นหนังสือให้โรเซ่ "ผมเห็นคุณชอบอ่านนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ตลอด ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยไหมครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปอีกโลกเลยนะ เปิดโลกใหม่ให้แน่นอน"โรเซ่ยิ้มตื่นเต้น ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที "โอ้โห! มังกรด้วยเหรอคะ ฉันไม่เคยลองอ่านแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นปกแล้วก็อยากรู้เลยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องนี้บ้าง!" เธอเอื้อมมือไปรับหนังสือมา พร้อมพลิกดูหน้าปกด้วยความตื่นเต้นซูโฮยิ้มอย่างเอ็นดู "ถ้าชอบนะครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลาย มีมังกร ยักษ์ และสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนักผจญภัยต้องตามหา"โรเซ่หัวเราะเล็กน้อยพลางบอกอย่างมั่นใจ "ฟังดูท้าทายดีค่ะ! ฉันอยากทะลุมิติไปเจอกับมังกรตัวนั้นและออกผจญภัยดูบ้างจังเลย" แต่แล้วเธอก็เผลอพูดเบา ๆ "ถ้ามีจริงก็คง
หลังจากทั้งคู่ได้เผชิญกับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาหมาด ๆ โรเซ่และซูโฮก็พบกับอีกหนึ่งอุปสรรคที่ท้าทายไม่แพ้กัน: หน้าผาสูงชันที่ตัดขาดจากเส้นทางเดิมไปสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบและความอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว ท่ามกลางเสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่าน ซูโฮและโรเซ่ยืนอยู่ข้างหน้าผา รอยยิ้มของทั้งคู่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดคิดซูโฮ: (ยิ้ม) “ดูเหมือนเราเจออุปสรรคใหม่แล้วนะ โรเซ่...คิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม?”โรเซ่: (ยิ้มขี้เล่น) “ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก เมื่อกี้ก็ยังผ่านอุปสรรคถ้ำไปได้แล้ว นี่มันแค่หน้าผาแค่นั้นเอง ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก!”เธอกล่าวด้วยท่าทางมั่นใจ ขณะที่มือหนึ่งจับแขนของซูโฮและมองไปยังหน้าผาที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกก้าวเดิน ซูโฮอดที่จะรู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความขี้เล่นของเธอไม่ได้ซูโฮ: “คุณนี่กล้าได้ใจจริง ๆ โรเซ่ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนกลัวจริง ๆ”โรเซ่: (หัวเราะ) “ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันแค่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ถ้าเรากลัวมากไปก็ไม่ไปถึงไหนหรอกนะ”ซูโฮ: “เห็นไหมว่าเราทั้งคู่ต่างมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้จากกันและกัน ถ้าไม่ได้เธอคอยเตือนให้
หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ก็ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง และทุกย่างก้าวที่เธอเดินข้างซูโฮก็ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจมากขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะเดียวกัน โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นโรเซ่: (หัวเราะเบา ๆ พร้อมยิ้มอย่างท้าทาย) "โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะจินฮยอง?"ซูโฮ: (ยิ้มตอบ) "นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก"โรเซ่: (พยักหน้า) "ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้"จินฮยองยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่ เขารู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความกล้าหาญของเ
โรเซ่ หญิงสาววัย 25 ปีที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความมุ่งมั่นในฐานะดีไซเนอร์ของแบรนด์แฟชั่น "Aura Seoul" เธอมีความหลงใหลในความงามและสไตล์ของเสื้อผ้าผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง ด้วยรูปลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอ โรเซ่กลายเป็นคนมีเสน่ห์ที่ไม่ว่าใครได้พบก็ต้องสะดุดตาที่บ้าน โรเซ่อาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และน้องสาวตัวน้อยชื่อมินจี อายุ 10 ขวบ มินจีเป็นเด็กที่อ่อนโยน น่ารัก พูดเก่ง และรักการอ่านหนังสือ มักจะมีหนังสือนิทานอยู่ในมือเสมอ เธอชอบจินตนาการและเรียบร้อยตามแบบเด็กดี ทำให้โรเซ่รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลายทุกครั้งที่อยู่กับน้องสาว และเป็นแรงบันดาลใจให้โรเซ่ได้พบความสุขในสิ่งเล็ก ๆคุณพ่อของโรเซ่ชื่อมินซู เขาเป็นสถาปนิกที่มีชื่อเสียงในโซล มีผลงานที่น่าทึ่งและมีความคิดสร้างสรรค์ในการออกแบบอาคารใหม่ ๆ มินซูมักจะนำแนวคิดจากธรรมชาติมาใช้ในงานออกแบบ และเขาก็มีความรักในการสอนและแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับสถาปัตยกรรมกับลูก ๆ เสมอทุกเช้า โรเซ่มักจะเห็นพ่อของเธอแต่งตัวในชุดสูทเรียบร้อย พร้อมกับเอกสารและพอร์ตโฟลิโอที่เขาจะต้องนำไปประชุมโรเซ่: “พ่อ วันนี้ทำงานที่ไหนคะ? มีโปรเจกต์ใหม่หรื