ณ.บ้านของโรเซ่ ประเทศเกาหลีใต้
แสงแดดอ่อนละมุนสาดส่องผ่านหน้าต่างห้องนอน ปลุกให้โรเซ่ตื่นจากห้วงนิทรา เธอคือดีไซเนอร์สาววัย 25 ปี ผู้เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ เธอคือหนึ่งในดวงดาวที่ส่องประกายของแบรนด์แฟชั่น "Aura Seoul" ชื่อเสียงของเธอไม่ได้มาจากความงามภายนอกที่สะกดทุกสายตาเท่านั้น แต่ยังมาจากความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่สะท้อนตัวตนของผู้หญิงได้อย่างลึกซึ้ง ทุกเส้นใย ทุกรอยตะเข็บ ล้วนเป็นผลงานจากหัวใจที่หลงใหลในแฟชั่นของเธอ
เมื่อก้าวลงบันไดบ้าน กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารเช้าก็ลอยมาแตะจมูก ภาพที่เห็นคือคุณแม่ซูฮีกำลังจัดโต๊ะอาหารด้วยรอยยิ้มอบอุ่น น้องสาวตัวน้อยมินจีกำลังนั่งอ่านนิทานอย่างตั้งใจ ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายความสุขราวกับได้เข้าไปอยู่ในโลกแห่งจินตนาการ ส่วนคุณพ่อมินซูกำลังง่วนอยู่กับเอกสารและพอร์ตโฟลิโอ แม้จะดูเคร่งขรึม แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทุกเช้า โรเซ่จะได้รับพลังใจจากครอบครัวที่แสนอบอุ่นนี้เสมอ
"พ่อคะ วันนี้ไปดูไซต์งานที่ไหนเหรอคะ" โรเซ่ถามพลางหยิบขนมปังปิ้งเข้าปาก
"วันนี้พ่อจะไปดูไซต์งานออกแบบสวนสาธารณะที่เขตคังนัม มีแนวคิดการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยนะ" มินซูตอบด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ
"ว้าว! พ่อเก่งจังเลยค่ะ" โรเซ่ชื่นชม เธอรู้ดีว่าพ่อของเธอไม่ได้เป็นเพียงสถาปนิก แต่ยังเป็นครูผู้สอนให้เธอรู้จักคุณค่าของการสร้างสรรค์และกล้าที่จะทำในสิ่งที่แตกต่าง
"โรเซ่...วันนี้แม่จะทำซุปกิมจิกับข้าวโพดหวานสำหรับมื้อเย็น เธอช่วยแม่ทำอาหารได้ไหม" ซูฮีถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ได้เลยค่ะแม่! หนูชอบทำอาหารกับแม่ที่สุด" โรเซ่ตอบพร้อมรอยยิ้มกว้าง เธอรักช่วงเวลาที่ได้อยู่กับแม่ ได้เรียนรู้สูตรอาหารใหม่ๆ และฟังเรื่องราวตลกๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน
"เมื่อเช้าแม่เจอแมวข้างถนน มันน่ารักมากเลย แต่แม่กลัวว่ามันจะมีเชื้อโรค เลยได้แต่แอบมองอยู่ห่างๆ" ซูฮีเล่าพร้อมหัวเราะ
"ถ้าเป็นหนู หนูคงอุ้มมันกลับบ้านแล้วค่ะ!" มินจีเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"มินจีจะเลี้ยงแมวเหรอจ๊ะ หนูดูแลตัวเองได้หรือเปล่า" มินซูถามด้วยความเป็นห่วง
"ได้สิคะ! หนูจะป้อนข้าว ป้อนน้ำ แล้วก็เล่นกับมันทุกวันเลย" มินจีตอบอย่างกระตือรือร้น
เสียงหัวเราะของทุกคนดังขึ้น โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรู้ว่าครอบครัวนี้คือโลกทั้งใบของเธอ เป็นที่ที่เธอสามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และเป็นแรงบันดาลใจให้เธอได้พบความสุขในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ
หลังจากร่ำลาครอบครัว โรเซ่รีบเดินทางไปยังบริษัท "Aura Seoul" เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในบริษัท "Aura Seoul" โรเซ่สัมผัสได้ถึงพลังและความคิดสร้างสรรค์ที่ลอยอยู่ในอากาศ เธอทักทายเพื่อนร่วมงานด้วยรอยยิ้มสดใส ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องประชุมเพื่อเริ่มวันใหม่ด้วยการวางแผนงานสำหรับคอลเลกชันล่าสุด
ในการประชุมครั้งนี้ โรเซ่ได้นำเสนอแนวคิดการผสมผสานความเรียบง่ายเข้ากับความหรูหรา เธออธิบายถึงแรงบันดาลใจในการออกแบบที่มาจากความงดงามของธรรมชาติ และความต้องการที่จะสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังสะท้อนถึงบุคลิกภาพของผู้หญิงยุคใหม่ได้อย่างแท้จริง
คุณชเว หัวหน้าทีมดีไซน์ของ Aura Seoul เป็นผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์และความเฉียบคม เธอสังเกตเห็นศักยภาพของโรเซ่ตั้งแต่แรกเห็น และพร้อมที่จะผลักดันให้โรเซ่ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองเสมอ
"โรเซ่ คอลเลกชันใหม่ของเธอสวยงามมากนะ แต่ฉันอยากเห็นเธอท้าทายตัวเองมากกว่านี้ ลองออกจากกรอบเดิมๆ แล้วสร้างสรรค์อะไรที่แปลกใหม่ดูบ้าง" คุณชเวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะคุณชเว ฉันจะพยายามมากขึ้นแน่นอนค่ะ" โรเซ่ตอบด้วยความมุ่งมั่น เธอรู้ดีว่าคำติชมของหัวหน้าไม่ใช่การตำหนิ แต่เป็นการกระตุ้นให้เธอพัฒนาตนเองอยู่เสมอ
**ช่วงเวลาพักผ่อน...เสียงหัวเราะและความผูกพัน:**
ในช่วงพักกลางวัน โรเซ่มักจะใช้เวลาอยู่กับเพื่อนร่วมงานของเธอ พวกเธอต่างมีบุคลิกและเรื่องราวที่แตกต่างกัน แต่ทุกคนก็มีความผูกพันและความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
มินอา เพื่อนสนิทของโรเซ่ เป็นคนที่มีอารมณ์ขันและมีมุมมองที่แตกต่าง เธอชอบที่จะล้อเลียนลูกค้าที่มักจะมาพร้อมกับความต้องการที่เกินจริง
"โรเซ่...ถ้าลูกค้าเข้ามาในร้านแล้วพูดว่า 'ฉันต้องการเสื้อผ้าที่ดูหรูหรา คลาสสิก แต่ต้องใส่สบายเหมือนชุดนอน' เธอจะทำยังไง" มินอาถามพร้อมทำเสียงเลียนแบบ
"ฉันก็จะตอบว่า 'งั้นคุณลูกค้าลองใส่ชุดนอนแล้วเดินพรมแดงดูไหมคะ'" โรเซ่ตอบด้วยรอยยิ้ม
"ใช่ๆ หรือไม่ก็บอกไปว่า 'เรามีชุดนอนผ้าไหมที่ปักเลื่อมและเพชร ลูกค้าสนใจไหมคะ'" มินอาเสริมพร้อมหัวเราะ
โรเซ่และมินอามักจะหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน เสียงหัวเราะของพวกเธอทำให้บรรยากาศในที่ทำงานสดใสขึ้น โรเซ่ยังเป็นคนที่ใส่ใจและมีน้ำใจ เธอจะทำขนมหวานมาให้มินอาในวันอาทิตย์ และบอกว่า "ขนมหวานเหล่านี้จะช่วยเติมพลังให้เธอผ่านพ้นวันจันทร์ที่แสนเหนื่อยล้าไปได้"
ซูจิน เพื่อนอีกคนหนึ่งของโรเซ่ เป็นคนที่ชอบความท้าทาย พวกเธอมักจะเล่นเกมทายคำศัพท์เกี่ยวกับแฟชั่นในช่วงพักกลางวัน
"ซูจิน...ถ้าฉันพูดถึง 'ลุคที่ดูโฉบเฉี่ยว' เธอจะนึกถึงใคร" โรเซ่ถาม
"แน่นอนว่าต้องเป็นเธอสิ แต่ถ้าพูดถึง 'ลุคที่ดูงงๆ' ฉันคงนึกถึงคนอื่น" ซูจินตอบพร้อมหัวเราะ
"ใช่ๆ เราควรสร้างคอลเลกชัน 'ลุคที่ดูงงๆ' ขึ้นมาบ้าง" โรเซ่ตอบ
ฮานา เพื่อนร่วมงานที่มักจะเคร่งเครียดกับการทำงาน เป็นคนที่โรเซ่พยายามที่จะทำให้เธอผ่อนคลาย
"ฮานา...ถ้าเธอเครียดขนาดนี้ ในการ์ตูนคงมีเสียง 'ว้าว' ดังออกมาแล้วล่ะ" โรเซ่แซว
"โอ้ย...ฉันไม่ใช่ตัวการ์ตูนซะหน่อย" ฮานาตอบพร้อมรอยยิ้ม
"ถ้าเธอเป็นการ์ตูน ฉันคงเป็นตัวที่ชอบลากเธอไปผจญภัยแน่นอน" โรเซ่เสริม
โรเซ่ชอบทำขนมและนำมาแบ่งปันกับเพื่อนๆ เธอเชื่อว่าการกินของอร่อยๆ จะช่วยให้ทุกคนคลายเครียดและมีพลังในการทำงาน
จีฮุน เพื่อนร่วมงานที่โรเซ่มักจะปรึกษาเรื่องเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ เป็นคนที่โรเซ่สามารถพูดคุยเรื่องแฟชั่นได้อย่างออกรส
"จีฮุน...ถ้าฉันพูดถึง 'ความมืดในแฟชั่น' เธอจะนึกถึงอะไร" โรเซ่ถาม
"ก็คงไม่ใช่เธอแน่ๆ เพราะเธอมีแต่ความสดใส" จีฮุนตอบ
"ใช่ๆ แต่ถ้าฉันต้องสร้างคอลเลกชัน 'ความมืด' ฉันจะต้องสวมชุดสีดำที่มีลายดอกไม้" โรเซ่ตอบ
โรเซ่และเพื่อนๆ มักจะใช้เวลาพักกลางวันร่วมกัน พวกเธอจะพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ แบ่งปันความสุขและเสียงหัวเราะ ซึ่งทำให้บรรยากาศในที่ทำงานเต็มไปด้วยความอบอุ่นและความผูกพัน
การเดินทางของดีไซเนอร์...ก้าวต่อไปข้างหน้า
ในแต่ละวัน โรเซ่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสมอ เธอไม่ได้เป็นเพียงดีไซเนอร์ที่สร้างสรรค์เสื้อผ้า แต่ยังเป็นคนที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง ด้วยความมุ่งมั่น ความคิดสร้างสรรค์ และความรักที่มีต่อแฟชั่น เธอพร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าและสร้างผลงานที่น่าจดจำต่อไป
โรเซ่ไม่เพียงแต่เป็นดีไซเนอร์ที่เก่งกาจ แต่เธอยังเป็นเหมือนกาวใจที่เชื่อมความสัมพันธ์ของเพื่อนร่วมงานให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เธอเชื่อว่าการได้ใช้เวลาร่วมกัน พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหัวเราะอย่างมีความสุข จะช่วยเติมพลังให้ทุกคนพร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ"นี่คือ 'การประชุมอาหาร' ของเราทุกคน!" โรเซ่ประกาศอย่างร่าเริงขณะวางจานคุกกี้ช็อกโกแลตชิปที่เธอทำเองลงบนโต๊ะ "มาเติมพลังกันหน่อย ก่อนที่เราจะไปสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่!""โรเซ่...เธอทำขนมเก่งขนาดนี้ น่าจะเปิดร้านเบเกอรี่นะ" จันจิเอ่ยชมด้วยความชื่นชม"ใช่ๆ ฉันอยากกินเค้กที่เธอทำทุกวันเลย" มินอาเสริม"แล้วถ้าฉันทำเสื้อผ้าลายแมวสุดน่ารักออกมา ลูกค้าคงต้องรักมันมากแน่ๆ เลย!" โรเซ่พูดพลางจินตนาการถึงคอลเลกชันใหม่ของเธอ"ห้ามพูดแบบนั้นเลยนะ! ไม่งั้นฉันก็จะกลายเป็นดีไซเนอร์ที่ออกแบบ 'แมวลาย' ไปแล้วสิ!" ฮานาแกล้งทำเสียงโอดครวญ ทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาโรเซ่สังเกตว่าฮานาเป็นคนจริงจังกับการทำงานมาก เธอจึงมักจะชวนฮานาพักผ่อนและคลายเครียดบ้าง "ฮานา...มาลองคุกกี้ของฉันหน่อยสิ มันอร่อยจนทำให้เธอหายเครียดได้เลยนะ""อร่อยมาก! เธอทำได้ยังไงเนี่ย" ฮ
ห้องสมุดแห่งความฝัน...ที่พักพิงของจินตนาการ:**หลังจากการทำงานอันเหน็ดเหนื่อยในแต่ละวัน โรเซ่มักจะหลีกหนีจากความวุ่นวาย ไปยังสถานที่ที่เธอเรียกว่า "ห้องสมุดแห่งความฝัน" สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนโลกอีกใบของเธอ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและจินตนาการอันไร้ขีดจำกัด บรรยากาศที่เงียบสงบและอบอุ่นของห้องสมุด ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายและได้ปลดปล่อยตัวเองไปกับโลกของหนังสือได้อย่างเต็มที่หนังสือหลากหลายประเภท ตั้งแต่วรรณกรรมคลาสสิกไปจนถึงนิยายรักและแฟนตาซี ล้วนเป็นเพื่อนคู่ใจของเธอ โรเซ่ชอบที่จะสวมบทบาทเป็นตัวละครต่างๆ ในเรื่องราวที่เธออ่าน เธอกลายเป็นนางเอกผู้กล้าหาญในโลกแฟนตาซี เป็นหญิงสาวผู้มีความรักอันแสนหวาน หรือแม้แต่เป็นนักสืบที่ไขคดีปริศนา เธอเชื่อว่าการอ่านหนังสือช่วยเปิดโลกทัศน์และเติมเต็มจินตนาการของเธอได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดเย็นวันหนึ่ง หลังจากใช้เวลาในห้องสมุดนานกว่าปกติ โรเซ่กลับมาถึงบ้านด้วยรอยยิ้มกว้างและดวงตาที่เปล่งประกายไปด้วยความตื่นเต้น เธอแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะเล่าเรื่องราวที่เธอได้พบเจอในหนังสือให้ครอบครัวฟัง"กลับมาแล้วเหรอลูก? วันนี้ดูท่าทางมีความสุขเป็นพิเศษนะ ไปอ่านหนังสืออะไรม
หลังจากวันทำงานที่แสนยาวนาน โรเซ่เดินออกจากบริษัทด้วยความรู้สึกโล่งใจ เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ปล่อยให้ความเหนื่อยล้าจางหายไปกับสายลมเย็น เธอรู้ดีว่ามีสถานที่แห่งหนึ่งที่พร้อมจะต้อนรับและเติมเต็มจิตใจของเธอเสมอ นั่นก็คือ "ห้องสมุดแห่งความฝัน" ที่เธอรักยิ่งเมื่อประตูห้องสมุดเปิดออก เสียงกระดิ่งเล็ก ๆ ก็ดังขึ้นเบา ๆ ราวกับเสียงต้อนรับจากโลกอีกใบ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของกระดาษเก่าและบรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้โรเซ่รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน เธอเดินเข้าไปข้างในอย่างคุ้นเคยลุงวูฮยอน ผู้ดูแลห้องสมุด ชายสูงวัยที่มีแว่นตากรอบหนาและรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น เงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อ่านอยู่และทักทายเธอ"สวัสดีจ้ะ โรเซ่ วันนี้มาถึงช้ากว่าปกตินะ งานเยอะหรือเปล่า" ลุงวูฮยอนถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง"สวัสดีค่ะลุง! วันนี้งานยุ่งมาก ๆ เลยค่ะ เลยมาช้าหน่อย" โรเซ่ตอบพร้อมรอยยิ้ม "วันนี้หนูอยากอ่านแนวแฟนตาซีค่ะ อยากได้เรื่องที่มีทั้งการผจญภัยและความรัก""หืม...งั้นลุงแนะนำเรื่อง 'เจ้าหญิงแห่งรัตติกาล' แล้วกันนะ เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงที่ต้องออกเดินทางเพื่อตามหาวิธีถอนคำสาป เธอต้องเผชิญหน้ากับอันตรายและได้
เช้าวันใหม่ โรเซ่รีบทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว เธอแทบจะอดใจรอไม่ไหวที่จะกลับไปยังห้องสมุดแห่งความฝันอีกครั้ง หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธอจินตนาการถึงการพบกับซูโฮอีกครั้ง และหวังว่าวันนี้พวกเขาจะได้พูดคุยกันมากขึ้นเมื่อไปถึงห้องสมุด โรเซ่ก็รีบสอดส่ายสายตาหาซูโฮ แต่คราวนี้เขาไม่ได้นั่งอยู่ที่เดิม โรเซ่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็พยายามไม่คิดมาก เธอเดินไปยังที่นั่งประจำของเธอและหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านลุงวูฮยอนสังเกตเห็นอาการของโรเซ่ เขาหัวเราะเบา ๆ และเดินมาทักทาย"ดูเหมือนว่าหนูจะมองหาใครบางคนอยู่นะวันนี้ หรืออยากได้หนังสือพิเศษที่หาอ่านยาก" ลุงวูฮยอนแซวโรเซ่ยิ้มขวยเขิน "เปล่าค่ะลุง! แค่อยากอ่านหนังสือสนุก ๆ ไปนั่งอ่านเหมือนทุกวันเท่านั้นเอง"ลุงวูฮยอนหัวเราะอย่างเอ็นดู พร้อมกับแนะนำหนังสือเล่มใหม่ให้โรเซ่ โรเซ่รับหนังสือมาและเดินไปยังที่นั่งประจำของเธอ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคงรู้สึกเหงาเล็กน้อยที่ไม่ได้เห็นซูโฮอยู่ตรงนั้นหลังจากอ่านหนังสือไปได้สักพัก โรเซ่ก็รู้สึกถึงเงาของคนเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอเงยหน้าขึ้น และพบว่าซูโฮกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอด้วยรอยยิ้มที่สดใส"ขอโทษที่มาช้านะค
โรเซ่ก้าวเข้าไปในห้องสมุดแห่งความฝันด้วยหัวใจที่เบิกบาน วันนี้เธอรู้สึกอยากรู้จักสถานที่แห่งนี้ให้มากขึ้น เธออยากรู้เรื่องราวความเป็นมาของห้องสมุดที่เธอรัก และอยากรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้ที่นี่พิเศษกว่าห้องสมุดอื่น ๆขณะที่เธอกำลังเดินสำรวจชั้นหนังสือ ซูโฮก็เดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มที่สดใส"อ้าว วันนี้มาถึงเร็วเชียว มีหนังสือเล่มไหนที่น่าสนใจเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ" ซูโฮถามโรเซ่ยิ้ม "ยังเลยค่ะ จริง ๆ แล้ววันนี้ฉันอยากรู้จักห้องสมุดนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ฉันเข้ามาอ่านหนังสือที่นี่ได้แค่ปีเดียวเอง แต่รู้สึกผูกพันกับที่นี่มาก คุณพอจะเล่าประวัติของห้องสมุดแห่งความฝันให้ฟังได้ไหมคะ"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ เมื่อได้ยินคำถามของโรเซ่ ก่อนจะผายมือเชิญเธอเดินไปยังมุมสงบของห้องสมุดที่มีแสงไฟส่องลงมาอย่างอ่อนโยน เขาเดินนำเธอไปนั่งที่มุมนั้นก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล"ห้องสมุดแห่งนี้มีประวัติยาวนานกว่าที่คุณคิดไว้ครับ ก่อตั้งมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ของผม ห้องสมุดแห่งความฝันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทุกคนได้ค้นพบความสุขจากการอ่าน และเป็นที่ที่รวมเรื่องราว ความฝัน และจินตนาการของผู้คนจากรุ่นสู
โรเซ่กำลังจมอยู่ในโลกของหนังสือเล่มหนา เมื่อซูโฮเดินเข้ามาพร้อมกับหนังสืออีกเล่มที่มีปกสีสันสดใสสะดุดตา ปกนั้นมีภาพมังกรตัวใหญ่ที่คาบเพชรพลอยไว้ในปาก พร้อมฉากภูเขาหินลึกลับที่รายล้อมไปด้วยหมอกบาง ๆ ราวกับกำลังปกป้องสมบัติล้ำค่าซูโฮยิ้มบาง ๆ พร้อมยื่นหนังสือให้โรเซ่ "ผมเห็นคุณชอบอ่านนิยายโรแมนติกหวาน ๆ ตลอด ลองเปลี่ยนบรรยากาศดูหน่อยไหมครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปอีกโลกเลยนะ เปิดโลกใหม่ให้คุณแน่นอน"โรเซ่ตาเป็นประกายขึ้นทันที "โอ้โห! มังกรด้วยเหรอคะ ฉันไม่เคยลองอ่านแนวแฟนตาซีผจญภัยแบบนี้มาก่อนเลย แต่พอเห็นปกแล้วก็อยากรู้เลยว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นในเรื่องนี้บ้าง!" เธอเอื้อมมือไปรับหนังสือมา พร้อมพลิกดูหน้าปกด้วยความตื่นเต้นซูโฮยิ้มอย่างเอ็นดู "ถ้าคุณชอบนะครับ หนังสือเล่มนี้จะพาคุณไปผจญภัยในดินแดนที่เต็มไปด้วยเวทมนตร์และสิ่งมหัศจรรย์ มีมังกร ยักษ์ และสมบัติที่ซ่อนอยู่ ซึ่งนักผจญภัยต้องตามหา"โรเซ่หัวเราะเล็กน้อยพลางบอกอย่างมั่นใจ "ฟังดูท้าทายดีค่ะ! ฉันอยากทะลุมิติไปเจอกับมังกรตัวนั้นและออกผจญภัยดูบ้างจังเลย" แต่แล้วเธอก็เผลอพูดเบา ๆ "ถ้ามีจริงก็คงดีนะ... อยากลองไปดูสักครั้งจัง"ซูโฮยิ้มขี
หลังจากที่ทั้งคู่ได้เผชิญหน้ากับอุปสรรคในถ้ำและหลบหนีจากสัตว์ร้ายมาได้อย่างหวุดหวิด โรเซ่และซูโฮก็ต้องพบกับอีกหนึ่งความท้าทายที่รออยู่เบื้องหน้า: หน้าผาสูงชันที่ขวางกั้นเส้นทางสู่ส่วนลึกของป่า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเงียบสงัดและอันตรายที่แฝงอยู่ในทุกย่างก้าว เสียงลมกระโชกแรงที่พัดผ่านทำให้สถานการณ์ดูตึงเครียดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ซูโฮและโรเซ่กลับมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นอย่างไม่คาดฝัน"ดูเหมือนเราจะเจออุปสรรคใหม่แล้วนะ โรเซ่...คิดว่าเราจะผ่านมันไปได้ไหม" ซูโฮเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม"ถ้าเป็นอย่างที่นายบอก เมื่อกี้ก็ยังผ่านอุปสรรคถ้ำไปได้แล้ว นี่มันแค่หน้าผาแค่นั้นเอง ฉันว่าไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอก!" โรเซ่ตอบด้วยท่าทางมั่นใจ ขณะที่มือหนึ่งจับแขนของซูโฮอย่างแน่นหนา พร้อมกับมองไปยังหน้าผาที่ดูเหมือนจะท้าทายทุกย่างก้าว ซูโฮอดที่จะรู้สึกประทับใจในความมั่นใจและความขี้เล่นของเธอไม่ได้"คุณนี่กล้าได้ใจจริง ๆ โรเซ่ ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าใครเป็นคนกลัวจริง ๆ" ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู"ฉันไม่ได้กลัวนะ ฉันแค่รู้ว่าเราต้องทำยังไง ถ้าเรากลัวมากไปก็ไม่ไปถึงไหนหรอกนะ" โรเซ่ตอบด้
หลังจากที่โรเซ่และซูโฮรอดพ้นจากหมาป่าตัวใหญ่มาได้อย่างหวุดหวิด ทั้งคู่ยังคงมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปในป่าที่เต็มไปด้วยความลึกลับและท้าทาย โรเซ่รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางเอกในโลกนิยายอย่างแท้จริง ทุกย่างก้าวที่เธอเดินเคียงข้างซูโฮ ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและกล้าหาญมากยิ่งขึ้น ซูโฮเองก็เริ่มสังเกตเห็นความมั่นใจและความเข้มแข็งที่แฝงอยู่ในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆขณะที่พวกเขาเดินผ่านเส้นทางแคบ ๆ ที่มีรากไม้เกาะเกี่ยว โรเซ่ก็หยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นลำธารที่กว้างและน้ำไหลเชี่ยวขวางทางอยู่ น้ำในลำธารนั้นไหลแรงและดูเหมือนจะลึกพอสมควร ซูโฮมองซ้ายขวาเพื่อหาทางข้าม ขณะที่โรเซ่ก็มองหาวิธีด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น"โอ้โห! งานนี้ท้าทายจริง ๆ คุณว่าเราจะข้ามไปยังไงดีล่ะซูโฮ" โรเซ่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความท้าทาย"นี่คุณดูตื่นเต้นมากกว่ากลัวอีกนะ ผมคิดว่าคุณจะกลัวน้ำเชี่ยวเสียอีก" ซูโฮกล่าวด้วยความประหลาดใจ"ฉันไม่กลัวหรอกนะ! นี่เป็นโอกาสที่ดีที่จะพิสูจน์ว่าเราจะผ่านอะไรไปได้มากขนาดไหน ฉันมั่นใจว่าเราทำได้" โรเซ่ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นซูโฮยิ้มออกมาเมื่อได้ยินคำพูดของโรเซ่
โรเซ่นั่งอยู่ในห้องทำงานส่วนตัว บนโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยหนังสือที่ซูโฮเคยอ่านและเขียนไว้ เธอมักจะเปิดดูมันในบางครั้ง เพื่อค้นหาคำตอบที่เขาเคยทิ้งไว้ในทุกบรรทัด ทุกตัวอักษรที่เขาเขียนดูเหมือนยังคงมีชีวิตและพลังงานบางอย่างหลงเหลืออยู่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในโลกนี้แล้ว แต่มันก็เหมือนกับเขายังคอยมอบคำแนะนำให้กับเธออยู่เสมอ"ซูโฮ...ขอบคุณที่ยังคงอยู่ในหัวใจของฉันเสมอ" โรเซ่พูดเบา ๆ กับตัวเอง ขณะที่เธอเปิดอ่านบทหนึ่งจากหนังสือที่เขาชื่นชอบ ซึ่งมันเต็มไปด้วยคำพูดที่เต็มไปด้วยความหวังและความรัก "ความฝันไม่มีวันสิ้นสุด"เมื่อเวลาผ่านไป โรเซ่เริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง เธอเริ่มเปิดใจให้กับสิ่งใหม่ ๆ หลังจากที่เธอได้พอใจกับการทำงานและการสร้าง Aura Seoul จนกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก แต่บางครั้ง ความเหงาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าในใจ เมื่อเธอกลับบ้านในค่ำคืนที่เงียบสงบ เธอไม่อาจหลีกหนีความรู้สึกของการสูญเสียซูโฮ แม้เธอจะพยายามปล่อยให้เขาอยู่ในความทรงจำ แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขากลับยังคงแน่นแฟ้น**การพบเจอ...และการเริ่มต้นใหม่:**จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอได้พบกับยุคยองเป็นครั้งที่สองในงานเลี้
โรเซ่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟสว่างไสวในห้องทำงานของ Aura Seoul รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจปรากฏบนใบหน้า เธอสัมผัสได้ถึงความสำเร็จที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เสียงปรบมือและคำชื่นชมจากงานเปิดตัวคอลเลกชันใหม่ยังคงดังก้องอยู่ในหู"เธอรู้ไหม โรเซ่ ฉันคิดว่าเธอสามารถทำได้ดีมาก" แคลร์ เพื่อนสนิทและผู้ช่วยคนเก่งของเธอ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความยินดี"จริงเหรอคะ" โรเซ่ยิ้มกว้าง พลางยกมือขึ้นแตะหน้าอกข้างซ้าย "ฉันเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมาถึงจุดนี้ได้""ความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของเธอคือสิ่งที่วงการนี้ต้องการ ไม่มีใครเหมือนเธอหรอก" จูฮี เพื่อนอีกคนเสริมด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจโรเซ่หัวเราะเบา ๆ"ขอบคุณนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันต้องเผชิญหน้ากับการเปิดตัวใหม่ ๆ มันก็เหมือนกับการโดนตีในท้อง แต่ถ้าฉันไม่ทำแบบนี้ ฉันคงไม่รู้จักตัวเองว่าความสามารถที่แท้จริงของฉันคืออะไร" โรเซ่กล่าวด้วยแววตาที่มุ่งมั่น"ฉันก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกันนะ" จูฮีกล่าว "แต่เราจะอยู่ข้างเธอเสมอ สู้ ๆ นะ โรเซ่"โรเซ่รู้สึกอบอุ่นใจจากคำพูดของเพื่อน ๆ ซึ่งเป็นกำลังใจสำคัญในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้**ข่าวลือ...และการเผชิญหน้
ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงบของห้องสมุดแห่งความฝัน โรเซ่พบว่ามันแตกต่างจากครั้งก่อน ๆ ทุกครั้งที่เธอมาที่นี่ มักจะมีแสงอ่อน ๆ สะท้อนผ่านหน้าต่างบานใหญ่ พร้อมเสียงเพลงเบา ๆ ที่ชวนให้รู้สึกอบอุ่น แต่ครั้งนี้ มันกลับดูหม่นหมองเล็กน้อย คล้ายกับการบอกลาที่กำลังใกล้เข้ามาซูโฮยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง เขายิ้มให้เธอเหมือนทุกครั้ง แต่โรเซ่รู้สึกได้ถึงความเศร้าที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขา เธอเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าเขา"ผมดีใจที่คุณมาที่นี่อีกครั้ง" เสียงของซูโฮนุ่มนวลเหมือนเคย"ฉันจะไม่มาได้ยังไงล่ะ" โรเซ่ตอบพร้อมยิ้ม แม้ในใจเธอจะรู้สึกหนักอึ้ง "คุณเป็นคนสำคัญสำหรับฉันนี่นา"ซูโฮยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า"คุณเองก็เป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเดินไปข้างหน้า ด้วยตัวของคุณเอง" ซูโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความห่วงใยโรเซ่เม้มริมฝีปาก เธอรู้ว่านี่คือบทสนทนาสุดท้ายของพวกเขา แต่เธอกลับไม่อยากยอมรับความจริง"ฉันไม่อยากจากคุณไป..." เธอพูดเสียงเบา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อัดแน่นซูโฮก้าวเข้ามาใกล้ จับมือเธอไว้อย่างอ่อนโยน"ผมไม่อยากจากคุณเหมือนกัน แต่คุณมีชีวิตที่ต้องใช้ในโ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
หลังจากให้คำสัญญา โรเซ่รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เคยเกาะกุมจิตใจเริ่มเบาบางลง เธอมองซูโฮที่ยังคงยิ้มให้เธอ รอยยิ้มนั้นแม้จะแฝงไปด้วยความเศร้า แต่กลับเต็มไปด้วยความจริงใจ"คุณเคยคิดไหมว่าทำไมฉันถึงได้พบคุณที่นี่" โรเซ่ถามพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม"ผมคิดว่าเราคงถูกกำหนดให้พบกัน" ซูโฮตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล "บางทีการพบกันของเราอาจเป็นบทเรียนสำหรับทั้งคุณและผม""บทเรียน?" โรเซ่ทวนคำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย"ใช่ครับ บทเรียนที่ทำให้คุณเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง" ซูโฮอธิบายโรเซ่นิ่งเงียบ ดวงตาของเธอจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูโฮ เธอเริ่มเข้าใจความหมายที่เขาพยายามจะบอก"แต่ฉันยังไม่อยากให้คุณไป" เสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อย"โรเซ่" ซูโฮพูดชื่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "ทุกสิ่งในโลกนี้มีเวลาของมัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความเศร้า สิ่งสำคัญคือเราต้องรู้จักยอมรับและปล่อยวาง""คุณพูดเหมือนง่าย" เธอพึมพำ"มันไม่ง่ายหรอกครับ" ซูโฮยอมรับ "แต่คุณเป็นคนที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าคุณทำได้"โรเซ่เม้มริมฝีปากแน่น เธอไม่รู้ว่าจะตอบกลับเขาอย่างไรดี น้ำตาเริ่มไหลลงมาช้า ๆ"ฉันไม่เคยคิดเ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าของกรุงโซลทอประกายผ่านม่านสีขาว ส่องกระทบใบหน้าของโรเซ่ที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียง เธอค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนริมฝีปาก เมื่อนึกถึงความฝันอันแสนหวานที่เพิ่งผ่านพ้นไป เธอลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดม่านหน้าต่าง กวาดสายตามองทิวทัศน์ของเมืองที่ค่อย ๆ ตื่นขึ้นจากนิทรา"วันนี้ต้องเป็นวันที่ดีแน่นอน" โรเซ่พูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สดใสเมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ โรเซ่ก็เดินลงมายังห้องครัว กลิ่นหอมของอาหารเช้าลอยมาเตะจมูก เธอพบว่าคุณพ่อกำลังตักข้าวใส่ชาม ส่วนคุณแม่กำลังจัดวางเครื่องเคียงต่าง ๆ บนโต๊ะอาหาร มินจี น้องสาวของเธอนั่งรออยู่ด้วยท่าทางสดใส"เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก" คุณแม่ทักทายด้วยรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง "แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย"มินจีที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว"จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่" มินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงขี้เล่นโรเซ่หัวเราะเบา ๆ "แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง"ทุกคนหั
โรเซ่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ตั้งแต่เธอเริ่มฝันถึงซูโฮบ่อยขึ้น ความฝันแต่ละครั้งชัดเจนราวกับความจริง เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนเคย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือซูโฮในความฝันเริ่มมีอารมณ์เหมือนคนที่มีชีวิตจริง เขาหัวเราะ เสียใจ หรือแม้แต่แสดงความห่วงใยเธอในแบบที่ลึกซึ้ง จนโรเซ่เริ่มตั้งคำถามกับตัวเองคืนหนึ่ง โรเซ่ฝันว่าเธอกำลังเดินอยู่ในสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยดอกไม้ ซูโฮเดินเคียงข้างเธอ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มอ่อนโยน แต่ดวงตาดูลึกซึ้งจนยากจะเข้าใจ"คุณดูเงียบกว่าปกตินะคะ วันนี้มีอะไรในใจหรือเปล่า" โรเซ่ถามพลางหันไปมองเขา"บางครั้งผมก็รู้สึกว่าเวลาของเราในที่นี่มันไม่ยั่งยืน" ซูโฮตอบ น้ำเสียงของเขามีความเศร้าปนอยู่โรเซ่ขมวดคิ้ว"คุณหมายความว่ายังไง คุณเป็นใครกันแน่ ทำไมฉันถึงฝันถึงคุณบ่อยขนาดนี้" โรเซ่ถามด้วยความสงสัยซูโฮหยุดเดินและมองเธอ ดวงตาของเขาสั่นไหวเหมือนคนที่กำลังเก็บความลับบางอย่าง"ผมคือส่วนหนึ่งของความฝันที่คุณสร้างขึ้น คุณไม่ต้องกลัว ผมไม่ได้มาทำร้ายคุณ" ซูโฮตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ"แต่คุณมาจากไหน คุณเป็นคนจริง ๆ หรือเปล่า" โรเซ่ยังคงถามต่อเขาไม่ตอบ แต่เพียงส่งยิ้มบาง ๆ ให้เธอ
เช้าวันนั้นในกรุงโซล อากาศเย็นสบายลอยผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องของโรเซ่ แสงแดดอ่อน ๆ ทอประกายลงบนโต๊ะทำงานของเธอที่ยังคงมีร่องรอยจากโปรเจกต์ก่อนหน้านี้ โรเซ่ลุกขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น หลังจากอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จ เธอเดินลงไปที่ห้องครัว พ่อของเธอกำลังตักข้าวใส่ชาม และแม่ของเธอก็กำลังเตรียมเครื่องเคียง"เช้านี้ดูมีพลังจังเลยนะลูก" แม่ทักพร้อมรอยยิ้มโรเซ่ยิ้มกว้าง"แน่นอนค่ะ เมื่อคืนได้นอนเต็มอิ่มและมีเรื่องอยากเล่าให้ทุกคนฟังด้วย" โรเซ่ตอบด้วยความตื่นเต้นมินจี น้องสาวของเธอที่กำลังตักกิมจิใส่จาน เงยหน้าขึ้นมาพูดแซว"จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ที่ปารีสอีกหรือเปล่า พี่นี่คงไม่หยุดพูดเรื่องนั้นแน่" มินจีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความขี้เล่นโรเซ่หัวเราะเบา ๆ"แน่นอนสิ! นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิตฉันเลยนะ มินจี เธอควรภูมิใจกับพี่สาวคนนี้บ้าง" โรเซ่ตอบด้วยรอยยิ้มทุกคนหัวเราะและนั่งล้อมรอบโต๊ะ โรเซ่เริ่มเล่าเรื่องการแสดงแฟชั่นโชว์ ทั้งบรรยากาศของงาน ชุดที่เธอออกแบบ และเสียงปรบมือที่ได้รับ"พ่อคะ แม่คะ ตอนที่ฉันยืนอยู่บนเวทีแล้วมองไปยังฝูงชน ฉันรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริงเลยค่
โรเซ่หลับตาลงอย่างช้า ๆ หลังจากวันที่ยาวนานผ่านไป ความเงียบสงบของค่ำคืนนี้ชวนให้เธอนึกถึงโลกใบหนึ่งที่เธอไม่ได้ไปมาหลายวัน โลกที่เต็มไปด้วยแสงสลัวและกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของหนังสือเก่า ๆ และเมื่อเธอเปิดตาขึ้นอีกครั้งในความฝัน เธอพบว่าตัวเองอยู่ที่ห้องสมุดแห่งความฝันอีกครั้ง"คุณกลับมาแล้ว" เสียงที่นุ่มนวลและอบอุ่นดังขึ้นข้างหลัง โรเซ่หันไปและพบกับซูโฮ เขายืนอยู่ในชุดเรียบง่าย สายตาของเขามองเธอด้วยความอ่อนโยนที่โรเซ่คุ้นเคย"ใช่ ฉันกลับมาแล้ว" โรเซ่พูดพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ขณะที่เดินเข้าไปใกล้เขา "ที่นี่สงบกว่าชีวิตจริงของฉันเยอะเลย"ซูโฮหัวเราะเบา ๆ "ผมเดาว่ามันคงมีเรื่องมากมายที่ทำให้คุณเหนื่อย แต่คุณก็ยังดูสดใสเสมอ"โรเซ่ยิ้มขี้เล่น"ฉันก็ต้องพยายามทำตัวให้สดใสสิ ฉันไม่ชอบให้ใครมองว่าฉันอ่อนแอ" โรเซ่ตอบด้วยความมั่นใจ"แต่คุณก็ไม่ได้อ่อนแอเลยสักนิด" ซูโฮพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น "คุณมีพลังในแบบที่คนอื่นไม่มี และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่าง"โรเซ่หยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ซูโฮ"คุณพูดเหมือนรู้จักฉันดีจัง... มากกว่าที่ฉันรู้จักตัวเองเสียอีก" โรเซ่กล่าวด้วยความสงสัยซูโฮยิ้มบ