คราวนี้เธอเห็นชัดเจนว่าจี้ซือหานสวมชุดสูทสีดำมาจากนอกห้องฉุกเฉินเช่นเดียวกับเมื่อพวกเขาพบกันครั้งแรก เขาเดินไปหาเธอทีละก้าวอย่างมั่นคงเขายื่นนิ้วที่แยกกระดูกออกมาให้เธอ ก้มศีรษะลงและอ่อนโยนกับเธอ "ซูหว่าน ผมมาแล้ว..."เสียงนุ่ม...เขาไม่เคยพูดอ่อนโยนกับเธอเลยจิตสํานึกของซูหว่านค่อย ๆ กลับมาและลืมตาอีกครั้ง ไม่มีอะไรเลย มีแต่ความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุดบางคนบอกว่าก่อนที่คนจะเสียชีวิต จะเกิดภาพหลอน สิ่งที่เธอเพิ่งเห็น เป็นเพียงจินตนาการของตัวเองเท่านั้นลึก ๆ ในใจเธอปรารถนาที่จะเห็นจี้ซือหานเป็นครั้งสุดท้าย แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยปรากฏตัวเลย...เมื่อเห็นเธอรอซานซานมาแล้ว แต่ก็ยังมองออกไปนอกประตูห้องฉุกเฉินตลอดเวลา กู้จิ่งเซินดูเหมือนจะเข้าใจบางอย่างหัวใจดิ้นรนเพียงไม่กี่วินาที เขาก็รีบพูดกับอลันว่า "ไปโทรหาจี้ซือหาน ให้เขารีบมาพบเธอเป็นคนสุดท้าย!"อลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ทันคิดมาก ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจี้ซือหาน แต่อีกฝ่ายก็เตือนให้ปิดเครื่องเธอมองซูหว่านที่ดวงตาของเธอรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ ก็รีบโทรหาซูชิง แต่ก็ปิดเครื่องเธอวางโทรศัพท์ลง พูดจาไร้พลังว่า"ปิดเครื่องแล้
ติ๊บ——เสียงแสบแก้วหูจากเครื่องวัดหัวใจคนบนโต๊ะผ่าตัดก็จากไปแล้วซานซานร้องไห้จนเป็นลม อลันตกใจรีบผลักให้เข้าไปช่วยเหลือมีเพียงกู้จิ่งเซินที่ยังคงรักษาท่าคุกเข่า นิ่ง มองไปที่คนบนเวทีหลังจากเขาจ้องมองเธอไปหลายนาที เขาก็อุ้มร่างที่บอบบางและอ่อนนุ่มขึ้นมาและเดินออกไปข้างนอกเมื่ออลันในห้องกู้ภัยที่อยู่ติดกันเห็น ก็รีบก้าวไปข้างหน้าหยุดเขา "ประธานกู้ คําพูดสุดท้ายของคุณซูคืออยากเผาศพทันที..."กู้จิ่งเซินชา มองเธอแวบหนึ่ง "ผมรู้"เขามองลึกลงไปที่ใบหน้าซีดเล็ก ๆ น้อย ๆและเปล่งเสียงเบา ๆว่า"ผมแค่อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าไห้เธอครับ"เสื้อผ้าของหว่านหว่านของเขา เปื้อนเลือดจากมือเขา หว่านหว่านรักความสวยงาม ไม่ยอมใส่ชุดแบบนี้ไปฌาปนกิจแน่นอนท่าทางสงบนิ่งและนุ่มนวลของเขาทําให้อลันตกใจ กู้จิ่งเซินรักคุณซูมากไม่ใช่หรือ ทำไมสงบเป็นแบบนี้อลันมองเบื้องหลังการจากไปของเขาและคิดว่าอย่างน้อยกู้จิ่งเซินก็เต็มใจที่จะส่งเธอเดินทางครั้งสุดท้าย แต่จี้ซือหานแม้แต่คนก็หาไม่เจอความตกใจในใจก็ค่อย ๆ จางหายไป ผู้ชายมักจะใจร้ายและไม่ควรหวังอะไรกับพวกเขา...กู้จิ่งเซินอุ้มซูหว่านกลับไปที่วอร์ด ช่วยเธอทํา
เมื่อตกกลางคืน ประตูเหล็กก็เปิดออก และมีพนักงานคนหนึ่งถือโกศออกมา"ผู้ตายซูหว่าน เผาศพเสร็จแล้ว เป็นญาติของครอบครัวไหน รบกวนมารับโกศหน่อย"บอดี้การ์ดของกู้จิ่งเซินรีบขึ้นไปรับโกศและเอกสารประชาชนกลับมาทันทีหลังจากนั้น บอดี้การ์ดก็ถือไว้ในมือ ก้มลงยื่นให้กู้จิ่งเซินที่หมดสติแล้ว"ประธานกู้ ได้เวลาพาคุณซูกลับบ้านแล้ว ไม่งั้นเธอจะจำทางกลับบ้านไม่ได้ เธอจะกลายเป็น..."กลายเป็นผีป่าที่โดดเดี่ยวบอดี้การ์ดไม่กล้าพูดประโยคนี้ออกมา แต่ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นกู้จิ่งเซินได้ดวงตาสีแดงเลือดคู่นั้น ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปที่โกศเมื่อนึกถึงคนที่ยังมีชีวิตอยู่เมื่อสักครู่นี้ ก็กลายเป็นขี้เถ้าในทันที เขาแค่รู้สึกท้อแท้ในเวลานี้ฝนตกหนักบนท้องฟ้า เช่นเดียวกับคืนที่เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เม็ดฝนที่เหมือนถั่วกระแทกลงมาอย่างรุนแรงทุบผม แก้มเขาเปียก แต่เขากลับไม่สนใจเลย ถอดเสื้อผ้าออกจากร่างกายแล้วคลุมโกศหลังจากบังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์ ยกมือสั่นๆ ไปรับกล่องขี้เถ้ากระดูก แต่กลับไม่ได้รับความมั่นคงหลายครั้ง..."ผมมา"ซูเหยียนเอื้อมมือไปรับกล่อง แต่ถูกกู้จิ่งเซินห้ามไว้เขาพยายามอย่างเต็มที่เ
กู้จิ่งเซินพาเธอกลับไปที่วิลล่า สถานที่ที่เธอเคยไปจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยพี่สะใภ้หลี่ตกใจมากเมื่อเห็นสามีของเธอถือโกศด้วยสีหน้าไร้ชีวิตชีวาแต่เมื่อเห็นหมอซูและบอดี้การ์ดแสดงความเสียใจด้วย เขาก็ค่อยๆ เข้าใจแม้เธอไม่รู้ว่าคนในโกศนั้นเป็นใคร แต่นั่นต้องเป็นญาติของคุณท่านแน่ๆ"ท่านคะ ฉันจะเตรียมห้องไว้ทุกข์ค่ะ..."กู้จิ่งเซินไม่ตอบสนอง แต่เมื่อพี่สะใภ้หลี่หันกลับมา เขาก็หยุดเธอ"แกะสลักอนุสาวรีย์ให้เธอและเขียนชื่อของเธอไว้"พี่สะใภ้หลี่ถามเขา"ท่านเธอชื่ออะไรนะ"กู้จิ่งเซินมองลงไปที่โกศแล้วตอบอย่างเสน่หา"ภรรยาของผม ซูหว่าน"พี่สะใภ้หลี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ซูหว่าน? เป็นคุณซูที่เธอพบหรือเปล่า?สาวน้อยคนนั้นที่สวยมากแต่อ่อนแอนิดหน่อย?พี่สะใภ้หลี่ไม่กล้าถาม เธอตอบว่า 'ใช่' แล้วก็รีบไปเตรียมทันทีกู้จิ่งเซินวางโกศไว้บนโต๊ะแล้วหันไปมองซูเหยียน"คุณกลับไปคุณไม่จำเป็นต้องไปกับผม"ซูเหยียนต้องการปฏิเสธ แต่ถูกขัดจังหวะโดยกู้จิ่งเซิน"ผมอยากจะเงียบและอยู่กับเธอนะ"ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ เธอไม่มีหลุมศพด้วย เมื่อเขาอยู่กับเธออีกครั้งเขาจะฝังเธอด้วยมือของเขาเองเมื่อซูเหยียนเห็นเขาเ
เธอร้องไห้อยู่นานจนเสียงแหบแห้งจึงบังคับตัวเองให้ลุกจากโซฟาเธอยังต้องจัดการข้าวของของหว่านหว่านด้วย เธอไม่สามารถปล่อยให้หว่านหว่านไม่มีอะไรจะสวมใส่บนถนนไปสวรรค์เธอต้องให้กำลังใจและเลือกเสื้อผ้าสวย ๆ ให้กับหว่านหว่านซานซานเดินไปที่ห้องของหว่านหว่านทีละก้าวด้วยก้าวหนักๆน้ำตาของซานซานไหลอีกครั้งเมื่อเธอเห็นว่าของที่เป็นของเธอยังคงอยู่ตรงนั้นแต่เธอไม่ได้อยู่ที่นั่นหลังจากปิดหน้าและร้องไห้อยู่พักหนึ่ง เธอก็เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าและเริ่มแยกข้าวของของหว่านหว่านเอาเสื้อผ้าจากตู้เสื้อผ้าและเอารองเท้าสองสามคู่จากตู้รองเท้าแต่ยังเอาผ้าห่มบางส่วนส่วนที่เหลือ ซานซานไม่ได้ย้ายไม่เต็มใจที่จะเผาทั้งหมดพวกเขา ทิ้งไว้เป็นส่วนใหญ่ของที่ระลึกหลังจากเก็บข้าวของของเธอและหันหลังกลับเพื่อออกจากห้องนอน ซานซานก็หยุดและหันกลับมามองที่โต๊ะทันทีดูเหมือนจะมีกระแสจิต บังคับให้เธอเดินไปที่โต๊ะ แล้วเปิดลิ้นชักโดยควบคุมไม่ได้ภายในสะอาด ยกเว้นสมุดบันทึกและซองจดหมายที่เขียนว่า 'ข้อพิสูจน์ชัดแจ้ง' ไว้ดวงตาของซานซานเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งเมื่อเธอเห็นข้อพิสูจน์ชัดแจ้งจริง ๆแล้วหว่านหว่านพร้อมที่จะจาก
เมื่อซานซานอ่านจดหมายฉบับนี้เสร็จ ก็ร้องไห้เสียใจมากส่วนบัตรเอทีเอ็มที่ติดอยู่ในซองคล้ายเศษเหล็กเก่าทับหัวใจตายคาที่ ถีบจนไม่ทันโง่จริง ๆ ก่อนตายยังกังวลว่าเธอจะไม่มีเงินใช้ แต่..."หว่านหว่าน ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ ฉันแค่ต้องการให้คุณกลับมา..."ซานซานหยิกซองจดหมายและความคิดถึงที่ไม่เคยมีมาก่อนครอบครองจิตใจและปล่อยให้เธอร้องไห้จนตับและลําไส้แตกในที่สุดซานซานก็ง่วงนอนไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้แต่ในความฝันก็เป็นฉากที่หว่านหว่านกลับมาใจเธอไม่ยอมแพ้ ในจิตใต้สํานึก มีแต่ความคิดที่รอหว่านหว่านกลับมา ถึงจะฝันในความฝันเมื่อเธอตื่นขึ้นมาและกลับสู่ความเป็นจริง ความรู้สึกไร้อํานาจที่ตกลงไปในเหวลึก ครอบครองทั้งหัวใจ ทําให้เธออึดอัดจนหายใจไม่ออกเธอเบิกตาบวมและดํา มองเพดานอย่างงงงวย โลกทั้งใบก็เงียบราวกับเหลือเพียงตัวเธอเองไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ผ่านมา เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจึงตอบสนองเสียงเรียกเข้านั้นมาจากถุงกระดาษ Gucci เป็นโทรศัพท์มือถือของหว่านหว่านซานซานอึ้งไปหลายวินาที พยุงตัวไปรับโทรศัพท์เมื่อเห็นชื่อของจี้ซือหานบนนั้น นิ้วของซานซานก็หยุดว
มุมปากของหนิงหว่านยังไม่ทันได้ขึ้น ก็ถูกน้ำเสียงเย็นชาของเขาระงับไว้เธอหยุดยิ้มและเดินไปหาจี้ซือหาน มองเขาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย "ซือหาน ฉันอยู่ที่นี่ คุณไม่มีความสุขเหรอ?"ใบหน้าที่หล่อเหลาของจี้ซือหานเหมือนมีดเหลา ไม่มีการแสดงออกใด ๆ ดวงตาที่มืดมนจ้องมองเธออย่างตายตัว "ทําไมถึงอยู่ที่นี่"นี่เป็นบ้านส่วนตัวของเขาในฮูสตัน แทบไม่มีใครรู้ว่า หนิงหว่านปรากฏตัวที่นี่อย่างกะทันหัน ได้แต่หมายความว่าเธอกําลังติดตามเขาอยู่หนิงหว่านตกใจกับสายตาของเขา หลังจากก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว ผ้าขนหนูที่ห่อด้วยรัดรูปและไม่ยอมแพ้ ก็ขึ้นสนิทไป"ซือหาน ป้าเหลียนรู้ที่อยู่ของคุณเป็นอย่างดี เธอให้ฉันมา เพราะรู้สึกว่าฉันกลับมาจากการเรียนแล้ว พวกเราก็ควรก้าวหน้าบ้าง..."เธอกล้าหาญ ยื่นมือขาวใสออกมาลูบแก้มชาย ก่อนแตะ ก็ถูกชายคนนั้นหลบไปเขาดูถูกแม้กระทั่งใช้มือจับข้อมือเธอแล้วสะบัดเธอออกไป แต่เลือกที่จะหลบเธอโดยตรงเขาปฏิบัติต่อเธอเหมือนแต่ก่อน หลีกเลี่ยงนางเหมือนงูหรือแมงป่องทันใดนั้นหนิงหว่านก็ยกริมฝีปากขึ้นและยิ้มด้วยรอยยิ้มที่สิ้นหวังมาก "จี้ซือหาน คุณอยากให้ฉันรอนานแค่ไหน?!"จี้ซือหานมองเธออย่างวา
หลังจากซูชิงพูดจบ ก็เงยหน้าขึ้นมองจี้ซือหานเขายังไม่มีสีหน้าใด ๆ ใบหน้าที่ประณีตเหมือนมีดเหมือนก้อนน้ำแข็งที่แกะสลักออกมาเย็นมากเขาไม่รู้ว่าประธานจี้ไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด หรือไม่เอาความเป็นความตายของคุณซูมาอยู่ในสายตา ปฏิกิริยาใด ๆ ก็ไม่มีเลยหลังจากซูชิงกระสับกระส่ายอยู่ที่ประตูสักพัก เขาก็พูดอย่างกระอักกระอ่วนว่า "แล้วประธานจี้ ผมจะไม่รบกวนการพักผ่อนของคุณแล้วครับ"เขาหันไปอยากไป แต่ข้างหลังเขามีเสียงมืดมนมา"คุณบอกว่าใครเสียแล้ว?"ซูชิงขมวดคิ้ว เขาเพิ่งพูดได้ค่อนข้างชัดเจน หรือว่าประธานจี้ได้ยินไม่ชัดจริง ๆ เหรอเขาพึมพําในใจ แล้วหันกลับมาอีกครั้ง และเผชิญหน้ากับชายที่ยืนอยู่ในห้องและหนาวเย็นไปทั้งตัว"ซูหว่าน คุณซูค่ะ"กลัวว่าเขาจะยังได้ยินไม่ชัด ซูชิงจงใจเน้นชื่อของซูหว่านสีหน้าของจี้ซือหาน เย็นลงทุกตารางนิ้ว "คุณล้อเล่นอะไร เธอสบายดี จะเสียชีวิตได้อย่างไร"ซูชิงตะลึงอยู่ที่เดิม ที่แท้ประธานของเขาไม่ได้ยินอย่างชัดเจน แต่ไม่เชื่อว่าคุณซูเสียชีวิตแล้วเขาถ่ายทอดคําพูดที่อลันบอกเขาให้จี้ซือหานฟังว่า "ประธานจี้ คุณซูหัวใจล้มเหลวแล้ว"จี้ซือหานยิ้มเย็นชา "เธอแค่เป็นโรค
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ