Share

ตอนที่ 5 น้ำใจของนาง

last update Last Updated: 2024-12-13 20:25:06

ตอนที่ 5

น้ำใจของนาง

            อาจเป็นเพราะยาที่กู่เหอให้คุณชายของเขาทานไปเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มือหนาที่เคยกุมมือของนางเอาไว้แน่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงทว่าเขาก็ยังคงจับมือของนางเอาไว้อยู่

            หลิวซือนัวค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากมือใหญ่ของเขาอย่างช้า ๆ   ครั้นอยู่ ๆ เจ้าของมือหนาที่เคยเกาะกุมมือนางเอาไว้แน่นราวปอกเหล็ก ก็สะบัดมือนางออกทันที ทั้งยังผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทั้งที่นางสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งจนได้

            “ท่านรีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ ร่างกายท่านอาจจะยังรับไม่ไหว หากหมดสติลงไปอีก ข้าว่าคงจะไม่ดีแน่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นไปนั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของรถม้าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ร่างสูงของบุรุษตาบอดนั่งอยู่

           “เจ้าเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้ง ทุกคำพูดในยามนี้ของเขาถูกเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก

            “ข้าก็คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบพายุอยู่ที่อารามร้างเช่นกันกับท่านเมื่อ คืน” นางเอ่ยตอบกลับไปอย่างใจเย็น  

            จู่ ๆ ครั้งหนึ่งยามที่นางมองไปทางเขา เมื่อครู่กับรู้สึกสงสารเวทนา เขาขึ้นมา คุณชายผู้นี้แม้ภายนอกจะสวมใส่อาภรณ์ราคาแพง ทว่าร่างกาย กับซูบผอมจนแทบจะเห็นถึงกระดูก อีกทั้งตายังบอดทั้งสองข้าง ซ้ำร้ายยังบาดเจ็บที่ศีรษะ ชีวิตของคนผู้นี้เกินคำว่าอยู่มิสู้ตายไปแล้วหรือยังนางก็ไม่ อาจจะล่วงรู้แทนเขาได้  ทำได้เพียงนึกสงสารเขาอยู่ในใจ

            หลิวซือนัวเข้าใจว่าคนที่มีสภาพเช่นเขาจิตใจย่อมไม่อาจสงบได้ อาจถึงขั้นวิตกกังวลต่าง ๆ นางจึงคิดที่จะใจเย็นกับเขาให้มากหน่อย บุรุษผู้นี้เพียงแค่มองก็สามารถรู้ได้อย่างชัดเจนว่าเป็นคนที่ค่อนข้างถือตัวและมีโลกส่วนตัวมากทีเดียว หากไม่ได้อยู่ในสถานการณ์นี้กับนางเพียงสองคนเห็นทีเขาก็คงไม่ยอมปริปากพูดกับนางแม้สักครึ่งคำเป็นแน่

            “เกิดสิ่งใดขึ้นกับข้า” อวี้หนานไห่เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง ยามนี้สติของเขาเริ่มที่จะกลับมาชัดเจนมากขึ้นแล้ว และเขาเองก็จำเสียงของสตรีที่อยู่กับเขาตอนนี้ได้แล้ว นางก็คือคนจากอีกกลุ่มหนึ่งที่พักที่อารามร้างด้วยกันเมื่อคืน

            “เกิดสิ่งใดขึ้นกับท่านข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เห็นว่าเป็นรถม้าของท่านเกิดอุบัติเหตุ ท่านเองก็ได้รับบาดเจ็บเพราะตกลงมาจากรถม้าด้วยเช่นกัน ตัวข้าและคนของข้าผ่านทางไปพบเข้าพอดี จึงได้ให้การช่วยเหลือพวกท่านตามที่กู่เหอคนของท่านได้ขอให้ช่วย” 

            “กู่เหอ ขอให้ช่วย?”    

           “ใช่แล้ว เวลานี้เขาก็น่าจะคุ้มกันอยู่ที่ท้ายขบวน พวกเราอีกไม่นานก็ น่าจะถึงโรงเตี้ยมแล้ว คุณชายท่านก็พักผ่อนให้สบายเถิด”

            หลิวซือนัวตอบคำถามทุกอย่างของเขาอย่างใจเย็น

           ตั้งแต่นั้นแม้ในรถม้าจะน่าอึดอัดอยู่บ้างเพราะมีบุรุษหน้าน้ำแข็งที่ดื้อดึงไม่ยอมนอนพักผ่อนดี ๆ มิหนำซ้ำเขายังพยายามนั่งทรงตัวมาตลอดทางทั้ง ๆ ที่ร่างกายเขาก็แทบจะไร้เรี่ยวแรงแล้ว

           เป็นครั้งแรกเลยด้วยซ้ำที่หลิวซือนัวรู้สึกว่าตัวเองไม่น่าไว้ใจเสียขนาด ที่ทำให้บุรุษที่บาดเจ็บถึงขั้นไม่กล้าพักผ่อนเพียงเพราะมีนางอยู่ด้วยเลยหรือ  นี่นางน่ากลัวถึงขั้นนั้นเชียว  

           เขาคงไม่คิดว่านางจะฆ่าเขาหากเขาหลับไปหรอกกระมัง เขาจึงไม่กล้าหลับไปเช่นนี้ หรือว่านางควรจะเอ่ยบอกเขาไปตรง ๆ ดี ใช่แล้วควรบอกออกไปตรง ๆ ให้ชัดเจนจึงจะดีที่สุด

         “คุณชายท่านหลับพักสักหน่อยเถอะ ข้าไม่ลงมือฆ่าท่านหรอกท่านวางใจได้”

          ทั้งที่เอ่ยไปตามตรงแล้ว ไฉนผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่าคำพูดของ นางยิ่งทำให้เขาไม่กล้าข่มตาหลับลงได้ นางแอบเห็นเขาแอบหยิกเนื้อตัวเองอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดนางจึงต้องเป็นฝ่ายแกล้งหลับไปแทน

          จากแกล้งหลับก็กลายเป็นว่านางเผลอหลับไปจริง ๆ ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เพราะเสียงเรียกที่ดังมาจากด้านนอกรถม้า

        “เรามาถึงโรงเตี้ยมแล้วขอรับคุณหนู เชิญคุณหนูลงรถม้าเถิดขอรับ”

         “ข้าจะลงไปก่อน ท่านรอกู่เหอก็แล้วกัน”

         นางเอ่ยก่อนที่จะเดินลงรถม้าไป บุรุษตาบอดผู้นี้ยังคงนั่งนิ่งเช่นเดิมไม่ขยับไปไหน เขาไม่แม้จะเอ่ยตอบกลับนางแม้สักคำ

          บุรุษผู้นี้เย่อหยิ่งยิ่งนัก

          หลิวซือนัวลงจากรถม้าโดยมีเสี่ยวหลินที่ยืนคอยอยู่ก่อนแล้วช่วยจับประคองนางเดินลงมาจากรถม้า นางและเสี่ยวหนิงรวมถึงคนอื่น ๆ ต่างยืนรอกันอยู่ที่หน้าโรงเตี้ยม เพราะยามนี้เสี่ยวชิงและแม่นางกู่หรูซึ่งเสี่ยวหนิงบอกว่านางเป็นน้องสาวของกู่เหอกำลังเข้าไปตรวจสอบด้านในโรงเตี้ยมด้วยกันกับเสี่ยวชิง

          โชคดีที่พวกนางมาถึงโรงเตี้ยม ก่อนที่ฟ้าจะมืด อีกทั้งโรงเตี้ยมแห่งนี้แม้จะอยู่กลางป่าแต่ภายนอกก็ไม่ได้ดูย่ำแย่ แม้จะดูทรุดโทรมไปหน่อยทว่ากับดูสะอาดสะอ้านดีทีเดียว

         ด้านกู่เหอก็กำลังเผชิญหน้ากับคุณชายของตนอยู่ด้านในรถม้า

          กู่เหอคุกเข่าลงต่อหน้าผู้เป็นนาย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วง

         “คุณชายท่านเป็นเช่นไรบ้าง ข้าน้อยจะประคองท่านเข้าไปพักผ่อนในโรงเตี้ยมนะขอรับ”

         “อืม” เจ้าของใบหน้าซูบผอมเอ่ยออกมาสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง ก่อนจะยอมให้คนสนิทประคองตนเพื่อลงรถม้า ทว่ายังไม่ทันที่คนทั้งคู่จะลงมาจากรถม้าได้สำเร็จ อยู่ ๆ ไม่รู้ว่าลมพายุมาจากไหน ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าวของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระจาดตะกร้าหรือสิ่งของที่มีน้ำหนักเบาต่างก็ถูกลมพายุนี้พลัดจนปลิวกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ

          หลิวซือนัวและเสี่ยวหนิงเห็นท่าไม่ดีพวกนางก็เตรียมที่จะวิ่งเข้าไปด้านในโรงเตี้ยม พอดีกับที่อยู่ ๆ ไม่รู้ว่ากระจาดอันใหญ่ปลิวมาจากไหนกู่เหอที่ประคองผู้เป็นนายอยู่ลงมือปัดกระจาดอันนั้นทันที ก่อนที่มันจะปลิวมาถูกตัวคุณชายของเขาได้

           ส่วนอวี้หนานไห่นั้นแม้ตนจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้ในขณะนี้อีกทั้งยังไม่สามารถใช้วรยุทธ์ได้ ทว่าสัมผัสที่เฉียบคมของเขาก็ยังสามารถใช้งานได้อย่างดีอยู่ เขาจึงสามารถรับรู้ได้ถึงทิศทางที่สิ่งของพลัดเข้ามาได้เช่นเดียวกัน

           ร่างกายของเขาขยับหลบไปเองโดยธรรมชาติ ทำให้ตัวเขาหลุดออกจากการประคองของคนสนิท อีกทั้งดูเหมือนว่าเขาจะก้าวพลาดทำให้ยามนี้ร่างกายของเขากำลังจะตกลงมาจากบนรถม้า

           ท่ามกลางความโกลาหล ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก กู่เหอพยายามจะคว้าตัวคุณชายของตนทว่ากับไม่ทันเสียแล้ว มีเพียงแค่ชายเสื้อที่ฉีกขาดเพียงเท่านั้นที่เขาสามารถคว้าติดมือมาได้

          เป็นหลิวซือนัวที่หันไปเห็นร่างสูงอันเริ่มคุ้นตาที่กำลังเสียหลักล้มลงมาจากรถม้า ไวกว่าความคิดเจ้าของร่างอวบอิ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ถลาไปเพื่อพยายามช่วยร่างสูงที่กำลังจะตกลงมา โดยลืมนึกถึงกำลังของตนเอง ทำให้เวลานี้แม้จะช่วยร่างสูงเอาไว้ได้ทว่าพวกเขาทั้งสองต่างก็พากันล้มลงมากระแทกพื้นอย่างแรง นางซึ่งรับแรงกระแทกแทนบุรุษตาบอดจึงได้รู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งแผ่นหลังบาง โชคดีที่ศีรษะนางไม่ได้เป็นอะไร นางไม่รู้ว่าเขาเอามือมารองศีรษะนางเอาไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่จึงทำให้นางไม่ได้รับบาดเจ็บเพราะศีรษะกระแทกพื้นแม้สักนิด

          “คุณหนู!!!” 

         “คุณชาย!!!”

           ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่างพากันร้องออกมาอย่างตกใจ ก่อนจะพากันกรูเข้ามา ประคองนางและเขาเข้าไปในโรงเตี้ยมในทันที

              ภายในห้องพักที่ชั้นสองของโรงเตี้ยมกลางป่า หลังจากที่หลิวซือนัว  ล้างตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยามนี้จึงได้นั่งหันหลังอยู่บนเตียงใหญ่เพื่อให้สาว  ใช้คนสนิทของนางทายาที่แผ่นหลังให้

            “คุณหนู รู้หรือไม่เจ้าคะว่าเมื่อครู่บ่าวตกใจเพียงใดที่เห็นคุณหนูล้มลงไปเช่นนั้น” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา ยิ่งได้เห็นรอยช้ำหลายแห่งบนแผ่นหลัง ที่เคยขาวนวลเนียนดุจหยกล้ำค่าของคุณหนูของนางแล้ว เสี่ยวหนิงก็ยิ่งน้ำตาไหลออกมามากกยิ่งขึ้น “แผ่นหลังของคุณหนูหากมีแผลเป็นขึ้นมา เสี่ยวหนิงตายก็คงไม่อาจชดใช้ได้”

            “แค่แผลฟกช้ำเล็กน้อยเท่านั้นไม่ได้ร้ายแรงอะไร ใยเจ้าต้องคร่ำ ครวญเสียยกใหญ่เช่นนี้ด้วย”

            “คุณหนู ท่านยังไม่ได้ออกเรือน หากมีแผลเป็นขึ้นมาจะทำเช่นไรเจ้าค่ะ อีกอย่างบ่าวสาบานกับฮูหยินใหญ่เอาไว้แล้วว่าจะดูแลคุณหนูให้ดี แต่บ่าวกลับทำไม่ได้ กลับเมืองเป่ยโจวไปก็คงได้แต่ให้ฮูหยินใหญ่ลงโทษแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงยังคงคร่ำครวญต่อไม่เลิก มือก็บรรจงทายาให้คุณหนูของนางอย่างแผ่วเบาระมัดระวังเป็นที่สุด

           “ฟกช้ำเล็กน้อยเท่านี้ไม่นานก็หาย เจ้าไม่บอกท่านแม่ ข้าไม่บอกท่านแม่ก็พอแล้วกระมัง อย่างได้คร่ำครวญอีกเลย” นางเอ่ยราวกับเป็นเรื่องง่ายๆ   ทว่าสาวใช้ของนางกับยังเห็นเป็นเรื่องจริงจังอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยน 

          “บ่าวจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเจ้าคะ ปกปิดความจริงซ้ำยังเป็นความผิดถือเป็นโทษนะเจ้าคะ บ่าวไม่อาจทำเช่นนั้นได้หรอกเจ้าค่ะ”

          “แม้ว่าจะเป็นคำสั่งของข้า เจ้าก็ทำไม่ได้เช่นนั้นหรือ”

          หลิวซือนัวเอ่ยถาม เสี่ยวหนิงเด็กคนนี้แม้จะมุทะลุไปบ้างทว่ากับเป็นคนจริงใจยิ่ง เพื่อนางแล้วเสี่ยวหนิงก็พร้อมทำให้ทุกอย่าง ความจริงใจของเสี่ยวหนิงนางรู้ดีกว่าใครและยิ่งไม่อยากเห็นนางถูกลงโทษ ฉะนั้นหากการลงโทษนี้นางสามารถช่วยได้ นางย่อมต้องช่วยแน่

           “คุณหนู….”

           “เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของข้า เป็นคนที่ใกล้ชิดอีกทั้งข้ารู้ดีว่าเจ้าพร้อมที่จะปกป้องข้ามากที่สุด ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าเจ็บตัวเช่นกัน เพราะฉะนั้นเรื่องที่หลังข้าจะมีแผลเป็นหรือไม่ก็ไม่ต้องบอกท่านแม่หรอก อีก อย่างแค่เพียงรอยช้ำไม่ใช่รอยแผลจะได้กลายเป็นแผลเป็นได้ เจ้าก็อย่าได้ กังวลไปนักเลย ทำใจให้สบายเถอะ”   

           “เจ้าค่ะ บ่าวทราบแล้ว บ่าวจะไม่บอกเรื่องนี้แก่ฮูหยินใหญ่ก็ได้เจ้าค่ะ หากว่าคุณหนูจะยอมให้สัญญากับบ่าวสักข้อหนึ่ง”   

           “เจ้าอยากให้ข้าสัญญาสิ่งใด”   

          “บ่าวอยากให้คุณหนูสัญญาว่าจะไม่หุนหันพลันแล่นเช่นนี้อีก ผู้ใดจะ บาดเจ็บก็ช่างเขา คุณหนูต้องเอาตัวเองให้รอดปลอดภัยไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ” 

          เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง

          แน่นอนว่าหลิวซือนัวก็ไม่อาจมองข้ามความเป็นห่วงและความจริงใจของเสี่ยวหนิงได้ นางจึงได้รับปากรับคำสาวใช้คนสนิทของนางเป็นอย่างดี

        “ข้าให้สัญญากับเจ้า ต่อจากนี้จะดูแลตัวเองให้ดีไม่หุนหันพลันแล่นอีก”

        นางรับคำไปแล้ว ทว่าก็ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดสิ่งใดที่ทำให้นางต้อง หุนหันพลันแล่นไปโดยไม่รู้ตัวอีกหรือไม่

         ความจริงแล้วการที่นางถลาไปช่วยคุณชายตาบอดผู้นั้นก็ไม่รู้ว่าจะถือว่าเป็นการหุนหันพลันแล่นได้หรือไม่ จะอธิบายว่าอย่างไรดี ทั้ง ๆ ที่ตอนนางพุ่งไปช่วยเขานางเองก็ยังไม่ทันรู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ด้วยซ้ำ หากจะโทษก็คงจะต้องโทษความหูไวตาไวของนางที่เห็นอะไรเกิดขึ้นก็มักจะพุ่งออกไปก่อนโดยธรรมชาติของร่างกายนางนั่นแหละ

             หลังจากที่เสี่ยวหนิงทายาให้นางเสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่นานประตูห้องพักของนางก็ถูกเคาะเรียก ผู้มาเยือนก็คือกู่หรูน้องสาวของกู่เหอหนึ่งในผู้ติดตามของคุณชายตาบอดผู้นั้นนั่นเอง

           “แม่นางกู่ เป็นเจ้าเองหรือ มาหาข้าใช่หรือไม่” หลิวซือนัวเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร

           “คุณชายมีคำสั่งให้ข้าน้อยนำยาแก้ฟกช้ำมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”

            กู่หรูผู้นี้เอ่ยออกมาอย่างนอบน้อมเช่นกัน แต่ท่าทางของนางกลับตรงกันข้าม กู่หรูผู้นี้มองก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกวรยุทธ์ อีกทั้งน่าจะเป็นผู้มีฝีมือไม่ใช่น้อยทีเดียว แม่นางกู่ผู้นี้จึงได้มีทีท่าองอาจห้าวหาญมิแพ้บุรุษ

           “เสี่ยวหนิง เจ้ารับเอาไว้แทนข้าที”

           นางเอ่ยสั่งเสี่ยวหนิงให้เข้าไปรับยาจากกู่หรูเอาไว้  

           “คุณชายยังให้ข้ากล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการแสดงคำขอบคุณที่คุณหนูได้ให้ความช่วยเหลือหลายครั้ง ค่าใช้จ่ายในโรงเตี้ยมทั้งหมดของพวกท่านทั้งขบวนเดินทาง คุณชายจะเป็นผู้รับผิดชอบให้ทั้งหมดเพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจเจ้าค่ะ”

            เป็นอย่างที่หลิวซือนัวคิดจริง ๆ ด้วย บุรุษตาบอดเจ้านางของนางคงต้องรีบตอบแทนนางอย่างรวดเร็วแน่ เย่อหยิ่งเช่นเขาย่อมไม่ชอบการติดค้างบุญคุณใคร เห็นได้ชัดตั้งแต่ที่เมื่อคืนเขาให้คนน้ำชาล้ำค่ามาให้แล้ว ครานี้ยิ่งแน่ใจบุรุษผู้นี้ยอมเสียเงินเท่าไหร่ก็ได้แต่จะไม่ยอมติดค้างน้ำใจผู้อื่นเด็ดเด็ดขาด

            บุรุษผู้นี้หากไม่ใช่คนถือตัวรักศักดิ์ศรีมาก ก็คงจะเป็นคนที่ระมัดระวังตัวเป็นที่สุด

           “ให้เมื่อเป็นน้ำใจจากคุณชายของเจ้า ข้าเองก็จะไม่ปฏิเสธน้ำใจนี้ก็แล้วกัน”

            “ฝากบอกคุณชายของเจ้าด้วยว่า ขอบคุณ อีกทั้งพวกเราไม่ได้ถือว่ามีบุญคุณใดติดค้างกัน ขอให้เขาวางใจเถิด”

Related chapters

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 6 โรงเตี้ยมกลางป่า

    ตอนที่ 6โรงเตี้ยมกลางป่า "บ่าวทำตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" กู่หรูรายงานผู้เป็นนายของนาง "คุณหนูหลิวยังฝากบ่าวมาบอกท่านอีกว่า ระหว่างท่านกับนางไม่ได้มีผู้ใดติดค้างหรือต้องตอบแทนบุญคุณใด ๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ" กู่หรูเมื่อรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ครั้นเมื่อเห็นคุณชายของนางยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็รู้ทันทีว่าตนควรออกไปได้แล้ว นางจึงโค้งนำนับครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องพักของผู้เป็นนายไป ปล่อยให้กู่เหอพี่ชายนางอยู่ค่อยรับใช้คุณชายต่อเพียงผู้เดียว เหตุที่อวี้หนานไห่นิ่งเงียบเช่นนี้เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ เขารู้ดีว่าคุณหนูหลิวที่กู่หรูเอ่ยถึงเมื่อครู่นางเข้าใจดีว่าเขาต้องการสิ่งใดจึงให้คนนำชาชั้นดีไปให้นาง ตั้งแต่ที่วัดร้าง เขาเองด้วยความที่ระวังตัวมาก จึงได้ให้กู่เหอนำชาสมุนไพรชั้นดีไปให้อีกขบวนหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเข้าใจในสถานการณ์ของเขาและยอมที่จะทนหนาว ทุกคนในขบวนของคุณหนูหลิวไม่มีใครใส่ใจหรือตกใจกับชาชั้นดีเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาต่างก็ถูกฝึกมาอย่างดี คุณหนูหลิวผู้นี้ก็ไม่ใช่สายของโจรป่าที่กำลังระบาดหนักอยู

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 7 ปราการด่านสุดท้าย

    ตอนที่ 7ปราการด่านสุดท้าย "รีบพาผู้ติดตามทั้งหมดของพวกเราขึ้นรถม้าเร็วเข้าเถอะ" หลิวซือนัวเอ่ยสั่ง พลางมองไปยังผู้ติดตามทั้งสี่คนของนางที่ยามนี้สลบเพราะถูกวางยานอนหลับและแต่ละคนก็ยังคงไม่ได้สติ "หากนำพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วคุณหนูกับคุณชายอวี้จะทำเช่นไรเล่าขอรับ" เสี่ยวชิงถามขึ้นอย่างลังเล อย่างไรก็ไม่อาจทิ้งผู้ติดตามเหล่านี้ได้จริง ๆ ทว่าความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือความปลอดภัยของคุณหนูและน้องสาวของเขา วูบหนึ่งเสี่ยวชิงเผลอคิดอย่างเห็นแก่ตัวขึ้นมา หากจำเป็นต้องเลือกเขาก็จะเลือกพาแค่คุณหนูและน้องสาวของเขาหนีไปเท่านั้น "ถ้ามัวแต่ชักช้ากันอยู่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วก็คงไม่มีใครรอด" เป็นอวี้หนานไห่ที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย "เสี่ยวชิงทำตามที่ข้าบอก นำพวกเขาขึ้นไปให้ครบทุกคน แล้วให้เสี่ยวหนิงทำหน้าที่ควบคุมรถม้าไปยังตัวเมืองเพื่อแจ้งทางการ หรือถ้าเจอหมู่บ้าน หน่วยมือปราบลาดตะเวนก็จงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ส่วนข้า คุณชายอวี้ กู่เหอ เสี่ยวชิง จะขี่ม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง" หลิวซือนัวเอ่ยถึงแผนการของตน

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 8 ไม่ไร้หนทาง

    ตอนที่ 8ไม่ไร้หนทาง นางไม่รู้ว่ายามนี้ตัวเองควบม้ามาไกลแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าต้องมุ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด จากเคยมีผู้ติดตามหลายคนยามนี้เหลือเพียงแค่นางกับบุรุษใกล้ตายผู้หนึ่งเท่านั้น เพราะว่าไม่รู้ทางจึงไม่รู้ว่ายามนี้พวกตนกำลังอยู่ที่ไหน รู้แค่เพียงว่ามองไปทางใดล้วนแล้วแต่มีต้นไม้เล็กใหญ่ปกคลุมอยู่เต็มไปหมด บุรุษกระดูกผู้ไม่รักชีวิตตน ที่เวลานี้ซ้อนอยู่ด้านหลังนางดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกไปอีกแล้ว นางรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นคล้ายกับอาการที่เป็นเช่นเดียวกันกับในรถม้า "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่" นางเอ่ยถามพลางควบคุมม้าให้ลดความเร็วลงเพื่อเตรียมหยุด หลิวซือนัวไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมานางจึงเอ่ยต่ออีก "พวกเราน่าจะมาไกลมากแล้ว หยุดพักสักหน่อยก่อนเถอะ" เมื่อม้าหยุดแล้วนางจึงแกะเชือกที่มัดตัวนางกับเจ้าของร่างซีดเซียวออกเพื่อที่จะได้ลงม้าได้สะดวก แต่เมื่อแกะเชือกออกแล้ว ร่างสูงที่ไร้เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ โชคดีที่นางคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงไป

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 9 หมู่บ้านแปลกประหลาด

    ตอนที่ 9หมู่บ้านแปลกประหลาด สองวันผ่านมา หลิวซือนัวได้สติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ซึ่งนางไม่คุ้นตา นางถูกช่วยเอาไว้จากคนผู้หนึ่ง เขาบอกนางว่าตัวเองเป็นหมอและบังเอิญช่วยนางที่ไม่ได้สติเอาไว้ที่ริมลำธารด้านข้างของเรือนพักของเขา "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้" นางเอ่ยขอบคุณท่านหมอพร้อมกับโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม "ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงร่างกายอ่อนล้าเท่านั้น พักผ่อนให้มากก็ไม่เป็นอันใดแล้ว" "ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังมีเรื่องอยากจะขอสอบถามท่านหมออีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ" "แม่นางเชิญถามมาได้เลย" "นอกจากข้า ท่านหมอยังช่วยใครเอาไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ คือ ตัวข้ากับสหายพลัดตกลงมาด้วยกันเจ้าค่ะ ถ้าท่านหมอพบข้าก็น่าจะพบและช่วยเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน" "ข้าเองกำลังจะถามแม่นางอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ผิดข้าช่วยเหลือบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ได้อีกคนหนึ่งเช่นกัน" "เขา ข้าหมายถึงบุรุษผู้นั้นน่ะเจ้าค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมค่ะ" "แน่นอนว

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 10 ไม่นึกเสียใจ

    ตอนที่ 10ไม่นึกเสียใจภายในห้องพักที่ไม่มีแม้แต่แสงจากเทียนสักเล่มหนึ่ง (จะมีได้อย่างไร ในเมื่อนางเป็นคนดับเทียนเองกับมือ) หนึ่งชายหนึ่งหญิง กำลังนั่งตัวแข็งทือยู่บนเตียงใหญ่ พร้อมกับคำภาวนาในใจ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าภาวนาไปก็เท่านั้นแต่นางก็ยังภาวนาต่อไปแอ๊ด...เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ก่อนเจ้าของฝีเท้าหนัก ๆ ก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ขอรับ" "ท่านหมอหลับไปแล้วหรือเปล่า เจ้าลองเข้าไปเรียกดูที่เตียงเถอะ" ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น"ได้" บุรุษผู้หนึ่งรับคำ เงาร่างที่ก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงทำให้เจ้าของร่างอวบอิ่มตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว โชคดีที่คุณชายอวี้สะกิดนางให้รู้สึกตัว คุณชายอวี้เอามือของเขาสอดเข้าไปใต้หมอน ก่อนจะหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้มืออีกข้างหนึ่งของเขายื่นมาจับมือนาง ก่อนจะง่ายฝ่ามือนางขึ้น และใช้นิ้วมือของเขาเขียนประโยคหนึ่งที่มือของนางทีละคำได้จังหวะก็หนีออกไปซะ ข้าจะไม่ขอเป็นภาระของเจ้าหลังจากประโยคเหล่านี้ถูกเขียนเสร็จ มือของนางถูกเขากุมเอาไว้แน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะถูกปล่อยออกอย่างแผ่วเบาหลิวซือนัวรับรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะสู้ตาย

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    บทนำ เริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง

    บทนำ เริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง ความทรงจำอันแสนเศร้า การใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเข็น ตลอดระยะเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมาได้จบลงแล้ว จบลงด้วยความน่าเวทนาอย่างสุดแสน แม้จะเลื่อนรางเต็มที ทว่านางกลับยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด วันนั้นเป็นวันที่มีฝนตกลงมาในช่วงค่ำ นางจำได้ว่าในขณะที่กำลังรอข้ามถนนหลังจากเพิ่งเลิกงาน จู่ ๆ ก็มีรถพุ่งเข้ามาชนนางจนเสียชีวิต หยาดฝนที่ตกลงมาเป็นสายรวมตัวกันกลายเป็นแอ่งน้ำที่ไหลนองอยู่เต็มพื้น นางจำได้ดีว่าเลือดในกายของนางไหลรวมไปกับน้ำสกปรกเหล่านั้นมากมายเพียงใด มันมากพอที่ทั่วทั้งบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยเลือดแดงฉานน่าหวาดกลัว ร่างของนางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่ทั้งเย็นทั้งแข็งและเปียกชื้น เม็ดฝน เม็ดแล้วเม็ดเล่าตกลงมากระทบใส่ร่างของนางจนรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว นางในยามนั้นสิ้นใจอย่างอเนจอนาถยิ่ง แต่จิตสุดท้ายกลับรู้สึกโกรธแค้นในโชคชะตาของตนนั้นเป็นที่สุด สวรรค์ให้นางเกิดเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องทำงานหนักสู้ชีวิตอย่างอยากลำบากก็ ช่างเถอะ ไฉนจึงต้องให้นางมาตายเช่นนี้ด้วย ทั้งชีวิตนี้แสนเศร้านักได

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 1 ข้านี่แหละหลิวซือนัว

    ตอนที่ 1ข้านี่แหละหลิวซือนัว สิบเอ็ดปีมาแล้วที่นางอยู่ในมิตินี้ในฐานะหลิวซือนัว ทุกอย่างในชีวิตราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง นางมีครอบครัวใหญ่ที่แสนอบอุ่น อีกทั้งนางยังเป็นที่รักของคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ทุกคนในสกุลหลิวล้วนแล้วแต่ดูแลนางอย่างดีราวกับประคองไว้บนมือก็กลัวจะตก อมไว้ในปากก็กลัวจะละลาย ไม่มีสิ่งใดที่นางต้องการแล้วจะไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้รับล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นเลิศทั้งสิ้น ชีวิตของนางต่างจากโลกเดิมอย่างชัดเจนราวกับหลังมือเป็นหน้ามือ จากที่เคยขัดสนกลับมั่งมีมากมายล้นเหลือ จนทำนางเผลอคิดไปว่าหรือชีวิตใหม่ในมิตินี้จะเป็นสิ่งที่สวรรค์ตั้งใจมอบแก่นาง ถึงกระนั้นนอกจากทรัพย์สินมากมายและครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว ดูเหมือนจะมีสิ่งหนึ่งที่นางอยากจะให้เป็นเช่นเดิมเหมือนในมิติก่อน นั่นก็คือในมิติก่อนนางกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ทว่าในมิตินี้เพียงแค่จิบชาไปหนึ่งถ้วยกับรู้สึกว่าตนอ้วนขึ้นเสียอย่างนั้น เหล่าแม่นางคุณหนูทั้งหลายในเมืองนี้ล้ว

    Last Updated : 2024-12-13
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 2 ข่าวลือหนาหู

    ตอนที่2ข่าวลือหนาหู หลายวันที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการมีปากเสียงกันระหว่างคุณหนูสกุลหลิวและคุณหนูสกุลอี้ บ้างลือกันไปว่าคุณหนูหลิวเกิดความริษยาต่อคุณหนูอี้เพราะคุณหนูอี้นั่นมีรูปโฉมงดงามกว่า บ้างก็ว่าเป็นเพราะคุณหนูหลิวอยากแสดงอำนาจในมือตนให้เป็นที่ประจักษ์และคุณหนูอี้นั้นก็กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์กรรมไปโดยไร้ความผิด ผู้คนที่ได้ยินข่าวลือต่างพากันสงสารคุณหนูสกุลอี้ เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกผู้คนที่พากันสงสารคุณหนูสกุลอี้นั้นย่อมต้องพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณหนูหลิวในทางที่ไม่ดี “คุณหนูเจ้าคะ ข่าวลือพวกนี้ต้องเป็นคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นแน่นอนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางในยามนี้รู้สึกโมโหแทนคุณหนูของนางเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะออกไปป่าวประกาศในทุกคนรู้กันให้ทั่วเมือง ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นคนเช่นไร “ก็แค่ข่าวลือเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่นานผู้คนก็จะพากันลืมไปเอง” นางเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น มือก็พลิกดูแบบลายปักในมือตนด้วยทีท่านิ่งเฉย “นางจงใจทำให้ชื่อเสียงคุณหนูเสียหา

    Last Updated : 2024-12-13

Latest chapter

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 10 ไม่นึกเสียใจ

    ตอนที่ 10ไม่นึกเสียใจภายในห้องพักที่ไม่มีแม้แต่แสงจากเทียนสักเล่มหนึ่ง (จะมีได้อย่างไร ในเมื่อนางเป็นคนดับเทียนเองกับมือ) หนึ่งชายหนึ่งหญิง กำลังนั่งตัวแข็งทือยู่บนเตียงใหญ่ พร้อมกับคำภาวนาในใจ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าภาวนาไปก็เท่านั้นแต่นางก็ยังภาวนาต่อไปแอ๊ด...เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ก่อนเจ้าของฝีเท้าหนัก ๆ ก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ขอรับ" "ท่านหมอหลับไปแล้วหรือเปล่า เจ้าลองเข้าไปเรียกดูที่เตียงเถอะ" ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น"ได้" บุรุษผู้หนึ่งรับคำ เงาร่างที่ก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงทำให้เจ้าของร่างอวบอิ่มตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว โชคดีที่คุณชายอวี้สะกิดนางให้รู้สึกตัว คุณชายอวี้เอามือของเขาสอดเข้าไปใต้หมอน ก่อนจะหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้มืออีกข้างหนึ่งของเขายื่นมาจับมือนาง ก่อนจะง่ายฝ่ามือนางขึ้น และใช้นิ้วมือของเขาเขียนประโยคหนึ่งที่มือของนางทีละคำได้จังหวะก็หนีออกไปซะ ข้าจะไม่ขอเป็นภาระของเจ้าหลังจากประโยคเหล่านี้ถูกเขียนเสร็จ มือของนางถูกเขากุมเอาไว้แน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะถูกปล่อยออกอย่างแผ่วเบาหลิวซือนัวรับรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะสู้ตาย

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 9 หมู่บ้านแปลกประหลาด

    ตอนที่ 9หมู่บ้านแปลกประหลาด สองวันผ่านมา หลิวซือนัวได้สติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ซึ่งนางไม่คุ้นตา นางถูกช่วยเอาไว้จากคนผู้หนึ่ง เขาบอกนางว่าตัวเองเป็นหมอและบังเอิญช่วยนางที่ไม่ได้สติเอาไว้ที่ริมลำธารด้านข้างของเรือนพักของเขา "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้" นางเอ่ยขอบคุณท่านหมอพร้อมกับโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม "ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงร่างกายอ่อนล้าเท่านั้น พักผ่อนให้มากก็ไม่เป็นอันใดแล้ว" "ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังมีเรื่องอยากจะขอสอบถามท่านหมออีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ" "แม่นางเชิญถามมาได้เลย" "นอกจากข้า ท่านหมอยังช่วยใครเอาไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ คือ ตัวข้ากับสหายพลัดตกลงมาด้วยกันเจ้าค่ะ ถ้าท่านหมอพบข้าก็น่าจะพบและช่วยเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน" "ข้าเองกำลังจะถามแม่นางอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ผิดข้าช่วยเหลือบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ได้อีกคนหนึ่งเช่นกัน" "เขา ข้าหมายถึงบุรุษผู้นั้นน่ะเจ้าค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมค่ะ" "แน่นอนว

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 8 ไม่ไร้หนทาง

    ตอนที่ 8ไม่ไร้หนทาง นางไม่รู้ว่ายามนี้ตัวเองควบม้ามาไกลแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าต้องมุ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด จากเคยมีผู้ติดตามหลายคนยามนี้เหลือเพียงแค่นางกับบุรุษใกล้ตายผู้หนึ่งเท่านั้น เพราะว่าไม่รู้ทางจึงไม่รู้ว่ายามนี้พวกตนกำลังอยู่ที่ไหน รู้แค่เพียงว่ามองไปทางใดล้วนแล้วแต่มีต้นไม้เล็กใหญ่ปกคลุมอยู่เต็มไปหมด บุรุษกระดูกผู้ไม่รักชีวิตตน ที่เวลานี้ซ้อนอยู่ด้านหลังนางดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกไปอีกแล้ว นางรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นคล้ายกับอาการที่เป็นเช่นเดียวกันกับในรถม้า "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่" นางเอ่ยถามพลางควบคุมม้าให้ลดความเร็วลงเพื่อเตรียมหยุด หลิวซือนัวไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมานางจึงเอ่ยต่ออีก "พวกเราน่าจะมาไกลมากแล้ว หยุดพักสักหน่อยก่อนเถอะ" เมื่อม้าหยุดแล้วนางจึงแกะเชือกที่มัดตัวนางกับเจ้าของร่างซีดเซียวออกเพื่อที่จะได้ลงม้าได้สะดวก แต่เมื่อแกะเชือกออกแล้ว ร่างสูงที่ไร้เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ โชคดีที่นางคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงไป

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 7 ปราการด่านสุดท้าย

    ตอนที่ 7ปราการด่านสุดท้าย "รีบพาผู้ติดตามทั้งหมดของพวกเราขึ้นรถม้าเร็วเข้าเถอะ" หลิวซือนัวเอ่ยสั่ง พลางมองไปยังผู้ติดตามทั้งสี่คนของนางที่ยามนี้สลบเพราะถูกวางยานอนหลับและแต่ละคนก็ยังคงไม่ได้สติ "หากนำพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วคุณหนูกับคุณชายอวี้จะทำเช่นไรเล่าขอรับ" เสี่ยวชิงถามขึ้นอย่างลังเล อย่างไรก็ไม่อาจทิ้งผู้ติดตามเหล่านี้ได้จริง ๆ ทว่าความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือความปลอดภัยของคุณหนูและน้องสาวของเขา วูบหนึ่งเสี่ยวชิงเผลอคิดอย่างเห็นแก่ตัวขึ้นมา หากจำเป็นต้องเลือกเขาก็จะเลือกพาแค่คุณหนูและน้องสาวของเขาหนีไปเท่านั้น "ถ้ามัวแต่ชักช้ากันอยู่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วก็คงไม่มีใครรอด" เป็นอวี้หนานไห่ที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย "เสี่ยวชิงทำตามที่ข้าบอก นำพวกเขาขึ้นไปให้ครบทุกคน แล้วให้เสี่ยวหนิงทำหน้าที่ควบคุมรถม้าไปยังตัวเมืองเพื่อแจ้งทางการ หรือถ้าเจอหมู่บ้าน หน่วยมือปราบลาดตะเวนก็จงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ส่วนข้า คุณชายอวี้ กู่เหอ เสี่ยวชิง จะขี่ม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง" หลิวซือนัวเอ่ยถึงแผนการของตน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 6 โรงเตี้ยมกลางป่า

    ตอนที่ 6โรงเตี้ยมกลางป่า "บ่าวทำตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" กู่หรูรายงานผู้เป็นนายของนาง "คุณหนูหลิวยังฝากบ่าวมาบอกท่านอีกว่า ระหว่างท่านกับนางไม่ได้มีผู้ใดติดค้างหรือต้องตอบแทนบุญคุณใด ๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ" กู่หรูเมื่อรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ครั้นเมื่อเห็นคุณชายของนางยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็รู้ทันทีว่าตนควรออกไปได้แล้ว นางจึงโค้งนำนับครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องพักของผู้เป็นนายไป ปล่อยให้กู่เหอพี่ชายนางอยู่ค่อยรับใช้คุณชายต่อเพียงผู้เดียว เหตุที่อวี้หนานไห่นิ่งเงียบเช่นนี้เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ เขารู้ดีว่าคุณหนูหลิวที่กู่หรูเอ่ยถึงเมื่อครู่นางเข้าใจดีว่าเขาต้องการสิ่งใดจึงให้คนนำชาชั้นดีไปให้นาง ตั้งแต่ที่วัดร้าง เขาเองด้วยความที่ระวังตัวมาก จึงได้ให้กู่เหอนำชาสมุนไพรชั้นดีไปให้อีกขบวนหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเข้าใจในสถานการณ์ของเขาและยอมที่จะทนหนาว ทุกคนในขบวนของคุณหนูหลิวไม่มีใครใส่ใจหรือตกใจกับชาชั้นดีเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาต่างก็ถูกฝึกมาอย่างดี คุณหนูหลิวผู้นี้ก็ไม่ใช่สายของโจรป่าที่กำลังระบาดหนักอยู

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง     ตอนที่ 5 น้ำใจของนาง

    ตอนที่ 5น้ำใจของนาง อาจเป็นเพราะยาที่กู่เหอให้คุณชายของเขาทานไปเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มือหนาที่เคยกุมมือของนางเอาไว้แน่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงทว่าเขาก็ยังคงจับมือของนางเอาไว้อยู่ หลิวซือนัวค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากมือใหญ่ของเขาอย่างช้า ๆ ครั้นอยู่ ๆ เจ้าของมือหนาที่เคยเกาะกุมมือนางเอาไว้แน่นราวปอกเหล็ก ก็สะบัดมือนางออกทันที ทั้งยังผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทั้งที่นางสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งจนได้ “ท่านรีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ ร่างกายท่านอาจจะยังรับไม่ไหว หากหมดสติลงไปอีก ข้าว่าคงจะไม่ดีแน่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นไปนั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของรถม้าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ร่างสูงของบุรุษตาบอดนั่งอยู่ “เจ้าเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้ง ทุกคำพูดในยามนี้ของเขาถูกเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก “ข้าก็คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบพายุอยู่ที่อารามร้างเช่นกันกับท่านเมื่อ คืน” นางเอ่ยตอบกลับไปอย่างใจเย็น จู่ ๆ ครั้งหนึ่งยามที่นางมองไปทางเขา เมื่อครู่กับรู้สึกสงสารเวทนา เขาข

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 4 ผู้ร่วมทางคนใหม่

    ตอนที่ 4ผู้ร่วมทางคนใหม่ กว่าฝนจะหยุดตกลงมาก็เป็นเวลาเช้าวันใหม่แล้ว ขบวนเดินทางทั้งสองที่หยุดพักหลบฝนตั้งแต่เมื่อคืนต่างก็พากันเตรียมตัวที่จะออกเดินทางกันต่อแล้ว ยามนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งนัก ราวกับว่าเมื่อวานมิได้มีพายุฝนตกหนักมาก่อน ดั่งคำที่ว่าฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ท้องฟ้าเบื้องหน้าของนางในยามนี้งดงามมากจริง ๆ กลุ่มก้อนเมฆรวมตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายกับปลาทองที่กำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า “เสี่ยวหนิง” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท ที่กำลังตรวจดูสิ่งของที่ถูกลำเรียงขึ้นไปยังรถม้าอย่างตั้งอกตั้งใจ “เจ้าคะ คุณหนู” นางขานรับคำคุณหนูของตนทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะเดินไปที่ทางด้านหน้าทางเข้าอารามที่คุณหนูของนางยืนอยู่ “บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งหรือเจ้าคะ” “เจ้าลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าดูสิ” สิ้นเสียงของคุณหนูที่เอ่ยออกมา เสี่ยวหนิงก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าทันที ก่อนจะร้องออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ “บนท้องฟ้า เมฆปรากฏเป็นรูปปลาทอง เป็นมงคลนักเจ้าค่ะคุณหนู” “ข้ารู้แล้ว จึง

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 3 มุ่งหน้าสู่เป่ยจู

    ตอนที่ 3มุ่งหน้าสู่เป่ยจู เป็นเวลากว่าห้าวันมาแล้วที่พวกนางเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยจู ตลอดทางแม้ไม่ได้สะดวกสบายเท่าใดนักแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เดินทางลงใต้ในครั้งนี้ ท่านพ่อท่านแม่ส่งผู้คุ้มกันที่คุ้นชินกับการเดินทางและมีวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไว้ใจได้มาทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยที่หนึ่งในห้าคนนี้นั้นยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวหนิงอีกด้วย พี่ชายของเสี่ยวหนิงผู้นี้มีชื่อว่าเสี่ยวชิง ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่านางเองก็คุ้นชินกับเสี่ยวชิงเป็นอย่างดี การเดินทางของนางในครั้งนี้จึงไม่มีสิ่งใดน่ากังวลใจ จนกระทั่งเมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปก่อนที่อยู่ ๆ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักโดยไม่ให้พวกนางทันได้ตั้งตัว “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่พี่ชายบอกกับข้าว่า ข้างหน้าอีกไม่ไกลจะมีอารามร้างอยู่ พวกเราสามารถไปหลบฝนที่นั่นก่อนได้เจ้าคะ” หลิวซือนัวได้ฟังก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมา เพราะดูท่าแล้วฝนนี้คงจะไม่หยุดตกง่าย ๆ เป็นแน่ อีกทั้งถนนเรียบชายป่าที่มีต้นไม้มากมายเช่นนี้หากฝืนเดินทางต่อไปย่อมมีแต่อันตราย อย่างไรก็ต้อ

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 2 ข่าวลือหนาหู

    ตอนที่2ข่าวลือหนาหู หลายวันที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการมีปากเสียงกันระหว่างคุณหนูสกุลหลิวและคุณหนูสกุลอี้ บ้างลือกันไปว่าคุณหนูหลิวเกิดความริษยาต่อคุณหนูอี้เพราะคุณหนูอี้นั่นมีรูปโฉมงดงามกว่า บ้างก็ว่าเป็นเพราะคุณหนูหลิวอยากแสดงอำนาจในมือตนให้เป็นที่ประจักษ์และคุณหนูอี้นั้นก็กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์กรรมไปโดยไร้ความผิด ผู้คนที่ได้ยินข่าวลือต่างพากันสงสารคุณหนูสกุลอี้ เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกผู้คนที่พากันสงสารคุณหนูสกุลอี้นั้นย่อมต้องพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณหนูหลิวในทางที่ไม่ดี “คุณหนูเจ้าคะ ข่าวลือพวกนี้ต้องเป็นคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นแน่นอนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางในยามนี้รู้สึกโมโหแทนคุณหนูของนางเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะออกไปป่าวประกาศในทุกคนรู้กันให้ทั่วเมือง ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นคนเช่นไร “ก็แค่ข่าวลือเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่นานผู้คนก็จะพากันลืมไปเอง” นางเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น มือก็พลิกดูแบบลายปักในมือตนด้วยทีท่านิ่งเฉย “นางจงใจทำให้ชื่อเสียงคุณหนูเสียหา

DMCA.com Protection Status