ตอนที่ 9
หมู่บ้านแปลกประหลาด
สองวันผ่านมา หลิวซือนัวได้สติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ซึ่งนางไม่คุ้นตา นางถูกช่วยเอาไว้จากคนผู้หนึ่ง เขาบอกนางว่าตัวเองเป็นหมอและบังเอิญช่วยนางที่ไม่ได้สติเอาไว้ที่ริมลำธารด้านข้างของเรือนพักของเขา
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้" นางเอ่ยขอบคุณท่านหมอพร้อมกับโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
"ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงร่างกายอ่อนล้าเท่านั้น พักผ่อนให้มากก็ไม่เป็นอันใดแล้ว"
"ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังมีเรื่องอยากจะขอสอบถามท่านหมออีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ"
"แม่นางเชิญถามมาได้เลย"
"นอกจากข้า ท่านหมอยังช่วยใครเอาไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ คือ ตัวข้ากับสหายพลัดตกลงมาด้วยกันเจ้าค่ะ ถ้าท่านหมอพบข้าก็น่าจะพบและช่วยเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน"
"ข้าเองกำลังจะถามแม่นางอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ผิดข้าช่วยเหลือบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ได้อีกคนหนึ่งเช่นกัน"
"เขา ข้าหมายถึงบุรุษผู้นั้นน่ะเจ้าค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมค่ะ"
"แน่นอนว่าเขายังมีชีวิต แต่ชีวิตของเขาข้าก็ไม่แน่ใจนักว่าจะยื้อเอาไว้ได้นานเท่าใดกัน"
"เป็นเพราะพิษในกายของเขาใช่หรือไม่เจ้าคะ ท่านหมอพอจะมีทางช่วยชีวิตเขาบ้างหรือไม่เจ้าคะ"
"ตัวข้าแม้จะเป็นหมอ แต่ก็ยังต้องศึกษาวิชาแพทย์อีกมาก ลำพังความรู้ที่ข้ามีในยามนี้แค่ยื้อชีวิตของเขาเอาไว้ได้ถึงตอนนี้ก็ถือว่าสุดความสามารถแล้ว" หมอหนุ่มเอ่ยตอบออกไปตามตรง
"เช่นนั้นท่านหมอหมายความว่าสุดท้ายสหายข้าผู้นี้อย่างไรก็คงต้องจบชีวิตลงเช่นนั้นหรือ" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น ในใจยามนี้นึกสงสารเจ้าของร่างซูบผอมที่บุกป่าฝ่าดงด้วยกันมา
"ท้ายที่สุดอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่ถ้าเขาสามารถอดทนรอจนกระทั่งอาจารย์ของข้ากลับมาจากบนเขาได้ก็อาจจะยังพอมีทางรอดชีวิตได้อยู่"
"อาจารย์ของท่านจะกลับมาเมื่อไหร่หรือเจ้าคะ เร็วที่สุดไม่เกินอีกเจ็ดวัน ช้าที่สุดก็คงไม่เกิดสิบวัน"
หลังจากที่ได้พูดคุยกับท่านหมอหลงอยู่นาน นางจึงได้รู้ว่าเวลานี้นางกับคุณชายอวี้นั้นหลังจากที่ตกลงมาจากน้ำตกแล้วน้ำก็พลัดมาจนถึงบริเวณท้ายหมู่บ้านตู๋ซือ
จากการบอกเล่าของท่านหมอหลงนางจึงได้รู้ว่าหมู่บ้านตู๋ซือนี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ลึกลับภายในป่าทุกคนภายในหมู่บ้านแยกตัวจากโลกภายนอกชัดเจน ทุกคนใช้ชีวิตอยู่แค่บริเวณหมู่บ้านและหุบเขาลึกภายในป่ากว้างนี้เท่านั้น
อีกเรื่องที่นางยังไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินเท่าไหร่นักก็คือเรื่องที่ท่านหมอหลงบอกว่าทุกคนในหมู่บ้านตู๋ซือนี้ล้วนแล้วแต่มีร่างกายเช่นเดียวกันกับคุณชายอวี้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิงหรือว่าเด็กทุกคนล้วนแล้วแต่ผอมจนเหลือแต่กระดูก ไม่มีใครในหมู่บ้านมีเนื้อหนัง ท่านหมอหลงยังกล่าวอีกว่า หากมีใครมีเนื้อหนังมากจนเกินไปก็จะต้องเฉือนเนื้อส่วนเกินนั้นออกไป ไม่เช่นนั้นพวกคนเหล่านั้นจะถูกบูชายัญเพราะถือว่าเป็นการผิดกฎของหมู่บ้านและเป็นการล่วงเกินเทพเจ้า
ท่านหมอหลงย้ำเตือนนางหลายครั้งว่าห้ามไม่ให้นางออกจากเรือนหมอแห่งนี้ไปโดยเด็ดขาด อีกทั้งห้ามไม่ให้เหล่าคนในหมู่บ้านพบเห็นนางโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นจุดจบของนางอาจจะถึงชีวิตได้
แน่นอนว่าหลิวซือนัวรู้ว่าถ้านางบังเอิญไปเจอคนในหมู่บ้านเข้า ตัวนางที่ปกติก็อวบอิ่มไปทั้งเนื้อทั้งตัวคงไม่พ้นจะถูกบังคับให้แล่เนื้อเฉือนหนังตัวเองออก อีกทั้งนางยังเป็นคนจากภายนอกที่หลงเข้ามาในหมู่บ้าน หากมีใครพบเห็นจุดจบนางก็คงไม่อาจหนีพ้นความตายได้โดยง่าย
การเชื่อฟังท่านหมอหลงจึงเป็นทางเดียวที่นางและคุณชายอวี้จะสามารถรอดชีวิตไปจากที่นี่ได้
เนื่องด้วยท่านหมอหลงผู้นี้ไม่ได้มีรูปร่างผอมบางเหลือแต่กระดูกอย่างที่เขาได้บอกว่าคนที่หมู่บ้านนี้ต้องมีรูปร่างเช่นนั้นทุกคน นางเองก็ได้ถามไปแล้วว่าเพราะเหตุใดท่านหมอหลงจึงสามารถอยู่ที่นี่ได้
คำตอบที่ได้ ก็คือเขาและท่านอาจารย์ก็เป็นผู้ที่พลัดตกลงมาจากน้ำตกนั่นเช่นเดียวกัน ต่างกันเพียงแค่ตอนนั้นพวกเขาศิษย์อาจารย์โดนจับไปขังเอาไว้ และเตรียมจะถูกบูชายัญแก่เทพแห่งขุนเขา ซึ่งเป็นเทพที่ชาวบ้านที่นี่นับถือ กราบไหว้บูชา
โชคดีที่เวลานั้นผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ส่วนใหญ่ล้มป่วยลง หัวหน้าหมู่บ้านเองก็ป่วยหนักเช่นเดียวกัน พวกเขาศิษย์อาจารย์จึงขอลองรักษาดู
จนในที่สุดก็สามารถช่วยหัวหน้าหมู่บ้านและคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านเอาไว้ได้ พวกเขาจึงสามารถรอดชีวิตจากการถูกบูชายัญไปได้ อีกทั้งพวกเขายังยินดีจะช่วยส่งพวกตนศิษย์อาจารย์ออกไปจากหมู่บ้านอย่างปลอดภัยเพื่อเป็นการตอบแทนอีกด้วย
แต่พวกเขากลับขออยู่ที่หมู่บ้านนี้ต่อเพื่อศึกษาสมุนไพรแปลก ๆ ที่มีอยู่ที่นี่อีกทั้งอาจารย์ของเขายังรับบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านเป็นลูกศิษย์อีกด้วย เพื่อที่วันหนึ่งหากพวกตนออกไปจากหมู่บ้านแล้ว จะมีคนที่รู้วิชาแพทย์ค่อยรักษาคนในหมู่บ้านต่อไป
เห็นว่าที่อาจารย์ของท่านหมอหลงขึ้นเขาไปนั้นก็มีศิษย์น้องของเขาผู้เป็นลูกสาวของหัวหน้าเผ่าตามไปด้วย เห็นว่าแม้นางจะเป็นลูกสาวหัวหน้าเผ่าแต่ก็มีจิตใจดีมาก ไม่หัวโบราณคร่ำครึ หากลงเขามาแล้วเจอเข้ากับนางที่เป็นคนต่างถิ่นก็คงไม่เป็นอะไร
หรือถ้าเกิดสิ่งใดขึ้นตามมาท่านหมอหลงกับอาจารย์ของเขาก็จะเป็นผู้ออกหน้าให้พวกนางเอง อย่างน้อยในฐานะอาจารย์และศิษย์พี่ หากขอร้อง อีกฝ่ายจะต้องยอมแน่
ในเมื่อต้องรอไปอีกไม่ต่ำกว่าเจ็ดวันสิบวัน สิ่งที่ท่านหมอหลงพอจะใช้ระงับพิษของคุณชายอวี้ได้มีเพียงสูตรยาระงับพิษที่ปรุงกับสมุนไพรถึงสิบสองชนิด ท่านหมอหลงยังเอ่ยอีกว่ามีสมุนไพรที่หายากถึงสามชนิดด้วยกัน ด้วยสามชนิดนี้มีแค่ที่หมู่บ้านตู๋ชือนี้เท่านั้น อีกทั้งสมุนไพรทั้งสามตัวนี้ก็ดูเหมือนจะใช้กับคุณชายอวี้ได้ดีทีเดียว
"มาเถอะกินข้าวเสีย อีกเดียวท่านหมอหลงนำยามาให้จะได้รีบดื่มตอนยังร้อน ๆ " นางเอ่ยขึ้นกับบุรุษที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่เตียง บนศีรษะของเขายังมีผ้าพันแผลพันเอาไว้เช่นเดิม ที่ดวงตาเองก็มีผ้าผูกเอาไว้เช่นเดิมเหมือนกัน
"ข้าทานเองได้แล้ว หลายวันนี้รบกวนคุณหนูหลิวแล้ว" เจ้าของดวงตาบาดเจ็บเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่กับมีพลัง เขาเอ่ยเสร็จก็ยื่นมือออกไปเตรียมรับชามข้าวมาถือเอาไว้เอง
หลายวันมานี้ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าตัวเองยังไม่ตาย ทั้งยังได้พบกับคุณหนูหลิวผู้นี้
ยิ่งไปกว่านั้นยังได้พบกับท่านหมอที่บอกว่าพิษที่เขาได้รับพอที่จะมีทางรักษาได้ เขาที่ใช้เวลากว่าหนึ่งปีในการเดินทางเสาะหาหมอมาทั่วทั้งแดนใต้ จนหมดสิ้นความหวังที่จะรักษาไปแล้ว กลับมามีความหวังขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง
"ข้าไม่ถือว่าเป็นการรบกวนอันใดหรอก คุณชายอวี้ก็อย่าได้คิดมากเลย เอาไว้ท่านหายป่วยแล้วค่อยตอบแทนข้าก็ได้" นางเอ่ยก่อนจะยืนยันอีกครั้งที่จะป้อนอาหารให้เขา
"ข้าอวี้หนานไห่ จะจดจำน้ำใจนี้ตลอดไป"
"เช่นนั้นก็รีบกินเข้าเถิด น้ำใจของข้าท่านก็ต้องรับไปให้มากๆหน่อยเล่า" เจ้าของเสียงหวานเอ่ยอย่างขบขัน นางป้อนอาหารคนป่วยได้เยอะทีเดียว
ท่านหมอหลงยามเมื่อนำยาเข้ามาให้ยังเอ่ยชมเลยมาคุณชายอวี้นั้นทานอาหารได้มากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะดูหน่อยยิ่งกว่านางกินไปมากแต่สำหรับร่างกายเขาแล้ว กินอาหารได้เพิ่มเพียงเล็กน้อยก็ถือว่าดีมากแล้ว
"ยาที่ข้าปรุงจะช่วยระงับพิษได้เพียงชั่วคราวเท่านั้นเพื่อให้เจ้าทนรอได้ถึงยามที่อาจารย์ของข้ากลับมาได้ ยาที่ข้าปรุงเจ้าจะต้องกินวันละสามเวลาอย่าได้ขาด ยานี้พอจะทำให้เจ้าทานอาหารได้บ้าง มิใช่กินไม่ได้เลยอย่างแต่ก่อน"
"ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ"
"แล้วก็แม่นางหลิว ที่เรือนไม้ไผ่ด้านหลังมีห้องหนังสืออยู่ แม่นางเลือกหนังสือจากที่นั้นมาอ่านได้ เอาล่ะพวกท่าน ข้าขอตัวไปเตรียมสมุนไพรก่อน"
หลังจากท่านหมอหลงไปแล้ว นางจึงช่วยคุณชายอวี้จัดเตียง เพื่อให้เขานอนพักผ่อนต่อไป ส่วนนางก็ออกจากห้องพักของเขาไปที่ห้องหนังสือ
หนังสือที่นี่มีไม่น้อยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรต่าง ๆ เรื่องพิษเรื่องการฝังเข็มบ้าง แน่นอนว่านางคงอ่านเรื่องพวกนี้ได้ไม่เข้าใจแน่ ยังดีที่ยังพอมีหนังสือเกี่ยวการดูแลส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นางจึงอยู่อ่านหนังสือที่เรือนหนังสือนี้ได้จนถึงช่วงเย็น
ตกเย็นนางก็แวะไปที่ห้องครัวเพื่อเป็นลูกมือท่านหมอหลงทำอาหารและเตรียมต้มยา
ในอดีตนางในอายุยี่สิบกว่า ๆ ทำอาหารไม่เป็นสักอย่าง ทว่ายามนี้ในมิติใหม่และชีวิตใหม่นี้ มารดาของนางพอจะสอนเข้าครัวบางเล็กน้อย ทำให้นางพอจะหยิบจับข้าวของในครัวคล่องมืออยู่บ้าง
เมื่อมื้อเย็นเสร็จสิ้น เป็นเช่นเดิม หลิวซือนัวยังคงทำตัวประหนึ่งสาวใช้ของคุณชายอวี้ นางช่วยเขาล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และปรนนิบัติทานอาหารและป้อนยา
ทุกครั้งที่คุณชายอวี้ขัดขืน นางก็จะดื้อดึงเช่นเดิม ยังไงนางก็จะปรนนิบัติเขาให้ได้ เพราะที่เรือนหมอแห่งนี้เรื่องที่พอจะทำให้นางพอจะแก้เบื่อได้บ้างก็คงมีแต่การปรนนิบัติเขาเท่านั้น
จะให้ค่อยไปรบกวนเวลาของท่านหมอที่ศึกษาหาวิชาแพทย์ต่าง ๆ อยู่ก็เกรงว่าจะเป็นการรบกวนเวลาอันมีข้าของอีกฝ่าย ฉะนั้นสามวันมานี้หลิวซือนัวจึงได้แทบจะตัวติดอยู่กับคุณชายแซ่อวี้ผู้นี้ตลอดเวลา
"ข้าเป็นคนเป่ยเจียง จะเดินทางไปหาพี่ชายที่เป่ยจู แล้วเจ้าล่ะจะไปเป่ยจูทำไมกัน ไปหาหมอหรือ"
คืนนี้หลังจากที่นางให้อวี้หนานไห่ดื่มยาเสร็จแล้ว ก่อนจะกลับห้องพักของตัวเองจึงรั้งอยู่พูดคุยกับเขาต่ออีกครู่หนึ่ง
"ข้าเป็นคนเป่ยจูอยู่แต่เดิม ออกเดินทางทั่วแดนใต้กลับไร้หมอที่จะรักษาข้าได้ ครั้งนี้ตั้งใจกลับไปตายที่บ้าน" เขาเล่าเรื่องตัวเองอย่างไม่ปิดบังเช่นกัน
"เมืองเป่ยจูใหญ่มากใช่หรือไม่ ข้าได้ยินว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแดนใต้ทีเดียว ภายในเมืองคงครึกครื้นน่าดูเชียว"
"เป็นเมืองใหญ่และติดกับทะเลน่ะ เรียกได้ว่าเป็นท่าการค้าขนาดใหญ่ก็ว่าได้ เพราะว่าติดทะเลจึงมีพ่อค้าจากต่างแคว้นต่างถิ่นมากมายทีเดียว"
"เช่นนั้นถ้าไปที่เมืองเป่ยจูก็จะได้เห็นสินค้าแปลกตามากมายใช่หรือไม่"
"แน่นอนย่อมเป็นเช่นนั้น เอาไว้ถ้าเจ้าได้ไปที่เป่ยจูจริง ข้าจะทำหน้าที่เจ้าบ้านต้อนรับคุณหนูหลิวอย่างดีแน่นอน"
"เจ้าสัญญาแล้วนะคุณชายอวี้ หากข้าไปเยือนเมื่อไหร่ท่านจะต้องต้อนรับข้าให้ดีด้วย"
จากตอนแรกจุดหมายของนางคือเมืองเป่ยจูยามนี้กลับมาอยู่ที่หมู่บ้านกลางป่าเขาลึกลับ หากโชคดีออกไปจากที่นี่ได้ก็คงจะต้องเดินทางกลับเป่ยเจียง ไม่อาจตรงไปที่เมืองเป่ยจูได้อีกแล้ว
นางหายไปหายวันขนาดนี้แล้ว เรื่องคงไปถึงพี่ใหญ่นางแล้วว่านางหายตัวไป ไม่รู้ว่ายามนี้เสี่ยวหนิง เสี่ยวชิง แม่นางกู่หรูและคนอื่น ๆ จะยังปลอดภัยหรือไม่ นางได้แต่หวังให้ทุกคนปลอดภัยมีชีวิตรอด
หลิวซือนัวและอวี้หนานไห่เองก็จะต้องรอดปลอดภัยด้วยเช่นกัน รอจนคุณชายอวี้ถอนพิษได้แล้ว พวกนางก็จะรีบออกจากหมู่บ้านนี้ให้เร็วที่สุด เพื่อกลับไปหาครอบครัวของตน
พวกนางคุยกันต่อ นางถามถึงข้าวของรวมไปถึงอาหารขึ้นชื่อของเป่ยจู เขาเองก็ตอบมาอย่างละเอียด จบจนค่ำมากแล้ว นางจึงจะขอตัวกลับห้องพักของตน
ยังไม่ทันที่จะได้เปิดประตูออกจากห้องพักของคุณชายอวี้ ด้านนอกเรือนพักก็มีเสียงคนหลายคนวิ่งเข้ามาที่เรือนหมอเสียก่อน
โชคดีที่นางดับเทียนได้ทัน ภายในห้องพักจึงไม่มีแสงสว่างหลงเหลืออยู่พอที่จะเป็นที่สงสัยของผู้มาใหม่หลายคน
"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ ป้าจวงอยู่ๆก็หมดสติไป"
"ท่านหมอหลง ท่านหมออยู่ที่ไหนขอรับ
"ท่านหมอหลง ท่านหมอเจ้าคะ"
คนเหล่านี้ร้องเรียกไปด้วยสำรวจตามห้องต่างๆไปด้วย จนหลิวซือนัวอดกลัวไม่ได้ว่าห้องที่นางอยู่อาจจะถูกเปิดออกเมื่อไหร่ก็ได้
นางค่อยๆก้าวเดินจากประตูเพื่อไปรวมกับคุณชายอวี้ที่นอนอยู่บนเตียง
"มีคนมา พวกเขาจะเจอเราหรือไม่" นางกระซิบถามคนบนเตียงเสียงเบา
"อย่าได้กังวนไปเลย เจ้ารีบปีนขึ้นเตียงมาก่อนเถอะ" เขารีบกระซิบตอบกับไป
หลิวซือนัวไม่รอช้า นางปีนข้ามร่างสูงเข้าไปนั่งอยู่ที่เตียงด้านในตามที่เขาบอก
หากประตูถูกเปิดเข้ามาจริงๆอย่างน้อยๆก็ยังมีม่านกันเตียงที่พอจะบังพวกนางเอาไว้ได้
"ท่านหมอหลง ท่านหมอท่านหลับแล้วหรือขอรับ"
เสียงพูดดังขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าพวกเขามาหยุดลงที่หน้าประตูห้องของพวกเขาแล้ว อีกไม่นานประตูคงถูกเปิดเข้ามาและพวกนางก็คงจะถูกพบเข้า
วินาทีต่อมา ประตูก็ถูกผลักเข้ามาจริงๆ
แอ๊ด
ตอนที่ 10ไม่นึกเสียใจภายในห้องพักที่ไม่มีแม้แต่แสงจากเทียนสักเล่มหนึ่ง (จะมีได้อย่างไร ในเมื่อนางเป็นคนดับเทียนเองกับมือ) หนึ่งชายหนึ่งหญิง กำลังนั่งตัวแข็งทือยู่บนเตียงใหญ่ พร้อมกับคำภาวนาในใจ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าภาวนาไปก็เท่านั้นแต่นางก็ยังภาวนาต่อไปแอ๊ด...เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ก่อนเจ้าของฝีเท้าหนัก ๆ ก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ขอรับ" "ท่านหมอหลับไปแล้วหรือเปล่า เจ้าลองเข้าไปเรียกดูที่เตียงเถอะ" ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น"ได้" บุรุษผู้หนึ่งรับคำ เงาร่างที่ก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงทำให้เจ้าของร่างอวบอิ่มตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว โชคดีที่คุณชายอวี้สะกิดนางให้รู้สึกตัว คุณชายอวี้เอามือของเขาสอดเข้าไปใต้หมอน ก่อนจะหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้มืออีกข้างหนึ่งของเขายื่นมาจับมือนาง ก่อนจะง่ายฝ่ามือนางขึ้น และใช้นิ้วมือของเขาเขียนประโยคหนึ่งที่มือของนางทีละคำได้จังหวะก็หนีออกไปซะ ข้าจะไม่ขอเป็นภาระของเจ้าหลังจากประโยคเหล่านี้ถูกเขียนเสร็จ มือของนางถูกเขากุมเอาไว้แน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะถูกปล่อยออกอย่างแผ่วเบาหลิวซือนัวรับรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะสู้ตาย
บทนำ เริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง ความทรงจำอันแสนเศร้า การใช้ชีวิตอย่างลำบากยากเข็น ตลอดระยะเวลายี่สิบห้าปีที่ผ่านมาได้จบลงแล้ว จบลงด้วยความน่าเวทนาอย่างสุดแสน แม้จะเลื่อนรางเต็มที ทว่านางกลับยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้อย่างแจ่มชัด วันนั้นเป็นวันที่มีฝนตกลงมาในช่วงค่ำ นางจำได้ว่าในขณะที่กำลังรอข้ามถนนหลังจากเพิ่งเลิกงาน จู่ ๆ ก็มีรถพุ่งเข้ามาชนนางจนเสียชีวิต หยาดฝนที่ตกลงมาเป็นสายรวมตัวกันกลายเป็นแอ่งน้ำที่ไหลนองอยู่เต็มพื้น นางจำได้ดีว่าเลือดในกายของนางไหลรวมไปกับน้ำสกปรกเหล่านั้นมากมายเพียงใด มันมากพอที่ทั่วทั้งบริเวณนั้นจะเต็มไปด้วยเลือดแดงฉานน่าหวาดกลัว ร่างของนางนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นที่ทั้งเย็นทั้งแข็งและเปียกชื้น เม็ดฝน เม็ดแล้วเม็ดเล่าตกลงมากระทบใส่ร่างของนางจนรู้สึกเจ็บไปทั่วทั้งตัว นางในยามนั้นสิ้นใจอย่างอเนจอนาถยิ่ง แต่จิตสุดท้ายกลับรู้สึกโกรธแค้นในโชคชะตาของตนนั้นเป็นที่สุด สวรรค์ให้นางเกิดเป็นเด็กกำพร้าที่ต้องทำงานหนักสู้ชีวิตอย่างอยากลำบากก็ ช่างเถอะ ไฉนจึงต้องให้นางมาตายเช่นนี้ด้วย ทั้งชีวิตนี้แสนเศร้านักได
ตอนที่ 1ข้านี่แหละหลิวซือนัว สิบเอ็ดปีมาแล้วที่นางอยู่ในมิตินี้ในฐานะหลิวซือนัว ทุกอย่างในชีวิตราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง นางมีครอบครัวใหญ่ที่แสนอบอุ่น อีกทั้งนางยังเป็นที่รักของคนในครอบครัวเป็นอย่างมาก ทุกคนในสกุลหลิวล้วนแล้วแต่ดูแลนางอย่างดีราวกับประคองไว้บนมือก็กลัวจะตก อมไว้ในปากก็กลัวจะละลาย ไม่มีสิ่งใดที่นางต้องการแล้วจะไม่ได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้รับล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินหรือสิ่งของต่าง ๆ รวมไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องประดับทุกชิ้นล้วนแล้วแต่เป็นของชั้นเลิศทั้งสิ้น ชีวิตของนางต่างจากโลกเดิมอย่างชัดเจนราวกับหลังมือเป็นหน้ามือ จากที่เคยขัดสนกลับมั่งมีมากมายล้นเหลือ จนทำนางเผลอคิดไปว่าหรือชีวิตใหม่ในมิตินี้จะเป็นสิ่งที่สวรรค์ตั้งใจมอบแก่นาง ถึงกระนั้นนอกจากทรัพย์สินมากมายและครอบครัวที่อบอุ่นแล้ว ดูเหมือนจะมีสิ่งหนึ่งที่นางอยากจะให้เป็นเช่นเดิมเหมือนในมิติก่อน นั่นก็คือในมิติก่อนนางกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน ทว่าในมิตินี้เพียงแค่จิบชาไปหนึ่งถ้วยกับรู้สึกว่าตนอ้วนขึ้นเสียอย่างนั้น เหล่าแม่นางคุณหนูทั้งหลายในเมืองนี้ล้ว
ตอนที่2ข่าวลือหนาหู หลายวันที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการมีปากเสียงกันระหว่างคุณหนูสกุลหลิวและคุณหนูสกุลอี้ บ้างลือกันไปว่าคุณหนูหลิวเกิดความริษยาต่อคุณหนูอี้เพราะคุณหนูอี้นั่นมีรูปโฉมงดงามกว่า บ้างก็ว่าเป็นเพราะคุณหนูหลิวอยากแสดงอำนาจในมือตนให้เป็นที่ประจักษ์และคุณหนูอี้นั้นก็กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์กรรมไปโดยไร้ความผิด ผู้คนที่ได้ยินข่าวลือต่างพากันสงสารคุณหนูสกุลอี้ เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกผู้คนที่พากันสงสารคุณหนูสกุลอี้นั้นย่อมต้องพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณหนูหลิวในทางที่ไม่ดี “คุณหนูเจ้าคะ ข่าวลือพวกนี้ต้องเป็นคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นแน่นอนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางในยามนี้รู้สึกโมโหแทนคุณหนูของนางเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะออกไปป่าวประกาศในทุกคนรู้กันให้ทั่วเมือง ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นคนเช่นไร “ก็แค่ข่าวลือเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่นานผู้คนก็จะพากันลืมไปเอง” นางเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น มือก็พลิกดูแบบลายปักในมือตนด้วยทีท่านิ่งเฉย “นางจงใจทำให้ชื่อเสียงคุณหนูเสียหา
ตอนที่ 3มุ่งหน้าสู่เป่ยจู เป็นเวลากว่าห้าวันมาแล้วที่พวกนางเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยจู ตลอดทางแม้ไม่ได้สะดวกสบายเท่าใดนักแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เดินทางลงใต้ในครั้งนี้ ท่านพ่อท่านแม่ส่งผู้คุ้มกันที่คุ้นชินกับการเดินทางและมีวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไว้ใจได้มาทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยที่หนึ่งในห้าคนนี้นั้นยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวหนิงอีกด้วย พี่ชายของเสี่ยวหนิงผู้นี้มีชื่อว่าเสี่ยวชิง ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่านางเองก็คุ้นชินกับเสี่ยวชิงเป็นอย่างดี การเดินทางของนางในครั้งนี้จึงไม่มีสิ่งใดน่ากังวลใจ จนกระทั่งเมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปก่อนที่อยู่ ๆ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักโดยไม่ให้พวกนางทันได้ตั้งตัว “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่พี่ชายบอกกับข้าว่า ข้างหน้าอีกไม่ไกลจะมีอารามร้างอยู่ พวกเราสามารถไปหลบฝนที่นั่นก่อนได้เจ้าคะ” หลิวซือนัวได้ฟังก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมา เพราะดูท่าแล้วฝนนี้คงจะไม่หยุดตกง่าย ๆ เป็นแน่ อีกทั้งถนนเรียบชายป่าที่มีต้นไม้มากมายเช่นนี้หากฝืนเดินทางต่อไปย่อมมีแต่อันตราย อย่างไรก็ต้อ
ตอนที่ 4ผู้ร่วมทางคนใหม่ กว่าฝนจะหยุดตกลงมาก็เป็นเวลาเช้าวันใหม่แล้ว ขบวนเดินทางทั้งสองที่หยุดพักหลบฝนตั้งแต่เมื่อคืนต่างก็พากันเตรียมตัวที่จะออกเดินทางกันต่อแล้ว ยามนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งนัก ราวกับว่าเมื่อวานมิได้มีพายุฝนตกหนักมาก่อน ดั่งคำที่ว่าฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ท้องฟ้าเบื้องหน้าของนางในยามนี้งดงามมากจริง ๆ กลุ่มก้อนเมฆรวมตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายกับปลาทองที่กำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า “เสี่ยวหนิง” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท ที่กำลังตรวจดูสิ่งของที่ถูกลำเรียงขึ้นไปยังรถม้าอย่างตั้งอกตั้งใจ “เจ้าคะ คุณหนู” นางขานรับคำคุณหนูของตนทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะเดินไปที่ทางด้านหน้าทางเข้าอารามที่คุณหนูของนางยืนอยู่ “บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งหรือเจ้าคะ” “เจ้าลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าดูสิ” สิ้นเสียงของคุณหนูที่เอ่ยออกมา เสี่ยวหนิงก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าทันที ก่อนจะร้องออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ “บนท้องฟ้า เมฆปรากฏเป็นรูปปลาทอง เป็นมงคลนักเจ้าค่ะคุณหนู” “ข้ารู้แล้ว จึง
ตอนที่ 5น้ำใจของนาง อาจเป็นเพราะยาที่กู่เหอให้คุณชายของเขาทานไปเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มือหนาที่เคยกุมมือของนางเอาไว้แน่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงทว่าเขาก็ยังคงจับมือของนางเอาไว้อยู่ หลิวซือนัวค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากมือใหญ่ของเขาอย่างช้า ๆ ครั้นอยู่ ๆ เจ้าของมือหนาที่เคยเกาะกุมมือนางเอาไว้แน่นราวปอกเหล็ก ก็สะบัดมือนางออกทันที ทั้งยังผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทั้งที่นางสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งจนได้ “ท่านรีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ ร่างกายท่านอาจจะยังรับไม่ไหว หากหมดสติลงไปอีก ข้าว่าคงจะไม่ดีแน่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นไปนั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของรถม้าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ร่างสูงของบุรุษตาบอดนั่งอยู่ “เจ้าเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้ง ทุกคำพูดในยามนี้ของเขาถูกเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก “ข้าก็คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบพายุอยู่ที่อารามร้างเช่นกันกับท่านเมื่อ คืน” นางเอ่ยตอบกลับไปอย่างใจเย็น จู่ ๆ ครั้งหนึ่งยามที่นางมองไปทางเขา เมื่อครู่กับรู้สึกสงสารเวทนา เขาข
ตอนที่ 6โรงเตี้ยมกลางป่า "บ่าวทำตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" กู่หรูรายงานผู้เป็นนายของนาง "คุณหนูหลิวยังฝากบ่าวมาบอกท่านอีกว่า ระหว่างท่านกับนางไม่ได้มีผู้ใดติดค้างหรือต้องตอบแทนบุญคุณใด ๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ" กู่หรูเมื่อรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ครั้นเมื่อเห็นคุณชายของนางยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็รู้ทันทีว่าตนควรออกไปได้แล้ว นางจึงโค้งนำนับครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องพักของผู้เป็นนายไป ปล่อยให้กู่เหอพี่ชายนางอยู่ค่อยรับใช้คุณชายต่อเพียงผู้เดียว เหตุที่อวี้หนานไห่นิ่งเงียบเช่นนี้เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ เขารู้ดีว่าคุณหนูหลิวที่กู่หรูเอ่ยถึงเมื่อครู่นางเข้าใจดีว่าเขาต้องการสิ่งใดจึงให้คนนำชาชั้นดีไปให้นาง ตั้งแต่ที่วัดร้าง เขาเองด้วยความที่ระวังตัวมาก จึงได้ให้กู่เหอนำชาสมุนไพรชั้นดีไปให้อีกขบวนหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเข้าใจในสถานการณ์ของเขาและยอมที่จะทนหนาว ทุกคนในขบวนของคุณหนูหลิวไม่มีใครใส่ใจหรือตกใจกับชาชั้นดีเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาต่างก็ถูกฝึกมาอย่างดี คุณหนูหลิวผู้นี้ก็ไม่ใช่สายของโจรป่าที่กำลังระบาดหนักอยู
ตอนที่ 10ไม่นึกเสียใจภายในห้องพักที่ไม่มีแม้แต่แสงจากเทียนสักเล่มหนึ่ง (จะมีได้อย่างไร ในเมื่อนางเป็นคนดับเทียนเองกับมือ) หนึ่งชายหนึ่งหญิง กำลังนั่งตัวแข็งทือยู่บนเตียงใหญ่ พร้อมกับคำภาวนาในใจ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าภาวนาไปก็เท่านั้นแต่นางก็ยังภาวนาต่อไปแอ๊ด...เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ก่อนเจ้าของฝีเท้าหนัก ๆ ก็ก้าวเข้ามาภายในห้อง"ท่านหมอหลง อยู่หรือไม่ขอรับ" "ท่านหมอหลับไปแล้วหรือเปล่า เจ้าลองเข้าไปเรียกดูที่เตียงเถอะ" ชายผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น"ได้" บุรุษผู้หนึ่งรับคำ เงาร่างที่ก้าวเข้ามาใกล้ ๆ เตียงทำให้เจ้าของร่างอวบอิ่มตื่นเต้นจนเผลอกลั้นหายใจไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว โชคดีที่คุณชายอวี้สะกิดนางให้รู้สึกตัว คุณชายอวี้เอามือของเขาสอดเข้าไปใต้หมอน ก่อนจะหยิบมีดเล่มหนึ่งขึ้นมาถือไว้มืออีกข้างหนึ่งของเขายื่นมาจับมือนาง ก่อนจะง่ายฝ่ามือนางขึ้น และใช้นิ้วมือของเขาเขียนประโยคหนึ่งที่มือของนางทีละคำได้จังหวะก็หนีออกไปซะ ข้าจะไม่ขอเป็นภาระของเจ้าหลังจากประโยคเหล่านี้ถูกเขียนเสร็จ มือของนางถูกเขากุมเอาไว้แน่ ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะถูกปล่อยออกอย่างแผ่วเบาหลิวซือนัวรับรู้ได้ในทันทีว่าเขาจะสู้ตาย
ตอนที่ 9หมู่บ้านแปลกประหลาด สองวันผ่านมา หลิวซือนัวได้สติขึ้นอีกครั้งในสถานที่ซึ่งนางไม่คุ้นตา นางถูกช่วยเอาไว้จากคนผู้หนึ่ง เขาบอกนางว่าตัวเองเป็นหมอและบังเอิญช่วยนางที่ไม่ได้สติเอาไว้ที่ริมลำธารด้านข้างของเรือนพักของเขา "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ ที่ช่วยชีวิตข้าเอาไว้" นางเอ่ยขอบคุณท่านหมอพร้อมกับโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม "ข้าเป็นหมอ ช่วยชีวิตคนเป็นเรื่องของข้าอยู่แล้ว โชคดีที่เจ้าไม่เป็นอะไรมาก เพียงร่างกายอ่อนล้าเท่านั้น พักผ่อนให้มากก็ไม่เป็นอันใดแล้ว" "ข้าทราบแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยยังมีเรื่องอยากจะขอสอบถามท่านหมออีกเรื่องหนึ่งเจ้าค่ะ" "แม่นางเชิญถามมาได้เลย" "นอกจากข้า ท่านหมอยังช่วยใครเอาไว้อีกหรือไม่เจ้าคะ คือ ตัวข้ากับสหายพลัดตกลงมาด้วยกันเจ้าค่ะ ถ้าท่านหมอพบข้าก็น่าจะพบและช่วยเขาเอาไว้ด้วยเช่นกัน" "ข้าเองกำลังจะถามแม่นางอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ผิดข้าช่วยเหลือบุรุษผู้หนึ่งเอาไว้ได้อีกคนหนึ่งเช่นกัน" "เขา ข้าหมายถึงบุรุษผู้นั้นน่ะเจ้าค่ะ เขายังมีชีวิตอยู่ใช่ไหมค่ะ" "แน่นอนว
ตอนที่ 8ไม่ไร้หนทาง นางไม่รู้ว่ายามนี้ตัวเองควบม้ามาไกลแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าต้องมุ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีชีวิตรอด จากเคยมีผู้ติดตามหลายคนยามนี้เหลือเพียงแค่นางกับบุรุษใกล้ตายผู้หนึ่งเท่านั้น เพราะว่าไม่รู้ทางจึงไม่รู้ว่ายามนี้พวกตนกำลังอยู่ที่ไหน รู้แค่เพียงว่ามองไปทางใดล้วนแล้วแต่มีต้นไม้เล็กใหญ่ปกคลุมอยู่เต็มไปหมด บุรุษกระดูกผู้ไม่รักชีวิตตน ที่เวลานี้ซ้อนอยู่ด้านหลังนางดูเหมือนจะมีบางอย่างแปลกไปอีกแล้ว นางรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังตัวสั่นคล้ายกับอาการที่เป็นเช่นเดียวกันกับในรถม้า "เจ้าเป็นอะไรหรือไม่" นางเอ่ยถามพลางควบคุมม้าให้ลดความเร็วลงเพื่อเตรียมหยุด หลิวซือนัวไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมานางจึงเอ่ยต่ออีก "พวกเราน่าจะมาไกลมากแล้ว หยุดพักสักหน่อยก่อนเถอะ" เมื่อม้าหยุดแล้วนางจึงแกะเชือกที่มัดตัวนางกับเจ้าของร่างซีดเซียวออกเพื่อที่จะได้ลงม้าได้สะดวก แต่เมื่อแกะเชือกออกแล้ว ร่างสูงที่ไร้เรี่ยวแรงก็แทบจะไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ โชคดีที่นางคว้าตัวเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะตกลงไป
ตอนที่ 7ปราการด่านสุดท้าย "รีบพาผู้ติดตามทั้งหมดของพวกเราขึ้นรถม้าเร็วเข้าเถอะ" หลิวซือนัวเอ่ยสั่ง พลางมองไปยังผู้ติดตามทั้งสี่คนของนางที่ยามนี้สลบเพราะถูกวางยานอนหลับและแต่ละคนก็ยังคงไม่ได้สติ "หากนำพวกเขาขึ้นรถม้า แล้วคุณหนูกับคุณชายอวี้จะทำเช่นไรเล่าขอรับ" เสี่ยวชิงถามขึ้นอย่างลังเล อย่างไรก็ไม่อาจทิ้งผู้ติดตามเหล่านี้ได้จริง ๆ ทว่าความปลอดภัยที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องนึกถึงก่อนเป็นอันดับแรกก็คือความปลอดภัยของคุณหนูและน้องสาวของเขา วูบหนึ่งเสี่ยวชิงเผลอคิดอย่างเห็นแก่ตัวขึ้นมา หากจำเป็นต้องเลือกเขาก็จะเลือกพาแค่คุณหนูและน้องสาวของเขาหนีไปเท่านั้น "ถ้ามัวแต่ชักช้ากันอยู่เช่นนี้ สุดท้ายแล้วก็คงไม่มีใครรอด" เป็นอวี้หนานไห่ที่เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย "เสี่ยวชิงทำตามที่ข้าบอก นำพวกเขาขึ้นไปให้ครบทุกคน แล้วให้เสี่ยวหนิงทำหน้าที่ควบคุมรถม้าไปยังตัวเมืองเพื่อแจ้งทางการ หรือถ้าเจอหมู่บ้าน หน่วยมือปราบลาดตะเวนก็จงรีบเข้าไปขอความช่วยเหลือ ส่วนข้า คุณชายอวี้ กู่เหอ เสี่ยวชิง จะขี่ม้าหนีไปอีกทางหนึ่ง" หลิวซือนัวเอ่ยถึงแผนการของตน
ตอนที่ 6โรงเตี้ยมกลางป่า "บ่าวทำตามที่คุณชายสั่งเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ" กู่หรูรายงานผู้เป็นนายของนาง "คุณหนูหลิวยังฝากบ่าวมาบอกท่านอีกว่า ระหว่างท่านกับนางไม่ได้มีผู้ใดติดค้างหรือต้องตอบแทนบุญคุณใด ๆ ต่อกันอีกเจ้าค่ะ" กู่หรูเมื่อรายงานเรื่องทั้งหมดแล้ว ครั้นเมื่อเห็นคุณชายของนางยังคงนิ่งเงียบอยู่ก็รู้ทันทีว่าตนควรออกไปได้แล้ว นางจึงโค้งนำนับครั้งหนึ่งก่อนจะออกจากห้องพักของผู้เป็นนายไป ปล่อยให้กู่เหอพี่ชายนางอยู่ค่อยรับใช้คุณชายต่อเพียงผู้เดียว เหตุที่อวี้หนานไห่นิ่งเงียบเช่นนี้เพราะเขากำลังใช้ความคิดอยู่ เขารู้ดีว่าคุณหนูหลิวที่กู่หรูเอ่ยถึงเมื่อครู่นางเข้าใจดีว่าเขาต้องการสิ่งใดจึงให้คนนำชาชั้นดีไปให้นาง ตั้งแต่ที่วัดร้าง เขาเองด้วยความที่ระวังตัวมาก จึงได้ให้กู่เหอนำชาสมุนไพรชั้นดีไปให้อีกขบวนหนึ่งเพื่อเป็นการตอบแทนที่พวกเขาเข้าใจในสถานการณ์ของเขาและยอมที่จะทนหนาว ทุกคนในขบวนของคุณหนูหลิวไม่มีใครใส่ใจหรือตกใจกับชาชั้นดีเช่นนี้ แสดงว่าพวกเขาต่างก็ถูกฝึกมาอย่างดี คุณหนูหลิวผู้นี้ก็ไม่ใช่สายของโจรป่าที่กำลังระบาดหนักอยู
ตอนที่ 5น้ำใจของนาง อาจเป็นเพราะยาที่กู่เหอให้คุณชายของเขาทานไปเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทำให้มือหนาที่เคยกุมมือของนางเอาไว้แน่ค่อย ๆ ผ่อนแรงลงทว่าเขาก็ยังคงจับมือของนางเอาไว้อยู่ หลิวซือนัวค่อย ๆ ดึงมือของนางออกจากมือใหญ่ของเขาอย่างช้า ๆ ครั้นอยู่ ๆ เจ้าของมือหนาที่เคยเกาะกุมมือนางเอาไว้แน่นราวปอกเหล็ก ก็สะบัดมือนางออกทันที ทั้งยังผลุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วทั้งที่นางสามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่า เวลานี้เขาไร้เรี่ยวแรงเพียงใดแต่ก็ยังฝืนลุกขึ้นมานั่งจนได้ “ท่านรีบร้อนลุกขึ้นมาเช่นนี้ ร่างกายท่านอาจจะยังรับไม่ไหว หากหมดสติลงไปอีก ข้าว่าคงจะไม่ดีแน่” หลิวซือนัวเอ่ยขึ้น นางลุกขึ้นไปนั่งลงที่อีกฟากหนึ่งของรถม้าซึ่งตรงกันข้ามกับที่ร่างสูงของบุรุษตาบอดนั่งอยู่ “เจ้าเป็นใครกัน” เขาเอ่ยถามขึ้นเสียงแหบแห้ง ทุกคำพูดในยามนี้ของเขาถูกเอ่ยออกมาได้อย่างยากลำบาก “ข้าก็คือคนอีกกลุ่มหนึ่งที่หลบพายุอยู่ที่อารามร้างเช่นกันกับท่านเมื่อ คืน” นางเอ่ยตอบกลับไปอย่างใจเย็น จู่ ๆ ครั้งหนึ่งยามที่นางมองไปทางเขา เมื่อครู่กับรู้สึกสงสารเวทนา เขาข
ตอนที่ 4ผู้ร่วมทางคนใหม่ กว่าฝนจะหยุดตกลงมาก็เป็นเวลาเช้าวันใหม่แล้ว ขบวนเดินทางทั้งสองที่หยุดพักหลบฝนตั้งแต่เมื่อคืนต่างก็พากันเตรียมตัวที่จะออกเดินทางกันต่อแล้ว ยามนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งนัก ราวกับว่าเมื่อวานมิได้มีพายุฝนตกหนักมาก่อน ดั่งคำที่ว่าฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ ท้องฟ้าเบื้องหน้าของนางในยามนี้งดงามมากจริง ๆ กลุ่มก้อนเมฆรวมตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายกับปลาทองที่กำลังแหวกว่ายอยู่บนท้องฟ้า “เสี่ยวหนิง” นางเอ่ยเรียกสาวใช้คนสนิท ที่กำลังตรวจดูสิ่งของที่ถูกลำเรียงขึ้นไปยังรถม้าอย่างตั้งอกตั้งใจ “เจ้าคะ คุณหนู” นางขานรับคำคุณหนูของตนทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก ก่อนจะเดินไปที่ทางด้านหน้าทางเข้าอารามที่คุณหนูของนางยืนอยู่ “บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูมีสิ่งใดจะสั่งหรือเจ้าคะ” “เจ้าลองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าดูสิ” สิ้นเสียงของคุณหนูที่เอ่ยออกมา เสี่ยวหนิงก็เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าทันที ก่อนจะร้องออกมาเสียงดังด้วยความดีใจ “บนท้องฟ้า เมฆปรากฏเป็นรูปปลาทอง เป็นมงคลนักเจ้าค่ะคุณหนู” “ข้ารู้แล้ว จึง
ตอนที่ 3มุ่งหน้าสู่เป่ยจู เป็นเวลากว่าห้าวันมาแล้วที่พวกนางเดินทางมุ่งหน้าสู่เมืองเป่ยจู ตลอดทางแม้ไม่ได้สะดวกสบายเท่าใดนักแต่ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เดินทางลงใต้ในครั้งนี้ ท่านพ่อท่านแม่ส่งผู้คุ้มกันที่คุ้นชินกับการเดินทางและมีวรยุทธ์ อีกทั้งยังเป็นคนที่ไว้ใจได้มาทั้งหมดห้าคนด้วยกัน โดยที่หนึ่งในห้าคนนี้นั้นยังเป็นพี่ชายแท้ ๆ ของเสี่ยวหนิงอีกด้วย พี่ชายของเสี่ยวหนิงผู้นี้มีชื่อว่าเสี่ยวชิง ซึ่งเป็นผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าในการเดินทางครั้งนี้ แน่นอนว่านางเองก็คุ้นชินกับเสี่ยวชิงเป็นอย่างดี การเดินทางของนางในครั้งนี้จึงไม่มีสิ่งใดน่ากังวลใจ จนกระทั่งเมื่อเวลาหนึ่งก้านธูปก่อนที่อยู่ ๆ ก็มีฝนตกลงมาอย่างหนักโดยไม่ให้พวกนางทันได้ตั้งตัว “คุณหนูเจ้าคะ เมื่อครู่พี่ชายบอกกับข้าว่า ข้างหน้าอีกไม่ไกลจะมีอารามร้างอยู่ พวกเราสามารถไปหลบฝนที่นั่นก่อนได้เจ้าคะ” หลิวซือนัวได้ฟังก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมา เพราะดูท่าแล้วฝนนี้คงจะไม่หยุดตกง่าย ๆ เป็นแน่ อีกทั้งถนนเรียบชายป่าที่มีต้นไม้มากมายเช่นนี้หากฝืนเดินทางต่อไปย่อมมีแต่อันตราย อย่างไรก็ต้อ
ตอนที่2ข่าวลือหนาหู หลายวันที่ผ่านมานี้ มีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับการมีปากเสียงกันระหว่างคุณหนูสกุลหลิวและคุณหนูสกุลอี้ บ้างลือกันไปว่าคุณหนูหลิวเกิดความริษยาต่อคุณหนูอี้เพราะคุณหนูอี้นั่นมีรูปโฉมงดงามกว่า บ้างก็ว่าเป็นเพราะคุณหนูหลิวอยากแสดงอำนาจในมือตนให้เป็นที่ประจักษ์และคุณหนูอี้นั้นก็กลายมาเป็นผู้รับเคราะห์กรรมไปโดยไร้ความผิด ผู้คนที่ได้ยินข่าวลือต่างพากันสงสารคุณหนูสกุลอี้ เป็นอย่างมาก แน่นอนว่าพวกผู้คนที่พากันสงสารคุณหนูสกุลอี้นั้นย่อมต้องพากันวิพากษ์วิจารณ์ถึงคุณหนูหลิวในทางที่ไม่ดี “คุณหนูเจ้าคะ ข่าวลือพวกนี้ต้องเป็นคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นผู้สร้างขึ้นแน่นอนเลยเจ้าค่ะ” เสี่ยวหนิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง นางในยามนี้รู้สึกโมโหแทนคุณหนูของนางเป็นอย่างมาก จนแทบอยากจะออกไปป่าวประกาศในทุกคนรู้กันให้ทั่วเมือง ว่าแท้จริงแล้วคุณหนูอี้ผู้นั้นเป็นคนเช่นไร “ก็แค่ข่าวลือเรื่องหนึ่งเท่านั้น ไม่นานผู้คนก็จะพากันลืมไปเอง” นางเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น มือก็พลิกดูแบบลายปักในมือตนด้วยทีท่านิ่งเฉย “นางจงใจทำให้ชื่อเสียงคุณหนูเสียหา