Share

ตอนที่ 12 หมอเทวดาอู๋อิน

last update Terakhir Diperbarui: 2024-12-19 11:17:46

ตอนที่ 12

หมอเทวดาอู๋อิน

ดึกสงัด คืนนี้อยู่ ๆ นางก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่ใคร่จะสบายใจนัก เจ้าของมือเรียวสวยรินน้ำใส่ชาม ก่อนจะยกดื่มหมดชามในคราเดียว

ไม่ใช่ว่านางรู้สึกกระหาย เพียงต้องการให้ร่างกายได้รับความสดชื่นเพิ่มเข้ามาเพียงเท่านั้น

แต่ก็ดูเหมือนน้ำเต็มชามนั้นจะไม่ได้ช่วยให้ใจนางสงบลงได้เลย

ร่างบางจึงลุกขึ้นสวมใส่เสื้อตัวนอกให้เรียบร้อย หมายจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อยให้ได้ผ่อนคลายบาง

ตั้งแต่ที่ต้องอยู่ที่หมู่บ้านตู๋ชือแห่งนี้ ทุกวันคืนผ่านพ้นไปได้อย่างไม่ค่อยง่ายดายนัก ต้องคอยหลบซ่อนกลัวว่าจะถูกพบเห็นเข้า

ในทุกๆวันนางไม่อาจแสดงความกังวลใจออกมาได้ จำต้องเก็บเอาไว้ภายในใจ และแสดงความร่าเริงออกมาแทน

คุณชายอวี้ผู้นั้นค่อนข้างมืดมนทีเดียว ในใจเขาน่าจะมีเรื่องราวในด้านร้ายๆให้ค่อยคิดอยู่ตลอดเวลา หากเพิ่มความกังวลใจต่างๆของนางเข้าไปอีก ผลลัพธ์ก็คงจะเลวร้ายยิ่งกว่า

แล้วนางก็คิดว่านางคิดถูกแล้วที่แสดงท่าทีร่าเริงออกมา หลายวันมานี้มันทำให้คุณชายอวี้นั่นผ่อนคลายลงได้อย่างมาก และนางคิดว่านั่นเป็นการดีต่อการรักษาของเขาเป็นอย่างมาก

รวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะเข้าที่เข้าทางเช่นกัน นั่นแปลว่าการที่นางฝืนตัวเองเอาไว้เช่นนี้ถึงจะไม่ง่ายแต่ก็ได้ผลดีอยู่ นางจึงยินดีที่จะฝืนตัวเองต่อไปอีกเพื่อผลดียิ่งกว่าเดิม

รอให้คุณชายอวี้รักษาตัวหายแล้ว เมื่อนั้นพวกเราทั้งคู่ก็จะกลับบ้านอย่างปลอดภัย นางไม่ต้องฝืนตัวเองเช่นนี้อีกต่อไป

ขณะที่เปิดประตูห้องพักของตนนางก็คิดนั่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย สายตามองไปก็เห็นว่าห้องพักของคุณชายอวี้ยามนี้มีแสงไฟส่องสว่างออกมาจากภายในห้อง

ก่อนจะกลับห้องพักมานางเป็นคนดับตะเกียงให้เขาเองกับมือ การที่ไฟถูกจุดให้สว่างอีกครั้งเช่นนี้ถือว่าไม่ใช่เรื่องปกติแล้ว

นางรีบก้าวไปยังห้องฝั่งตรงข้ามทันที และเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องไปภายในเวลาอันรวดเร็ว

"คุณชายอวี้ ท่านหมอคุณชายอวี้เขา..."

สิ่งที่นางเห็นในยามนี้คือร่างซีดเซียวที่นอนอยู่บนเตียงอย่างทุรนทุรายนัก มือทั้งสองข้างของเขากำผ้าห่มเอาไว้จนแน่ ริมฝีปากของเขาก็มีเลือดซึมออกมาไม่น้อย คงเป็นเพราะว่าเขาเผลอไปกัดริมฝีปากของตนเองเอาไว้

"ผลของยาระงับสะท้อนกลับแล้ว"

"เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี ท่านหมอหลงต้องรีบช่วยเขานะเจ้าคะ"

"ที่ข้าทำได้ล้วนทำจนหมดแล้ว"

"...." ได้ยินท่านหมอพูดเช่นนี้ หลิวซือนัวถึงขั้นเงียบลงไปครู่หนึ่งเลย

หมอเพียงหนึ่งเดียวของที่นี่เอ่ยว่าช่วยไม่ได้แล้ว เช่นนั้นนางยังจะทำสิ่งใดได้อีก

ท่านหมอหลงมองคนไข้ของตนอย่างเวทนา เขาถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ข้างเตียง

"แม่นางหลิว เจ้าก็จงเฝ้าอยู่ที่นี่เถิด หากฤทธิ์ของพิษสงบลงแล้วก็จงมาบอกข้า ข้าจะลองไปปรุงสมุนไพรสูตรใหม่ให้เขาดู" เอ่ยจบตนก็เดินออกจากห้องไป

ท่านหมอหลิวออกไปแล้ว ยามนี้จึงเหลือเพียงแค่นางกับเขาเท่านั้น หลิวซือนัวไม่รู้ว่าเวลานี้นางควรทำอะไร นั่งนิ่งดูเขาทรมานด้วยน้ำตานองเต็มหน้าเพราะความสงสารอยู่พักหนึ่ง ถึงได้ยกมือปาดน้ำตาที่แก้มตนออกอย่างลวกๆ

แล้วจึงได้ลุกไปตักน้ำมาถังหนึ่ง ก่อนจะใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดตามใบหน้าที่ดูเจ็บปวดเป็นอย่างมากของเขา

ยาของท่านหมอหลงช่วยเขาไม่ได้แล้ว คงต้องให้เขาพึ่งพากำลังของตัวเองในการต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตแล้ว

นางเองนอกจากช่วยอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้วก็ไม่มีสิ่งใดทำได้อีก

"คุณชายอวี้ ไม่ต้องกลัว มีข้าอยู่กับท่าน" นางเอ่ยขึ้น มือเรียวสวยเอื้อมไปกุมมือใหญ่ของเขาเอาไว้ข้างหนึ่ง และจะกุมมันเอาไว้เช่นนี้ตลอดจนกว่าเขาจะสามารถผ่านความเจ็บปวดนี้ไปได้

นางหวังว่าความเจ็บปวดของเขาจะผ่านไปโดยเร็ว หวังว่าเขาจะไม่ต้องเจ็บปวดนานเกิดไปนัก

แต่หารู้ไม่ว่าผู้ที่กำลังถูกฤทธิ์ของพิษร้ายกล้ำกรายอยู่นั้น ยามเมื่อรู้สึกได้ว่าตนเองถูกห่วงใยและมีคนผู้หนึ่งที่เป็นห่วงเขาอย่างแท้จริงและพร้อมจะอยู่เคียงข้างเขา เป็นเพื่อนข้ามผ่านความเจ็บปวดนี้ไปด้วยกันนั้นเขารู้สึกว่าตนได้รอดผลจากความเจ็บปวดใด ๆ แล้ว

ต่อจากนี้แค่มีนางความเจ็บปวดใด ๆ ที่กล้ำกรายเข้ามาเข้าไม่เกรงกลัวอีกต่อไปแล้ว และพร้อมจะสู้กับมันสุดกำลัง

สองชั่วยามต่อมา ในที่สุดความทรมานแสนสาหัสก็จบลง อวี้หนานไห่สู้อย่างสุดกำลังก่อนจะสลบไปในที่สุด

นางตามท่านหมอหลงเข้าในห้องต้มยา เห็นหม้อต้มยาหลายหม้อถูกต้มอยู่บนเตา

ยาเหล่านี้จะมีที่สามารถช่วยเขาได้บ้างหรือไม่นะ

"เขาจะรอดใช่ไหมท่านหมอหลง" นางเอ่ยถามขึ้น

ท่านหมอหลงไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาเพียงแค่ยืนนิ่งๆเพียงเท่านั้น แต่สีหน้าของท่านหมอหลงกับแสดงออกซึ่งคำตอบทุกอย่างแล้ว

ยามนี้ท่านหมอหลงหมดสิ้นหนทางแล้ว

"ทางรอดเดียวของเขาคือ ท่านอาจารย์ของข้าเท่านั้น เขาเท่านั้นที่จะสามารถช่วยรักษาชีวิตคุณชายอวี้ได้"

"แต่พวกเราไม่มีเวลารอแล้วนะเจ้าคะ ต้องรออีกนานเท่าไหร่กัน"

"ไม่ต้องรอแล้ว พวกเจ้ากำลังรอข้าอยู่อย่างนั้นหรือ เหมือนจะมีใครต้องการข้าอยู่นะ"

นางหันไปมองตามเสียงที่ดังขึ้นมา ก่อนจะพบเด็กชายผู้หนึ่งที่เพิ่งเข้ามาในห้องต้มยาแห่งนี้

เด็กผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีรูปร่างผอมแห้ง แสดงว่าไม่ใช่คนของหมู่บ้าน เด็กคนนี้เป็นใครกัน?

"ลูกชายของท่านหมอหลงหรือ"

เสียงหัวเราะของท่านหมอหลงดังขึ้นทันทีที่นางถามขึ้น เขาหัวเราะจนถึงขั้นสำลักน้ำลายของตนเอง

"น่าขันนักหรืออย่างไร ไม่ใช่ว่าเจ้าอยากยุติความสัมพันธ์ระหว่างศิษย์กับอาจารย์กับข้า เช่นนั้นก็ใช้มีดปลิดชีพตัวเองเสียเดี๋ยวนี้เถอะ"

เด็กผู้ชายคนนี้กล่าว ก่อนจะส่งมีดเล่มหนึ่งให้ท่านหมอหลงด้วยท่าทีจริงจังอย่างยิ่ง

ท่านหมอหลงเปลี่ยนท่าทีทันที เขารีบร้อนรับมีดที่ถูกลงมาให้อย่างอ่อนน้อม

"ท่านอาจารย์โปรดอย่างได้ถือโทษศิษย์เลยขอรับ ท่านมาเหนื่อย ๆ ไม่สู้ให้ศิษย์ยกน้ำชาปรนนิบัติท่าน"

นางได้ยินทุกคำพูดที่ท่านหมอหลงเอ่ยกับเด็กผู้ชายผู้นี้ อีกทั้งท่าทีที่ท่านหมอหลงปฏิบัติกับเขาก็ช่างให้ความเคารพยิ่งนัก

"ท่านหมอหลง เด็กผู้นี้คือ..."

"ท่านผู้นี้คือท่านอาจารย์ของข้าเอง ท่านแซ่อู๋ มีนามเดียวว่าอิน ท่านคือท่านหมอเทวดาอู๋อินผู้เรื่องชื่อ"

ถ้าไม่เห็นกับตาไม่ได้ยินกับหู หลิวซือนัวคิดว่าตัวเองก็คงไม่เชื่ออย่างแน่นอนว่าเด็กผู้ชายที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินสิบขวบเช่นนี้จะเป็นหมอเทวดา อีกทั้งเป็นอาจารย์ของท่านหมอหลง

นางหาจังหวะที่ท่านหมอหลงอยู่ตัวคนเดียวสอบถามเขาว่าใช่เรื่องจริงหรือไม่ เกี่ยวกับท่านหมออู๋อินที่ดูเด็กขนาดนี้

สุดท้ายจึงได้รับคำตอบพร้อมกับการยืนยันจากท่านหมอหลงว่าท่านหมออู๋อินผู้นี้คืออาจารย์ของตนแน่ ไม่มีอะไรผิดพลาดทั้งสิ้น

เขารู้ว่าที่นางกังวลใจเพราะรูปลักษณ์ภายนอกของอาจารย์ของเขาที่ไม่ต่างจากเด็ก ท่านหมอหลงยืนยันกับนางว่ารูปลักษณ์นี้ของอาจารย์ของเขานั้นเป็นเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบ

รูปลักษณ์ของท่านอาจารย์นั้นไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ไม่ว่าจะรูปร่างหน้าตา ส่วนสูง หรือนี้จะเป็นสิ่งพิเศษสำหรับหมอเทวดาเท่านั้นที่จะมีรูปลักษณ์เช่นเดิมตลอดไป

ท่านหมอหลงเองก็บอกมาว่าเขาเองก็เคยสอบถามท่านอาจารย์ว่านั่นคือพรจากสวรรค์ใช่หรือไม่ แต่อาจารย์อู๋อินกับตอบกับมาว่า

"นี่คือคำสาปต่างหาก"

"ถ้าข้ากลับมาช้าแค่เพียงอีกครึ่งวันเท่านั้น บุรุษผู้นั้นคงเหลือแค่เพียงซากศพแล้ว" น้ำเสียงปกติเอ่ยขึ้น เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หลิวซือนัวมองท่านหมออู๋อินซึ่งกำลังเขียนใบสั่งยาต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการรักษาคุณชายอวี้เพื่อให้ท่านหมอหลงไปเตรียมต้มยารักษา

"ท่านหมออู๋ ท่านสามารถรักษาเขาได้ใช่ไหมเจ้าคะ"

"รักษาชายผู้นั้นสำหรับข้าง่ายเพียงแค่พลิกฝ่ามือเท่านั้น"

ตอบคำถามนางเสร็จ ท่านหมออู๋ก็เดินจากไปทันที เหลือเพียงท่านหมอหลงเท่านั้นที่ยังรั้งรออยู่ภายในห้อง

"ท่านอาจารย์ฝีมือแพทย์สูงส่ง ข้าเทียบท่านไม่ได้เลย แม่นางหลิวเบาใจเถอะ หลังจากได้ดื่มยาของท่านอาจารย์เขาก็จะดีขึ้นในไม่ช้า"

"รบกวนท่านหมอหลงกับท่านอาจารย์หมออู๋แล้ว"

"มีอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกแม่นางหลิวอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกแม่นางแล้วว่ามีศิษย์น้องอยู่อีกผู้หนึ่ง นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านแห่งนี้ แม้จะเป็นคนในหมู่บ้านแต่นิสัยนางต่างจากคนอื่น ๆ ยามนี้นางกลับไปหาพ่อที่บ้าน อีกไม่นานก็คงจะมาหาท่านอาจารย์ หากแม่นางหลิวเจอกับนางก็อย่าได้กังวลไปเลย ทักทายได้ตามปกติ"

"ขอทราบแล้ว ขอบคุณท่านหมอหลงที่เป็นห่วง เรื่องยาของคุณชายอวี้ก็ต้องรบกวนท่านหมอหลงกับท่านหมออู๋แล้ว"

ช่วงค่ำของวัน เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับจางซี ลูกสาวหัวหน้าหมู่บ้านตู๋ชือซึ่งเป็นศิษย์น้องของท่านหมอหลง

จางซีผู้นี้เป็นสตรีที่มีรูปร่างผอมบางยิ่งกว่าสตรีทั่วไป ใบหน้าซูบตอบไม่ต่างอะไรกับคนป่วย แน่นอนว่าหากเทียบกับนางซึ่งค่อนข้างอวบอิ่มกว่าสตรีทั่วไปแล้วยิ่งมองเห็นว่าแตกต่างกันมาก

หลิวซือนัวไม่รู้ว่าเหตุใดจึงมีหมู่บ้านที่มีแต่คนหุ่นผอมบางเช่นนี้ได้ คนเหล่านี้กับโครงกระดูกแทบจะแยกกันไม่ออกเสียด้วยซ้ำ

ช่างต่างกับคนปกติเป็นอย่างยิ่ง หากพวกเขาออกไปสู่โลกภายนอกจะต้องถูกหวาดกลัวแน่ ยิ่งกว่านั้นอาจจะถูกเข้าใจผิดคิดว่าพวกเขาไม่ใช่คนเสียด้วยซ้ำ

"ข้านำอาหารมาให้พวกเจ้า" จางซีเอ่ยขึ้นกับสตรีตรงหน้าหลังจากที่นางยืนขมวดคิ้วด้วยความตกใจอยู่ครู่หนึ่งทีเดียว เมื่อได้เห็นแม่นางหลิวที่ศิษย์พี่ของนางได้ให้ความช่วยเหลือเอาไว้

"ขอบคุณแม่นางจางมาก" หลิวซือนัวรีบเดินไปรับถาดอาหารที่ถูกยกมาให้ ก่อนจะวางลงที่โต๊ะใกล้ๆตน

"แม่นางหลิวไม่ต้องเกรงใจ ศิษย์พี่ช่วยท่านกับบุรุษผู้นั้นเอาไว้ ข้าย่อมต้องช่วยศิษย์พี่ดูแลพวกท่านให้ดี อย่าได้เกรงใจไปเลย"

"รบกวนแม่นางจางต้องมาดูแลเช่นนี้ หากมีโอกาสข้าจะต้องตอบแทนท่านทุกคนแน่"

"พวกข้าศิษย์อาจารย์ช่วยเหลือโดยไม่เคยหวังผลตอบแทน ส่วนเรื่องคนในหมู่บ้านแม่นางหลิวไม่ต้องกังวลไป ข้าจะช่วยไม่ให้พวกเขาพบเจอพวกท่านแน่"

"แม่นางจางเอ่ยเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกเบาใจแล้ว"

"ข้าไม่อยู่กวนแม่นางหลิวแล้ว รีบรับประทานอาหารเสียเถอะ อาหาร เหล่านี้ต้องรับประทานตอนที่ยังร้อนๆอยู่จึงจะไม่เสียรสชาติ ส่วนโจ๊กของ คุณชายอวี้ประเดี๋ยวได้ทีแล้วข้าจะนำมาให้"

เมื่อทำหน้าที่ส่งอาหารเสร็จสิ้น จางซีก็เดินออกมาจากห้องพักแขก

นางเดินไปก็นึกไปถึงใบหน้างามอวบอิ่มของแม่นางหลิวคนเมื่อกี้

โชคดีที่คนในหมู่บ้านยังไม่มีใครมาเจอแม่นางหลิวผู้นี้ เพราะถ้าหาก เจอนางย่อมต้องเป็นอันตราย แม้แต่นางหรือท่านอาจารย์ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยแม่นางหลิวได้

ก็ในเมื่อแม่นางหลิวผู้นี้ ดันมีใบหน้าเหมือนกับสตรีที่เหมาะแก่การ บูชายัญแด่เทพเจ้าที่สุด ซ้ำยังมีรูปวาดถูกวาดเอาไว้ในคัมภีร์โบราณอายุกว่า ร้อยปีซึ่งถือเป็นหนึ่งในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ประจำหมู่บ้านอีกด้วย

หากแม่นางหลิวถูกคนในหมู่บ้านพบเห็นเข้า สุดท้ายแล้วจะต้อง กลายเป็นเครื่องบูชายัญมนุษย์อย่างแน่นอน นางจะต้องรีบไปบอกเรื่องนี้กับ อาจารย์และศิษย์พี่โดยเร็วที่สุดจะได้รีบหาทางส่งแม่นางหลิวออกจาก หมู่บ้านไปโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เรื่องใหญ่จะเกิดขึ้น

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 13 สตรีผู้มีรูปโฉมดั่งในคัมภีร์

    ตอนที่ 13สตรีผู้มีรูปโฉมดั่งในคัมภีร์จางซีรีบร้อนหมายจะเดินไปบอกอาจารย์เกี่ยวกับรูปเหมือนของแม่นางหลิวที่นางเคยเห็นอยู่ในคัมภีร์โบราณของหมู่บ้าน ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เข้าไปแจ้งต่อท่านอาจารย์และศิษย์พี่หลงถึงเรื่องนี้ท่านพ่อของนางหรือก็คือหัวหน้าหมู่บ้านตู๋ชือ ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่เรือนหมอท้ายหมู่บ้านได้ ทั้งที่ในตามปกติแล้วหากท่านต้องการพบนางก็มักจะใช้ลูกพี่ลูกน้องของนางหรือไม่ก็คนในหมู่บ้าน ให้มาตามนางให้ไปพบ เนื่องด้วยขาข้างขวาของท่านพ่อของนางเดินเหินไม่สะดวกเพราะโรคเรื้อรัง จึงไม่เคยมาด้วยตนเองเลยสักครั้งครั้งนี้น่าแปลกที่ท่านพ่อกับเดินมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่ารู้เรื่องของคนทั้งสองที่ศิษย์พี่ของนางได้ช่วยเอาไว้หรอกนะ แต่นางอาจจะคิดมากไปเอง เพราะหากท่านพ่อล่วงรู้ว่ามีคนนอกอยู่ในหมู่บ้านจริง คงพาคนมาหลายคนเพื่อจับตัวกลับไปแล้ว ไม่มีนางมาคนเดียวเช่นนี้"ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่ด้วยตัวเองได้เช่นไร อยากพบข้าหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ให้คนอื่นมาเรียกข้าเล่า" จางซีเอ่ยถามบิดาตน นางยิ้มแย้มเอ่ยถามอย่างปกติ พยายามไม่แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ "พ่อไม่ได้มาท้ายหมู่บ้านนานแล้ว ในฐานะหัวหน

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 14 พิธีรำลึกองค์เทพ

    ตอนที่ 14พิธีรำลึกองค์เทพพิธีรำลึกองค์เทพ ของหมู่บ้านตู๋ชือ คือพิธีที่ทุกคนในหมู่บ้านจะต้องร่วมกันสวดวิงวอนและขอบคุณในความเมตตาขององค์พิธีนี้ช่วงกลางวันจะให้ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ณ ลานพิธีในหมู่บ้าน ซึ่งทุกคนจะร่วมกันสวดบูชาองค์เทพโดยไม่กินหรือดื่มสิ่งใดจนกว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วจึงอนุญาตให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ อีกทั้งในยามค่ำคืนก็จะเป็นการร่ายรำบูชาองค์เทพ โดยจะมีการร่ายรำไม่หยุดตลอดทั้งคืน ทุกคนในหมู่บ้านห้ามไม่ให้มีผู้ใดไม่เข้าร่วมพิธีรวมไปถึงออกจากพิธีกลางคันก็ไม่ได้ พิธีรำลึกนี้จัดจะจัดโดยคำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น โดยที่จะมีตระกูลร่างทรงเทพประจำหมู่บ้าน เป็นผู้เลือกสรรวันเวลา ที่หมู่บ้านตู๋ชือแห่งนี้ห่างหายจากการทำพิธีรำลึกเช่นนี้ไปกว่าสิบปีแล้ว เพราะทางตระกูลร่างทรงเทพประจำหมู่บ้านไม่ได้มีการเอ่ยสั่งให้จัด เนื่องด้วยไม่ได้มีฤกษ์งามยามดีที่เหมาะแก่การจัดพิธีนี้แปลกที่ผ่านมาสิบปี อยู่ ๆ พิธีรำลึกองค์เทพนี้ก็ถูกสั่งให้จัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าจางซีบอกเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับพิธีรำลึกให้อาจารย์กับศิษย์พี่ของนางฟัง "มีอีกเรื่องห

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 15 เรื่องราวที่อยู่ในใจ

    ตอนที่ 15 เรื่องราวที่อยู่ในใจ"เสี่ยวไห่ ข้าอยากจะไปล่าสัตว์ในป่าซะหน่อย อยู่แต่ในเมืองเช่นนี้รู้สึกอุดอู้ยิ่งนัก เจ้าจะไปกลับข้าหรือไม่""พี่เฟิงชวนข้าทั้งที ข้าย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว""ดีมาก เจ้าสมกับเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับข้า!!!""ข้าขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ล่าสัตว์ก่อนก็แล้วกันพี่รอข้าสักเดี๋ยวก่อน""ไม่มีปัญหา เจ้ารีบไปนำของ ๆ เจ้ามาเถอะ""พี่เฟิง ผู้ติดตามของข้ากู่เหอไม่อยู่ คงใกล้กลับแล้ว เดี๋ยวข้าขอส่งจดหมายไปเรียกเจ้านั้นให้ตามพวกเราไปล่าสัตว์ด้วยจะดีกว่า พี่เฟิงคงยังไม่ทราบเจ้ากู่เหอล่าสัตว์เก่งทีเดียว""เสี่ยวไห่ พี่ว่าเจ้าไม่ต้องเรียกคนของเจ้าให้ตามมาหรอก กว่าคนของเจ้าจะมาพวกเราก็คงล่าสัตว์กันเสร็จแล้ว พวกเราไปกันสองคนเช่นนี้ล่ะดีแล้ว""พี่เฟิง กล่าวเช่นนี้ ก็เอาตามที่พี่เฟิงว่า พวกเราสองคนพี่น้องเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วยกันแค่สองคน""หนานไห่ เหมือนว่าเจ้าจะยิงถูกหมาป่าตัวหนึ่งเข้าแล้ว เจ้ารีบลงไปดูฝีมือการยิงธนูของเจ้าเถอะ"เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรเอ่ยกับเขา อวี้หนานไห่ ลงจากม้าตรงไปยังจุดที่ธนูของเขายิงออกไปเมื่อครู่ ก็พบว่าธนูที่ยิงออกมานั้นยิงถูกเจ้าหมาป่าตัวหนึ่งจริง ๆ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 16 เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน

    ตอนที่ 16เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็จะออกจากเขตของหมู่บ้านไปได้แล้ว หากไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ไม่รู้ว่าพวกบุรุษสูงใหญ่กว่าสิบคนนี้โผล่มาจากที่ใดกัน พอรู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในวงล้อมของพวกเขาเข้าซะแล้ว"ในหมู่บ้านกำลังจะจัดพิธีสำคัญขึ้น พวกท่านไม่อยู่แล้วตามคำเชิญของข้าซะหน่อยหรือ"เสียงดังเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มคนที่ล้อมพวกนางเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะฝ่าเข้ามาในวงล้อมเพื่อเผชิญหน้ากับพวกนาง"ท่านพ่อ..." เพียงคำเดียวที่แม่นางจางซีเอ่ยออกมาก็ทำให้หลิวซือนัวรู้สถานะของคนที่น่าจะเป็นผู้นำคนเหล่านี้มาล้อมพวกนางเอาไว้ได้ในทันที"ซีเอ๋อร์ เจ้าจะพา แขก ออกไปจากหมู่บ้านได้อย่างไร ทุกเรื่องในหมู่บ้านมิใช่ต้องให้พ่อเป็นคนสั่งการหรือ แต่เจ้ากับมีความคิดซ้ำยังกระทำการปิดบังเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน""ท่านพ่อ...ข้าแค่..."สีหน้าของแม่นางจางซียามนี้ช่างดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำแววตายังสั่นไหวแฝงไปด้วยความหวาดกลัวดังกล่าว"แค่เห็นคนอื่นดีกว่าพ่อแท้ ๆ ดีกว่าคนในหมู่บ้าน" เสียงเย็นของผู้เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้นกับผู้เป็

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 17 วาระสุดท้าย และความจริงทั้งหมด

    ตอนที่ 17วาระสุดท้าย และความจริงทั้งหมดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ บุรุษผู้มีผ้าคาดปกปิดดวงตาอยู่ในขณะนี้ยืนอยู่ท่ามกลางกองศพที่นอนแน่นิ่งอยู่บนอันเยือกเย็นมือทั้งสองข้างของเขาในยามนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดของคนที่ถูกเขาสังหารด้วยมืดสั้นที่เขาพกติดตัวอยู่เสมอ"คิดไม่ถึงว่าคนตาบอดอย่างเจ้าจะฆ่าคนได้โหดเหี้ยมเช่นนี้" หัวหน้าหมู่บ้านจางเอ่ยขึ้น เพื่อจะถ่วงเวลาหวังให้คนของตนที่ยังเหลืออยู่ค่อย ๆ ขยับเข้าไปล้อมเจ้าบุรุษตาบอดนี้เอาไว้สตรีผู้นั้นกับหมอสองคนหนีไปได้แล้ว เขาไม่อาจเสียเหยื่อบูชายัญคนสุดท้ายที่เหลือไปได้อีก อย่างไรก็ต้องจับบุรุษตาบอดผู้นี้ไปบูชายัญให้ได้"เจ้ายังนำคนเป็น ๆ ไปเผาบูชายัญได้เลย เหตุใดข้าจะทำบ้างไม่ได้" อวี้หนานไห่ตอกกลับไป เขาไม่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นที่ผู้เฒ่าแซ่จางผู้นี้กำลังทำ แต่เขาฆ่าเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น คนที่ถูกเขาฆ่าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ต้องการฆ่าเขาทั้งนั้น คนเหล่านี้จบชีวิตลงไปก็สมควรแล้ว"พูดได้ดี เอาไว้ข้าได้เจ้ามาเป็นเครื่องบูชายัญเมื่อไหร่ ข้าสัญญาว่าจะค่อย ๆ กรีดเนื้อของเจ้าออกมาทีละนิด ๆ ก่อนจะเผาให้เจ้าตายไปช้า ๆ ก็แล้วกัน""วิปลาส""ข้า

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 18 หวังว่าจะได้พบกันอีก

    ตอนที่ 18หวังว่าจะได้พบกันอีกอวี้หนานไห่ในสภาพหมดสติ ถูกพากลับมายังกระโจมแทบชายป่า ท่านหมอเทวดาอู๋อินตรงร่างกายของชายหนุ่มแล้วจึงทราบว่าชายหนุ่มนั้น ถูกผงยาสลบที่มีฤทธิ์ขัดกับยาที่ใช้รักษาตัวอยู่ จึงทำให้สลบไปนานเช่นนี้ ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าเขาจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง ท่านหมออู๋อินยังเอ่ยอีกว่า พิษในร่างกายของชายหนุ่มถูกถอนออกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ที่ดวงตาเท่านั้นที่จะต้องรักษาต่ออีกหน่อย แล้วก็จะกลับมามองเห็นได้ดีดังเดิม"ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ" กู่เหอเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก แม้ตนจะเพิ่งพบเจอเรื่องไม่คาดคิดมาก็ตาม แต่ได้ยินว่าคุณชายของเขารอดพ้นจากความตายได้แล้วกู่เหอก็รู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่ง เขาโค้งคำนับท่านหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้ง ซ้ำยังเชื่อฝีมือการรักษาของท่านหมอ เมื่อครู่ท่านหมอเอ่ยว่าคุณชายเขาจะฟื้นในไม่กี่วัน กู่เหอก็เชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่อย่างไม่เคลือบแคลงใด ๆ เลย"มีสูตรยาที่ใช้ประคบดวงตาของคุณชายเจ้า เอาไว้ข้าเขียนเสร็จแล้วจะให้คนนำมาให้ก็แล้วกัน ยาที่ข้าจะเขียนให้ เป็นยาประคบที่ต้องเปลี่ยนทุก ๆ ห้าชั่วยาม ประเดี๋ยวข้าจะเขียนกำกับเอาไว้ให้อย่างละเอ

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 19 จากวันนั้น

    ตอนที่ 19จากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่นางกลับมาบ้านที่เป่ยโจวก่อนหน้านี้ใครจะคิดเล่าว่า ท่านแม่ผู้เจ้าน้ำตาของนางจะเดินทางไปถึงครึ่งทางเพื่อรับนางกลับมาที่บ้านด้วยตัวเองอีกทั้งเมื่อกลับมาถึงจวนสกุลหลิวแล้ว หนึ่งเดือนมานี้ท่านแม่แทบจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาเลยแม้แต่สักครึ่งก้านธูปก็มิได้ตกดึกก็หอบหมอนหอบผ้าห่มมานอนที่เรือนของนาง อีกทั้งท่านแม่ที่รักของนางจะไม่ยอมหลับก่อนนางเด็ดขาด หากไม่เห็นนางหลับกับตาตัวเองท่านแม่ย่อมไม่ยอมหลับเด็ดขาด ทำเอาท่านพ่อ พี่ใหญ่นางที่ยามนี้กลับมาอยู่ที่เมืองเป่ยโจวชั่วคราววุ่นวายกันยกใหญ่ได้ฟังจากเสี่ยวหนิงว่า ตอนที่นานหายตัวไป เมื่อท่านแม่รู้ข่าวเขาก็เป็นลม อีกทั้งยังล้มป่วยอยู่นาน แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่ของนางก็ยืนยันจะต้องเดินทางไปหานางให้ได้แม้พี่ใหญ่จะส่งข่าวถึงท่านแม่ว่าพบตัวนางแล้ว และกำลังพานางกลับบ้านแต่ท่านแม่ก็ไม่ยอม มารดานางยืนยันว่าอย่างไรก็จะต้องเดินทางไปพบนางให้เห็นกับตาให้ได้ว่าตัวนางนั้นปลอดภัยดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นข่าวใดนางก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"ดื่มซุปอีกสักหน่อยเถิดลูกแม่ เจ้าเพิ่งหายป่วย ต้องเร่งบำรุงร่างกายให้ดี" ท่า

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19
  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 20 พบกันอีกครั้ง

    ตอนที่ 20พบกันอีกครั้งหมู่ตึกอวี้ฟางในเวลานี้ครึกครื้นยิ่งนัก เป็นเพราะตั้งแต่ที่นายท่านอวี้กับฮูหยินอวี้เดินทางกลับมาจากต่างแคว้นแล้วนั้น ในทุก ๆ วันฮูหยินอวี้ที่ชื่นชอบการฟังดนตรี(ถึงแม้จะเป็นเพียงข้ออ้างก็เถอะ)ก็มักจะเรียก หญิงงามจากหอเลื่องชื่อในเมืองให้เข้ามาเล่นดนตรี บ้างก็ร่ายรำให้นางดูในเมืองเป่ยจูแห่งนี้แน่นอนว่าย่อมไม่มีฮูหยินเศรษฐีผู้มั่งคั่งใดทำเช่นนี้ นี่จึงเป็นเรื่องปกติไปแล้วหากเรื่องของฮูหยินอวี้จะถูกนำไปลือลับหลังอย่างขบขัน แม้ลับหลังจะพากันแอบนินทา ทว่าต่อหน้าต่างพากันชื่นชมทุกคนพูด ทุกการกระทำ แน่นอนว่าฮูหยินอวี้นั้นก็ไม่ได้คิดจะเก็บเรื่องนี้มาใส่ใจแม้แต่น้อยเพราะสิ่งที่นางเลือกจะใส่ใจย่อมจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของบุตรชายคนเดียวของนางเท่านั้น หลังจากที่กู่เหอส่งจดหมายไปบอกเรื่องดีที่สุดในชีวิตสำหรับนางว่าบุตรชายของนางนั้นรักษาพิษหายแล้ว อีกทั้งยังสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง ทุกอย่างสำหรับนางก็กลายเป็นเรื่องดีทั้งหมดนางและสามีรีบเร่งเดินทางกลับมาจากแคว้นข้าง ๆ ซึ่งพวกนางตั้งใจจะไปหาตำรับถอนพิษ อีกทั้งเชิญหมอที่เก่งที่สุดมาให้บุตรชายในทันทีเวลานี้เรื่องราวถึงชีวิตผ่

    Terakhir Diperbarui : 2024-12-19

Bab terbaru

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    รวมตอนพิเศษ

    ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 45 คำนับฟ้าดิน (จบ)

    ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 44 ความจริงใจของข้า

    ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 43 สู่ขอ

    ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 42 จาก

    ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 41 รัก

    ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 40 ผู้ใดจะแย่งนางไป ข้าไม่ยอม

    ตอนที่ 40ผู้ใดจะแย่งนางไป ข้าไม่ยอมตลอดสามวันที่เขาต้องเดินทางออกจากเมืองเป่ยจู ไม่มีวันใดเลยที่เขาไม่กังวลหรือคิดถึงนาง ยิ่งเรื่องที่ได้ตัวแม่นมเฉียวผู้ซึ่งเป็นคนอยู่เบื้องหลังการที่นางหมดสติไปด้วยแล้ว เขากับทางการมีการพูดคุยกันเอาไว้แล้วว่าเรื่องทุกอย่างต้องจัดการให้เรียบร้อยและเงียบที่สุด จะต้องไม่ให้มีเรื่องอะไรที่จะมากระทบต่อชื่อเสียงของนางได้เป็นอันขาดอวี้หนานไห่รู้สึกเสียดายที่ตนไม่ได้ไปจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็คิดเอาไว้ว่าหลิวเค่อพี่ชายของหลิวซือนัวคงจัดการต่อไปได้ดีเช่นกัน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกเบาใจได้เปราะหนึ่ง เมื่อเขากลับเข้ามาในเมืองเป่ยจู ก็สั่งให้รถม้าจอดที่ร้านขนมชื่อดังที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออกทิศตะวันตกเพื่อซื้อขนมจากร้านนี้ติดมือไปฝากหลิวซือนัว แม้เขาจะมีของฝากขึ้นชื่อจากพื้นที่ ๆ เขาเพิ่งกลับมาอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากเอาของฝากกลับไปให้นางหลาย ๆ อย่าง นางจะได้ดีใจที่ได้เห็นของฝากมากมายจากเขาในระหว่างที่รอให้ทางร้านห่อขนมที่เขาสั่งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน รวมไปถึงขนมที่เขาเพิ่งเลือกซื้อเพิ่มเติมอยู่นั้น ก็มีสตรีวัยกลางคนสองคนก้าวเข้ามาเลือกซื้อขน

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 39 ร้องขออย่างจริงใจ

    ตอนที่ 39ร้องขออย่างจริงใจเช้าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่แสนจะวุ่นวายสำหรับหลิวซือนัว ตั้งแต่เช้าพี่ใหญ่ให้คนมาเรียกนางไปพบก่อนจะบอกนางว่าทางการพบตัวคนที่เป็นคนใส่ยาบางอย่างในดอกไม้จนทำให้นางหมดสติพลัดตกน้ำไปจนเกือบตายแล้วพี่ใหญ่ยังเอ่ยอีกว่าพรุ่งนี้ทางการต้องการให้นางเข้าไปเพื่อสอบปากคำบางอย่าง การไต่สวนคดีนี้จะทำโดยเงียบเชียบไม่ให้ภายนอกรู้ เพื่อให้ไม่เป็นที่เล่าลือกันไปผิด ๆ หลิวซือนัวเองก็คิดว่าจัดการเรื่องราวเหล่านี้ ให้เสร็จเงียบ ๆ จะดีซะกว่า เพราะว่านอกจากคนในครอบครัวและอวี้หนานไห่แล้วก็ไม่มีใครอื่นรู้ว่าเรื่องที่นางหมดสติพลัดตกทะเลไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุพรุ่งนี้ไปที่ศาลประจำเมืองนางก็จะได้รู้แล้วว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังและ ต้องการทำร้ายนาง อีกเพียงแค่วันเดียวนางก็จะรู้แล้วว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่ ต้องการให้นางตายหนำซ้ำยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้หลังจากที่นางกลับเรือนพักของตนมาได้ไม่นาน ก็มีสาวใช้มาแจ้งว่ามีคนมาของพบนาง "คุณหนูเจ้าค่ะ สาวใช้ที่เรือนหน้ามาแจ้งว่ามีคนมาขอพบท่านเจ้าค่ะ นางบอกว่าเป็นคุณหนูหยวนจือจากสกุลเวินมาขอพบท่าน" เสี่ยวหนิงเอ่ยรายงาน ตามที่สาวใช้ที่มาแจ้ง

  • ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง    ตอนที่ 38 ไม่อยากบอกลา

    ตอนที่ 38ไม่อยากบอกลา“ในเมืองเป่ยจู เจ้าคงเป็นบุรุษที่น่าอิจฉาที่สุด”“ทำไมเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้” เขาถามออกมาอย่างไม่เข้าใจนัก เมื่ออยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาซะอย่างนั้น“รอบตัวเจ้า มีสตรีงดงามมากมายรายล้อมอยู่ บุรุษใดบ้างจะไม่อิจฉา” นางเอ่ยตอบเขา ก่อนจะพยักพเยิดไปทางที่เหล่าแม่นางจากหอหยวนหมิงรวมตัวเตรียมพร้อมจะลงเรืออยู่"ข้าไม่เคยสนใจพวกนาง" เขาตอบไปในทันที"เป็นไปไม่ได้ที่บุรุษจะไม่สนใจสตรี ยิ่งสตรีแสนงามด้วยแล้ว" "เป็นไปได้ ข้านี่ไง""หากพวกนางมาได้ยินเข้าคงจะเสียใจแย่""เรื่องนั้นข้าไม่เคยคิดที่จะสนใจ" เขาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ในชีวิตเขามีสตรีที่เขาจะให้ความสนใจเพียงแค่สามคนก็พอแล้ว แค่ ท่านแม่ น้องสาว และนางเท่านั้นไม่นานผู้ดูแลหอหยวนหมิงผู้ที่เคยขวางไม่ให้นางเข้าไปในหอก็เข้ามาหา"คารวะนายน้อยอวี้ คารวะคุณหนูหลิว" เจ๋อเหนียงเอ่ยขึ้นก่อนจะโค้งให้คนทั้งคู่"แม่นางเจ๋อเหนียง พวกเราพบกันอีกแล้วนะ" นางเอ่ยทักขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร "ครั้งก่อนเป็นข้าไม่รู้ความ จึงได้กระทำการล่วงเกินคุณหนู ข้าต้องขออภัยด้วยนะเจ้าค่ะ" นางรู้ดีว่าตนควรขออภัยคุณหนูตรงหน้า อีกทั้งไม่ควรจะทำอะไรที่เป็นก

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status