ตอนที่ 12หมอเทวดาอู๋อินดึกสงัด คืนนี้อยู่ ๆ นางก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกไม่ใคร่จะสบายใจนัก เจ้าของมือเรียวสวยรินน้ำใส่ชาม ก่อนจะยกดื่มหมดชามในคราเดียว ไม่ใช่ว่านางรู้สึกกระหาย เพียงต้องการให้ร่างกายได้รับความสดชื่นเพิ่มเข้ามาเพียงเท่านั้นแต่ก็ดูเหมือนน้ำเต็มชามนั้นจะไม่ได้ช่วยให้ใจนางสงบลงได้เลยร่างบางจึงลุกขึ้นสวมใส่เสื้อตัวนอกให้เรียบร้อย หมายจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อยให้ได้ผ่อนคลายบางตั้งแต่ที่ต้องอยู่ที่หมู่บ้านตู๋ชือแห่งนี้ ทุกวันคืนผ่านพ้นไปได้อย่างไม่ค่อยง่ายดายนัก ต้องคอยหลบซ่อนกลัวว่าจะถูกพบเห็นเข้า ในทุกๆวันนางไม่อาจแสดงความกังวลใจออกมาได้ จำต้องเก็บเอาไว้ภายในใจ และแสดงความร่าเริงออกมาแทน คุณชายอวี้ผู้นั้นค่อนข้างมืดมนทีเดียว ในใจเขาน่าจะมีเรื่องราวในด้านร้ายๆให้ค่อยคิดอยู่ตลอดเวลา หากเพิ่มความกังวลใจต่างๆของนางเข้าไปอีก ผลลัพธ์ก็คงจะเลวร้ายยิ่งกว่าแล้วนางก็คิดว่านางคิดถูกแล้วที่แสดงท่าทีร่าเริงออกมา หลายวันมานี้มันทำให้คุณชายอวี้นั่นผ่อนคลายลงได้อย่างมาก และนางคิดว่านั่นเป็นการดีต่อการรักษาของเขาเป็นอย่างมากรวมถึงทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูเหมือนว่าจะเข้าที่เข้าทางเช่นกัน
ตอนที่ 13สตรีผู้มีรูปโฉมดั่งในคัมภีร์จางซีรีบร้อนหมายจะเดินไปบอกอาจารย์เกี่ยวกับรูปเหมือนของแม่นางหลิวที่นางเคยเห็นอยู่ในคัมภีร์โบราณของหมู่บ้าน ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เข้าไปแจ้งต่อท่านอาจารย์และศิษย์พี่หลงถึงเรื่องนี้ท่านพ่อของนางหรือก็คือหัวหน้าหมู่บ้านตู๋ชือ ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงมาอยู่ที่เรือนหมอท้ายหมู่บ้านได้ ทั้งที่ในตามปกติแล้วหากท่านต้องการพบนางก็มักจะใช้ลูกพี่ลูกน้องของนางหรือไม่ก็คนในหมู่บ้าน ให้มาตามนางให้ไปพบ เนื่องด้วยขาข้างขวาของท่านพ่อของนางเดินเหินไม่สะดวกเพราะโรคเรื้อรัง จึงไม่เคยมาด้วยตนเองเลยสักครั้งครั้งนี้น่าแปลกที่ท่านพ่อกับเดินมาถึงที่นี่ด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่ารู้เรื่องของคนทั้งสองที่ศิษย์พี่ของนางได้ช่วยเอาไว้หรอกนะ แต่นางอาจจะคิดมากไปเอง เพราะหากท่านพ่อล่วงรู้ว่ามีคนนอกอยู่ในหมู่บ้านจริง คงพาคนมาหลายคนเพื่อจับตัวกลับไปแล้ว ไม่มีนางมาคนเดียวเช่นนี้"ท่านพ่อ ท่านมาที่นี่ด้วยตัวเองได้เช่นไร อยากพบข้าหรือเจ้าคะ ทำไมไม่ให้คนอื่นมาเรียกข้าเล่า" จางซีเอ่ยถามบิดาตน นางยิ้มแย้มเอ่ยถามอย่างปกติ พยายามไม่แสดงท่าทีผิดปกติใด ๆ "พ่อไม่ได้มาท้ายหมู่บ้านนานแล้ว ในฐานะหัวหน
ตอนที่ 14พิธีรำลึกองค์เทพพิธีรำลึกองค์เทพ ของหมู่บ้านตู๋ชือ คือพิธีที่ทุกคนในหมู่บ้านจะต้องร่วมกันสวดวิงวอนและขอบคุณในความเมตตาขององค์พิธีนี้ช่วงกลางวันจะให้ทุกคนในหมู่บ้านมารวมตัวกัน ณ ลานพิธีในหมู่บ้าน ซึ่งทุกคนจะร่วมกันสวดบูชาองค์เทพโดยไม่กินหรือดื่มสิ่งใดจนกว่าพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วจึงอนุญาตให้รับประทานอาหารและดื่มน้ำได้ อีกทั้งในยามค่ำคืนก็จะเป็นการร่ายรำบูชาองค์เทพ โดยจะมีการร่ายรำไม่หยุดตลอดทั้งคืน ทุกคนในหมู่บ้านห้ามไม่ให้มีผู้ใดไม่เข้าร่วมพิธีรวมไปถึงออกจากพิธีกลางคันก็ไม่ได้ พิธีรำลึกนี้จัดจะจัดโดยคำสั่งของหัวหน้าหมู่บ้านเท่านั้น โดยที่จะมีตระกูลร่างทรงเทพประจำหมู่บ้าน เป็นผู้เลือกสรรวันเวลา ที่หมู่บ้านตู๋ชือแห่งนี้ห่างหายจากการทำพิธีรำลึกเช่นนี้ไปกว่าสิบปีแล้ว เพราะทางตระกูลร่างทรงเทพประจำหมู่บ้านไม่ได้มีการเอ่ยสั่งให้จัด เนื่องด้วยไม่ได้มีฤกษ์งามยามดีที่เหมาะแก่การจัดพิธีนี้แปลกที่ผ่านมาสิบปี อยู่ ๆ พิธีรำลึกองค์เทพนี้ก็ถูกสั่งให้จัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้าจางซีบอกเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับพิธีรำลึกให้อาจารย์กับศิษย์พี่ของนางฟัง "มีอีกเรื่องห
ตอนที่ 15 เรื่องราวที่อยู่ในใจ"เสี่ยวไห่ ข้าอยากจะไปล่าสัตว์ในป่าซะหน่อย อยู่แต่ในเมืองเช่นนี้รู้สึกอุดอู้ยิ่งนัก เจ้าจะไปกลับข้าหรือไม่""พี่เฟิงชวนข้าทั้งที ข้าย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว""ดีมาก เจ้าสมกับเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับข้า!!!""ข้าขอตัวไปเตรียมอุปกรณ์ล่าสัตว์ก่อนก็แล้วกันพี่รอข้าสักเดี๋ยวก่อน""ไม่มีปัญหา เจ้ารีบไปนำของ ๆ เจ้ามาเถอะ""พี่เฟิง ผู้ติดตามของข้ากู่เหอไม่อยู่ คงใกล้กลับแล้ว เดี๋ยวข้าขอส่งจดหมายไปเรียกเจ้านั้นให้ตามพวกเราไปล่าสัตว์ด้วยจะดีกว่า พี่เฟิงคงยังไม่ทราบเจ้ากู่เหอล่าสัตว์เก่งทีเดียว""เสี่ยวไห่ พี่ว่าเจ้าไม่ต้องเรียกคนของเจ้าให้ตามมาหรอก กว่าคนของเจ้าจะมาพวกเราก็คงล่าสัตว์กันเสร็จแล้ว พวกเราไปกันสองคนเช่นนี้ล่ะดีแล้ว""พี่เฟิง กล่าวเช่นนี้ ก็เอาตามที่พี่เฟิงว่า พวกเราสองคนพี่น้องเข้าป่าไปล่าสัตว์ด้วยกันแค่สองคน""หนานไห่ เหมือนว่าเจ้าจะยิงถูกหมาป่าตัวหนึ่งเข้าแล้ว เจ้ารีบลงไปดูฝีมือการยิงธนูของเจ้าเถอะ"เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มเป็นมิตรเอ่ยกับเขา อวี้หนานไห่ ลงจากม้าตรงไปยังจุดที่ธนูของเขายิงออกไปเมื่อครู่ ก็พบว่าธนูที่ยิงออกมานั้นยิงถูกเจ้าหมาป่าตัวหนึ่งจริง ๆ
ตอนที่ 16เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนแค่อีกนิดเดียวเท่านั้น อีกแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น พวกเขาทั้งหมดก็จะออกจากเขตของหมู่บ้านไปได้แล้ว หากไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ไม่รู้ว่าพวกบุรุษสูงใหญ่กว่าสิบคนนี้โผล่มาจากที่ใดกัน พอรู้ตัวอีกทีก็ตกอยู่ในวงล้อมของพวกเขาเข้าซะแล้ว"ในหมู่บ้านกำลังจะจัดพิธีสำคัญขึ้น พวกท่านไม่อยู่แล้วตามคำเชิญของข้าซะหน่อยหรือ"เสียงดังเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของกลุ่มคนที่ล้อมพวกนางเอาไว้ ก่อนที่เจ้าของเสียงจะฝ่าเข้ามาในวงล้อมเพื่อเผชิญหน้ากับพวกนาง"ท่านพ่อ..." เพียงคำเดียวที่แม่นางจางซีเอ่ยออกมาก็ทำให้หลิวซือนัวรู้สถานะของคนที่น่าจะเป็นผู้นำคนเหล่านี้มาล้อมพวกนางเอาไว้ได้ในทันที"ซีเอ๋อร์ เจ้าจะพา แขก ออกไปจากหมู่บ้านได้อย่างไร ทุกเรื่องในหมู่บ้านมิใช่ต้องให้พ่อเป็นคนสั่งการหรือ แต่เจ้ากับมีความคิดซ้ำยังกระทำการปิดบังเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน""ท่านพ่อ...ข้าแค่..."สีหน้าของแม่นางจางซียามนี้ช่างดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเห็นได้ชัด ซ้ำแววตายังสั่นไหวแฝงไปด้วยความหวาดกลัวดังกล่าว"แค่เห็นคนอื่นดีกว่าพ่อแท้ ๆ ดีกว่าคนในหมู่บ้าน" เสียงเย็นของผู้เป็นถึงหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยขึ้นกับผู้เป็
ตอนที่ 17วาระสุดท้าย และความจริงทั้งหมดกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ บุรุษผู้มีผ้าคาดปกปิดดวงตาอยู่ในขณะนี้ยืนอยู่ท่ามกลางกองศพที่นอนแน่นิ่งอยู่บนอันเยือกเย็นมือทั้งสองข้างของเขาในยามนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดของคนที่ถูกเขาสังหารด้วยมืดสั้นที่เขาพกติดตัวอยู่เสมอ"คิดไม่ถึงว่าคนตาบอดอย่างเจ้าจะฆ่าคนได้โหดเหี้ยมเช่นนี้" หัวหน้าหมู่บ้านจางเอ่ยขึ้น เพื่อจะถ่วงเวลาหวังให้คนของตนที่ยังเหลืออยู่ค่อย ๆ ขยับเข้าไปล้อมเจ้าบุรุษตาบอดนี้เอาไว้สตรีผู้นั้นกับหมอสองคนหนีไปได้แล้ว เขาไม่อาจเสียเหยื่อบูชายัญคนสุดท้ายที่เหลือไปได้อีก อย่างไรก็ต้องจับบุรุษตาบอดผู้นี้ไปบูชายัญให้ได้"เจ้ายังนำคนเป็น ๆ ไปเผาบูชายัญได้เลย เหตุใดข้าจะทำบ้างไม่ได้" อวี้หนานไห่ตอกกลับไป เขาไม่ได้ฆ่าผู้บริสุทธิ์เช่นที่ผู้เฒ่าแซ่จางผู้นี้กำลังทำ แต่เขาฆ่าเพื่อปกป้องตัวเองเท่านั้น คนที่ถูกเขาฆ่าล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ต้องการฆ่าเขาทั้งนั้น คนเหล่านี้จบชีวิตลงไปก็สมควรแล้ว"พูดได้ดี เอาไว้ข้าได้เจ้ามาเป็นเครื่องบูชายัญเมื่อไหร่ ข้าสัญญาว่าจะค่อย ๆ กรีดเนื้อของเจ้าออกมาทีละนิด ๆ ก่อนจะเผาให้เจ้าตายไปช้า ๆ ก็แล้วกัน""วิปลาส""ข้า
ตอนที่ 18หวังว่าจะได้พบกันอีกอวี้หนานไห่ในสภาพหมดสติ ถูกพากลับมายังกระโจมแทบชายป่า ท่านหมอเทวดาอู๋อินตรงร่างกายของชายหนุ่มแล้วจึงทราบว่าชายหนุ่มนั้น ถูกผงยาสลบที่มีฤทธิ์ขัดกับยาที่ใช้รักษาตัวอยู่ จึงทำให้สลบไปนานเช่นนี้ ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าเขาจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง ท่านหมออู๋อินยังเอ่ยอีกว่า พิษในร่างกายของชายหนุ่มถูกถอนออกจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ที่ดวงตาเท่านั้นที่จะต้องรักษาต่ออีกหน่อย แล้วก็จะกลับมามองเห็นได้ดีดังเดิม"ขอบคุณท่านหมอมากขอรับ" กู่เหอเอ่ยออกมาด้วยท่าทีดีใจเป็นอย่างมาก แม้ตนจะเพิ่งพบเจอเรื่องไม่คาดคิดมาก็ตาม แต่ได้ยินว่าคุณชายของเขารอดพ้นจากความตายได้แล้วกู่เหอก็รู้สึกปิติเป็นอย่างยิ่ง เขาโค้งคำนับท่านหมอทั้งสองด้วยความซาบซึ้ง ซ้ำยังเชื่อฝีมือการรักษาของท่านหมอ เมื่อครู่ท่านหมอเอ่ยว่าคุณชายเขาจะฟื้นในไม่กี่วัน กู่เหอก็เชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นแน่อย่างไม่เคลือบแคลงใด ๆ เลย"มีสูตรยาที่ใช้ประคบดวงตาของคุณชายเจ้า เอาไว้ข้าเขียนเสร็จแล้วจะให้คนนำมาให้ก็แล้วกัน ยาที่ข้าจะเขียนให้ เป็นยาประคบที่ต้องเปลี่ยนทุก ๆ ห้าชั่วยาม ประเดี๋ยวข้าจะเขียนกำกับเอาไว้ให้อย่างละเอ
ตอนที่ 19จากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หลังจากที่นางกลับมาบ้านที่เป่ยโจวก่อนหน้านี้ใครจะคิดเล่าว่า ท่านแม่ผู้เจ้าน้ำตาของนางจะเดินทางไปถึงครึ่งทางเพื่อรับนางกลับมาที่บ้านด้วยตัวเองอีกทั้งเมื่อกลับมาถึงจวนสกุลหลิวแล้ว หนึ่งเดือนมานี้ท่านแม่แทบจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตาเลยแม้แต่สักครึ่งก้านธูปก็มิได้ตกดึกก็หอบหมอนหอบผ้าห่มมานอนที่เรือนของนาง อีกทั้งท่านแม่ที่รักของนางจะไม่ยอมหลับก่อนนางเด็ดขาด หากไม่เห็นนางหลับกับตาตัวเองท่านแม่ย่อมไม่ยอมหลับเด็ดขาด ทำเอาท่านพ่อ พี่ใหญ่นางที่ยามนี้กลับมาอยู่ที่เมืองเป่ยโจวชั่วคราววุ่นวายกันยกใหญ่ได้ฟังจากเสี่ยวหนิงว่า ตอนที่นานหายตัวไป เมื่อท่านแม่รู้ข่าวเขาก็เป็นลม อีกทั้งยังล้มป่วยอยู่นาน แต่ถึงอย่างนั้นท่านแม่ของนางก็ยืนยันจะต้องเดินทางไปหานางให้ได้แม้พี่ใหญ่จะส่งข่าวถึงท่านแม่ว่าพบตัวนางแล้ว และกำลังพานางกลับบ้านแต่ท่านแม่ก็ไม่ยอม มารดานางยืนยันว่าอย่างไรก็จะต้องเดินทางไปพบนางให้เห็นกับตาให้ได้ว่าตัวนางนั้นปลอดภัยดี ไม่เช่นนั้นจะเป็นข่าวใดนางก็ไม่เชื่อทั้งนั้น"ดื่มซุปอีกสักหน่อยเถิดลูกแม่ เจ้าเพิ่งหายป่วย ต้องเร่งบำรุงร่างกายให้ดี" ท่า
ตอนพิเศษ 1แม่สามีของข้านั้นดียิ่งนักเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่นางแต่งเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่สกุลอวี้ อวี้หนานไห่มีน้องสาวอยู่หนึ่งคนชื่ออวี้จินเชียง จากที่อวี้หนานไห่เล่าให้ฟังก็คือ อวี้จินเชียงนั้นอยู่ที่บ้านเดิมกับท่านยายของพวกเขาตั้งแต่ยังเยาว์เพราะมีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง อีกไม่นานอวี้หนานไห่ก็จะพานางไปเยี่ยมท่านตาท่านยายและน้องสาวของเขาเพราะว่าฮูหยินอวี้ไม่ใช่สิ เวลานี้นางควรจะเรียกว่าท่านแม่สามีถึงจะถูก เอ็นดูนางเป็นพิเศษดูแลต้อนรับนางเข้ามาเป็นอีกส่วนหนึ่งของครอบครัวอย่างอบอุ่น เหมือนกับว่านางเป็นบุตรสาวแท้ ๆ ไม่ใช่เป็นเพียงลูกสะใภ้ ซ้ำยังชอบให้ท้ายนางอยู่หลายเรื่อง ไม่ว่าจะยกเลิกไม่ต้องให้นางมาคารวะทุกเช้า ให้เปลี่ยนมาเป็นมาทานมือเช้าเป็นเพื่อนนางบ้างก็พอ ยิ่งเป็นเรื่องข้าวของเครื่องประดับหรืออาภรณ์ แน่นอนว่าอาภรณ์ใหม่ ๆ ของนางไม่มีวันขาดแคลนเพราะว่านางเป็นบุตรสาวจากสกุลที่เปิดร้านอาภรณ์ แต่ยิ่งนางมีเสื้อผ้ามากมายเท่าไหร่ ท่านแม่สามีก็ยิ่งจะยื่นเครื่องประดับจำนวนมากมาให้นาง ทั้งของที่ประมูลมา ของที่หาซื้อได้ตามร้านหรือว่าเครื่องประดับที่ต้องสั่งทำจนยามนี่นางมีเครื่องประดั
ตอนที่ 45คำนับฟ้าดิน"หนึ่ง คำนับฟ้าดิน""สอง คำนับบิดามารดา""สาม สามีภรรยาคำนับกันและกัน"หลังจากเสร็จพิธีแล้วเจ้าสาวก็ถูกส่งตัวเข้าหอ ด้านเจ้าบ่าวก็ถูกรั้งตัวเอาไว้ในงานเลี้ยงมงคล เพื่อให้แขกที่มาร่วมงานดื่มอวยพร เป็นธรรมเนียมปกติที่ในงานมงคลเช่นนี้เจ้าบ่าวจะต้องถูกมอมเหล้าจากแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายรวมไปถึงญาติมิตรต่าง ๆ ที่มาร่วมงานอวี้หนานไห่ไม่ยอมให้ตนต้องตกเป็นเป้าให้ผู้อื่นมอมเหล้านานเกินไป เข้าทักทายแขกที่มาร่วมงานอยู่เกือบหนึ่งชั่วยามก็แอบปลีกตัวออกมาแล้วคืนเข้าหอเวลามีค่าแค่ไหน ไม่ต้องให้ผู้ใดต้องมาบอกเขาก็รู้ดี ทันทีที่เข้าได้ก้าวเข้ามาในเรือนหอของตน บนเตียงก็พบกับภรรยา ใช่แล้วหลิวซือนัวภรรยาของเขา และนางจะเป็นของเขาอย่างสมบูรณ์หลังจากคืนนี้ไป"อวี้หนานไห่เป็นเจ้าหรือ" เจ้าสาวของเขาซึ่งนั่งคลุมหน้าตัวตรงอยู่บนเตียงเอ่ยถามขึ้น"เป็นข้าเองภรรยารัก เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านพี่ได้แล้ว" เขาเอ่ยก่อนจะก้าวเข้าไปหานาง และใช้ไม้ตวัดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสดออกจากศีรษะของนางยามเมื่อผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวถูกเปิดออกแล้ว ความงดงามที่แสนตราตรึงในใจเขาก็ปรากฏขึ้น ใบหน้าของนางในเวลานี้ค่อน
ตอนที่ 44ความจริงใจของข้า"ดู ๆ ข้าก็คิดอยู่ว่าคุณหนูหลิวเหมือนใคร นางเหมือนฮูหยินหลิวนี่เอง ไม่ไหวหน้าผู้อื่นเช่นนี้ไม่มีผิด""ข้าน่ะหรือไม่ไว้หน้า พวกเจ้าต่างหากที่ไม่ไว้หน้ากันก่อน" ฮูหยินหลิวตอกกลับทันที แม่สื่อพวกนี้นางทนพูดดีด้วยอีกไม่ได้แล้ว"ฮูหยิน ท่านใจเย็นก่อนนะเจ้าคะ" สาวใช้คนสนิทของฮูหยินหลิวรีบเข้ามาห้ามผู้เป็นนายตน เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะย่ำแย่ลงไปทุกทีแล้ว"จะให้ข้าใจเย็นได้อย่าง...." ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยจบประโยค ผู้เฝ้าประตูคนหนึ่งก็รีบร้อนวิ่งเข้าเหมือนมีเรื่องสำคัญอะไรสักอย่างเสียก่อน"ฮูหยิน ฮูหยินขอรับ""มีอะไร เกิดอะไรขึ้น ถึงได้รีบร้อนขนาดนี้" นางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก เพราะเรื่องตรงหน้ายังไม่ทันได้สะสางก็ดูท่าว่าจะมีเรื่องใหม่เข้ามาแทรกเสียแล้ว"มีขบวน มีขบวน...ใหญ่ ขบวนใหญ่" อาจจะเป็นเพราะวิ่งมาด้วยความเร็ว ซ้ำยังตื่นเต้นจึงทำให้บ่าวชายผู้นี้พูดออกมาไม่รู้ความจนฮูหยินหลิวต้องเอ่ยถามซ้ำหลายรอบ"ขบวน ขบวนอะไร ขบวนอะไรใหญ่กันแน่""เหมือนว่าจะเป็นขบวนสินสอดสินะ" แม่สื่อคนที่หนึ่งผู้ขึ้น บ่าวชายที่มาแจ้งข่าวก็พยักหน้าเป็นเชิงตอบรับว่าใช่"คงเป็
ตอนที่ 43สู่ขออาจจะเป็นเพราะเดินทางไกลมาหลายวัน และก็ไม่ได้นอนพักดี ๆ มาตลอดทาง วันนี้หลิวซือนัวเลยตื่นสายกว่าปกติถึงหนึ่งชั่วยามด้วยกัน กว่าที่จะแต่งตัวหวีผมเสร็จก็กินเวลาช่วงเช้าไปไม่น้อยแล้ว"คุณหนูเจ้าค่ะ ฮูหยินใหญ่ให้บ่าวมาแจ้งท่านว่า หากคุณหนูแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วให้คุณหนูไปพบฮูหยินใหญ่ที่โถงรับรองด้วยเจ้าค่ะ""ได้ข้าทราบแล้ว เจ้ากลับไปแจ้งท่านแม่นะว่าประเดี๋ยวข้าแต่งตัวเสร็จแล้วจะรีบเข้าไปหาท่าน""เจ้าค่ะคุณหนู"สาวใช้ที่ท่านแม่ให้มาแจ้งข่าวนางจากกลับไปแล้ว เวลานี้จึงเหลือเพียงแค่นาง เสี่ยวหนิง และสาวใช้ในเรือนอีกคนหนึ่งซึ่งกำลังช่วยพวกนางเลือกเครื่องประดับที่จะใส่ในวันนี้อยู่"เสี่ยวหนิง เจ้าว่าเหตุใดท่านแม่ถึงได้ให้คนมาตามข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ จะมีแขกสำคัญมาหรือไงนะ""บ่าวคิดว่าไม่น่าจะมีแขกนะเจ้าค่ะ ตั้งแต่เช้าไม่เห็นว่าในโรงครัวคึกคักเลย" ผู้เป็นสาวใช้เอ่ยออกมาตามที่นางคิด เพราะถ้าหากในจวนมีแขกสำคัญ ปกติแล้วในครัวก็มักจะคึกคักเป็นพิเศษเพราะต้องมีการเตรียมอาหารเอาไว้รับรองแขก"เช่นนั้นแล้วท่านแม่จะเรียกให้ข้าไปพบที่ห้องโถงทำไมกัน" หลิวซือนัวเอ่ยขึ้นอย่างข้องใจคงมีแต่รีบ
ตอนที่ 42จากอีกเพียงวันเท่านั้นนางก็จะต้องเดินทางกลับเมืองเป่ยโจวแล้ว ตามกำหนดการเดินทางกลับที่ท่านแม่ของนางได้กำหนดเอาไว้ พี่ใหญ่ของนางหลิงเค่อกับพี่สะใภ้ฉือหนานเองก็จะเดินทางไปส่งนางกลับจวนและถือโอกาสให้พี่ฉือหนานได้กลับไปเยี่ยมบ้านเดิมด้วย หลังจากวันนั้นที่อวี้หนานไห่และนางได้เปิดเผยความรู้สึกของตัวเอง ความสัมพันธ์ของพวกนางก็มีสถานะเป็นคนรักของกันและกันอย่างเปิดเผย แต่เปิดเผยที่ว่านี้ก็จะมีแค่คนในครอบครัวของพวกนางเท่านั้นที่รู้ ส่วนคนนอกนางและอวี้หนานไห่ก็ไม่ได้สนใจว่าคนเหล่านั้นจะคิดจะพูดถึงพวกนางอย่างไรมีบางครั้งที่นางและอวี้หนานไห่ออกไปเดินเล่นที่ตลาดด้วยกันบ้างก็ไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ร้านอาหารต่าง ๆ ในเมือง หลายครั้งก็มีข่าวลือตามมาบ้างทว่าส่วนใหญ่จะลือไปทางที่พวกนางเป็นสหายกันเสียมากกว่า ไม่มีการลือหรือการพูดไปถึงเรื่องเชิงชู้สาวใด ๆ ทั้งสิ้นแน่นอนว่าเรื่องลือเช่นนี้ไม่ถือเป็นผลเสียกับนาง หนำซ้ำยังถือว่าเป็นผลดีต่อร้านสกุลอาภรณ์สกุลหลิวไม่น้อยเช่นกัน เพราะผู้ใดที่อยากสนิทสนมกับหมู่ตึกอวี้ฟางก็จะต้องเข้าหาร้านอาภรณ์สกุลหลิวซึ่งลือกันว่าเป็นสหายกับหมู่ตึกอวี้ฟางเพื่อทำต
ตอนที่ 41รัก"ที่ห้องโถงใหญ่เอะอะอะไรกัน เหตุใดถึงได้เสียงดังมาถึงนี่ เจ้าไปดูหน่อยเถอะ" ฉือหนานเอ่ยขึ้น ก่อนจะสั่งให้สาวใช้คนสนิทของนางออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นในวันมงคลเช่นนี้นอกจากฉือหนานแล้วในห้องรับรองขนาดเล็กซึ่งอยู่ติดกับห้องโถงใหญ่ก็มีหลิวซือนัวน้องสามีของนาง และก็ฉือฮั่วลูกพี่ลูกน้องของนางที่มาเยี่ยมนางจากบ้านเกิดเมื่อสองวันก่อนใครจะคิดเล่าว่าการมาที่นี่ของฉือฮั่วซึ่งอ่อนวัยกว่านางเกือบสี่ปีจะทำให้นางได้เจอกับรักแรกพบที่นี่ หนำซ้ำยังถูกสู่ขออย่างรวดเร็วราวกับฟ้าผ่า นางและผู้เป็นสามีที่ถือเป็นญาติสนิทจึงต้องรับหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ของฉือฮั่วแทนบิดามารดาของนางที่ไว้ใจฝากฝังบุตรสาวเอาไว้ด้วยเพราะเชื่อมั่นและไว้ใจนางกับสามีด้วยเพราะว่าทั้งฝ่ายสู่ขอและฝ่ายถูกสู่ขอต่างก็มีใจต่อกัน การตัดสินใจจริงเป็นไปอย่างดี ทุกฝ่ายตกลงปลงใจที่จะปลูกเรือนร่วมกันวันนี้แค่แลกหนังสือสินสอดเสร็จสิ้นก็หาวันดีจัดงานแต่งได้เลย ด้านหลิวซือนัวยามนี้นางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเลือกผ้าไหมสีแดงเพื่อตัดชุดแต่งงานให้กับฉือฮั่ว สำหรับฉือฮั่วนั้นนางก็เห็นเป็นสหายมาเนิ่นนาน ซ้ำเมื่อพี่ฉือหนานแต่งเข้ามาจวนสกุลหลิวแล้
ตอนที่ 40ผู้ใดจะแย่งนางไป ข้าไม่ยอมตลอดสามวันที่เขาต้องเดินทางออกจากเมืองเป่ยจู ไม่มีวันใดเลยที่เขาไม่กังวลหรือคิดถึงนาง ยิ่งเรื่องที่ได้ตัวแม่นมเฉียวผู้ซึ่งเป็นคนอยู่เบื้องหลังการที่นางหมดสติไปด้วยแล้ว เขากับทางการมีการพูดคุยกันเอาไว้แล้วว่าเรื่องทุกอย่างต้องจัดการให้เรียบร้อยและเงียบที่สุด จะต้องไม่ให้มีเรื่องอะไรที่จะมากระทบต่อชื่อเสียงของนางได้เป็นอันขาดอวี้หนานไห่รู้สึกเสียดายที่ตนไม่ได้ไปจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่ก็คิดเอาไว้ว่าหลิวเค่อพี่ชายของหลิวซือนัวคงจัดการต่อไปได้ดีเช่นกัน นั่นจึงทำให้เขารู้สึกเบาใจได้เปราะหนึ่ง เมื่อเขากลับเข้ามาในเมืองเป่ยจู ก็สั่งให้รถม้าจอดที่ร้านขนมชื่อดังที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้าออกทิศตะวันตกเพื่อซื้อขนมจากร้านนี้ติดมือไปฝากหลิวซือนัว แม้เขาจะมีของฝากขึ้นชื่อจากพื้นที่ ๆ เขาเพิ่งกลับมาอยู่แล้วก็เถอะ แต่ก็ยังอยากเอาของฝากกลับไปให้นางหลาย ๆ อย่าง นางจะได้ดีใจที่ได้เห็นของฝากมากมายจากเขาในระหว่างที่รอให้ทางร้านห่อขนมที่เขาสั่งเอาไว้ตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน รวมไปถึงขนมที่เขาเพิ่งเลือกซื้อเพิ่มเติมอยู่นั้น ก็มีสตรีวัยกลางคนสองคนก้าวเข้ามาเลือกซื้อขน
ตอนที่ 39ร้องขออย่างจริงใจเช้าวันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่แสนจะวุ่นวายสำหรับหลิวซือนัว ตั้งแต่เช้าพี่ใหญ่ให้คนมาเรียกนางไปพบก่อนจะบอกนางว่าทางการพบตัวคนที่เป็นคนใส่ยาบางอย่างในดอกไม้จนทำให้นางหมดสติพลัดตกน้ำไปจนเกือบตายแล้วพี่ใหญ่ยังเอ่ยอีกว่าพรุ่งนี้ทางการต้องการให้นางเข้าไปเพื่อสอบปากคำบางอย่าง การไต่สวนคดีนี้จะทำโดยเงียบเชียบไม่ให้ภายนอกรู้ เพื่อให้ไม่เป็นที่เล่าลือกันไปผิด ๆ หลิวซือนัวเองก็คิดว่าจัดการเรื่องราวเหล่านี้ ให้เสร็จเงียบ ๆ จะดีซะกว่า เพราะว่านอกจากคนในครอบครัวและอวี้หนานไห่แล้วก็ไม่มีใครอื่นรู้ว่าเรื่องที่นางหมดสติพลัดตกทะเลไม่ใช่เพียงอุบัติเหตุพรุ่งนี้ไปที่ศาลประจำเมืองนางก็จะได้รู้แล้วว่าผู้ใดที่อยู่เบื้องหลังและ ต้องการทำร้ายนาง อีกเพียงแค่วันเดียวนางก็จะรู้แล้วว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่ ต้องการให้นางตายหนำซ้ำยังลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้หลังจากที่นางกลับเรือนพักของตนมาได้ไม่นาน ก็มีสาวใช้มาแจ้งว่ามีคนมาของพบนาง "คุณหนูเจ้าค่ะ สาวใช้ที่เรือนหน้ามาแจ้งว่ามีคนมาขอพบท่านเจ้าค่ะ นางบอกว่าเป็นคุณหนูหยวนจือจากสกุลเวินมาขอพบท่าน" เสี่ยวหนิงเอ่ยรายงาน ตามที่สาวใช้ที่มาแจ้ง
ตอนที่ 38ไม่อยากบอกลา“ในเมืองเป่ยจู เจ้าคงเป็นบุรุษที่น่าอิจฉาที่สุด”“ทำไมเจ้าถึงกล่าวเช่นนี้” เขาถามออกมาอย่างไม่เข้าใจนัก เมื่ออยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาซะอย่างนั้น“รอบตัวเจ้า มีสตรีงดงามมากมายรายล้อมอยู่ บุรุษใดบ้างจะไม่อิจฉา” นางเอ่ยตอบเขา ก่อนจะพยักพเยิดไปทางที่เหล่าแม่นางจากหอหยวนหมิงรวมตัวเตรียมพร้อมจะลงเรืออยู่"ข้าไม่เคยสนใจพวกนาง" เขาตอบไปในทันที"เป็นไปไม่ได้ที่บุรุษจะไม่สนใจสตรี ยิ่งสตรีแสนงามด้วยแล้ว" "เป็นไปได้ ข้านี่ไง""หากพวกนางมาได้ยินเข้าคงจะเสียใจแย่""เรื่องนั้นข้าไม่เคยคิดที่จะสนใจ" เขาเอ่ยออกมาตามความเป็นจริง ในชีวิตเขามีสตรีที่เขาจะให้ความสนใจเพียงแค่สามคนก็พอแล้ว แค่ ท่านแม่ น้องสาว และนางเท่านั้นไม่นานผู้ดูแลหอหยวนหมิงผู้ที่เคยขวางไม่ให้นางเข้าไปในหอก็เข้ามาหา"คารวะนายน้อยอวี้ คารวะคุณหนูหลิว" เจ๋อเหนียงเอ่ยขึ้นก่อนจะโค้งให้คนทั้งคู่"แม่นางเจ๋อเหนียง พวกเราพบกันอีกแล้วนะ" นางเอ่ยทักขึ้นพร้อมรอยยิ้มเป็นมิตร "ครั้งก่อนเป็นข้าไม่รู้ความ จึงได้กระทำการล่วงเกินคุณหนู ข้าต้องขออภัยด้วยนะเจ้าค่ะ" นางรู้ดีว่าตนควรขออภัยคุณหนูตรงหน้า อีกทั้งไม่ควรจะทำอะไรที่เป็นก