หน้าหลัก / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

แชร์

บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 35%

ผู้เขียน: จรสจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-26 12:45:37

“คุณพ่อว่าอะไรนะคะ!

รวิชาถามอย่างไม่เชื่อหู เธอไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ตนหูแว่วไปเองหรือเปล่า

“น้องอายต้องหมั้นกับอาภีมนะลูก แล้วพ่อจะอธิบายให้ฟังว่าทำไมเราถึงต้องหมั้น แต่ตอนนี้...” อาทิตย์ยังพูดไม่ทันจบ รวิชาก็ลุกพรวดแล้วหันไปหาผู้เป็นมารดาที่นั่งอยู่อีกด้าน

“คุณแม่คะ ดูคุณพ่อสิพูดอะไรก็ไม่รู้ หมั้นอะไรกันน่ะ” เธอต้องการตัวช่วยเพื่อยืนยันคำพูดของบิดาว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น แต่พอเห็นสีหน้าและแววตาของท่านทั้งสอง หญิงสาวถึงกับทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตามเดิม ใบหน้างอง้ำอย่างไม่พอใจ แล้วนั่งนิ่งเพื่อรอฟังเหตุผลจากบิดา

“ฟังพ่อนะ ที่พ่อกับแม่ให้หนูหมั้นกับอาภีมก็เพราะว่าจะได้กันตาวิชรไม่ให้มายุ่งกับหนู หนูรู้หรือเปล่าว่าทุกวันนี้ลุงบุญทรงยังมาทาบทามหนูให้ลูกชายเขาอยู่เลย ถึงแม้พ่อจะปฏิเสธไปแล้วก็เถอะ พ่อไม่อยากให้เขามาลำเลิกบุญคุณเก่า ๆ ที่เคยช่วยพ่อตอนเปิดบริษัท หนูเป็นลูกสาวของพ่อ ทำไมพ่อจะไม่รู้ว่าหนูไม่ชอบหน้าตาวิชร เพราะฉะนั้นพ่อถึงให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย ทางนั้นจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับเราอีก เพราะอาภีมค่อนข้างมีอิทธิพลพอตัว พ่อกับแม่จะได้สบายใจด้วย อย่างน้อยเวลาไปทำงานต่างประเทศ หรือต้องไปต่างจังหวัดหลายวัน อาภีมก็ยังดูแลหนูแทนพ่อกับแม่ได้”

อาทิตย์พยายามยกเหตุผลต่าง ๆ นานา มากล่อมบุตรสาว ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างรวิชา หากบังคับขู่เข็ญก็ยิ่งต่อต้าน ฉะนั้นจึงต้องหาเหตุผลดี ๆ เพื่อให้อีกฝ่ายได้คิดตาม

“โหย...แล้วทำไมต้องเป็นอาภีมด้วยล่ะคะ”

รวิชายังคงนั่งทำหน้างอเป็นม้าหมากรุก ยังไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเขา ทำไมไม่เป็นคนอื่น และทำไมต้องหมั้น

“น้องอายไม่ชอบอาภีมหรือลูก”

รวิวรรณเอ่ยปากถามเมื่อเห็นหน้าบอกบุญไม่รับของรวิชา จำได้ว่าตอนไปรับประทานมื้อค่ำกันวันนั้นก็ดูปกติดี บุตรสาวของเธอไม่มีท่าทางรังเกียจรังงอนภีมพลแม้แต่นิดเดียว

“เปล่าหรอกค่ะ ไม่ใช่ไม่ชอบหรอก เฉย ๆ มากกว่า แต่...อาภีมเนี่ยนะ เขาแก่จะตายไปคุณแม่”

สาวน้อยถอนหายใจหนัก ๆ อย่างไม่เกรงใจ นี่ถ้าบรรดาเพื่อน ๆ รู้ว่าเธอต้องหมั้นกับผู้ชายที่แก่กว่าขนาดเป็นน้องของพ่อได้นี่ เธอต้องโดนล้อยันเรียนจบแน่ ถ้าเขาแก่กว่าเธอแค่สี่ห้าปีจะไม่ว่าอะไรเลย แต่นี่ดูท่าทางแล้วน่าจะสิบปีขึ้นไป ดูอย่างไรก็คนละรุ่นกันชัด ๆ

“เขายังไม่แก่สักหน่อย น้องอายไปว่าอาเขาอย่างนั้นได้ยังไงกันลูก หนูแค่หมั้นกับเขาเพื่อให้เขาคอยคุ้มครองดูแลหนูได้เต็มที่ จะได้ไม่ถูกคนอื่นมองไม่ดี หรือนินทาเอาได้ แล้วพอหนูเรียนจบเมื่อไร หรืออาภีมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริง ๆ ตอนนั้นเราค่อยถอนหมั้นก็ได้นี่นา เมื่อเช้าพ่อกับแม่คุยตกลงกับเขาเอาไว้แล้ว” ผู้เป็นแม่เอ่ยสำทับ แต่ดูเหมือนสาวน้อยยังคงงอแง เพราะไม่อยากมีห่วงมาผูกคอ

“ก็ให้อาภีมดูแลน้องอายอย่างเดียวก็ได้นี่คะไม่เห็นต้องหมั้นเลย จะว่าไปแล้วน้องอายก็ดูแลตัวเองได้แล้วนะ ไม่ต้องให้เขามาทำตัวเหมือนเป็นผู้ปกครองคนที่สองก็ได้”

“น้องอาย ถ้าหนูดูแลตัวเองได้อย่างที่พูดจริง คืนนั้นคงไม่โดนตาวิชรมันวางยาหรอกนะ” อาทิตย์จำเป็นต้องพูดทั้งที่ตอนแรกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ ทำเอารวิชาเบิกตาโตขึ้นมาทันที

“อาภีมมาฟ้องคุณพ่อคุณแม่หรือคะ น่าเกลียดที่สุดเลย คนอะไรขี้ฟ้อง!”

หญิงสาวพาลพาโลโกรธชายหนุ่มที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้วว่าจะไม่เล่าให้บิดามารดาของเธอฟัง แต่กลับทำไม่ได้อย่างที่รับปากไว้ ผ่านไปแค่ไม่กี่วันเขาก็ผิดสัญญาเสียแล้ว

“น้องอาย...อย่าพาลสิลูก ถ้าคืนนั้นอาภีมไม่ช่วยหนูไว้ ป่านนี้หนูจะเป็นยังไงบ้างรู้รึเปล่า พ่อจะไม่ดุหนูเรื่องที่หนูหนีไปเที่ยวกลางคืนแบบนั้นหรอกนะ เพราะพ่อกับแม่เองก็มีส่วนผิดที่มาตามนัดของหนูไม่ได้ และอาภีมก็ขอร้องไว้ว่าอย่าดุหรือทำโทษหนู เพราะเหตุผลนี้แหละ พ่อถึงอยากให้หนูหมั้นกับอาภีมเสีย เพราะถ้ามีข่าวเรื่องการหมั้นของหนูกับอาภีมแพร่สะพัดออกไป ลุงบุญทรงจะได้เลิกตอแยพวกเรา แล้วก็อย่างที่คุณแม่บอกนั่นแหละว่าถ้าหนูเรียนจบ ช่วยเหลืองานของพ่อได้เมื่อไร หรืออาภีมมีคนรักตัวจริงขึ้นมา เมื่อนั้นเราก็ค่อยถอนหมั้น ป่านนั้นลุงบุญทรงก็คงเลิกสนใจหนูให้ลูกชายแล้วล่ะมั้ง พ่อว่า”

“ก็ได้ค่ะ หมั้นก็หมั้น”

สาวน้อยจนใจต้องตกปากรับคำทั้งที่หน้ายังงอง้ำ นึกถึงตอนคุยกับภีมพลเมื่อตอนสาย และสายตาท่าทางแปลก ๆ ของเขาแล้วจึงเข้าใจว่า ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น

แล้วเจอกันใหม่เพราะเราคงได้เจอกันอีกนาน

“อาภีมจะมาบอกเรื่องวันและเวลาอีกที หนูจะชวนเพื่อนคนไหนมาบ้างลูก” รวิวรรณถามเพื่อจะได้เตรียมตัวไว้แต่เนิ่น ๆ แต่รวิชากลับส่ายหน้าหวือ

“ไม่ชวนหรอกค่ะ อายเขาตายเลย ขืนชวนเพื่อนมา น้องอายต้องโดนเพื่อนล้อแน่”

“ตามใจหนูแล้วกัน”

สองสามีภรรยาหันมองหน้ากันแล้วได้แต่ยิ้มขำ เข้าใจอยู่ว่าลูกยังเด็กเกินไปกับการหมั้นหมาย ถึงแม้จะไม่ได้ยึดถือเป็นเรื่องจริงจังก็ตาม คิดแล้วก็อดกังวลไม่ได้ แค่รู้ว่าต้องหมั้นยังออกอาการไม่ชอบใจขนาดนี้ ไม่อยากนึกเลยว่าเมื่อถึงวันหมั้นจริง ๆ รวิชาจะพยศสักแค่ไหน

รวิชาตรงดิ่งไปทิ้งตัวลงบนเตียงนอนหนานุ่ม หวนคิดถึงเรื่องที่คุยกับบิดามารดาเมื่อครู่ แล้วนึกย้อนไปถึงเมื่อก่อนที่เธอทำได้เพียงแอบซุ่มมองเขาจากบนระเบียงบ้าน จากที่เคยคิดว่าเส้นทางของเขากับเธอคงเหมือนเส้นขนาน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าท้ายที่สุดแล้วต้องมาพัวพันกันในที่สุด

หญิงสาวนึกย้อนไปวันที่ตื่นมาเจอภีมพลนอนอยู่ข้างกาย หลังจากนั้นมาเธอก็ได้เจอกับเขาบ่อยขึ้น นึกถึงตอนเขาเอาตัวเข้ามาชิดใกล้ ตอนที่ทำให้เธอเขินอายจนหน้าแดงบ่อย ๆ และสุดท้าย...ตอนที่เธอเห็นไอ้นั่นของเขาเต็มสองตา

รวิชากรี๊ดเบา ๆ แล้วคว่ำหน้าลงกับที่นอน รู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวไปหมด ตอนนี้เธออยากคุยกับเพื่อนสักคน อยากเล่า อยากระบาย อยากถ่ายทอดสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจออกไปบ้าง มิเช่นนั้นเธอต้องอกแตกตายเป็นแน่

คนแรกที่รวิชานึกถึงคืออารดา ซึ่งเป็นเพื่อนที่เรียนด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น อารดาเป็นคนเรียบร้อย เป็นเด็กเรียนดีมาแต่ไหนแต่ไร เป็นเพื่อนที่รวิชารักและไว้ใจมากที่สุด ทั้งยังเป็นผู้ฟังที่ดี คอยรับฟังปัญหาทุกอย่าง และให้คำแนะนำอย่างจริงใจเสมอ

คิดได้ดังนั้นหญิงสาวจึงลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมากดโทร. หาเพื่อนสนิททันที รอสายไม่นานนัก ปลายสายก็กดรับเสียงใส

“อุ้ย ว่างไหมเรามีเรื่องจะเล่าให้ฟัง”

รวิชาเริ่มต้นเล่าเรื่องทั้งหมดโดยไม่ปิดบัง ตั้งแต่เรื่องที่พรรณรายชวนไปเที่ยวกลางคืนแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตนบ้าง ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเรื่องราวจริง ๆ เป็นอย่างไร แต่เท่าที่ฟังจากคุณผีดิบ รวิชาก็เชื่อว่าคงเป็นตามที่เขาเล่ามา เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่ภีมพลจะโกหก

รวิชาเคยเล่าเรื่องคุณมาเฟียผีดิบที่อยู่รั้วบ้านติดกันให้อารดาฟังหลายครั้ง พออีกฝ่ายรู้ว่าเพื่อนสาวกำลังจะหมั้นกับเขา จึงทำให้อารดาตื่นเต้นเป็นพิเศษ

“ฉันว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่ ๆ เลยอาย” อารดาเพิ่งได้เปิดปากพูดหลังจากนิ่งเงียบฟังรวิชาพูดอยู่ฝ่ายเดียวมาร่วมยี่สิบนาทีเต็ม

“พรหมลิขิตบ้าอะไรกันแก คราวเคราะห์ของฉันน่ะสิไม่ว่า แกคิดดูสิว่าตาคุณผีดิบนั่นน่ะแก่กว่าฉันตั้งกี่ปี ฉันไม่ได้อยากมีพ่อคนที่สองหรอกนะ” รวิชาทำปากยื่นใส่คนปลายสาย ถึงแม้จะรู้ว่าทำไปเพื่อนรักก็คงไม่เห็น

“อ้าว! แกคิดดูสิ แต่ไหนแต่ไรมาแกกับเขาก็ไม่ได้พูดคุยกันเลย แกบอกฉันเองไม่ใช่หรือว่าตอนเด็ก ๆ แกติดเขาอย่างกับอะไรดี ฉันว่านะ แกกับคุณผีดิบอาจจะเป็นเนื้อคู่กันอยู่แล้วก็ได้ พรหมลิขิตก็เลยขีดให้แกกับเขาต้องมาเจอกันอีกครั้งในเวลาที่เหมาะสมไงล่ะ โอ๊ย! โรแมนติกชะมัด อย่างกับนิยายแน่ะยายอาย”

อารดาพูดไปตามประสาสาวน้อยช่างฝัน ทำเอาคนฟังทำหน้าเมื่อย แม้จะเริ่มคล้อยตามเพื่อนแล้วก็ตาม

“เพ้อเจ้อแล้วยายอุ้ย เด็กเรียนอย่างแกยังมีเวลาอ่านนิยายกับเขาด้วยหรือไง ว่าแต่แกเถอะ พอจะมีเวลาว่างมางานหมั้นฉันไหมล่ะ”

รวิชาคิดเอาไว้ว่าคงชวนแค่อารดาคนเดียว เพื่อนคนอื่นเธอไม่ชวนมาอย่างเด็ดขาด ขืนชวนมามีหวังเรื่องหมั้นของเธอต้องกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ประจำรุ่นแน่ ๆ

“แล้วแกจะหมั้นวันไหน ฉันยังรับปากไม่ได้หรอกนะอาย เพราะไม่รู้ว่าจะลางานได้รึเปล่า”

อารดาอยากไป แต่เพราะต้องทำงานพิเศษที่ร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ซึ่งมีวันหยุดให้แค่อาทิตย์ละวันเท่านั้น จึงไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปร่วมงานของเพื่อนได้หรือไม่

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 70%

    ฐานะทางบ้านของอารดาไม่ได้ร่ำรวยนัก ค่อนข้างขัดสนด้วยซ้ำเพราะมีมารดาเพียงคนเดียวที่คอยหาเลี้ยงทั้งครอบครัวด้วยการรับจ้างเย็บผ้า ส่วนบิดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่อารดายังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา อารดามีน้องสาวหนึ่งคนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเดียวกัน ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายบางส่วนนั้นอารดาอาศัยกองทุนกู้ยืมจากรัฐบาลมาช่วย และโชคดีที่เธอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมสตรีล้วนชื่อดังซึ่งเป็นโรงเรียนของรัฐบาลได้ ค่าเทอมจึงไม่แพงนักถ้าเทียบกับโรงเรียนเอกชนแต่ถึงกระนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอม อารดามักจะหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ฉะนั้นเวลาที่เพื่อนฝูงนัดกันไปเที่ยว หรือเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าหลังเลิกเรียน อารดาจึงไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์เท่าไร เพราะต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในบ้านบางครั้งเพื่อนในกลุ่มรวมถึงรวิชาต้องบังคับขู่เข็ญให้ไปด้วยกัน โดยไม่ต้องให้อารดาควักกระเป๋าจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีฐานะเหมือนพวกตน ซึ่งอารดาเองก็ไปบ้างไม่ไปบ้างเพราะความเกรงใจที่ต้องให้เพื่อนมาคอยจ่ายให้เกือบทุกครั้ง“อืม...จะว่าไปฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 100%

    “พ่อกับแม่ต้องไปทำงานนะลูก เอาไว้ถ้าทุกอย่างลงตัวเมื่อไรพ่อจะพาหนูไปด้วย เพราะอีกหน่อยหนูต้องมาช่วยพ่อกับแม่ดูแลบริษัทของเรา ยังมีอีกหลายอย่างเลยละที่น้องอายต้องเรียนรู้” อาทิตย์พาบุตรสาวมานั่งที่โซฟา ก่อนจะเริ่มพูดถึงเรื่องที่ได้คุยกับภีมพลเมื่อคืน“อาภีมมาบอกกับพ่อแล้วนะว่าวันที่เจ็ดเดือนหน้าคือวันหมั้น พ่อกับแม่จะกลับมาก่อนวันงานสองวันนะลูก” บิดาพูดจบ รวิชาก็ทำตาโตทันที“วันที่เจ็ดเดือนหน้า งั้นก็อีกแค่...สองอาทิตย์เองสิคะ! ทำไมเร็วจัง”รวิชาทำหน้าง้ำ เหลือเวลาอีกแค่สิบกว่าวัน หลังจากนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นคนที่มีห่วงผูกคอเสียแล้ว“เขาเอาฤกษ์สะดวกน่ะ เพราะวันที่สิบเดือนหน้า คุณพ่อคุณแม่ของอาภีมจะต้องไปเมืองนอก เลยอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนไป” อาทิตย์ตอบบุตรสาว ก่อนจะกำชับเรื่องการดูแลตัวเองอีกครั้ง“ช่วงที่พ่อกับแม่ไม่อยู่น้องอายต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก เพื่อนคนไหนที่เคยชวนไปเที่ยวกลางคืน ถ้าเขาโทร. มาชวนอีกก็ไม่ต้องไปกับเขา หลังจากที่พ่อไปแล้วอาภีมอาจจะมาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว เดี๋ยวพ่อจะส่งไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 25%

    “คุณหนูอาย คุณนมให้มาตามค่ะ” เสียงจากแม่บ้านทำให้รวิชาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วส่งยิ้มให้มาลัย หญิงสาวลุกขึ้นยืน หยิบกระป๋องน้ำอัดลมกับหนังสือการ์ตูนที่นำติดมือมาทั้งที่ยังไม่ได้เปิดอ่านกลับเข้าไปในบ้านด้วยรวิชาหัดทำบัวลอยไข่หวานกับนมพิมใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงเศษ แม้จะใช้เวลานาน แต่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่หญิงสาวไม่เคยทำจึงไม่นึกเบื่อแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับอึ้งไม่น้อยกับกรรมวิธีการผลิตในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผสมแป้งนวดแป้ง ซึ่งนมพิมบอกว่าแต่ละคนจะมีสูตรการผสมที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงการปรุงน้ำให้หอมอร่อย ไม่หวาน และไม่เค็มกะทิจนเกินไป กว่าจะได้บัวลอยไข่หวานมาสักถ้วยช่างดูยากเย็นเหลือเกินในความรู้สึกของสาวน้อยที่เคยแต่รับประทานเพียงอย่างเดียว“กว่าจะได้แต่ละถ้วย ยากเหมือนกันนะคะนม” รวิชาเปรยขึ้นระหว่างที่ปั้นแป้งบัวลอยเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ หย่อนใส่ในหม้อที่น้ำกำลังเดือด“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าทำบ่อย ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ”“แล้วที่เขาทำเป็นสี ๆ ที่มีทั้งชมพู เขียว ม่วง ฟ้า นั่นเขาใส่สีผสมอาหารใช่ไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 50%

    ภีมพลยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของสาวน้อย เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินแต่พยายามเก็บอาการอย่างเต็มที่ชายหนุ่มรู้ว่าเด็กสาววัยรุ่นเป็นวัยที่อ่อนไหวกับเพศตรงข้ามมากแค่ไหน เขาจึงค่อย ๆ ‘ตะล่อม’ ด้วยการเข้าใกล้หัวใจของเธอทีละนิด ถึงแม้จะรู้ว่าความคิดส่วนหนึ่งของรวิชากำลังต่อต้านการหมั้นหมายแบบเงียบ ๆ ตามประสาคนที่ไม่ชอบการถูกบังคับ อีกทั้งช่องว่างระหว่างวัย จึงทำให้สาวน้อยอย่างรวิชาอาจจะรู้สึกอายเพื่อนฝูงบ้าง หากต้องบอกกับเพื่อน ๆ ว่ามีคู่หมั้นอายุสามสิบกว่าปี แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าตนสามารถทลายกรอบความคิดตรงนี้ของรวิชาลงได้ เมื่อนั้นเขาจะได้คู่หมั้นที่น่ารักน่ากอดเป็นรางวัลสำหรับความพยายามครั้งนี้แน่นอนรวิชาเดินเคียงข้างภีมพลอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เธอมองไปรอบตัวเพราะเกรงว่าจะเจอคนรู้จัก หรือเพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน เธอยังไม่อยากเจอใครทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากตกเป็นเป้าการพูดถึงของใครต่อใคร และไม่อยากกลายเป็นหัวข้อสนทนาในชั่วข้ามคืนว่า มาเดินควงกับผู้ชายมีอายุ!ถึงแม้ภีมพลจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 75%

    สาวสวยหุ่นดีที่นั่งกระแซะอยู่ข้างกายมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ เขาใช้เวลาจีบเธอแค่สัปดาห์เดียวก็สามารถพาขึ้นเตียงได้แล้ว ตอนนี้เขาจึงเดินยืดได้เต็มที่ในมหาวิทยาลัยเมื่อมีหญิงสาวคนนี้เดินเกาะแขนไม่ห่าง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้ชายคนอื่นที่เรียงแถวกันมาจีบเธอแต่ไม่ติดแต่ก็นั่นแหละ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ในเมื่อเขาพาเธอขึ้นเตียงได้ง่าย ๆ คนอื่นที่เคยคบกับเธอมาก็คงพาขึ้นเตียงได้ง่ายไม่ต่างกัน ต่อให้สวยเลิศเลอแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่ดี เพราะเขาเชื่อว่าหากหลุดจากเขาไป สาวสวยคนนี้ก็มีหนุ่มรายใหม่มาเดินอยู่ข้างกายไม่เคยขาดอยู่แล้วแต่ที่แน่ ๆ กลวิชรจะไม่รามือจากรวิชาแน่นอน เขาอยากแก้เผ็ดไอ้เจ้าพ่อคลับซุสที่บังอาจมาชุบมือเปิบคนของเขาไป อยากรู้นักว่ามันจะทำหน้าอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาเอาผู้หญิงของมันมานอนกกได้“ผมมาดูแหวนหมั้นครับ” ภีมพลแจ้งความประสงค์กับพนักงานขายที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าตู้โชว์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พนักงานสาวรีบกุลีกุจอแนะนำหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างกระตือรือร้น“ชอบแบบไหนคะ เพชรเม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 100%

    รวิชาอยากเห็นโรงงานในส่วนที่เป็นการปฏิบัติการบ้าง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดสนใจในธุรกิจของครอบครัวเลยสักครั้ง น่าแปลกที่พอได้มาคุยกับภีมพล เธอกลับคิดเรื่องการทำงานมากขึ้น“คิดอย่างนั้นได้ก็ดี อาว่าถึงเวลาแล้วนะที่น้องอายต้องเข้าไปศึกษางานของครอบครัว ค่อย ๆ หัดค่อย ๆ เรียนรู้ไป กว่าน้องอายจะเรียนจบป่านนั้นความรู้ความสามารถก็แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้แล้ว ถ้างั้นพรุ่งนี้อาจะมารับไปที่โรงงานแล้วกันนะ”ภีมพลรีบอาสา ตั้งใจไว้ว่าในช่วงสองอาทิตย์ก่อนถึงวันหมั้น เขาต้องทำตัวติดกับรวิชาเพื่อลดความตึงเครียดของเธอเมื่อต้องเข้าพิธีหมั้นทั้งที่อายุยังน้อย“ให้พี่บุญเกิดขับไปส่งก็ได้ค่ะ ลำบากอาภีมเปล่า ๆ”รวิชารีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เธอรู้ว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหนเพราะต้องทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เวลาพักผ่อนก็มีน้อย จนสงสัยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปนอน“อาเคยบอกแล้วไงว่าถ้าเกี่ยวกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอายอมลำบากทั้งนั้นแหละ”ชายหนุ่มวางมือบนศีรษะเธอแล้วโยกไปมา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเกาะบ่าบอบบางแบบเนียน ๆภีมพลหัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 8 เรียกพี่ได้ไหม - 35%

    ร่างสูงใหญ่ของภีมพลก้าวเดินอย่างเชื่องช้าอยู่ตรงลานจอดรถสำหรับพนักงาน ในมือถือโทรศัพท์ไว้โดยที่สายตาก็จดจ่ออยู่แต่หน้าจอ ใบหน้าระบายยิ้มอ่อนโยน บางคราวก็หัวเราะขลุกขลักในลำคอ เวลาที่ชายหนุ่มก้มลงพิมพ์ข้อความเขาจะหยุดเดิน ราวกับกลัวว่าจะพิมพ์ผิดแล้วต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ด้วยความที่มัวแต่สนใจกับแชตในโทรศัพท์ จึงทำให้ไม่รู้ตัวว่าเจ้าของรถยุโรปคันหรูที่เข้ามาจอดเทียบกับเขาเมื่อครู่นั้น กำลังเดินตามหลังมาด้วยแววตาระยิบระยับพลางหันไปพยักพเยิดกับหญิงสาวที่ตนกำลังโอบเอวอยู่“ม็อทครับ ผมว่าพักหลังมานี้ไอ้ภีมเพื่อนผมดูมันกำลังอินเลิฟยังไงก็ไม่รู้” พชรพูดกับสาวสวยข้างกาย ทำทีเป็นไม่เห็น และไม่สนใจภีมพลที่เดินนำอยู่“ยังไงหรือคะ” ช่อมาลีแสร้งรับมุกทำเป็นไม่เห็นภีมพลบ้าง ขณะเดินผ่านคนที่กำลังพูดถึง“ก็ยิ้มคนเดียว หัวเราะคนเดียว แชตไปยิ้มไป ผมสงสัยว่ามันกำลังจีบสาวสักคนแน่ ๆ”พชรแกล้งเอาหัวไหล่กระทบกับไหล่ของภีมพลตอนเดินแซงไปข้างหน้า คนถูกชนได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร แต่สาวเท้าก้าวตามคู่รักเข้าอาคารไปเงียบ ๆ เขามองพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 8 เรียกพี่ได้ไหม - 70%

    เช้าวันถัดมา ภีมพลเดินเข้ามาในบ้านของว่าที่คู่หมั้นอย่างสนิทชิดเชื้อราวกับเป็นบ้านของตนเอง ชายหนุ่มนั่งรอรวิชาที่ห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาสาวน้อยที่แต่งตัวอยู่ข้างบน เพื่อบอกว่าตนมารออยู่ข้างล่างแล้ว พลางเอ่ยขอบคุณมาลัยที่เอาน้ำมาเสิร์ฟให้รวิชากึ่งวิ่งกึ่งเดินลงบันไดมาหลังจากที่เขาส่งข้อความไปบอกไม่นานนัก ความจริงเธอแต่งตัวเสร็จสักพักใหญ่แล้ว แต่ที่ยังไม่ลงมาเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอตื่นเต้นแค่ไหนกับการต้องนั่งรถไปกับเขาสองต่อสองภีมพลลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อรวิชาเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ตาคมกวาดมองคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความพึงพอใจ วันนี้สาวน้อยของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน พักนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่ารวิชาจะใส่ชุดอะไรก็ดูดี น่ารักสมวัยไปเสียทุกอย่าง จนกลายเป็นเขาเสียเองที่ต้องพยายามแต่งตัวให้เข้ากับวัยของเธอเพื่อไม่ให้ดูแก่จนเกินไป“น้องอายจะกินมื้อเช้าก่อนไหม หิวหรือเปล่า หรือว่ากินแล้ว” เขาถามเสียงอ่อนเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่ คิดว่าเธอคงยังไม่ได้กินมื้อเช้าแน่นอนรวิชามองหน้าเขาพลางเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามกลับ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28

บทล่าสุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 16 ข่าวลือ - 50%

    “เฮ้อ แย่เนอะ สมัยพวกเราเรียนมัธยมยังไม่เห็นมีแบบนี้เลย”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ เตชินทร์ก็เดินเข้ามาหา แล้วทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับรวิชาอย่างถือวิสาสะ เขาหันมาส่งยิ้มให้อารดาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปคุยกับรวิชา“แย่หน่อยนะครับ เจอใครไม่เจอดันไปเจอไอ้วิชร”ชายหนุ่มเปิดรอยยิ้มกว้างจนตายิบหยี ใบหน้าหล่อเหลาขาวใสสไตล์หนุ่มเกาหลีที่กำลังนิยมทำเอาคนมองอย่างอารดาตาพร่า เสียงทุ้มของเขายามเอื้อนเอ่ยฟังดูนุ่มนวลชวนหลงใหล แม้จะรู้ว่าเขาไม่ได้คุยและยิ้มให้กับเธอ แต่หญิงสาวก็อดเผลอนั่งจ้องเขาไม่ได้“ขอบคุณพี่มาก ๆ เลยนะคะที่ช่วยไว้ พี่ชื่อ...”รวิชาพูดค้างไว้แค่นั้น เตชินทร์จึงแนะนำตัวเอง“เตชินทร์ครับ เรียกพี่ชินทร์เฉย ๆ ก็ได้ พี่อยู่ปีสามคณะเดียวกับน้องนั่นละ แต่ช่วงวันปฐมนิเทศพี่ติดธุระเลยไม่ได้มาร่วมงาน น้องอายเลยไม่เคยได้เจอหน้าพี่ แต่พี่เห็นน้องอายบ่อยเลยนะเพียงแต่ไม่กล้าเข้ามาทัก”เตชินทร์คลี่ยิ้มกว้างอีกครั้ง คราวนี้อารดาต้องแอบจิกเนื้อของตัวเอง เตือนสติให้เลิกมองเขา หัว

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 16 ข่าวลือ - 25%

    รวิชาเดินเข้ามหาวิทยาลัยเพียงลำพัง เมื่อคืนเธอได้แชตกับเพื่อนสนิททั้งสองคนเกี่ยวกับภาพข่าวที่ออกมา และปฏิกิริยาของคนที่เข้ามาโพสต์ อดแปลกใจไม่ได้ว่าบางคนนั้นไม่เคยรู้จักเธอด้วยซ้ำ แต่มาพูดต่อว่าเธอเสีย ๆ หาย ๆ ราวกับรู้จักกันมาเนิ่นนาน จึงลงความเห็นกันว่าเธอคงไม่ค่อยเป็นที่ปรารถนาของนักศึกษาผู้หญิงเท่าไร ไม่ว่าจะรุ่นเดียวกันหรือรุ่นพี่เธอเดาว่าอาจเป็นพราะการที่ตนเป็นจุดเด่นมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ตนเป็นจุดสนใจของเพศตรงข้าม รวมไปถึงการใช้กระเป๋าและนาฬิกาแบรนด์หรูมาเรียน รวิชาจึงพยายามลดความเป็นจุดเด่นของตัวเองลง โดยเริ่มปรับปรุงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องประดับติดกายพวกนี้ก่อนวันนี้เธอสะพายกระเป๋าแฮนด์เมดใบละไม่กี่ร้อยที่ซื้อจากตลาดนัดสวนจตุจักรตั้งแต่สมัยมัธยมมาเรียน ใส่นาฬิกาเรือนเดิมที่เคยใส่ตอนเรียนมัธยมปลาย การที่ตัวเองเป็นเด็กใหม่แต่ถ้าทำตัวให้น่าหมั่นไส้แม้จะไม่ตั้งใจก็ตาม ก็อาจจะทำให้เธอใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยได้ไม่ราบรื่นนักเสียงกระหึ่มของรถสปอร์ตคันหรูที่ดังอยู่ด้านหลังไม่ได้ทำให้รวิชาสนใจจนต้องหันไปมอง หญิงสาวยังคงเดินไปเรื่อย ๆ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 100%

    แต่ภีมพลกลับไม่ยอมให้เธอหลบหน้าไปทางไหน เขาเอานิ้วดันคางมนให้เชิดขึ้นแล้วก้มหน้าลงกระซิบ“งั้น...อาขอคำสุดท้ายนะ”ไม่ต้องรอให้เธออนุญาต เขาก็ยื่นหน้าเข้าไปละเลียดชิมอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาชิมไม่นานนัก เพราะเห็นใจสาวน้อยที่ขัดเขินจนสะท้านไปทั้งร่าง ก่อนจะผละออกแล้วกดจมูกลงไปที่แก้มแดง ๆ ของเธอเต็มฟอดพอเห็นเขาหยิบถ้วยบัวลอยขึ้นมาถือไว้ในมือ รวิชาได้ทีก็รีบเด้งตัวขึ้นจากตักแล้วเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้ามทันที หญิงสาวเบนสายตาไปดูเวลาที่นาฬิกาบนโต๊ะทำงานของเขาแล้วพูดขึ้น“น้องอายไปก่อนนะคะ วันนี้ต้องเข้าโรงงานกับคุณพ่อคุณแม่ค่ะ”“ครับ อาก็คงนั่งทำงานที่นี่ ไม่ได้ไปไหน ค่ำ ๆ ก็ออกไปที่คลับเหมือนเดิม ถ้าน้องอายกลับมาจากโรงงานแล้วจะแวะมานั่งเล่นอยู่กับอาก็ได้นะ”ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ รวิชาพยักหน้ารับเร็ว ๆ ก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินออกจากห้องด้วยหัวใจพองโตสุนิตาคลิกเมาส์เพื่อเลื่อนดูฟีดข่าวของหน้าเฟซบุ๊กแล้วหยุดค้างอยู่ที่ข้อความที่พาดพิงถึงเพื่อนสาวในกลุ่ม เพื่อนที่เธอไม่ค่อยอยากนับเ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 75%

    เสียงของรวิชานิ่งงันไปเมื่อเห็นภาพของตัวเองเด่นหราอยู่ในหน้าเฟซบุ๊กในกรุ๊ปของนักศึกษาคณะบริหารที่ใช้ชื่อกลุ่มว่า “สาวใสคณะบริหาร” ซึ่งในกรุ๊ปนี้จะมีแต่เฉพาะนักศึกษาสถาบันนี้เท่านั้นที่จะเข้าเป็นสมาชิกได้ และรูปที่มีมือดีแอบถ่ายเอาไว้แถมแต่งภาพทำกรอบให้เสียสวยงามนั้นก็เป็นรูปของเธอกับภีมพลที่ไปเที่ยวด้วยกันเมื่อคืนนั่นเอง เธอจะไม่เดือดร้อนเลยถ้าหากใต้รูปนั้นจะไม่บรรยายไปในทางเสื่อมเสีย“น้องอาย ขวัญใจหนุ่ม ๆ ทั้งหลายไม่ใช่สาวใสอย่างที่ใคร ๆ คิดเสียแล้วที่แท้ก็เด็กเสี่ยนี่เอง ไม่รู้ว่าขายตัวด้วยหรือเปล่า”“โห...แรงอ่ะ ใครโพสต์เนี่ย”รวิชาหน้างอง้ำ ยิ่งได้อ่านข้อความด้านล่างที่มีคนมาคอมเมนต์ต่อ ๆ กันก็ยิ่งรู้สึกแย่ บางคนยังไม่เคยพบปะพูดคุยกับเธอด้วยซ้ำ แต่กลับกล้าวิจารณ์เธอไปในเรื่องที่ไม่รู้ว่าไปขุดมาจากไหน“เดี๋ยวฉันสืบให้ เครือข่ายฉันพอมี แต่ฉันว่าก็คงเป็นอีพวกที่ไม่ค่อยชอบหน้าแกนั่นแหละ จะมีใคร ว่าแต่แกเถอะจะแก้ข่าวยังไงยะ จะบอกคู่หมั้นหรือเปล่าเรื่องนี้น่ะ” คิดแล้วก็อดห่วงเพื่อนสาวไม่ได้ เพราะถ้ามีคนเชื่อข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 50%

    หลังจากวางสาย เขาก็เดินออกจากฮอลล์อีกประตูแล้วอ้อมจากด้านหน้าที่มีการตรวจบัตร เดินผ่านเลยไปยังที่จอดรถสำหรับพนักงานแล้วเข้าประตูหลังเพื่อขึ้นไปยังออฟฟิศด้านบน พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นพนักงานตรวจบัตรนั่งรออยู่ในห้องก่อนแล้ว“อ้าว มาแล้วหรือ พวกนายมานี่สิฉันจะให้ดูอะไร”ภีมพลเดินนำไปที่กระจกบานใหญ่ซึ่งสามารถมองลงไปเห็นฮอลล์ด้านล่างได้ทั้งหมด แต่คนข้างล่างไม่สามารถมองขึ้นมาเห็นคนในห้องนี้ได้ จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังโต๊ะของสุนิตา“พวกนายได้ตรวจบัตรของลูกค้าโต๊ะนั้นหรือเปล่า” พนักงานหนุ่มสองคนนั้นมองตามนิ้วมือของเขาแล้วพยักหน้า“ตรวจครับ พวกเราตรวจทุกคน ไม่มีใครที่เราไม่ได้ตรวจแล้วจะปล่อยให้เข้าไปข้างในได้แน่นอนครับคุณภีม”“นายแน่ใจนะ กลุ่มนั้นเขาเลยยี่สิบกันแล้วหรือ” ภีมพลยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมสุนิตาถึงเข้ามาที่นี่ได้ทั้งที่ด้านหน้าก็มีการตรวจบัตรอย่างเข้มงวด หนึ่งในพนักงานหนุ่มจึงพูดขึ้น“เลยแล้วครับผมจำได้ เพราะถ้าใครที่อายุไม่ถึงยี่สิบ เราไม่ให้เข้าอยู่แล้ว ยิ่งโต๊ะนั้นผมยิ่งจำได้ เพราะน้องชุด

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 15 เด็กเสี่ย - 25%

    พชร หุ้นส่วนและเพื่อนสนิทของภีมพลเปิดประตูห้องทำงานเข้ามาแล้วต้องส่ายหน้ากับภาพที่เห็นภีมพลนั่งหลังตรงอยู่ตรงหน้าคอมพิวเตอร์ สีหน้าจริงจังราวกับสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นเป็นโครงการสำคัญระดับชาติ แค่นั้นเขาก็รู้ทันทีว่าเพื่อนรักกำลังทำอะไรอยู่“สนุกนักหรือวะ เห็นพักหลังมานี่แกติดมันงอมแงมเลยนะ ว่างเป็นไม่ได้ฉันเห็นแกต้องเล่นตลอด”พชรถามพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์ออกมาหนึ่งกระป๋อง แล้วเดินมานั่งที่โซฟาตัวยาว ภีมพลไม่ตอบคำถามเพราะสายตาเอาแต่คอยจ้องหน้าจอสี่เหลี่ยมแทบไม่กะพริบ มือสองข้างก็ถือจอยสำหรับควบคุมเกมไว้แน่น“ได้ข่าวว่าแกโดนวิคกี้รุกอีกแล้วหรือ”พชรยังคงถามต่อแบบยิ้ม ๆ เขาเองก็รู้มาเหมือนกันว่านักร้องสาวอะคูสติกพยายามจะเข้าหาภีมพล ทีแรกก็ไม่ค่อยอยากเชื่อ แต่พอช่อมาลียืนยันหนักแน่นด้วยอีกคน เขาจึงลองจับตามอง ถึงได้เห็นว่าวิธีการอ่อยเหยื่อของเจ้าหล่อนนั้นใช้ไม่ได้ผลกับภีมพลแน่นอน“แกก็จัดให้เขาสักทีสองที เดี๋ยวก็คงเลิกไปเองแหละมั้ง”พชรยังคงแกล้งเย้าแหย่เพื่อน เพราะรู้ดีว่าอย่า

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 100%

    “หายใจไม่ทันหรือคะน้องอาย” ถึงเขาจะผละออกมา แต่ก็ใช่ว่าจะห่างไปไหน ยังคงประพรมจูบทั่วปากอิ่มที่เผยอเล็กน้อยราวกับเชิญชวน“ค่ะ” รวิชาตอบเสียงแผ่วไม่กล้ามองสบสายตาคมกล้าเป็นประกายแม้จะอยู่ในที่มืดสลัว หัวใจดวงเล็กสั่นระรัว ทั้งเขินทั้งอายแต่ก็อุ่นซ่านหวามไหวในคราวเดียวกัน“โกรธอาหรือเปล่าคะที่อาทำอย่างนี้” ถามแล้วก็เหมือนไม่สนใจฟังคำตอบ ริมฝีปากร้อนร้ายยังคงเคลื่อนไหวแผ่วเบาไปตามผิวแก้มทั้งสองข้างระเรื่อยไปจนถึงปลายคางก่อนจะจบลงที่ปากอิ่มหญิงสาวส่ายหน้าแทนคำตอบ รู้สึกเนื้อตัวร้อนรุ่มราวกับจับไข้ ยิ่งได้ยินเขาพูด คะ ขา กับเธอแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจพองโตคับอก เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงหวงเขา ไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนได้มาอยู่ใกล้ หรือมาทำท่าทางสนอกสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุนิตา เพื่อนในกลุ่มเธอเอง“แล้วถ้าอาจะขอจูบน้องอายอย่างนี้ทุกครั้งก่อนเข้าบ้านเป็นรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ น้องอายคงไม่ว่าอาใช่ไหมคะ”ชายหนุ่มใช้หลังนิ้วไล้เบา ๆ ที่แก้มสุกปลั่งของหญิงสาวระหว่างรอฟังคำตอบ ซึ่งสาวน้อยก็ส่ายหน้าอีกเช่นเค

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 75%

    “เอ่อ...คนเยอะมากเลยค่ะอาภีม น้องอายไม่ขึ้นชิงช้าแล้วก็ได้นะคะ เราเดินเล่นกันอย่างเดียวก็ได้”รวิชาช้อนสายตาขึ้นมองเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ นึกว่าเขาจะพยักหน้าเห็นด้วยกับที่เธอบอก กลับกลายเป็นว่าเขาเดินโอบบ่ารั้งให้เธอเข้าไปต่อแถวซื้อตั๋วขึ้นชิงช้าสวรรค์ด้วยกัน“ไม่ขึ้นได้ยังไงกันครับอุตส่าห์มาถึงนี่แล้วทั้งที ไม่เป็นไรหรอกน่า...คนอื่นยังรอกันได้เราก็ต้องรอได้สิครับ”ชายหนุ่มยังคงโอบเธอไว้อย่างนั้นกระทั่งถึงตอนที่ต้องหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาจ่ายเงินค่าตั๋ว มือของเขาจึงได้เลื่อนลงไปกุมมือนุ่มของเธอแทนทุกอิริยาบถของคนทั้งคู่ตกเป็นเป้าสายตาของใครคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัว และคนคนนั้นก็ตามเก็บภาพของทั้งสองคนตั้งแต่ลานจอดเลยก็ว่าได้“โธ่เอ๊ย! นังเด็กปีหนึ่งคนนี้นี่ไอ้เราก็นึกว่าเป็นลูกคุณหนูไฮโซมาจากไหน ที่แท้ก็เป็นไซด์ไลน์มีเสี่ยเลี้ยงนี่เอง”มุมปากของคนพูดกระตุกยิ้มเหยียด ก่อนจะหันไปซุบซิบกับเพื่อนที่มาด้วยกัน พลางส่งต่อรูปที่ถ่ายมาได้ให้เพื่อนในกลุ่มเพื่อช่วยกันกระจายข่าว!ภีมพลรู้สึกผิดหวังราวกับ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 14 เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ - 50%

    “ใครจะมองยังไงก็เรื่องของเขา เราไปห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก คนคิดดีกับเราก็มีคนคิดร้ายกับเราก็เยอะ แค่เรารู้ตัวเองก็พอแล้วว่ากำลังทำอะไรอยู่ คนอื่นจะคิดยังไงก็ช่างเขาอย่าไปใส่ใจเลยครับ” ชายหนุ่มบีบมือเธอเบา ๆ“หรือว่าเราอาย” ภีมพลหันหน้าไปถามก่อนจะหันไปมองถนนเบื้องหน้าต่อ“อายอะไรคะ อาภีมหมายถึงอะไร”“เราอายเพื่อนหรือเปล่าที่อาไปรับที่มหาวิทยาลัยทุกวัน หรือว่าอายเพื่อนไหมที่ต้องบอกว่าอาเป็นคู่หมั้น น้องอายบอกอาได้นะ อาอยากให้เราเปิดใจคุยกันทุกเรื่องให้เข้าใจ”ภีมพลกระแอมเล็กน้อย นึกกลัวคำตอบอยู่เหมือนกัน แต่เขาก็อยากรู้ว่าเธอคิดอย่างไรกับการที่ต้องมีคู่หมั้นอายุห่างกันถึงสิบสี่ปี เด็กสาวอย่างเธอจะนึกอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าเวลาที่ต้องแนะนำใครต่อใครว่าเขาคือคู่หมั้น“เปล่าค่ะ ไม่ได้อาย”รวิชาตอบเขาสั้น ๆ นึกอยากถามกลับไปบ้างว่าเขาล่ะอายเพื่อนบ้างหรือเปล่าที่ต้องมีคู่หมั้นเป็นเด็กน้อยปีหนึ่งอย่างเธอ ในขณะที่รอบตัวเขามีแต่สาวสวยเซ็กซี่วนเวียนมาทอดไมตรีให้ตลอด หญิงสาวชั่งใจอยู่สักพักก่อ

DMCA.com Protection Status