Home / โรแมนติก / บ่วงรักผีเสื้อ / บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 70%

Share

บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 70%

last update Last Updated: 2024-12-26 16:45:33

ฐานะทางบ้านของอารดาไม่ได้ร่ำรวยนัก ค่อนข้างขัดสนด้วยซ้ำเพราะมีมารดาเพียงคนเดียวที่คอยหาเลี้ยงทั้งครอบครัวด้วยการรับจ้างเย็บผ้า ส่วนบิดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่อารดายังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษา อารดามีน้องสาวหนึ่งคนเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเดียวกัน ค่าเทอมและค่าใช้จ่ายบางส่วนนั้นอารดาอาศัยกองทุนกู้ยืมจากรัฐบาลมาช่วย และโชคดีที่เธอสอบเข้าโรงเรียนมัธยมสตรีล้วนชื่อดังซึ่งเป็นโรงเรียนของรัฐบาลได้ ค่าเทอมจึงไม่แพงนักถ้าเทียบกับโรงเรียนเอกชน

แต่ถึงกระนั้น ทุกครั้งที่ปิดเทอม อารดามักจะหางานพิเศษทำเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ฉะนั้นเวลาที่เพื่อนฝูงนัดกันไปเที่ยว หรือเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าหลังเลิกเรียน อารดาจึงไม่ค่อยได้ไปสังสรรค์เท่าไร เพราะต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในบ้าน

บางครั้งเพื่อนในกลุ่มรวมถึงรวิชาต้องบังคับขู่เข็ญให้ไปด้วยกัน โดยไม่ต้องให้อารดาควักกระเป๋าจ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ได้มีฐานะเหมือนพวกตน ซึ่งอารดาเองก็ไปบ้างไม่ไปบ้างเพราะความเกรงใจที่ต้องให้เพื่อนมาคอยจ่ายให้เกือบทุกครั้ง

“อืม...จะว่าไปฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะหมั้นวันไหน รออาภีมมาบอกอีกทีน่ะ แต่ฉันอยากให้แกมางานฉันนะ”

รวิชานึกไปถึงคนที่ตนพูดถึง นัยน์ตากลมโตตวัดมองไปยังมุมห้องที่มีตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ยักษ์นั่งครองพื้นที่อยู่ สาวน้อยแลบลิ้นใส่อย่างอดไม่ได้ราวกับว่ามันมีชีวิตจิตใจที่สามารถรับรู้การกระทำของเธอ

“เอ๊ะ เมื่อกี้แกเรียกเขาว่าอะไรนะ อาภีมงั้นหรือ แกเรียกเขาว่าอาเลยหรือยายอาย!” เสียงถามกลั้วหัวเราะจากปลายสายทำให้รวิชาต้องกลอกตามองเพดานพร้อมกับทำปากยื่น

“เออดิ ฉันเรียกเขาว่าอา เป็นไงล่ะ แกว่าเขาแก่อย่างที่ฉันบอกหรือเปล่า”

“เขาอายุเท่าไรหรือ ฉันอยากเห็นหน้าเขาจัง คงไม่ใช่อ่อนกว่าพ่อแกแค่ไม่กี่ปีนะ” อารดาหัวเราะเสียงใส นึกอยากเห็นหน้าว่าที่คู่หมั้นของเพื่อนรักขึ้นมาทันใด เพราะเห็นเจ้าตัวเน้นเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นแก่เกินไป

“สามสิบกว่า ๆ เนี่ยแหละ ไม่รู้เหมือนกันว่าสามสิบเท่าไรแล้ว ถ้าอยากเห็นว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง แกก็มางานหมั้นของฉันให้ได้สิ”

รวิชากระตุ้นให้เพื่อนอยากมางานหมั้นของตน แม้จะรู้ว่าอารดาอาจมาไม่ได้เพราะต้องทำงานพิเศษ เธอจึงไม่อยากเซ้าซี้ให้เพื่อนต้องลำบากใจ

“อาย เดี๋ยวฉันต้องไปทำงานแล้วละ เอาไว้เลิกกะแล้วจะโทร. หานะ หรือถ้าเธอรู้ว่างานหมั้นจะมีวันไหนก็โทร. บอกฉันด้วย ถ้าตรงกับวันหยุด หรือแลกกะกับใครได้ ฉันจะไปแน่นอน”

“โอเค แกไปทำงานเถอะ” รวิชาวางสาย แล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อได้ยินเสียงแปลก ๆ ตรงระเบียงจึงลองเงี่ยหูฟังอีกครั้ง

เสียงวัตถุบางอย่างกระทบกับประตูที่จะออกสู่ระเบียงห้อง หญิงสาวเดินไปมองผ่าน ๆ โดยไม่ได้ออกไปที่ระเบียง ตอนแรกนึกว่าเป็นกิ่งไม้ที่หักลงมาแล้วถูกลมพัดมาโดนประตู จึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าหลังจากเดินกลับมาได้ไม่กี่ก้าวก็มีเสียงดังขึ้นมาอีก ราวกับมีคนกำลังขว้างก้อนหินก้อนเล็กหรืออะไรบางอย่างขึ้นมา เธอจึงสาวเท้าไปใกล้ประตูอีกครั้ง แต่มองแล้วไม่เห็นใครจึงเดินออกไปยืนเกาะราวระเบียงเพื่อดูให้แน่ใจอีกที

วงหน้าคร้ามคมที่เกลื่อนด้วยรอยยิ้มของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นว่าที่คู่หมั้นกำลังแหงนเงยขึ้นมองมายังบริเวณที่เธอยืนอยู่ ร่างสูงใหญ่ของภีมพลยืนพิงรถคันหรูอยู่อีกฝั่งรั้วซึ่งเป็นโรงรถ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกง อีกข้างถือของบางอย่างไว้ในมือซึ่งเธอมองไม่ชัดนัก แต่คิดว่าคงเป็นของที่เขาใช้ปามาที่ประตูเมื่อครู่

รวิชาถามพลางก้มลงมองพื้นระเบียง จึงเห็นว่าเป็นผลกลม ๆ ปล้อง ๆ สีเหลืองอมเขียวหล่นอยู่ที่พื้นสามสี่ลูกจึงหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือ พลางเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามเขาเสียงไม่เบานัก

“อาภีมปาอะไรขึ้นมาน่ะ”

“มะยม!”

สาวน้อยยืนเกาะราวระเบียงก้มหน้าลงประสานสายตากับเขา ทว่าพอเห็นประกายตาระยิบระยับวับวาวกว่าปกติก็มิอาจหาญกล้าไปเล่นเกมจ้องตากับเขาได้ เธอจึงเบนสายตาไปมองต้นมะยมที่ขึ้นติดรั้วบ้านจนกิ่งก้านมันแผ่ขยายลามไปยังเขตบ้านของเขา

“เรารู้เรื่องแล้วใช่ไหม พ่อกับแม่คงบอกแล้ว...เรื่องหมั้น”

เขาเว้นระยะก่อนจะเอ่ยสองคำหลังราวกับต้องการเน้นย้ำ ตาคมจับจ้องดวงหน้าเรียวเล็กที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อชวนมองเพื่อสังเกตปฏิกิริยา มุมปากหยักคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นสีหน้า และแววตาของหญิงสาว

เจ้าตัวคงไม่รู้กระมังว่าตนเองกำลังเขินอายจนใบหน้าแดงก่ำลามเลยไปถึงลำคอ รวิชายังเด็กมาก คิดอะไร รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาทางสีหน้าหมด ถึงแม้ว่าจะพยายามปั้นแต่งใบหน้าให้เรียบตึงแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับเขา มองปราดเดียวก็รู้

คนถูกถามไม่พูดอะไร แต่กลับทำเพียงพยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ

“เหตุผลที่ต้องหมั้น พ่อเขาบอกเราแล้วใช่ไหมน้องอาย”

ภีมพลทอดเสียงโอนอ่อนตอนเอ่ยออกไป เขารู้ว่าสาวน้อยคงกำลังงุนงงสับสน อาจจะต้องให้เวลาปรับตัวสักพัก

“ไหนอาภีมรับปากว่าจะไม่บอกพ่อกับแม่เรื่องนั้นไง แล้วทำไมจู่ ๆ เอาไปฟ้องเฉยเลย” รวิชาโจมตีเขาทันทีพลางมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ ปากอิ่มยื่นออกมาเล็กน้อยเหมือนเด็กกำลังงอน จนคนมองนึกมันเขี้ยวอยากปีนระเบียงขึ้นไปกัดเล็มเล่นเสียเดี๋ยวนั้น

“อาขอโทษที่ไม่รักษาคำพูด แต่เรื่องนี้มันเรื่องใหญ่นะน้องอาย อาจำเป็นต้องบอกพ่อกับแม่ของเราให้รับรู้ ทุกคนจะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และคอยช่วยระวังให้ ช่วงนี้พ่อกับแม่เราค่อนข้างยุ่งกับงาน คงจะไม่มีเวลาให้เรามาก อาก็เลยคิดว่าจะช่วยดูแลเราอีกทางหนึ่ง ไหน ๆ ก็บ้านใกล้กัน”

“พ่อกับแม่ก็งานยุ่งทั้งปีทั้งชาตินั่นแหละ” รวิชาพูดแค่นั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ทว่าคนฟังกลับจับความเหงาปนเศร้าของอีกฝ่ายได้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่ต่างจากเวลาที่พูดกับเด็กตัวเล็ก ๆ

“แต่ทุกครั้งที่พอมีเวลา พวกท่านก็จะรีบกลับมาหาเรา และอยู่กับเราไม่ใช่หรือ พ่อกับแม่รักเรามากนะ ที่พวกท่านยอมเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพื่อเราทั้งนั้น เวลาที่เราโตพอจะดูแลทุกอย่างต่อได้ เราจะได้ไม่เหนื่อยเหมือนพวกท่านในตอนนี้ไงล่ะ”

กระแสเสียงอ่อนโยนจากชายหนุ่ม ทำให้สาวน้อยลืมตัวจ้องเขาตาค้าง ก่อนจะเริ่มรู้ตัวจึงแกล้งทำทีเป็นคุยเรื่องอื่นเพื่อแก้เขิน

“แล้วนึกยังไงถึงเอามะยมมาปาห้องน้องอายล่ะ อาภีมอยากกินก็เด็ดเอาไปเลยสิคะ บ้านนี้ไม่หวงหรอก”

“หึ! เปล่าหรอก ก็แค่อยากบอกว่าเราคงต้องเจอกันไปอีกนาน ตอนนี้อาจจะแค่เม็ดมะยม แต่ถ้าวันไหนเราดื้อกับอา วันนั้นคงเจอก้านมะยมแทน”

ภีมพลพูดไปยิ้มไป ยิ่งเห็นคนฟังเม้มปากแน่นราวกับกำลังนึกหาถ้อยคำมาโต้ตอบเขาแต่ยังหาไม่เจอก็ยิ่งรู้สึกอยากแกล้ง

“เอ หรืออาจะลงโทษวิธีอื่นดีนะ”

“น้องอายโตแล้วค่ะ ไม่ใช่เด็กแล้วนะที่จะเอาก้านมะยมมาตี ทำตัวเป็นพ่อคนที่สองไปได้” รวิชาโต้กลับไป ท้ายประโยคเสียงแผ่วราวกับไม่อยากให้เขาได้ยิน

“อาก็ไม่ได้บอกว่าจะมาทำตัวเป็นพ่อคนที่สองของเราสักหน่อย แต่เป็น...คู่หมั้นต่างหากล่ะ” ชายหนุ่มจงใจเว้นระยะการพูด เรียวปากคลี่ยิ้มกว้างนัยน์ตาหวานหยดจนคนมองใจเต้นรัวขึ้นมาทันที

“เคยอ่านโรมิโอกับจูเลียตไหม” จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องคุยกะทันหัน รวิชาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“เคยค่ะ ทำไมหรือคะ”

“ก็ตอนที่เรายืนคุยกันอยู่ตรงนี้น่ะ เหมือนกับฉากที่โรมิโอปีนระเบียงหา     จูเลียตเลย” เขาพูดทิ้งไว้แค่นั้นก็เปิดประตูรถด้านคนขับออกกว้าง ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งในรถเขายังอุตส่าห์หันมาขยิบตาให้เธอข้างหนึ่งพร้อมรอยยิ้มกระชากใจ จากนั้นก็ขับออกไปจากโรงรถอย่างอ้อยอิ่ง ทิ้งให้สาวน้อยยืนอึ้งหน้าแดงก่ำอยู่บนระเบียงเพียงลำพัง

ภีมพลแอบมองรวิชาทางกระจกหลัง เห็นสาวน้อยเม้มปากกลั้นยิ้มจนแก้มป่องก็คลี่ยิ้มกว้าง นับจากนี้ไปเขาจะค่อย ๆ ใช้ยุทธการเลาะเล็มแทรกซึมเข้าไปทีละนิดทีละหน่อย แต่ทำบ่อย ๆ จนหญิงสาวเริ่มขาดมันไม่ได้ อยากรู้นักว่าเด็กสาวอย่างรวิชาจะต้านทานเสน่ห์ที่เขาหว่านเอาไว้ได้นานสักแค่ไหน

ให้มันรู้กันไปว่าโคแก่อย่างเขาจะเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างเธอไม่ได้!

สักวันเถอะ หญ้าอ่อนต้นนี้จะต้องยอมศิโรราบ และมาคอยป้อนให้เขาถึงปากเลย คอยดู!

รวิชาวิ่งกลับเข้าไปในห้องล้มตัวลงนอนคว่ำหน้ากับหมอนแล้วกรี๊ดออกมาอย่างสุดเสียง โกรธเขาที่ทำให้เธอเขินได้ตลอดเวลา โกรธตัวเองที่เขาทำอะไรให้นิดหน่อยก็เขินอยู่ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาพูดมาแค่นั้น ทำไมปากของเธอต้องยิ้มกว้าง ทำไมต้องหน้าแดง ทำไมหัวใจต้องเต้นแรง และทำไมเธอถึงต้องเขินอะไรมากมายขนาดนั้น

สองวันต่อมา อาทิตย์กับรวิวรรณ สองสามีภรรยาก็ต้องเตรียมตัวเดินทางไปทำงานกันอีกครั้ง ทั้งคู่ต้องไปภาคเหนือเพื่อไปตรวจดูแปลงดอกไม้ที่จะนำมาเป็นวัตถุดิบสำหรับสกัดทำน้ำมันหอมระเหย คราวนี้อาจต้องทำสัญญาว่าจ้างเกษตรกรเพิ่มขึ้นเพื่อปลูกวัตถุดิบให้ได้จำนวนตามที่ต้องการ

“คุณพ่อคุณแม่ต้องไปอีกแล้วหรือคะ” น้ำเสียงเศร้าสร้อยกึ่งออดอ้อนของบุตรสาวทำให้คนเป็นพ่อเดินเข้ามาโอบไหล่แล้วตบเบา ๆ ที่ต้นแขน

Related chapters

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 6 คู่หมั้นของฉันคือคุณผีดิบ - 100%

    “พ่อกับแม่ต้องไปทำงานนะลูก เอาไว้ถ้าทุกอย่างลงตัวเมื่อไรพ่อจะพาหนูไปด้วย เพราะอีกหน่อยหนูต้องมาช่วยพ่อกับแม่ดูแลบริษัทของเรา ยังมีอีกหลายอย่างเลยละที่น้องอายต้องเรียนรู้” อาทิตย์พาบุตรสาวมานั่งที่โซฟา ก่อนจะเริ่มพูดถึงเรื่องที่ได้คุยกับภีมพลเมื่อคืน“อาภีมมาบอกกับพ่อแล้วนะว่าวันที่เจ็ดเดือนหน้าคือวันหมั้น พ่อกับแม่จะกลับมาก่อนวันงานสองวันนะลูก” บิดาพูดจบ รวิชาก็ทำตาโตทันที“วันที่เจ็ดเดือนหน้า งั้นก็อีกแค่...สองอาทิตย์เองสิคะ! ทำไมเร็วจัง”รวิชาทำหน้าง้ำ เหลือเวลาอีกแค่สิบกว่าวัน หลังจากนั้นเธอก็ต้องกลายเป็นคนที่มีห่วงผูกคอเสียแล้ว“เขาเอาฤกษ์สะดวกน่ะ เพราะวันที่สิบเดือนหน้า คุณพ่อคุณแม่ของอาภีมจะต้องไปเมืองนอก เลยอยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อนไป” อาทิตย์ตอบบุตรสาว ก่อนจะกำชับเรื่องการดูแลตัวเองอีกครั้ง“ช่วงที่พ่อกับแม่ไม่อยู่น้องอายต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะลูก เพื่อนคนไหนที่เคยชวนไปเที่ยวกลางคืน ถ้าเขาโทร. มาชวนอีกก็ไม่ต้องไปกับเขา หลังจากที่พ่อไปแล้วอาภีมอาจจะมาดูแลบ้างเป็นครั้งคราว เดี๋ยวพ่อจะส่งไ

    Last Updated : 2024-12-26
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 25%

    “คุณหนูอาย คุณนมให้มาตามค่ะ” เสียงจากแม่บ้านทำให้รวิชาเงยหน้าขึ้นจากโทรศัพท์แล้วส่งยิ้มให้มาลัย หญิงสาวลุกขึ้นยืน หยิบกระป๋องน้ำอัดลมกับหนังสือการ์ตูนที่นำติดมือมาทั้งที่ยังไม่ได้เปิดอ่านกลับเข้าไปในบ้านด้วยรวิชาหัดทำบัวลอยไข่หวานกับนมพิมใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงเศษ แม้จะใช้เวลานาน แต่เป็นสิ่งแปลกใหม่ที่หญิงสาวไม่เคยทำจึงไม่นึกเบื่อแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับอึ้งไม่น้อยกับกรรมวิธีการผลิตในแต่ละขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผสมแป้งนวดแป้ง ซึ่งนมพิมบอกว่าแต่ละคนจะมีสูตรการผสมที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงการปรุงน้ำให้หอมอร่อย ไม่หวาน และไม่เค็มกะทิจนเกินไป กว่าจะได้บัวลอยไข่หวานมาสักถ้วยช่างดูยากเย็นเหลือเกินในความรู้สึกของสาวน้อยที่เคยแต่รับประทานเพียงอย่างเดียว“กว่าจะได้แต่ละถ้วย ยากเหมือนกันนะคะนม” รวิชาเปรยขึ้นระหว่างที่ปั้นแป้งบัวลอยเป็นก้อนกลมเล็ก ๆ หย่อนใส่ในหม้อที่น้ำกำลังเดือด“ไม่ยากหรอกค่ะ ถ้าทำบ่อย ๆ แป๊บเดียวก็เสร็จ”“แล้วที่เขาทำเป็นสี ๆ ที่มีทั้งชมพู เขียว ม่วง ฟ้า นั่นเขาใส่สีผสมอาหารใช่ไ

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 50%

    ภีมพลยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของสาวน้อย เขารู้ว่าเจ้าตัวกำลังเขินแต่พยายามเก็บอาการอย่างเต็มที่ชายหนุ่มรู้ว่าเด็กสาววัยรุ่นเป็นวัยที่อ่อนไหวกับเพศตรงข้ามมากแค่ไหน เขาจึงค่อย ๆ ‘ตะล่อม’ ด้วยการเข้าใกล้หัวใจของเธอทีละนิด ถึงแม้จะรู้ว่าความคิดส่วนหนึ่งของรวิชากำลังต่อต้านการหมั้นหมายแบบเงียบ ๆ ตามประสาคนที่ไม่ชอบการถูกบังคับ อีกทั้งช่องว่างระหว่างวัย จึงทำให้สาวน้อยอย่างรวิชาอาจจะรู้สึกอายเพื่อนฝูงบ้าง หากต้องบอกกับเพื่อน ๆ ว่ามีคู่หมั้นอายุสามสิบกว่าปี แต่เขาก็เชื่อว่าถ้าตนสามารถทลายกรอบความคิดตรงนี้ของรวิชาลงได้ เมื่อนั้นเขาจะได้คู่หมั้นที่น่ารักน่ากอดเป็นรางวัลสำหรับความพยายามครั้งนี้แน่นอนรวิชาเดินเคียงข้างภีมพลอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังใจกลางเมือง เธอมองไปรอบตัวเพราะเกรงว่าจะเจอคนรู้จัก หรือเพื่อนที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน เธอยังไม่อยากเจอใครทั้งนั้นในตอนนี้ ไม่อยากตอบคำถาม ไม่อยากตกเป็นเป้าการพูดถึงของใครต่อใคร และไม่อยากกลายเป็นหัวข้อสนทนาในชั่วข้ามคืนว่า มาเดินควงกับผู้ชายมีอายุ!ถึงแม้ภีมพลจ

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 75%

    สาวสวยหุ่นดีที่นั่งกระแซะอยู่ข้างกายมีดีกรีเป็นถึงดาวคณะ เขาใช้เวลาจีบเธอแค่สัปดาห์เดียวก็สามารถพาขึ้นเตียงได้แล้ว ตอนนี้เขาจึงเดินยืดได้เต็มที่ในมหาวิทยาลัยเมื่อมีหญิงสาวคนนี้เดินเกาะแขนไม่ห่าง ท่ามกลางสายตาอิจฉาของผู้ชายคนอื่นที่เรียงแถวกันมาจีบเธอแต่ไม่ติดแต่ก็นั่นแหละ สำหรับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนี้ก็แค่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ในเมื่อเขาพาเธอขึ้นเตียงได้ง่าย ๆ คนอื่นที่เคยคบกับเธอมาก็คงพาขึ้นเตียงได้ง่ายไม่ต่างกัน ต่อให้สวยเลิศเลอแค่ไหนเขาก็ไม่คิดจะจริงจังอยู่ดี เพราะเขาเชื่อว่าหากหลุดจากเขาไป สาวสวยคนนี้ก็มีหนุ่มรายใหม่มาเดินอยู่ข้างกายไม่เคยขาดอยู่แล้วแต่ที่แน่ ๆ กลวิชรจะไม่รามือจากรวิชาแน่นอน เขาอยากแก้เผ็ดไอ้เจ้าพ่อคลับซุสที่บังอาจมาชุบมือเปิบคนของเขาไป อยากรู้นักว่ามันจะทำหน้าอย่างไรถ้ารู้ว่าเขาเอาผู้หญิงของมันมานอนกกได้“ผมมาดูแหวนหมั้นครับ” ภีมพลแจ้งความประสงค์กับพนักงานขายที่ยืนต้อนรับอยู่หน้าตู้โชว์ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พนักงานสาวรีบกุลีกุจอแนะนำหนุ่มสาวทั้งคู่อย่างกระตือรือร้น“ชอบแบบไหนคะ เพชรเม

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 7 หมายหมั้นปั้น(ให้)รัก - 100%

    รวิชาอยากเห็นโรงงานในส่วนที่เป็นการปฏิบัติการบ้าง ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยคิดสนใจในธุรกิจของครอบครัวเลยสักครั้ง น่าแปลกที่พอได้มาคุยกับภีมพล เธอกลับคิดเรื่องการทำงานมากขึ้น“คิดอย่างนั้นได้ก็ดี อาว่าถึงเวลาแล้วนะที่น้องอายต้องเข้าไปศึกษางานของครอบครัว ค่อย ๆ หัดค่อย ๆ เรียนรู้ไป กว่าน้องอายจะเรียนจบป่านนั้นความรู้ความสามารถก็แข็งแกร่งพอที่จะช่วยพ่อกับแม่ได้แล้ว ถ้างั้นพรุ่งนี้อาจะมารับไปที่โรงงานแล้วกันนะ”ภีมพลรีบอาสา ตั้งใจไว้ว่าในช่วงสองอาทิตย์ก่อนถึงวันหมั้น เขาต้องทำตัวติดกับรวิชาเพื่อลดความตึงเครียดของเธอเมื่อต้องเข้าพิธีหมั้นทั้งที่อายุยังน้อย“ให้พี่บุญเกิดขับไปส่งก็ได้ค่ะ ลำบากอาภีมเปล่า ๆ”รวิชารีบปฏิเสธด้วยความเกรงใจ เธอรู้ว่าเขางานยุ่งมากแค่ไหนเพราะต้องทำงานทั้งกลางวันกลางคืน เวลาพักผ่อนก็มีน้อย จนสงสัยว่าเขาเอาเวลาที่ไหนไปนอน“อาเคยบอกแล้วไงว่าถ้าเกี่ยวกับเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรอายอมลำบากทั้งนั้นแหละ”ชายหนุ่มวางมือบนศีรษะเธอแล้วโยกไปมา ก่อนจะเลื่อนมือลงมาเกาะบ่าบอบบางแบบเนียน ๆภีมพลหัน

    Last Updated : 2024-12-27
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 8 เรียกพี่ได้ไหม - 35%

    ร่างสูงใหญ่ของภีมพลก้าวเดินอย่างเชื่องช้าอยู่ตรงลานจอดรถสำหรับพนักงาน ในมือถือโทรศัพท์ไว้โดยที่สายตาก็จดจ่ออยู่แต่หน้าจอ ใบหน้าระบายยิ้มอ่อนโยน บางคราวก็หัวเราะขลุกขลักในลำคอ เวลาที่ชายหนุ่มก้มลงพิมพ์ข้อความเขาจะหยุดเดิน ราวกับกลัวว่าจะพิมพ์ผิดแล้วต้องเสียเวลาพิมพ์ใหม่ด้วยความที่มัวแต่สนใจกับแชตในโทรศัพท์ จึงทำให้ไม่รู้ตัวว่าเจ้าของรถยุโรปคันหรูที่เข้ามาจอดเทียบกับเขาเมื่อครู่นั้น กำลังเดินตามหลังมาด้วยแววตาระยิบระยับพลางหันไปพยักพเยิดกับหญิงสาวที่ตนกำลังโอบเอวอยู่“ม็อทครับ ผมว่าพักหลังมานี้ไอ้ภีมเพื่อนผมดูมันกำลังอินเลิฟยังไงก็ไม่รู้” พชรพูดกับสาวสวยข้างกาย ทำทีเป็นไม่เห็น และไม่สนใจภีมพลที่เดินนำอยู่“ยังไงหรือคะ” ช่อมาลีแสร้งรับมุกทำเป็นไม่เห็นภีมพลบ้าง ขณะเดินผ่านคนที่กำลังพูดถึง“ก็ยิ้มคนเดียว หัวเราะคนเดียว แชตไปยิ้มไป ผมสงสัยว่ามันกำลังจีบสาวสักคนแน่ ๆ”พชรแกล้งเอาหัวไหล่กระทบกับไหล่ของภีมพลตอนเดินแซงไปข้างหน้า คนถูกชนได้แต่ยิ้มไม่พูดอะไร แต่สาวเท้าก้าวตามคู่รักเข้าอาคารไปเงียบ ๆ เขามองพ

    Last Updated : 2024-12-28
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 8 เรียกพี่ได้ไหม - 70%

    เช้าวันถัดมา ภีมพลเดินเข้ามาในบ้านของว่าที่คู่หมั้นอย่างสนิทชิดเชื้อราวกับเป็นบ้านของตนเอง ชายหนุ่มนั่งรอรวิชาที่ห้องรับแขก หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความไปหาสาวน้อยที่แต่งตัวอยู่ข้างบน เพื่อบอกว่าตนมารออยู่ข้างล่างแล้ว พลางเอ่ยขอบคุณมาลัยที่เอาน้ำมาเสิร์ฟให้รวิชากึ่งวิ่งกึ่งเดินลงบันไดมาหลังจากที่เขาส่งข้อความไปบอกไม่นานนัก ความจริงเธอแต่งตัวเสร็จสักพักใหญ่แล้ว แต่ที่ยังไม่ลงมาเพราะไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอตื่นเต้นแค่ไหนกับการต้องนั่งรถไปกับเขาสองต่อสองภีมพลลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อรวิชาเดินลงมาถึงบันไดขั้นสุดท้าย ตาคมกวาดมองคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วด้วยความพึงพอใจ วันนี้สาวน้อยของเขาช่างน่ารักเหลือเกิน พักนี้เขารู้สึกว่าไม่ว่ารวิชาจะใส่ชุดอะไรก็ดูดี น่ารักสมวัยไปเสียทุกอย่าง จนกลายเป็นเขาเสียเองที่ต้องพยายามแต่งตัวให้เข้ากับวัยของเธอเพื่อไม่ให้ดูแก่จนเกินไป“น้องอายจะกินมื้อเช้าก่อนไหม หิวหรือเปล่า หรือว่ากินแล้ว” เขาถามเสียงอ่อนเพราะเห็นว่ายังเช้าอยู่ คิดว่าเธอคงยังไม่ได้กินมื้อเช้าแน่นอนรวิชามองหน้าเขาพลางเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะถามกลับ

    Last Updated : 2024-12-28
  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 8 เรียกพี่ได้ไหม - 100%

    “ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่คงทำงานหนักน่าดูเลยนะคะ น้องอายเห็นท่านไม่ค่อยกลับบ้านเลย นี่ก็เห็นว่าต้องขึ้นเหนือไปดูแปลงเพาะปลูกของเกษตรกรอีก”“ใช่ค่ะ ตอนนี้บริษัทเราประมูลได้ออเดอร์ล็อตใหญ่จากดูไบ พวกผู้บริหารตื่นเต้นกันใหญ่เลยค่ะ วันก่อนเพิ่งประชุมกันว่าต้องมีการลงทุนเพิ่ม รวมถึงการจ้างพนักงานเพิ่มด้วย เพราะที่นี่ก็มีพนักงานแค่สามสิบกว่าคน ถ้าต้องทำล็อตของดูไบ คนแค่นี้ไม่พอแน่ ๆ”หวานอธิบายไปยิ้มไป เพราะการมีออเดอร์ล็อตใหญ่เข้ามา รายได้ของบริษัทก็ต้องเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานอย่างพวกเธอก็ต้องหวังผลไปถึงโบนัสปลายปีด้วยถึงแม้ว่าปีที่ผ่านมาบริษัทจะประสบสภาวะขาดทุน เพราะข่าวลือ และการใส่ร้ายป้ายสีเรื่องวัตถุดิบที่ไม่ได้คุณภาพ รวมถึงโดนตัดราคาจากแบรนด์น้องใหม่ แต่ประธานบริหารก็ไม่ยอมปลดพนักงานออกแม้แต่คนเดียว ทั้งยังจ่ายโบนัสให้กับทุกคนตอนสิ้นปีตามปกติอีกด้วย ถึงแม้ว่าจะแค่เดือนเดียวก็ตาม นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมพนักงานทุกคนจึงยอมทุ่มเทแรงกายแรงใจและสมอง รวมถึงความจงรักภักดีกับองค์กรอย่างถึงที่สุด“สามสิบกว่าคน เดี๋ยวนี้บริษัทเร

    Last Updated : 2024-12-28

Latest chapter

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 100%

    “อ้าว! วันนี้คุณอายไม่เข้าบริษัทหรือ” เมื่อเช้าก็ออกมาด้วยกันแท้ ๆ แต่แม่เจ้าประคุณแอบหนีไปเที่ยวไหนกันล่ะนี่ ชายหนุ่มคิดอย่างเข่นเขี้ยวในใจเมื่อเจอ “เซอร์ไพรส์” สุดพิเศษจากศรีภรรยาภีมพลยิ้มกริ่มอย่างหมายมาด เห็นทีต้องรีบกลับไปรับขวัญก่อนเวลาเสียแล้ว ชายหนุ่มหยิบกระเป๋าสตางค์กับกุญแจรถออกมา เหลือบไปเห็นแฟ้มงานสองแฟ้มที่ยังคงแผ่หราอยู่เต็มโต๊ะ แล้วนึกขึ้นได้ว่ายังดูค้างเอาไว้ เขากวาดตามองอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ใจจริงเขามีตัวเลือกเอาไว้อยู่แล้ว เมื่อตัดสินใจได้เขาก็คว้าแฟ้มขวามือเดินออกจากห้องทันที จากนั้นจึงไปยื่นให้กับเลขาฯ ส่วนตัว“ผมเลือกของบริษัทนี้ ให้ฝ่ายจัดซื้อทำเรื่องได้เลย อ้อ วันนี้ผมไม่เข้าแล้วนะ” พูดจบชายหนุ่มก็ผละออกไป และต้องหยุดชะงักเมื่อเลขาฯ รีบวิ่งมาถามถึงงานบางอย่างที่เขาให้เตรียมไว้สำหรับช่วงบ่ายนี้“คุณภีมคะ แล้วเรื่องที่ให้เตรียมเอาไว้บ่ายนี้ล่ะคะ”“ยังคอนเฟิร์มอยู่ แต่ว่าคุณช่วยอะไรผมหน่อยสิ”ภีมพลหันมายิ้มพรายเต็มวงหน้าเมื่อคิดอะไรดี ๆ ขึ้นมาได้

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 70%

    อดคิดไปถึงบิดามารดาผู้ล่วงลับไปแล้วไม่ได้ ท่านทั้งสองช่างมีความอดทนและมุมานะอย่างล้นเหลือที่สู้ฝ่าฟันจนกระทั่งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างได้ขนาดนี้ นึกมาถึงตอนนี้แล้วก็โกรธตัวเองที่ตอนนั้นเอาแต่น้อยใจ คิดว่าท่านทำแต่งานจนไม่สนใจใยดีกับเธอผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว‘รวิชา แปลว่าลูกพระอาทิตย์ เพราะฉะนั้นหนูต้องเข้มแข็ง อดทนให้สมกับที่เป็นลูกสาวของพ่อ ชีวิตของหนูจะต้องรุ่งโรจน์สดใสเหมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่บนท้องฟ้า’ถ้อยคำจากบิดายังคงดังก้องอยู่ในหัวทุกครั้งที่นึกถึงเวลาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าทั้งร่างกายและจิตใจ ถ้าไม่มีแม่นมชราและสามีที่คอยเป็นกำลังใจให้ ป่านนี้ชีวิตเธอจะหักเหไปทางไหนแล้วบ้างก็สุดรู้“อรุณสวัสดิ์จ้ะ”เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นพร้อมกับจุมพิตเบา ๆ ที่ข้างแก้ม จากนั้นคนตัวโตก็ทรุดตัวลงนั่งซ้อนหลังไว้พร้อมกับดึงบ่าของเธอให้เอนซบลงมาบนตัวเขา“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ตื่นเช้าจังเลยนะคะ” หญิงสาวทักทายกลับไปก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของสามี“จำเป็นต้องตื่นเช้าน่ะ จู่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทส่งท้าย หยุดอยู่กับเธอคนเดียว - 35%

    หลังจากถวายสังฆทานจนกระทั่งกรวดน้ำเสร็จเรียบร้อย ภีมพล รวิชา และนมพิมก็พากันเดินออกมาเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้ากุฏิ ชายหนุ่มสวดบทกรวดน้ำพึมพำโดยไม่ออกเสียง ในขณะที่หญิงสาวและนมพิมอธิษฐานเพื่อส่งผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับอยู่ในใจวันนี้เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของบิดามารดาของรวิชา นมพิมเปรยเอาไว้หลายวันก่อนหน้าแล้วว่าอยากมาทำบุญให้ท่านทั้งสอง ซึ่งเธอเองก็เห็นด้วยเพราะคิดไว้เหมือนกันว่าจะมาทำบุญวันนี้ จึงชวนสามีหนุ่มให้มาด้วยกัน และเขาก็ไม่ขัดข้อง เพราะตั้งแต่ผ่านพ้นพิธีแต่งงานมาได้สองเดือน ภีมพลก็ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับพุทธศาสนาอีกเลยจากนั้นทั้งสามคนก็เดินทางกลับบ้าน พอมาถึง ชายหนุ่มปล่อยให้รวิชาได้อยู่กับแม่นมตามลำพังเพราะคิดว่าทั้งสองคนคงมีเรื่องอยากพูดคุยกัน เขาเองก็เห็นใจคนแก่อย่างนมพิม เพราะตั้งแต่รวิชาเรียนจบมาก็เอาแต่ทำงาน แถมหลังจากนั้นสองเดือนก็เข้าพิธีแต่งงานกับเขา ทำให้บางคืนรวิชาไม่ได้กลับไปนอนบ้านตัวเอง ถึงแม้เขากับรวิชาจะแก้ปัญหาด้วยการสลับบ้านนอนเป็นวันเว้นวันแล้วก็ตาม แต่หัวอกคนแก่ก็คงหงอยเหงาเป็นธรรมดา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 100%

    “ตอบแบบนี้ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างนี้ต้องให้รางวัล”ชายหนุ่มจับล็อกปลายคางมนของหญิงสาวไว้ แล้วก้มลงตบรางวัลให้คนปากหวานช่างจำนรรจาจนเขากระชุ่มกระชวยทุกทีที่ได้ฟังนาทีนี้ภีมพลเหมือนจะคลั่งเสียให้ได้ สาวน้อยช่างหวานจับจิตจับใจสมกับที่รอคอยมานานแสนนาน ถ้าไม่ติดว่าเธอยังใหม่กับความสัมพันธ์แบบนี้แล้วล่ะก็ รับรองได้เลยว่าทั้งเขาและเธอยังคงนัวเนียกันอยู่บนเตียงเป็นแน่“อื้ม...อาภีมขา นี่มันริมถนนนะคะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”แค่หญิงสาวพูดเบา ๆ แต่สำหรับชายหนุ่มแล้วน้ำเสียงสั่นพร่านิด ๆ นั้นช่างฟังดูเซ็กซี่ยั่วยวนดีเหลือเกิน เขานึกถึงตอนเธอครวญครางอยู่ใต้ร่างของเขา ทั้งภาพทั้งเสียงยังคงติดตาตรึงใจเสียจนอะไร ๆ มันพรักพร้อมขึ้นมาอีกแล้ว“เราเข้าหมู่บ้านมาแล้ว ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านมาหรอก รถอาก็มืด ใครจะมองเข้ามาเห็นล่ะคะ”เอาอีกแล้ว ลงท้ายด้วยคะ ขาแบบนี้แปลว่าเริ่มไม่ปลอดภัยแล้วเป็นแน่ ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไร แต่ชายหนุ่มก็ชิงพูดขึ้นเสียก่อน“แวะบ้านอาก่อนนะคะ”แค่เห็นแววตาระยิบระยับแพรวพราวของเข

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 70%

    “ถ้าอย่างนั้น...คืนนี้อยู่กับอาทั้งคืนได้ไหม ตามใจอาหน่อยได้ไหมคะ”เขาถามพร้อมกับประพรมจุมพิตไปทั่วหน้าอย่างหลงใหล ก่อนจะเอ่ยประโยคสำคัญที่ทำให้คนฟังหัวใจพองฟูคับอก“อาก็รักน้องอาย ไม่ใช่แค่คืนนี้ที่อาอยากให้น้องอายอยู่ด้วยแต่เป็นทุก ๆ คืน และตื่นมาตอนเช้าก็เห็นหน้าน้องอายเป็นคนแรกในทุก ๆ เช้า”ชายหนุ่มหยุดพูด แล้วก้มลงจุมพิตที่หน้าผากอีกครั้งหนึ่งแล้วไต่ระเรื่อยมาจนถึงใบหู ใจอยากจะโจนจ้วงเข้าหาร่างเย้ายวนนี้ให้สมกับที่รอคอยมานานแสนนาน แต่ก็อยากให้หญิงสาวได้สัมผัสกับความสวยงามจากประสบการณ์ในรักครั้งแรกมากกว่า เขาจึงต้องอ่อนโยนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แม้ว่าความต้องการจะอัดแน่นจนแทบระเบิดแล้วก็ตาม“แต่งงานกับอานะคะ”ไหน ๆ เธอก็เรียนจบแล้ว มีงานมีการทำถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว หนำซ้ำยังจดทะเบียนสมรสเป็นคนคนเดียวกันในทางกฎหมายแล้วด้วย เขาจึงคิดว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรออีกต่อไป เพราะเขากับเธอก็แทบจะเป็นของกันและกันอยู่แล้ว จะเหลือก็แต่การอยู่ร่วมบ้านเดียวกันในฐานะของสามีภรรยาเท่านั้นรวิชาคลี่ยิ้มกว้างพล

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 24 ผีเสื้อสยายปีก - 35%

    ภีมพลยืนยิ้ม มองภรรยาทางนิตินัยที่กำลังยักย้ายส่ายสะโพกอย่างสนุกสนานกับเพื่อนกลุ่มใหญ่อยู่ข้างล่างด้วยแววตาทอดอ่อน เมื่อวานสอบวันสุดท้าย วันนี้รวิชาจึงขออนุญาตเขาพาเพื่อน ๆ มาสนุกกันที่คลับอย่างเต็มที่เพื่อเป็นการฉลองจบการศึกษา อีกทั้งฉลองที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มสปานั้นทะลุเป้าเกินกว่าที่คาดหมายไว้พอสมควรสาวน้อยของเขาเรียนจบแล้ว...ปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งคู่หมั้น สองปีกว่ากับการอยู่ในตำแหน่งสามีตามกฎหมาย รวมแล้วร่วมสี่ปีเต็มกับการเฝ้าดูแลเด็กสาวคนหนึ่งให้เติบโตเป็นหญิงสาวแสนสวย และมากความสามารถจนเป็นที่ยอมรับของคนทั่วไปเมื่อก่อนเขาเอาแต่นั่งนับวันเวลาว่าเมื่อไรเธอจะเรียนจบ เพราะอยากตีตราจองเธอเอาไว้ด้วยร่างกาย ไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียวตามประสาผู้ชายทั่วไปที่คิดอยากมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก ทว่าพอวันเวลาผ่านไป ความคิดของเขาก็ค่อยปรับเปลี่ยนไปทีละนิดตามความผูกพันที่เพิ่มขึ้นระหว่างเขากับเธอเซ็กซ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็นที่เขาต้องการจากเธอเพียงอย่างเดียวเหมือนเมื่อก่อน เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกมั่นคงในรัก และการรับรู้ถึงการเป็นส่วนหนึ่งขอ

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 100%

    หลายเดือนผ่านไปเสียงถอนหายใจจากร่างเล็กที่กำลังเอนตัวนอนไปกับที่นั่งในศาลาไม้สักทำให้ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาเงียบ ๆ ต้องชะงักเท้าแล้วหันมองตามเสียงนั้น ภีมพลเดินไปหา คนที่นอนหลับตาจึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า และไม่รู้ถึงการมาของเขา ชายหนุ่มยืนกอดอกพิงกับเสา มุมปากยกยิ้มอย่างเอ็นดู แววตาทอดอ่อนเมื่อมองไปยังหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจ ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งใกล้กับเธอกลิ่นน้ำหอมที่เคยคุ้นลอยเข้าจมูก อีกทั้งเริ่มรู้สึกว่าสะโพกกำลังโดนเบียดจากใครบางคน รวิชาลืมตาขึ้นมองแม้จะรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จนเมื่อได้สบตากันหญิงสาวจึงส่งยิ้มเนือย ๆ ไปให้“เหนื่อยหรือ ถอนหายใจเสียงดังเชียว” ภีมพลเอื้อมมือปัดปอยผมให้อย่างอ่อนโยน รวิชาจึงยันตัวลุกขึ้นนั่งแล้วย้ายฝั่งไปเอนตัวลงนอนหนุนตักแข็ง ๆ ของเขาแทนอย่างออดอ้อน“ถ้าให้ตอบตรง ๆ ก็ใช่ค่ะ หลายเดือนมานี้เลิกเรียนมาก็ต้องมาศึกษางานของบริษัท นี่ยังดีนะที่น้องอายเคยเรียนรู้มาบ้างแล้วตอนที่คุณพ่อกับคุณแม่ยังอยู่ ต้องขอบคุณอาภีมค่ะที่ตอนนั้นสอนให้น้องอายได้คิดว่าเราควรจะต้องเริ่มศึกษาธุรกิจของครอบครัวเอา

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 70%

    ชายหนุ่มนั่งเท้าแขนอยู่บนโต๊ะพลางมองใบหน้าเนียนใสที่เริ่มมีสีระเรื่ออย่างเอ็นดูแกมมันเขี้ยว เพราะประโยคนั้นของเธอ ทำเอาเขาไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรทั้งสิ้นทั้งที่ใกล้สอบเต็มทีอารดาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา แล้วรีบก้มหน้าหลบสายตาวิบวับของชายหนุ่ม ไม่รู้จะพูดอะไรเพราะเมื่อครู่เขาคงได้ยินทุกอย่างจากปากเธอไปหมดแล้ว“อุ้ย...อุ้ยครับ เงยหน้าขึ้นมองพี่หน่อยสิ”เตชินทร์ก้มหน้าเอียงคอลงเพื่อที่จะได้มองหน้าสาวน้อยให้เต็มตา ครั้นพอเธอเงยหน้าขึ้นมา เรียวปากของชายหนุ่มก็คลี่ยิ้มกว้างจนตายิบหยี“พี่อยากจะบอกอุ้ยว่าครอบครัวของพี่ไม่ได้เป็นอย่างที่อุ้ยกังวลหรอกนะ อากงอาม่าของพี่สมัยที่มาอยู่เมืองไทยใหม่ ๆ ก็เป็นลูกจ้างเข็นของอยู่ในตลาด กว่าจะมีอย่างทุกวันนี้ได้ก็เพราะน้ำพักน้ำแรงล้วน ๆ ครอบครัวของพี่ก็เลยไม่เคยดูถูกใครในเรื่องของฐานะ ท่านทั้งสองให้ความสำคัญกับค่าของคนมากกว่าค่าของเงิน”ชายหนุ่มหยุดพูดไปครู่หนึ่งเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เขาเทใจให้ เมื่อเห็นเธอนั่งนิ่งและตั้งใจฟัง เขาจึงตัดสินใจพูดต่อ“ท่านไม่เคยห้ามหรือกีดกันพี่

  • บ่วงรักผีเสื้อ   บทที่ 23 จำเป็นต้องเติบโต - 35%

    หลายวันต่อมา ภีมพลยืนดูแบบแปลนและโครงสร้างของโรงงานที่ทีมสถาปนิกเคยนำเสนอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งเขาเห็นว่าปลอดภัยและรัดกุมกว่าโครงสร้างของโรงงานแบบเดิม จึงได้มีคำสั่งให้ดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเขาต้องมาดูแลการก่อสร้างโรงงานใหม่ทั้งหมดด้วยตัวเองเนื่องจากอาคารหลังเดิมเสียหายจากไฟไหม้มากจนไม่คุ้มหากจะซ่อมแซมใหม่ ตอนนี้ห้องเก็บกลิ่นตัวอย่างจึงต้องอาศัยตู้คอนเทนเนอร์ใช้เป็นออฟฟิศชั่วคราวแทนไปก่อน ส่วนโรงคัดแยกวัตถุดิบก็ใช้พื้นที่ส่วนของลานจอดรถทำไปพลาง ๆ ซึ่งภีมพลได้ว่าจ้างให้ช่างประปาต่อวาล์วน้ำเพิ่มเติมในจุดนี้รวมทั้งทำอ่างสำหรับล้าง และก่อโครงมีหลังคาทำเป็นโรงคัดแยกแบบง่าย ๆ ระหว่างที่รอการก่อสร้างของจริงจะแล้วเสร็จหลังจากที่ดูการก่อสร้างส่วนต่าง ๆ จนพอใจ ชายหนุ่มจึงเดินไปยังอาคารอีกหลังซึ่งเป็นในส่วนของออฟฟิศ และเป็นอาคารที่แยกออกมาจากโรงงาน โชคดีที่อาคารหลังนี้ไม่ถูกไฟไหม้ไปด้วย มิเช่นนั้นบริษัทอาจจะต้องหยุดชะงักลงไปเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นระหว่างที่ภีมพลกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับทันทีที่เห็นชื่อของคนที่โทร.

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status