ในเวลานี้ ทุกคนรู้ว่าเฟิ่งจือเซี่ยตั้งครรภ์แล้ว แต่ไม่รู้ว่าซือเจ๋อเยว่ได้มองออกตั้งนานแล้ว ความรู้สึกจึงแตกต่างออกไปเยียนเหนียนเหนียนนึกถึงเมื่อวานที่ซือเจ๋อเยว่เตะหญิงที่แสร้งทำเป็นตั้งครรภ์ให้กระเด็นออกไป นางยังกล่าวว่าที่ทำเช่นนั้นเพราะได้ดูดวงล่วงหน้า ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนักนางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ซือเจ๋อเยว่แล้วถามว่า “องค์หญิงพี่สะใภ้ ท่านสามารถมองเห็นสิ่งเหล่านี้จากใบหน้าของคนได้จริง ๆ หรือ?”หลินซิ่วเอ๋อร์ขยับเข้ามาหาซือเจ๋อเยว่แล้วกล่าวว่า “องค์หญิง ท่านช่วยดูให้ข้าสักครั้งหรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ยิ้มพลางกล่าวว่า “ใบหน้าของคนสะท้อนมาจากจิตใจ โชคชะตาของคนเรามิใช่ถูกลิขิตโดยสวรรค์ แต่เป็นเป็นนิสัยใจคอที่ก่อให้เกิดลักษณะบนใบหน้า”“เจ้าอย่ามาให้ข้าดูดวงให้เลย ข้าดูดวงให้เจ้าแล้ว อาจส่งผลข้างเคียงร้ายแรง ลองดูตัวอย่างจากกวนหมัวมัวและหนิวกงกงเถอะ”ทุกคน “…”พวกเขาแทบลืมไป นางเคยดูดวงให้ผู้คนมาแล้ว ใครก็ตามที่ถูกนางดูดวงให้ ก็มักจะไม่รอดชีวิต หากไม่ตายก็ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสซือเจ๋อเยว่เห็นสีหน้าของพวกนางก็ยิ้มก่อนกล่าวต่อว่า “โดยหลักแล้ว หากมิใช่เรื่องที่ถูกกำหนดไว้ ข้าก
เหล่าไท่จวินเรียกซือเจ๋อเยว่เข้ามาในห้องของนางแล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ความสามารถนี้ขององค์หญิงช่างล้ำเลิศจริง ๆ ต่อไปอาจจะนำปัญหามาให้องค์หญิงก็เป็นได้” “หากองค์หญิงไม่อยากเกิดปัญหาเช่นนี้ ข้าจะสั่งการอย่างเคร่งครัดไม่ให้คนในจวนแพร่งพรายออกไป” ซือเจ๋อเยว่เอ่ยอย่างใจกว้างมากว่า “ข้ามาจากสำนักเต๋า เรื่องการดูโหงวเฮ้งเป็นถือว่าเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก”“อีกทั้งข้าเคยดูโหงวเฮ้งให้กวนมามา หนิวกงกงและบรรดาองครักษ์ที่คุ้มกันจวนอ๋องต่อหน้าผู้คนมาก่อน จึงไม่อาจปิดบังเรื่องนี้ได้”“ข้าคิดว่าในจวนอ๋องมีบุคคลพิเศษเช่นข้า และมีความสามารถพิเศษนี้อยู่ บางทีอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงก็เป็นได้” เหล่าไท่จวินมองนางพลางเอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความชื่นชมว่า “เพียงแต่แบบนี้ ต่อไปเกรงว่าจะมีเรื่องมาหาองค์หญิงเอง”ซือเจ๋อเยว่ยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านย่าก็ทราบว่าข้าเหลืออายุขัยเพียงปีเดียวเท่านั้น”“ปัญหาของคนทั่วไป สำหรับข้าแล้วล้วนเป็นเรื่องสนุก”หลังจากที่หมอหลวงจางตรวจอาการให้นางครั้งก่อน บอกว่านางอยู่ไม่เกินอายุสิบแปดปี ตอนนั้นนางปฏิเสธไปแล้ว แต่นางรู้ว่าไม่อาจปิดบังเหล่าไท่จวินได้
ในความคิดของบิดาลู่และมารดาลู่ นี่เป็นโอกาสดียิ่งที่จะได้เข้าหาจวนหนิงกั๋วกงจริง ๆ ก่อนหน้านี้พวกเขาเสียแรงไปมากมายถึงทำให้ลู่จิ่นเหนียงแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องได้ เดิมทีหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์จากเรื่องนี้ผลปรากฏว่าเยียนอ๋องเป็นคนยุติธรรมมาก ไม่เล่นพรรคเล่นพวก ไม่ให้จวนลู่อาศัยอำนาจบารมีใด ๆ ด้วยเหตุนี้ บิดาลู่กับมารดาลู่จึงค่อนข้างรู้สึกไม่พอใจหลังจากที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง ทั้งคู่ก็อกสั่นขวัญแขวน กลัวว่าจะถูกลู่จิ่นเหนียงดึงเข้าไปพัวพันด้วย อีกทั้งยังเคยคิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับลู่จิ่นเหนียง ดังนั้นในช่วงเวลานี้พวกเขาจึงไม่เคยไปจวนเยียนอ๋อง ยิ่งไม่เคยไปเยี่ยมลู่จิ่นเหนียงเลยเมื่อวานนี้เอง คนของจวนหนิงกั๋วกงมาหา บอกว่าคุณชายรองของพวกเขาชอบลู่จิ่นเหนียง ขอเพียงลู่จิ่นเหนียงออกจากจวนเยียนอ๋องก็ยินดีแต่งงานกับนางเรื่องนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากราวกับหล่นลงมาจากสวรรค์สำหรับบิดาลู่กับมารดาลู่จริง ๆ หลังจากนั้นเหล่าไท่จวินส่งคนมามอบจดหมายเชิญให้พวกเขา ให้พวกเขาไปจวนเยียนอ๋องเพื่อหารือเรื่องการอยู่หรือไปของลู่จิ่นเหนียง พวกเขาก็รู้สึกยินดีปรีดาจริง ๆแม้ว่าเรื่องลู่จิ่นเห
เดิมทีผู้อาวุโสในจวนเยียนอ๋องล้วนไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ เยียนซื่อต้องอ้อนวอนอย่างหนักถึงทำให้พวกเขาใจอ่อน ลู่จิ่นเหนียงถึงได้แต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องสมปรารถนา เนื่องจากวิธีการที่นางแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องไม่ค่อยเหมาะสมนัก นางจึงรู้สึกใจไม่เป็นสุขเล็กน้อย ดังนั้นเลยใส่ใจเรื่องฐานะเป็นพิเศษหลังจากที่ลู่จิ่นเหนียงแต่งงานเข้าจวนเยียนอ๋องแล้ว บรรดาผู้อาวุโสในจวนปฏิบัติต่อนางดีมากเสมอมาจริง ๆ แต่ตัวนางกลับคิดเปรียบเทียบเรื่องต่าง ๆ นานา กลัวว่าจะถูกปฏิบัติแตกต่างออกไป นางคิดเล็กคิดน้อยมากเกินไป เอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมานั่งเปรียบเทียบหมด จนทำให้นางคิดเสมอว่าบรรดาผู้อาวุโสในจวนเยียนอ๋องไม่เมตตานางนางถามมารดาลู่ว่า “ท่านแม่ ท่านบอกว่าคุณชายรองรู้จักข้า? เหตุใดข้าถึงไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาเลยสักนิดเดียวเล่า?”มารดาลู่พยักหน้า “ใช่แล้ว พ่อบ้านของจวนกั๋วกงบอกไว้เช่นนี้ คิดว่าเป็นเรื่องจริง”“เจ้าจำไม่ได้อาจเป็นเพราะเคยเจอกันในงานเลี้ยงที่มีคนมากมาย เขาเห็นเจ้า แต่เจ้าไม่สังเกตเห็นเขา”นางมองลู่จิ่นเหนียงแล้วเอ่ยว่า “อาเหนียงของข้างดงามเพียงนี้ จะถูกคนเฝ้าคิดถึงก็เป็นเรื่องปก
นางดูเหมือนทั้งรักทั้งชังอาจารย์ทั้งเก้าของนาง ปากนางเอ่ยคำพูดที่รุนแรง แต่ในใจเหมือนใกล้ชิดสนิทสนมกับพวกเขามาก เขาจึงเอ่ยว่า “ได้ เช่นนั้นก็บอกตามความจริง” ระหว่างที่เอ่ย รถม้าก็มาถึงศาลต้าหลี่แล้ว ซือเจ๋อเยว่กับเยียนเซียวหรานลงจากรถม้าด้วยกัน หลังจากที่เดินไปถึงหน้าประตูแล้วเอ่ยกับข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เฝ้าประตู ข้าราชการชั้นผู้น้อยก็เข้าไปรายงานไม่นาน ข้าราชการชั้นผู้น้อยก็ออกมาอีกครั้งแล้วพาพวกเขาไปที่ห้องทำงานของเหวยอิ้งหวนเหวยอิ้งหวนดูเหมือนเพิ่งกลับมาถึงศาลต้าหลี่ มีดินเปรอะเปื้อนตัวของเขาไม่น้อย ศีรษะก็ถูกลมพัดจนกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย ดูยุ่งเหยิงอยู่บ้างเพียงแต่สีหน้าของเขายังคงเยือกเย็นสงบนิ่งพันปีไม่เปลี่ยนแปลง “คุณชายสามมาพอดี ข้ากำลังจะไปหาท่านที่จวนอ๋องอยู่เลย”เยียนเซียวหรานประสานมือคารวะเขาแล้วก็ถามว่า “ใต้เท้าเหวยหาข้าเพราะเรื่องสุสานหลวงใช่หรือไม่?”“ดูท่าทางของใต้เท้าเหวย เพิ่งจะกลับมาจากสุสานหลวงสินะ?”เหวยอิ้งหวนพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเพิ่งกลับมาจากสุสานหลวง ในใจมีข้อสงสัยบางอย่าง อยากสอบถามคุณชายสาม”เยียนเซียวหรานถามเขาว่า “ใต้เท้าได้เห็นศพคนชุดดำพว
เหวยอิ้งหวนยังคงตอบว่า “นางเองก็ไม่รู้ฐานะตัวตนของคนผู้นั้น รู้เพียงว่าคนผู้นั้นจ่ายหนักมาก” ซือเจ๋อเยว่ไม่ค่อยแปลกใจกับคำตอบนี้ ผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายจวนเยียนอ๋องจะต้องซ่อนฐานะของตัวเองไว้อย่างแน่นอน ไม่ทางโผล่หัวออกมาไวขนาดนั้นเหวยอิ้งหวนกล่าวอีกว่า “การลอบสังหารคุณชายสามเมื่อคืนเป็นเรื่องใหญ่นัก ข้าจะกราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาท” เยียนเซียวหรานเอ่ยถามว่า “จำเป็นต้องให้ข้าเข้าวังกับใต้เท้าหรือไม่?”เหวยอิ้งหวนพยักหน้า “หากร่างกายของคุณชายสามไม่เป็นอันใด เข้าวังพร้อมกับข้าย่อมเหมาะสมที่สุด” ยิ่งสืบคดีเยียนอ๋องพ่ายแพ้ในการศึก ยิ่งมีข้อสงสัยมากขึ้น แม้เหวยอิ้งหวนเป็นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ เป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในการตัดสินโทษของต้าฉู่ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเรื่องราวภายในเรื่องนี้ซับซ้อนมากต่อให้เป็นเขาก็รับผิดชอบไม่ไหว จำเป็นต้องให้ฮ่องเต้เจาหมิงตัดสินเรื่องนี้ด้วยตนเองทั้งสามคนปรึกษาหารือเรื่องเข้าเฝ้ากันคร่าว ๆ โดยจะให้เหวยอิ้งหวนยื่นฎีกาก่อน หลังจากที่กำหนดเวลาได้แล้วค่อยแจ้งให้เยียนเซียวหรานทราบแม้ว่าเยียนเซียวหรานจะเป็นคุณชายของจวนเยียนอ๋อง แต่เขาไม่ใช่เยียนอ๋อ
“ขออภัยด้วย ขออภัย ข้าแค่เดาส่งเดชเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจะเดาถูกด้วย” เหวยอิ้งหวน “...”เขาถลึงตาใส่ซือเจ๋อเยว่แวบหนึ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ใครก็ได้ ส่งแขก!”ซือเจ๋อเยว่เขยิบเข้าไปใกล้เบื้องหน้าเขาแล้วกระซิบเบา ๆ ว่า “หากใต้เท้าเหวยอยากรีบร้อนแต่งภรรยามาอุ่นเตียงจริง ๆ บางทีข้าอาจจะช่วยคิดหาทางให้ท่านได้นะ” เหวยอิ้งหวนเอ่ยด้วยเสียงเข้มว่า “ต่อไปองค์หญิงโปรดระวังคำพูดด้วย”“องค์หญิงเอ่ยเรื่องที่ไม่ค่อยดีพวกนั้นมากไป หลังจากนั้นก็เป็นจริงขึ้นมาทั้งหมด เกรงว่าจะเสื่อมเสียชื่อเสียงขององค์หญิงได้” ซือเจ๋อเยว่ยิ้มพลางเอ่ยว่า “เสื่อมเสียชื่อเสียงของข้า? ข้ามีชื่อเสียงอันใดอีกหรือ?” นางกล่าวจบก็เดินออกจากศาลต้าหลี่ไปพร้อมกับเยียนเซียวหราน เหวยอิ้งหวนชะงักไปครู่หนึ่ง นึกขึ้นได้ว่าหลังจากที่นางเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ก็มีข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับนางแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงต่อมาเรื่องราวต่าง ๆ ที่นางได้แต่งงงานเข้าจวนเยียนอ๋องทำให้ข่าวลือพวกนั้นทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น บัดนี้ผู้คนมากมายล้วนกล่าวว่านางเป็นตัวซวย เหวยอิ้งหวนประสบปัญหาด้านการแต่งงานมากจนได้ชื่อว่ามีดวงข่มภรรยาเช่นก
หลังจากที่นางเข้าวังครั้งก่อนก็ตัดข้อสงสัยนี้ไปแล้ว หากเรื่องนี้เป็นฝีมือของพระองค์จริง ๆ ทุกคนในจวนเยียนอ๋องคงหมดทางรอดไปนานแล้วบัดนี้ทุกคนในจวนเยียนอ๋องยังมีชีวิตอยู่กันหมด นั่นก็หมายความว่าอย่างน้อยพระองค์ไม่คิดจะกวาดล้างจวนเยียนอ๋องให้สิ้นซาก เพียงแต่ว่าต่อให้ฮ่องเต้เจาหมิงทราบดีแก่ใจว่าผู้ใดเป็นคนกระทำเรื่องนี้ นั่นก็คือพระโอรสของพระองค์ เกรงว่าพระองค์คงจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้นเรื่องเยียนอ๋องรบจนตัวตาย พวกเขาก็ดำเนินการตามขั้นตอนที่ควรทำในฉากหน้า ทว่าหากต้องการค้นหาความจริงล้างแค้นให้เยียนอ๋อง ก็ได้แต่อาศัยตัวพวกเขาเอง นางนึกถึงอีกเรื่องหนึ่ง “เสด็จพ่อกับซื่อจื่อล้วนไม่อยู่แล้ว จวนเยียนอ๋องเหลือเพียงท่านที่เป็นบุรุษผู้เดียว ท่านสามารถสืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋องได้ใช่หรือไม่?”นัยน์ตาของเยียนเซียวหรานหรี่ลงเล็กน้อย “เรื่องนี้ยังได้รับการเห็นชอบจากฮ่องเต้” “ส่วนผู้บงการเบื้องหลังที่ลงมือกับจวนเยียนอ๋อง พวกเขาคงไม่ปล่อยให้ข้าได้สืบทอดตำแหน่งเยียนอ๋อง” ซือเจ๋อเยว่แค่ขบคิดถึงตรรกะในเรื่องนี้สักเล็กน้อยก็เข้าใจได้แล้ว พวกเขากลัวว่าเยียนเซียวหรานจะล้างแค้น ดังนั้นถึงไม่
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ