ในเวลานี้เยียนซุ่ยซุ่ยก็เข้ามาด้วย นางตรวจชีพจรของเยียนเซียวหรานเป็นอันดับแรก “เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล อาการบาดเจ็บของพี่ชายสามไม่ร้ายแรงเจ้าค่ะ” “ข้าจะรักษาบาดแผนของเขาก่อน เขาควรจะตื่นหลังจากได้พักผ่อนสักครู่” ในเวลานี้เยียนเซียวหรานโชกเลือด พระชายาเยียนอ๋องจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร? แต่เวลานี้นางยังรู้ดีว่ากังวลไปก็เปล่าประโยชน์ เมื่อพิจารณาถึงความแตกต่างระหว่างชายหญิง นางจึงเรียกเด็กรับใช้คนหนึ่งมาช่วย เห็นได้ชัดว่าซือเจ๋อเยว่ซึ่งเป็นพี่สะใภ้ไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่เช่นกัน หลังจากที่นางเดินไปถึงประตู ก็หันกลับไปมองเยียนเซียวหรานอีกครั้ง หว่างคิ้วของเขาอบอวลด้วยพลังชั่วร้าย และพลังชั่วร้ายดูเหมือนจะกลายเป็นธาตุแท้ นางเหลือบมองเส้นสีแดงบนข้อมือของตัวเอง ถอนหายใจเบา ๆ หันหลังกลับแล้วเดินออกไป หลังจากนางเดินออกมาก็เห็นเฟิ่งจือเซี่ยยืนอยู่ที่โถงทางเดิน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดวงตาค่อนข้างลึกลับ ซือเจ๋อเยว่ไม่อยากรบกวนนาง ขณะที่กำลังจะเดินผ่านนางไป จู่ ๆ นางก็ถามว่า “องค์หญิงเชี่ยวชาญคาถาลัทธิเต๋าจริงหรือ?” ซือเจ๋อเยว่ชะงักไปชั่วขณะ ถามว่า “เจ
เฟิ่งจือเซี่ยเดินมาหยุดอยู่ข้างกายซือเจ๋อเยว่ด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยถาม “ข้าตั้งครรภ์แล้ว? เป็นเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ตอบกลับ “ฝีมือการแพทย์ของข้าหาได้สูงส่งไม่ ทำได้ก็แต่เพียงดูโหงวเฮ้งเป็นเท่านั้น เรื่องนี้เจ้าคงต้องไปขอคำยืนยันกับซุ่ยซุ่ยอีกที”เฟิ่งจือเซี่ยหมุนตัวเตรียมจะไปหาเยียนซุ่ยซุ่ย ทว่าซือเจ๋อเยว่รั้งนางเอาไว้ก่อนพลางเอ่ย “เจ้าค่อยๆ เดินเถิด”เฟิ่งจือเซี่ยรู้ดีว่าหากนางตั้งครรภ์จริง อายุครรภ์ก็คงยังน้อยนัก ไม่ควรขยับตัวแรงจริงๆ แต่นางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าซือเคล็ดวิชาโหงวเฮ้งของซือเจ๋อเยว่แม่นยำหรือไม่ ในใจจึงอดไม่ได้ที่จะเกิดกังวลขึ้นมาบ้างนางรีบตอบ “ข้าจะค่อยๆ เดินหากข้าตั้งครรภ์ลูกของพี่เอ้อร์จริง ข้าย่อมต้องตอบแทนท่านอย่างงามเลย!”ซือเจ๋อเยว่หัวเราะพลางว่า “เจ้าจะขอบคุณข้าไปไย? หากจะขอบคุณก็ต้องขอบคุณความพยายามครานั้นของพี่เอ้อร์เสียมากกว่า เกี่ยวพันอันใดกับข้ากัน”เฟิ่งจือเซี่ย “…”นางพบว่าซือเจ๋อเยว่ไม่มีท่าทีเฉกเช่นองค์หญิงเลยสักนิด และนิสัยของนางก็ไม่ใช่คนเคร่งขรึมอะไรเช่นเดียวกันนางยื่นใบหน้าเข้าใกล้พลางเอ่ย “องค์หญิง ท่าน...”ซือเจ๋อเยว่ห
ซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!”นี่มันบ้าอะไรกัน!ถ้าเกิดเยียนเซียวหรานตื่นขึ้นมาตอนนี้ นางเป็นต้องถูกเขาสงสัยอีกรอบแน่ๆนางสูดหายใจเข้าลึก พยายามรวบรวมกำลัง เพื่อให้ตนเองสามารถลุกยืนขึ้นได้ เพียงแต่วันนี้ไม่รู้เพราะเหตุใด ร่างกายจึงแทบไม่มีแรงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย นางบอกตัวเองไม่ให้ร้อนใจไป ขอเพียงเยียนเซียวหรานไม่ตื่นขึ้นมาก็เป็นอันใช้ได้แล้วหลังจากนางสูดลมหายใจเข้าออกอยู่หลายครั้งก็พอรวบรวมกำลังได้บ้างแล้ว นางจึงค่อย ๆ ใช้มือยันกายขึ้น หวังจะถอยห่างออกไปด้านข้างอีกหน่อยแต่ทันทีที่นางเพิ่งยันกายขึ้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็พบว่าตนเองไม่มีแรงหลงเหลืออยู่เสียแล้ว ร่างของนางจึงล้มลงไปอีกครั้งตอนที่นางล้มลงมานี้เอง ริมฝีปากของนางก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอ่อนนุ่มเมื่อมองดูใกล้ ๆ แล้ว เมื่อครู่นางพบว่าเมื่อครู่ตนได้ล้มลงบริเวณใกล้เคียงกับลำคอของเยียนเซียวหราน และความอบอุ่นอ่อนนุ่มที่นางเพิ่งจะได้เสียดสีสัมผัสก็คือริมฝีปากของเขานั่นเองซือเจ๋อเยว่ “!!!”นางแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!ขณะที่นางพยายามรวบรวมกำลังอีกครั้งเพื่อขยับถอยออกไป กะทันหันนั้นเองเยียนเซียวหรานก็ลืมตาข
เดิมทีเขาเพียงแค่ได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกล้วยไม้ ทว่าในตอนนี้กลิ่นนั้นกลับเข้มข้นมากยิ่งขึ้น กลิ่นหอมกรุ่นนี้ราวกับจะทะลุทะลวงทางจมูกปากเข้าไปสู่หัวใจของเขาในใจของเยียนเซียวหรานเกิดสับสนอลหม่านขึ้นมา เขาดันกายของนางออกห่างจากตัวด้วยความรวดเร็วครานี้เขาบังคับยั้งแรงเอาไว้ไม่อยู่ ทำให้ซือเจ๋อเยว่ถูกโยนลงไปนอนบนพื้นข้างเตียงซือเจ๋อเยว่ “...”เจ็บชะมัด!เยียนเซียวหรานลุกขึ้นนั่งพลางกล่าว “องค์หญิงโปรดสำรวมด้วยขอรับ”ซือเจ๋อเยว่ขบกรามแน่นก่อนสบถออกมา “สำรวมอะไรกัน! ข้านี่โง่ดีแท้ที่ช่วยเจ้า!”“นี่ก็ครั้งที่สองแล้ว ข้าคงจะสติฟั่นเฟือนไปแล้วกระมังถึงได้ช่วยเจ้าไว้!”หลังจากที่เยียนเซียวหรานได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนวานก็รู้สึกได้ว่าร่างกายของตนมีพลังงานหยินแผ่ซ่านอยู่ทั่วร่าง ทำเอารู้สึกอึดอัดไม่สบายเป็นอย่างมากทว่าในตอนนี้พลังหยินบนร่างของเขากลับมลายหายไปจนหมดสิ้นเสียแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวราวกับแช่ในน้ำพุร้อนก็มิปาน อบอุ่นสบายกายเป็นยิ่งเขาจึงรู้ตัวว่าตนเข้าใจนางผิดไป เพียงแต่ว่าอย่างไรเสียเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ชวนให้อึดอัดใจมากเกินไปเขากระแอมไอเบาๆ ก่อนเอ่ย “ขอบคุณองค์หญิงที
หากวันนี้เส้นสีแดงบนมือของนางไม่หดสั้นขึ้นไปอีกหน่อย นางคงเสียหายใหญ่หลวงเข้าจริงๆ แล้ว!เยียนเซียวหรานเอ่ยถาม “ตอนนี้องค์หญิงรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”ซือเจ๋อเยว่ตอบกลับ “ไม่เลย ข้ารู้สึกแย่ยิ่งนัก ไหนจะเสียใจทีหลังที่ช่วยเจ้าไว้อีก”พูดจบนางสูดจมูกเบาๆ “ข้าทุ่มเทชีวิตช่วยไว้แท้ๆ แต่กลับเกือบถูกคนที่ช่วยเอาไว้ลอกหนังหน้าอยู่แล้ว ข้าช่างโชคร้ายเสียจริงๆ!”บรรยากาศที่เคยกระอักกระอ่วน ถูกคำพูดนี้ของนางทำให้คลี่คลายลงไปไม่น้อยเยียนเซียวหรานหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามไปตามตรงๆ “กลิ่นหอมบนตัวขององค์หญิงมาจากไหนหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ก้มหน้าลงดมดอมไปตามกายของตนก่อนเอ่ย “บนตัวข้ามีกลิ่นด้วยหรือ? ข้ามิเห็นรู้เลย?”เยียนเซียวหราน “…”ก่อนนี้เขาเคยได้ยินมาก่อน ว่าหญิงสาวแต่ละคนจะมีกลิ่นเฉพาะตัวซึ่งแตกต่างกันออกไปสำหรับซือเจ๋อเยว่กลิ่นบนตัวนางคือกลิ่นหอมของกล้วยไม้ หอมรัญจวนใจ และก็เพราะหาได้ยากยิ่ง จึงยิ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่นมากยิ่งขึ้นไปเขาจึงยิ่งรู้สึกสงสัยในตัวนางมากขึ้นไปอีกขั้นซือเจ๋อเยว่เอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าหรือ? เหตุใดทั่วทั้งตัวจึงได้มีพลังวิบากเข้มข้นรุนแรงเช่นนี้ได้?”
เพราะโดยรวมแล้วการต่อสู้ระหว่างเยียนเซียวหรานและชายชุดดำต่อสู้กันเรียกได้ว่าน้อยคนชนะหมู่คน แต่กลับไม่ได้มีสิ่งพิเศษอะไรมากมายนางยังคงไม่เข้าใจ สองคนแยกกันไปเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น เขาจะไปเอาพลังวิบากเช่นนั้นมาจากที่ใดได้? ยามนี้กายนางเริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว มือเองก็เริ่มมีกำลังวังชา จึงได้ยกแขนเสื้อขึ้นมองดูไปคราหนึ่ง พอเห็นก็ถึงกับตกตะลึงนิ่งค้างอยู่เช่นนั้น เส้นแดงที่เมื่อครู่ใกล้จะถึงข้อมืออยู่แล้ว ถอยร่นหดกลับไปไกลอีกระยะหนึ่งดวงตาซือเจ๋อเยว่เต็มด้วยความประหลาดใจ คิดว่าตนมองผิดไป จึงยื่นมือออกไปขยี้ตา เส้นสีแดงสั้นลงแล้วจริงๆ สั้นกว่าตอนก่อนที่นางจะเข้าจวนอ๋องมาเสียอีกนางเผลอหันมองไปทางเยียนเซียวหราน เขาจึงเอ่ยถามขึ้น “องค์หญิงเป็นอะไรไปหรือ?”ในใจของซือเจ๋อเยว่รู้สึกหลากหลายปนเปวันนี้ที่นางช่วยเขาเอาไว้ก็เพราะมีเจตนาทดลองเป็นสำคัญ โดยปกติแล้ว นางช่วยกำจัดพลังวิบากบนร่างให้เขา เส้นสีแดงของนางก็จะต้องยาวขึ้นทันทีทันใดแต่วันนี้ไม่เพียงไม่ยาวขึ้น แต่กลับถอยร่นสั้นขึ้นไปมาก ไม่ถูกวิสัยที่ควรเป็นเลยและสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกติเช่นนี้ ก็มีเพียงการที่นางได้สัมผัสชิด
เขามีท่าทีราวเพิ่งตื่นขึ้นมา ดูเหมือนยังมึนงงอยู่เล็กน้อยเยียนซุ่ยซุ่ยกลับเอ่ยด้วยความดีใจว่า “พี่สาม ท่านตื่นแล้วก็ดี วันนี้ทำให้พวกเราตกใจแทบแย่!”กล่าวจบนางก็เผยสีหน้าเศร้าเล็กน้อยกล่าวว่า “หากท่านเป็นอะไรขึ้นมาอีก เกรงว่าจวนอ๋องคงถึงคราวสูญสิ้นแล้ว”เยียนเซียวหรานถามนางว่า “ข้างนอกเกิดเรื่องอันใดหรือ?”ที่นี่ไม่มีคนนอก เยียนซุ่ยซุ่ยจึงกล่าวตรง ๆ ว่า “ครอบครัวทางบ้านของพี่สะใภ้สี่มาแล้ว แม้จะรู้ว่าพี่สะใภ้สี่กำลังตั้งครรภ์ พวกเขาก็ยังยืนกรานให้สะใภ้สี่กลับบ้านเกิด”เมื่อคืนนี้เยียนเซียวหรานไม่ได้อยู่ที่จวน จึงไม่ทราบเรื่องที่ลู่จิ่นเหนียงตั้งครรภ์ พอได้ฟังคำของเยียนซุ่ยซุ่ย เขาก็แปลกใจเล็กน้อย “น้องสะใภ้สี่ตั้งครรภ์แล้วหรือ?”เยียนซุ่ยซุ่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมให้พี่สะใภ้สี่คลอดเด็กออกมา บอกว่าตอนนี้จวนเยียนอ๋องเปรียบเสมือนบ่อเพลิง”“หากพี่สะใภ้สี่คลอดบุตรของพี่สี่ออกมา นางก็จะไม่สามารถตัดขาดจากจวนเยียนอ๋องได้ พวกเขาอาจจะต้องถูกดึงเข้ามาพัวพันกับจวนเยียนอ๋องอีก”เมื่อครู่นางไปฟังมาอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทนฟังต่อไปไม่ไหว จึงกลับมาดูว่าเยียนเซียวหรานตื่นแล้วหรือยังสิ่ง
วันนี้พระชายาเยียนอ๋องกล่าววาจาโน้มน้าวด้วยคำอ่อนหวานไปจนหมดสิ้น ทุกสิ่งที่นางสามารถกระทำได้ก็ได้กระทำไปจนสุดกำลัง คำมั่นสัญญาทั้งหลายที่มอบให้ก็ได้ให้ไปทั้งหมดแล้วในตอนนี้นางไม่รู้แล้วว่าจะเกลี้ยกล่อมต่อไปเช่นไรนางได้แต่หันไปถามลู่จิ่นเหนียงว่า “จิ่นเหนียง เจ้าคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”ลู่จิ่นเหนียงเม้มริมฝีปากเล็กน้อยแล้วตอบว่า “ข้าฟังคำของบิดามารดาเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ สีหน้าของพระชายาเยียนอ๋องพลันซีดลง มองลู่จิ่นเหนียงด้วยความไม่คาดคิดลู่จิ่นเหนียงเบือนสายตาหลบเลี่ยง ไม่ยอมสบตากับนางเดิมทีพระชายาเยียนอ๋องคิดว่าลู่จิ่นเหนียงมีสายสัมพันธ์อันดีต่อเยียนซื่อ อีกทั้งนางเพิ่งตั้งครรภ์ คงยินดีที่จะอยู่ต่อ แต่กลับไม่คาดคิดเลยว่า...นางยังคงไม่ละความพยายาม กล่าวขึ้นว่า “จิ่นเหนียง เจ้าลองไตร่ตรองดูให้ดีอีกครั้งเถิด…”“พระชายา ท่านเองก็เป็นสตรี” มารดาของลู่จิ่นเหนียงมองไปที่พระชายาเยียนอ๋องแล้วกล่าวว่า “ท่านย่อมทราบดีว่าสตรีดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้ช่างยากเย็นเพียงใด”“ขอท่านได้โปรดเห็นใจพวกหม่อมฉันที่เป็นบิดามารดาด้วยเถิด ท่านย่อมคำนึงถึงบุตรชายของท่าน ฉันใดก็ฉันนั้น พวกหม
นางสวมรองเท้ามือเป็นระวิง เพียงแต่ยิ่งลนลาน ก็ยิ่งทำได้ไม่ดีเดิมทีรองเท้าที่สวมได้อย่างง่ายดายมากเป็นเพราะนางตกตะลึงสวมห้าหกครั้งก็ยังไม่เข้าเยียนเซียวหรานยื่นมือออกไปจับข้อเท้าของนางเอาไว้ นางหันหน้าไปมองเขา เขากลับไม่ได้มองนาง แต่ยกรองเท้าข้างหนึ่งขึ้นมา ค่อย ๆ สวมเข้าไปที่เท้าของนางซือเจ๋อเยว่ “...”นางรู้สึกว่าตนเองในเวลานี้โง่นิด ๆหลังจากเยียนเซียวหรานสวมรองเท้าในนางเสร็จข้างหนึ่งแล้ว ก็สวมอีกข้างอีกให้นางนางกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไว “ลำบากเจ้าแล้ว”นางพูดจบคิดจะหนี กลับถูกเยียนเซียวหรานจับข้อมือขาวเล็กเอาไว้นางมองเขาแล้วถาม “ยังมีธุระอะไรอีกหรือ?”เยียนเซียวหรานไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ยื่นมือออกไปแล้วช่วยติดจัดปกคอเสื้อให้นาง ช่วยนางปรับสายคาดเอวให้เรียบร้อย ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”นางหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันทีเยียนเซียวหรานหวีผมให้นางอีก กล่าวเสียงเรียบ “เสร็จแล้ว”ซือเจ๋อเยว่หันหน้าไปมองเขา ดวงตาของเขาล้ำลึกตามเดิม นางมองเห็นเงาสะท้อนของตนเองในดวงตาของเขาการเต้นของหัวใจนางเริ่มเต้นรัวขึ้นอีกครั้ง นางรู้ว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปจะไม่เข้าท่า จึงรีบกระโดดหนีออกทางหน้าต่า
ตอนนี้สมองของซือเจ๋อเยว่ไม่พอใช้แล้ว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ นางตอบว่า‘อืม’ทีหนึ่ง ไม่ได้เข้าใจความหมายของเขาจริง ๆเยียนเซียวหรานจับมือของนาง ดึงแขนเสื้อของนางขึ้น เส้นแดงที่อยู่ภายในก็ปรากฏขึ้นเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยกล่าว “ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”ในที่สุดซือเจ๋อเยว่ก็เข้าใจความหมายของเขา นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขากลับกล่าวขึ้น “อาจจะเป็นเพราะห่างกันไปหน่อย”ครู่ต่อมา มือของเขาประคองเอวนาง ทันทีที่ออกแรงเพียงเล็กน้อย ก็อุ้มนางขึ้นมาวางไว้บนต้นขาของเขาซือเจ๋อเยว่ “...”ซือเจ๋อเยว่ “!!!!!”อยู่ ๆ เขากลายเป็นคนที่เร่าร้อนจนเกินไป นางรับมือไม่ค่อยไหว!เยียนเซียวหรานสูงกว่านางมาก แล้วก็แข็งแรงกว่านางมาก ถูกเขากอดไว้ในอ้อมแขน ชุดนอนของเขาคลุมไว้แค่ครึ่งเดียว นางรู้สึกเหมือนกับถูกฝังอยู่ในอ้อมอกของเขาภายในหัวใจของซือเจ๋อเยว่มีความตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่เขากลับไม่ได้พูดอะไร ทั้งยังจูบลงมาบนริมฝีปากนางนางใช้มือดันแผ่นออกของเขาอย่างไม่รู้ตัว เขาหันไปมองนาง ภายในดวงตาที่ดำขลับคู่นั้นสะท้อนให้เห็นถึงแววตาที่เขามองไม่ออกน้ำเสียงของเขาแหบแห้งเล็กน้อย “มีขั้นตอนไหนที่ข้าทำไม
ซือเจ๋อเยว่หันหน้ากลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ถาม “เจ้ามีธุระอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?”มุมปากของเยียนเซียวหรานยกขึ้นเล็กน้อย “ไหน ๆ คืนนี้องค์หญิงก็มาแล้ว ไม่เติมอายุขัยสักหน่อยแล้วค่อยไปหรือ?”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางร้อง‘หา’ทีหนึ่ง แล้วก็ไม่ได้สติอยู่ครู่หนึ่งเยียนเซียวหรานเหลือบตาขึ้น สายตาจดจ้องไปที่นางกล่าว “องค์หญิงอยากจะอายุยืนยาวร้อยปีไม่ใช่หรือ?”“ข้าเกรงว่าข้าไม่ให้ความร่วมมือ วันข้างหน้าองค์หญิงจะมาหาเรื่องข้า”ซือเจ๋อเยว่ “...”นางคิดว่าเขาค่อนข้างผูกพยาบาทวันนั้นนางก็แค่พูดเล่นกับเขาต่อหน้าของเหล่าไท่จวินเท่านั้น เขากลับจำได้อย่างแม่นยำในเวลานี้นางรู้ว่านางมีตัวเลือกอยู่สองข้อ ข้อแรกคืออยู่ต่อเสียเลย ข้อสองคือรีบหนีไปอย่างแรกจะน่าอายเกินไปหน่อย อย่างหลังจะขี้ขลาดเกินไปหน่อยนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นแบบนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ควรจะเริ่มจากทำอะไรเพื่อผลประโยชน์ระยะยาวของตัวเองหากทำตัวขี้ขลาดในเวลาแบบนี้ ต่อไปนางจะมาหาเขาได้อย่างไร? ต่อให้มาหาเขาด้วยอย่างหน้าด้านอีก คิดว่าก็อาจจะถูกเขาหัวเราะเยาะเอาได้ดังนั้นนางจึงถอดรองเท้า แล้วกระโ
ตอนที่นางได้ยินก็ไม่ได้ประหลาดใจมากเท่าใดนัก ดวงสมรสของลู่จิ่นเหนียง นั่นก็ทำได้เพียงเป็นอนุของคนอื่นเท่านั้นปกติการเป็นอนุ ขอเพียงแค่ฝั่งผู้ชายชอบนาง ทุกอย่างจะปรากฏขึ้นในดวงสมรสสิ่งเหล่านี้สามารถยืนยันได้ว่า อวิ๋นเยว่หยางรับลู่จิ่นเหนียงเป็นอนุเพราะมีจุดประสงค์อื่น เขาไม่ได้ชอบลู่จิ่นเหนียงเมื่อซือเจ๋อเยว่นึกถึงท่าทางที่หยิ่งผยองเกินความเป็นจริงของลู่จิ่นเหนียง รู้ว่าหากครั้งนี้ลู่จิ่นเหนียงไม่เอาชีวิตไปทิ้งที่จวนหนิงกั๋วกง ก็ต้องได้รับบาดเจ็บทางร่างกายหรือจิตใจเพียงแต่เรื่องนี้ตามที่เหล่าไท่จวินได้กล่าว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องแล้ว นางก็คร้านจะช่วยเป็นธุระให้ลู่จิ่นเหนียงบัดนี้สิ่งที่นางเป็นกังวลยิ่งกว่าก็คือเรื่องที่อวิ๋นเยว่หยางขโมยดวงชะตาของเยียนเซียวหรานไปสองครั้งก่อนนางได้ตามหาค่ายกลนั่นแต่ก็จบลงด้วยความล้มเหลว แล้วก็ตามหาค่ายกลอันนั้นไม่เจออีก เกรงว่าดวงชะตาของเยียนเซียวหรานจะถูกขโมยไปจนหมดแล้วหลายวันมานี้ซือเจ๋อเยว่คิดอยู่หลายวิธี หลังจากตัดออกไปจำนวนหนึ่ง ก็รู้สึกว่าถ้ามีปัญหาแบบนี้หรือว่าแบบนั้น ความเสี่ยงก็มากทั้งนั้นนางคิดอยู่หลายตลบ คิดว่าบางทีอาจจะสาม
ซุ่ยซุ่ยของนางยังไม่ออกเรือน สถานการณ์ของจวนเยียนอ๋องเป็นแบบนี้ นางต้องปลุกใจให้ฮึกเหิมเสียหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ควรเป็นภาระของพวกเขาเหล่าไท่จวินที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “แม้ว่าวันนี้เวินชิงจะรับปากองค์หญิง ต้องทำตามที่รับปาก”“ต่อไปเจ้ามีเวลาว่าง ก็มาอยู่เป็นเพื่อนคนแก่อย่างข้า”เบ้าตาของจู้อี๋เหนียงแดงเล็กน้อย คุกเข่าลงบนพื้นกล่าวเสียงเบา “ลูกอกตัญญู ทำให้เหล่าไท่จวินต้องเป็นห่วง”เหล่าไท่จวินยื่นมือออกไปประคองนางลุกขึ้น จับมือของนางแล้วตบเบา ๆ “เรื่องในอดีตก็ให้ผ่านไป พวกเราต้องมองไปข้างหน้า”จู้อี๋เหนียงเช็ดน้ำตากล่าว “ข้าเชื่อฟังเหล่าไท่จวิน”ซือเจ๋อเยว่ชอบบรรยากาศของจวนเยียนอ๋องที่สุด เหล่าไท่จวินเป็นคนชราที่เฉลียวฉลาด ถึงแม้คนในจวนจะมากมาย แต่นางกลับน่าเลื่อมใสเป็นอย่างยิ่งตอนที่จวนเยียนอ๋องเกิดเรื่อง คนที่ได้รับความกระทบกระเทือนมากที่สุดไม่ใช่เหล่าไท่จวิน แล้วก็ไม่ใช่พระชายาเยียนอ๋อง แต่ทว่าเป็นจู้อี๋เหนียงก่อนหน้านี้จู้อี๋เหนียงเป็นคนอมทุกข์มาตลอด ออกจากเรือนน้อยมากเหล่าไท่จวินไปปลอบใจจู้อี๋เหนียงเป็นประจำในจวนมีของของดีอะไร เหล่าไท่จวินก็จะคิดถึงนาง ไม่ใช่เพราะว่านางเป็
“อย่างไรเสียจวนหนิงกั๋วกงก็ดีกว่าจวนเยียนอ๋อง สิ่งที่เรียกว่าชื่อเสียงของจวนเยียนอ๋อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยินดีช่วยพี่ชายของเจ้าให้เลื่อนตำแหน่ง”“ตามที่ข้ามอง จวนเยียนอ๋องที่ไม่มีน้ำใจ ไม่รู้จักปรับตัวเช่นนี้ก็สมควรล่มสลาย!”ลู่จิ่นเหนียงได้ฟังคำพูดพวกนี้ก็ไม่ได้รู้สึกมีตรงไหนผิดปกติ เดิมทีจวนเยียนอ๋องก็ยึดติดกับหลักการมากเกินไปต่อให้เยียนซื่อจะปฏิบัติต่อนางดีมากแค่ไหน ทันทีที่นางพูดเรื่องที่ให้เขาช่วยเหลือ เขาก็จะชักสีหน้าทันทีเมื่อเปรียบเทียบกัน จวนหนิงกั๋วกงมีความเปิดกว้างมากกว่า แล้วก็เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมีเรื่องนี้ เมื่อนางมองเห็นเครื่องประดับและผ้าเหล่านี้ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นแบบเก่าอีกแล้วลู่ฮูหยินกล่าวอีกว่า “คุณชายรองให้ความสำคัญกับเจ้าเป็นอย่างมาก อยากจะให้เจ้ารีบเจ้าจวนเร็วหน่อย”“วันนี้ข้าได้ปรึกษากับท่านพ่อของเจ้าแล้ว พรุ่งนี้จะส่งตัวเจ้าเข้าจวนหนิงกั๋วกง ตามความต้องการของจวนกั๋วกง”ลู่จิ่นเหนียงตกตะลึงไปทันที “ไปจวนหนิงกั๋วกงวันพรุ่งนี้? นี่มันจะรีบเกินไปหน่อยหรือไม่?”ลู่ฮูหยินตอบ “รีบที่ไหนกัน นี่เห็นได้ชัดเจนว่าจวนหนิงกั๋วกงให้ความสำคัญกับ
นางพ่นลมหายใจกล่าว “องค์หญิงอย่างไรเสียก็จัดการเรื่องของตนเองให้ดีเถอะ เลิกริษยาคนอื่น ใจกว้าง บางทีอาจจะสามารถมีชีวิตได้ถึงสิบแปดปี!”เมื่อซือเจ๋อเยว่ได้ยินคำพูดถากถางของลู่จิ่นเหนียงไม่เพียงไม่โกรธ ทั้งยังรู้สึกน่าขันเล็กน้อยนางทำอะไรด้วยใจมาตลอด ในเวลานี้เตือนสติลู่จิ่นเหนียงก็เป็นเพราะเยียนซื่อแต่น่าเสียดายที่ผู้หญิงคนนี้ความคิดบิดเบี้ยวตั้งแต่ภายใน กระเสือกกระสนรนหาที่ตาย ต่อให้เทพต้าหลัวมาที่นี่ เกรงว่าก็คงจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ไม่ได้นางพยักหน้ากล่าว “ข้าคิดว่าที่เจ้าพูดนั้นมีเหตุผลมาก คนที่จิตใจคับแคบ จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานจริง ๆ”นางพูดจบก็คร้านจะสนใจลู่จิ่นเหนียงอีก กล่าวกับเยียนเซียวหราน “น้องสาม พวกเราไปกันเถอะ!”ลู่จิ่นเหนียงยังอยากจะพูดอะไรบางอย่างอีก เยียนเซียวหรานมองนางด้วยสายตาเย็นยะเยือกแวบหนึ่งสายตานั้นเย็นยะเยือกเข้ากระดูก ความน่าสะพรึงกลัวเต็มเปี่ยม ลู่จิ่นเหนียงเห็นก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขนพอง คำพูดที่กำลังจะพูดออกมาก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นนางก็พบว่า เยียนเซียวหรานแตกต่างไปจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง บนร่างกายของเขามีพลังอำนาจอันแข็งแกร่ง ที่ไม
นางกับเยียนเซียวหรานตรงไปยังร้านขายเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวง ซึ่งด้านในร้านมีผ้าหลากหลายที่สุดเยียนเซียวหรานกลัวว่านางจะเกิดเรื่อง จึงเดินตามหลังนางตลอดทุกฝีก้าวซือเจ๋อเยว่เลือกผ้าให้แต่ละคน รวมกันทั้งหมดสิบกว่าพับ พวกเขาไม่สะดวกถือไปด้วย จึงให้เถ้าแก่มอบหมายให้คนส่งไปที่จวนเยียนอ๋องทันทีที่ซือเจ๋อเยว่จ่ายเงินเสร็จ ก็เห็นลู่จิ่นเหนียงพาสาวใช้เดินเข้ามาหา ทั้งสองคนพบกันโดยบังเอิญ จึงมีความประหลาดใจเล็กน้อยลู่จิ่นเหนียงเป็นเพราะครั้งก่อนซือเจ๋อเยว่เคยฉีกหน้านาง นางจึงไม่ชอบซือเจ๋อเยว่เป็นอย่างยิ่งในเวลานี้เมื่อเจอกัน นางยังคงกล่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม “องค์หญิง ไม่เจอกันนานเลย”ซือเจ๋อเยว่คุ้นเคยกับการมองหน้านางแวบหนึ่ง ใต้ตาของนางดำคล้ำ คาดว่านางน่าจะเอาเด็กออกแล้ว ต่อไปก็คงจะไม่มีลูกของตัวเองอีกนอกจากนี้แล้ว ชีวิตในวังหลวงของนางมีเต็มความซับซ้อน เมื่อเห็นฉากนี้ ต่อไปลู่จิ่นเหนียงคงจะใช้ชีวิตอย่างค่อนข้างขรุขระสีหน้าของนางยังนับว่าพอถูไถไปได้ ใบหน้าเหมือนว่ายังพอมีความสุขอยู่บ้างในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิดแล้วก็ย่อมให้อภัย ซือเจ๋อเยว่ยิ้มตอบ ตั้งใจที่จะออกไปพร้อมกั
ซือเจ๋อเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าว “อวิ๋นไท่เฟยหมดสติไปเพราะตื่นเต้นเกินไป พวกท่านส่งนางกลับไปเถอะ”คำพูดที่นางพูดกับอวิ๋นไท่เฟยเมื่อครู่นี้ บรรดาคนในวังหลวงที่อยู่ใกล้ต่างก็ได้ยินกันหมดพวกเขามองซือเจ๋อเยว่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ในเวลานี้มีคนหลายคนร่วมแรงกันประคองอวิ๋นไท่เฟยขึ้นมา แล้วรีบวิ่งออกไปคนของวังหลวงที่ถูกวิญญาณรายล้อมคนนั้น ในเวลานี้วิญญาณปล่อยนางไปแล้ว ทันทีที่นางได้รับอิสระ ก็รีบวิ่งหนีอย่างโซซัดโซเซกลางวันแสก ๆ เลยนะ!พวกเขาเจอเรื่องแบบนี้ น่ากลัวมากเกินไปจริง ๆ!ฮองเฮามองไม่เห็นวิญญาณ เห็นเพียงซือเจ๋อเยว่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ทำให้อวิ๋นไท่เฟยตกใจจนหมดสติไปทันที จากนั้นกลุ่มคนก็วิ่งหนีกันฉี่ราดสารรูปเช่นนี้ของพวกเขา ตอนที่มาอวดดีมากขนาดไหน ตอนกลับไปก็ดูไม่จืดมากเท่านั้นฮองเฮากับอวิ๋นไท่เฟยประมือกันมาหลายครั้ง ถึงแม้นางจะชนะมากกว่าแพ้ แต่นั่นก็เป็นเพียงการสู้กันด้วยวาจา ไฉนเลยจะมีความสุขเท่าครั้งนี้?นางมองซือเจ๋อเยว่กล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าทำอะไรพวกเขา?”ซือเจ๋อเยว่ตอบ “หม่อมฉันก็อาศัยอยู่ในสำนักเต๋ามาเป็นเวลานาน ถึงอย่างไรก็ยังพอมีความสามารถเป็นของ