Beranda / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่54 การช่วยเหลือที่ทันท่วงที

Share

บทที่54 การช่วยเหลือที่ทันท่วงที

เช้าวันที่สองของการเดินทางหนิงอ้ายกับลู่ซีได้ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการจัดการตนเองและเร่งเดินทางไปในทันที ซึ่งในตอนนี้หลังจากที่หนิงอ้ายมีพลังวิญญาณในระดับที่สูงขึ้นและปลุกพลังสายเลือดพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้สำเร็จซึ่งส่งผลให้บทเวทย์ระดับเซียนเนตรแห่งสวรรค์ของเขานั้นมีอาณุภาพที่ลึกล้ำขึ้นไปอีกขั้นซึ่งในตอนนี้หนิงอ้ายสามารถสร้างวิหคสอดเเนมขึ้นมาเพื่อเป็นการรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขอบเขตของบทเวทย์ได้ แต่ก่อนที่ลู่ซีจะเอ่ยถามกับหนิงอ้ายว่าจะต้องเดินทางไปทิศใดต่อนั้นหนิงอ้ายเมื่อได้เห็นภาพเหตุการ์ณวิหคสอดแนมส่งเข้ามาให้ตนได้รับรู้นั้นจึงเอ่ยขึ้นกับลู่ซีในทันทีว่า

"ทางด้านนั้นเกิดบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น...เกอรีบตามข้ามานะขอรับ!!!"

เทือกเขาเร้นลับอสูรเป็นผืนป่าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลอาจเทียบเท่าได้กับเมืองหลวงของสามแคว้นรวมกันเสียด้วยซ้ำ ภายในนั้นเต็มไปด้วยพืชพรรณไม้โบราณอายุหลายร้อยหลายพันปี เหล่าสมุนไพรล้ำค่า รวมไปถึงสัตว์อสูรหลากหลายเผ่าพันธ์ที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำจนไปถึงระดับสูง ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงต่างรับรู้โดยทั่วกันหรืออาจเป็นการจงใจแต่งแต้มเรื่องราวนี้หรือไม่ก็สุดที่จะรู้ได้

ผืนป่าเขียวขจีอันอุดมสมบูรณ์แห่งนี้มีสัตว์อสูรระดับสูงอาศัยอยู่ในเขตเทือกเขาชั้นในสุด แน่นอนว่าเทือกเขาเร้นลับอสูรเปรียบดั่งปราการจากธรรมชาติที่ทำหน้าที่ในการป้องกันการรุกรานของศัตรูที่ต้องการล่วงล้ำเขตแดนเข้ามา ว่ากันว่าอสูรระดับสูงเหล่านี้นั้นจะปรากฏขึ้นก็ต่อเมื่อทางสำนักศึกษาเกิดเหตุเพศภัยร้ายแรงเกินจะรับมือไหว ด้วยความพิศดารของธรรมชาติโดยรอบและสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จึงนับว่าเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้สำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ดำรงอยู่อย่างมั่นคงมาหลายร้อยหลายพันปี

ตู้ม!

เปรี้ยง! เปรี้ยง!

เสียงระเบิดดังขึ้นที่เขตป่ารอยต่อชั้นในและชั้นนอกของเขตเทือกเขาเร้นลับอสูรขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่วิหคสอดแนมได้ส่งภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หนิงอ้ายไม่รอช้าใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้พุ่งทะยานตัวไปตรงทิศทางนั้นอย่างรวดเร็วในทันที ทางฝั่งของลู่ซีเองแม้จะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่นักแต่เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มได้หายไปจากด้านข้างของตนแล้วลู่ซีจึงไม่รอช้ารีบเร่งโคจรพลังปราณเพื่อเสริมวิชาตัวเบาของตนก่อนที่จะพุ่งทะยานตามหนิงอ้ายที่ตอนนี้ตัวคนได้อยู่ด้านหน้าห่างจากตัวเขาไปหลายช่วงตัวเลยทีเดียว

เมื่อไปถึงพื้นที่โดยรอบบริเวณนั้นเต็มไปด้วยร่องรอยของการต่อสู้และความเสียหายที่เกิดขึ้นจากบทเวทย์โจมตีระดับสูง ตรงนั้นมีชายหนุ่มสองคนที่มีหน้าตาหล่อเหลาแต่ทว่าทั่วไปทั้งร่างกายของพวกเขาทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยบาดแผลน้อยใหญ่และมีรอยเลือดหลายตำแหน่ง บ่งบอกได้ว่าพวกเขาทั้งสองคงได้เผชิญหน้ากับบางสิ่งหรือต้องปะทะต่อสู้กับบางอย่างที่ดุเดือดมาอย่างแน่นอน

"แม้จะพึ่งรู้จักกันเพียงวันเดียวเท่านั้นแต่ข้าดีใจที่ได้เป็นสหายกับเจ้า..." ชายที่ถือกระบี่สีดำเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างตน

"ข้าเองก็ดีใจที่ได้เป็นสหายของเจ้า..." ชายหนุ่มยิ้มอย่างโศกเศร้าก่อนที่จะเอ่ยกลับไป

"หากข้าไม่เผลอทำป้ายหยกสำนักหายไประหว่างหลบหนีเมื่อครู่เราทั้งสองคงสามารถขอความช่วยเหลือจากผู้อาวุโสของสำนักได้ ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วยอีกครั้ง..." ชายหนุ่มคนเดิมเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกผิดเพราะหากว่าตนนั้นมีสติมากพอคงไม่เผลอทำป้ายหยกที่สำคัญตกหล่นไปจนต้องพบเจอกับเรื่องราวเช่นนี้...

เด็กหนุ่มทั้งสองคนตอนนี้ที่ไร้ซึ่งพลังลมปราณในร่างกายแล้วได้แต่ยืนนิ่งด้วยเพราะไร้ซึ่งกำลังหลบหนีหรือตั้งรับได้แล้ว สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่ทำได้เพียงแค่หลับตาและยืนรอความตายเช่นนี้ ทว่าพวกเขาได้ยินเสียงตลาดลั่นดังมากจากทางด้านหลังของตนพวกเขาจึงลืมตาขึ้นและได้เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งรูปร่างบอบบางที่ร่ายบทเวทย์ตั้งรับอย่างไม่กลัวเกรง

ปราการวารีอหังการ!

ตู้ม!

การโจมตีของสัตว์อสูรได้ผนึกตัวเป็นกระบี่ที่แหลมคมหวังฟันใส่โดยหวังให้ตายตกไปในดาบเดียว แต่ด้วยญาณสัมผัสอันว่องไวและวิหคสอดแนมที่ได้เตือนให้หนิงอ้ายตั้งรับ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วมาก

แน่นอนว่าหนิงอ้ายไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายโจมตีเพียงแต่ฝ่ายเดียว เขาได้จึงร่ายบทเวทย์ป้องกันออกไปตั้งรับในทันที เพียงเท่านี้คลื่นกระบี่สังหารที่ถูกส่งการโจมตีเข้ามาได้แตกซ่านสลายไป บริเวณรัศมีหนึ่งลี้ได้ปรากฏเป็นม่านปราการน้ำขนาดใหญ่ล้อมรอบพวกเขาเอาไว้

ก่อนที่หนิงอ้ายจะเอ่ยขึ้นมาว่า "ลู่เกอ ท่านช่วยข้าพาทั้งสองคนหลบหนีไปจากตรงนี้ก่อน ข้าจะรีบตามไปขอรับ..." หนิงอ้ายตะโกนร้องบอกก่อนที่เขาจะถ่ายถอดพลังปราณธาตุน้ำอีกส่วนหนึ่งเพื่อคงสภาพของปราการน้ำนี้ไว้ก่อนที่จะคว้าตัวชายหนุ่มอีกคนหนึ่งพุ่งออกไปด้วยวิชาตัวเบาอย่างรวดเร็ว

โฮก!

หนิงอ้ายตัดสินใจหลีกเลี่ยงการปะทะกับสัตว์อสูรดังกล่าว เขาคิดว่าเมื่อพ้นจากอาณาเขตของมันแล้วอีกฝ่ายคงจะเลิกราไป เเต่ในความเป็นจริงนั้นสัตว์อสูรดังกล่าวยังคงตามมาติด ๆ

เนตรแห่งสวรรค์ทำให้หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าสัตว์อสูรที่ตามติดพวกเขามาคือเผ่าพันธ์ของอสูรเสือดาวลมกรด เป็นสัตว์อสูรระดับนภาขั้นสูงเลยทีเดียว และจากที่หนิงอ้ายสัมผัสได้จากการโจมตีก่อนหน้าทำให้รู้เพิ่มเติมว่าอีกฝ่ายเกือบที่จะก้าวเท้าเข้าสู่เขตขั้นสัตว์อสูรระดับมายาขั้นต่ำแล้ว

สัตว์อสูรเสือดาวลมกรดยังคงโจมตีมาอีกหลายครั้งแต่ถูกหนิงอ้ายร่ายบทเวทย์ป้องกันโต้กลับไปได้เช่นกัน แม้จะไม่ได้รับอันตรายใดใด ทว่าสิ่งนี้ก็ทำให้หงุดหงิดไม่น้อยเลยทีเดียว

การหนิงอ้ายเข้ามาช่วยชายหนุ่มสองคนนั่นไม่ได้มีเหตุผลซับซ้อนแต่อย่างใด เพราะเขาเห็นว่าชายหนุ่มทั้งสองคนต่างเป็นผู้เข้าร่วมเข้าทดสอบของสำนักศึกษา แน่นอนว่าพวกเขาในตอนนี้ต่างมีฐานะเป็นศิษย์ร่วมสำนักกันไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ดังนั้นจึงสมควรที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นหนิงอ้ายเองไม่เข้าใจว่าทำไมทั้งสองคนจึงไม่ใช้ป้ายหยกที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ภายหลังหนิงอ้ายพึ่งมาทราบภายหลังว่าป้ายหยกดังกล่าวนั้นทั้งสองคนทำหล่นหายไปขณะที่หลบหนีนั่นเอง

ความตั้งใจแรกของหนิงอ้าย เขามีความคิดว่าหากอสูรเสือดาวลมกรดนี้โจมตีชายหนุ่มทั้งสองคนก่อนหน้าเป็นเพราะทั้งคู่นั้นได้เข้าไปในอาณาเขตของมันหากด้วยเหตุผลนี้หนิงอ้ายพอเข้าใจได้

แต่ตอนนี้นี่เขาได้ออกมาไกลจากอาณาเขตของอีกฝ่ายแล้วแต่มันกลับไม่หยุดไล่ล่าสังหาร เช่นนั้นแล้วจากเดิมที่หนิงอ้ายไม่ต้องการเกี่ยวข้องด้วยไปมากกว่านี้แต่ดูแล้วคงหลีกหนีไม่พ้น เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วหนิงอ้ายจึงร่ายบทเวทย์โจมตีอีกบทโต้กลับไปในทันที

มหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!

ตู้ม!

สิ้นเสียงของเด็กหนุ่ม ดอกบัวเหมันต์น้อยใหญ่นับร้อยได้ผุดขึ้นกลางอากาศก่อนพุ่งเข้าโจมตีด้วยความรวดเร็วที่ส่งผลให้บริเวณโดยรอบลดลงอย่างรวดเร็วจนสามารถสัมผัสได้ แต่สัตว์อสูรตรงหน้าของพวกเขานั้นกลับสามารถหลบหลีกการโจมตีของตนได้อย่างทันท่วงที ดวงตาสีแดงฉานของมันจ้องมองมายังพวกเขาทั้งสี่คนด้วยความอาฆาตก่อนที่จะส่งเสียงคำรามดัง

"ไม่นึกเลยว่าหลังจากการจำศีลจะมีอาหารมื้อแรกเป็นผู้ฝึกตนถึงสี่คน ช่างเป็นอาหารมื้อใหญ่เสียจริง!!" อสูรเสือดาวลมกรดเอ่ยขึ้นพร้อมกับปล่อยจิดสังหารออกมาจนส่งผลให้สัตว์อสูรระดับต่ำโดยรอบต่างหนีตายกันอย่างอลหม่าน

ด้านหน้าของหนิงอ้ายเป็นอสูรเสือดาวลมกรดที่มีขนาดสูงใหญ่ถึงสองเมตร แต้มลวดลายจุดสีดำตัดกับขนสีน้ำตาลเหลืองส่งผลให้ลีกษณะลำตัวของมันนั้นดูสง่างดงามสมกับเป็นสัตว์อสูรระดับสูง ปราณธาตุบริสุทธิ์ไหลเวียนอยู่รอบตัวทำให้รับรู้ได้ว่าเป็นสัตว์อสูรสังกัดปราณธาตุลมที่กล้าแกร่งสายหนึ่งเลยทีเดียว

แต่นั่นไม่อาจทำให้ตกใจได้เท่ากับการที่อสูรตรงหน้าสามารถพูดได้ หมายความว่าอสูรเสือดาวลมกรดตัวนี้อาจมีความพิเศษทางสายเลือดหรืออาจด้วยเพราะความพิเศษของถิ่นอาศัย จึงทำให้มันสามารถเปิดสติปัญญาได้ดั่งเช่นมนุษย์แต่ถึงอย่างไรสิ่งนี้ยังไม่น่าหวั่นใจเท่ากับคำกล่าวของอีกฝ่ายได้เอ่ยขึ้นว่าพึ่งออกจากการจำศีล

ต้องบอกก่อนว่าสัตว์อสูรแต่ละชนิดจะมีการเก็บตัวบ่มเพาะตบะหรือการจำศีลที่แตกต่างกันออกไปแล้วแต่เผ่าพันธุ์ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับพวกเขาโดยเฉพาะผู้ฝึกตนหรือคนทั่วไปก็คือสัตว์อสูรที่พึ่งออกจากการจำศีลจะมีความดุร้ายมากกว่าปกติและพลังวิญญาณในร่างกายยังไม่เสถียรนักจึงทำให้การโจมตีของมันค่อนข้างที่จะดุดันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

"ราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณแม้จะมีจำนวนถึงสี่คน แต่กับข้าที่ถือว่าเป็นสัตว์อสูรระดับนถาขั้นสูงช่วงปลายแล้ว ต่อให้ราชทินนามเทวะวิญญาณมาช่วยเหลือก็ไม่ต่างมากนัก ยินยอมเป็นอาหารมื้อแรกของข้าแต่โดยดีเสีย!!" อสูรเสือดาวลมกรดเอ่ยขึ้นด้วยความกราดเกรี้ยวก่อนที่จะส่งการโจมตีมายังพวกเขาทั้งสี่คนอีกครั้ง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

คลื่นพายุที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรุนแรงได้ก่อตัวขึ้นก่อนที่จะพุ่งตรงเข้ามาด้วยความรวดเร็วสมกับเวทย์โจมตีของปราณธาตุลม

มหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!!

ตู้ม! ตู้ม!

แม้อานุภาพของพายุสลาตันนั้นจะน่าหวั่นเกรงเพียงใด ทว่าหนิงอ้ายยังคงตั้งรับด้วยความสงบนิ่ง ใบหน้าของเด็กหนุ่มปรากฏความรำคานก่อนที่ปลายนิ้วชี้ของหนิงอ้ายนั้นพลันปรากฎเป็นบุปผาขนาดใหญ่ดอกหนึ่งที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

แน่นอนว่าในตอนนี้เขามีระดับพลังวิญญาณที่สูงขึ้นดังนั้นพลังทำลายล้างของบทเวทย์จึงรุนแรงขึ้นตามไปด้วย พริบตาเดียวบุปผาที่ถูกผนึกขึ้นจากปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ได้พุ่งเข้าหาพายุเวทย์ของอสูรเสือดาวลมกรดในทันที

ด้วยความเหนือชั้นของบทเวทย์ระดับเทวะที่ถูกเสริมความแข็งแกร่งด้วยอักขระเวทย์โบราณ นี่จึงทำให้บุปผาดอกนี้ทำลายพายุสลาตันตรงหน้าในทันทีที่ได้สัมผัสก่อนที่จะพุ่งตรงต่อไปด้วยความรวดเร็วที่แม้แต่อสูรเสือดาวลมกรดที่ขึ้นชื่อถึงความว่องไวก็ไม่อาจหลบหลีกได้ทัน ดังนั้นร่างกายสูงใหญ่ของมันจึงถูกโจมตีอย่างรุนแรง โลหิตสีแดงและบาดแผลน้อยใหญ่เกิดขึ้นทั่วตัว เสียงคำรามดังก้องขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ยินยอมก่อนจะส่งการโจมตีขั้นสุดออกมาอีกครั้ง

โฮก!

"บังอาจทำร้ายข้าอสูรเสือดาวลมกรดย่างก้าวระดับมายาขั้นต่ำเช่นนั้นรึ? ตายเสียเถอะ!!!" อสูรเสือดาวลมกรดเอ่ยขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะส่งการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนออกมา กระสุนลมได้พุ่งเข้าโจมตีทางฝั่งของหนิงอ้ายอย่างรวดเร็วจนส่งผลให้ต้นไม้บริเวณโดยรอบนั้นถูกทำลายลงไปเป็นจำนวนมาก

หนิงอ้ายรู้สึกกดดันอยู่ไม่น้อยด้วยเพราะเนตรแห่งสวรรค์และวิหคสอดแนมของเขาย่อมทำให้รับรู้ได้ว่าตามจุดต่าง ๆ ในป่านี้เต็มไปด้วยค่ายกลส่งภาพของทางสำนักศึกษาที่สามารถทำให้ผู้ใช้งานค่ายกลสามารถรับรู้ได้ถึงภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อีกทั้งค่ายกดส่งภาพเหล่านี้ยังแฝงไปด้วยค่ายกลเคลื่อนย้ายระดับสูงที่สามารถทำให้เหล่าผู้อาวุโสเหล่านี้สามารถไปยังจุดที่มองเห็นหรือต้องการได้ในทันที แน่นอนว่าเจ้าต้าเฮยที่อยู่ในอกเสื้อของตนนั้นได้ส่งกระแสจิตให้หนิงอ้ายรับรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าตนสามารถจัดการอสูรเสือดาวลมกรดตัวนี้ได้ แต่หนิงอ้ายเอ่ยห้ามอีกฝ่ายเอาไว้เพราะยังไม่อยากให้เจ้าตัวน้อยเปิดเผยตัวตนในตอนนี้

แม้ว่าหนิงอ้ายจะมีเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาสยบอัสนีเมฆาและมีจี้หยกโลหิตที่สามารถดูดซับปราณฟ้าดินได้อย่างไม่จำกัดก็จริง อย่างไรแล้วหนิงอ้ายก็ไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้แล้ว

เพราะเส้นทางที่พวกเขาหลบหนีอสูรเสือดาวลมกรดจนมาถึงบริเวณนี้นั้นเป็นด้านตรงข้ามกับทางไปสำนักศึกษา เท่ากับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ต่างไปจากที่เขาต้องย้อนกลับมาทางเดิมเสียอย่างนั้น และตามกำหนดเหลือเพียงอีกสี่วัน ดังนั้นหนิงอ้ายจึงไม่รอช้าใช้บทเวทย์โจมตีสูงสุดออกไปในทันที

หัตถ์หยกบุษกรพุทธอัคคีพิโรธ!!!

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

รัศมีแสงสีน้ำเงินเข้มระยิบระยับเป็นประกายของหนิงอ้าย เป็นดั่งสัญลักษณ์ของผู้ฝึกตนสังกัดปราณธาตุน้ำระดับสามหรือระดับสูงสุด ตรงด้านหลังของหนิงอ้ายปรากฏเป็นฝ่ามือหยกขนาดใหญ่ที่ตรงใจกลางมีบุปผาวารีดอกใหญ่กำลังเบ่งบานด้วยความรวดเร็ว

หลังจากหนิงอ้ายได้รับการยกระดับทางสายเลือดไปแล้ว คล้ายกับว่าความสามารถในการยึดกุมบัญชาการจะลึกล้ำกล้าแกร่งขึ้นเป็นอย่างมากฝ่ามืออันอหังการนี้ได้เข้าฟาดอสูรเสือดาวลมกรดด้วยความรวดเร็วรุนแรง เสียงปะทะดังขึ้นไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงร้องทรมานสุดท้ายแผ่วเบาให้ได้ยินไม่ชีดเจนนักก่อนที่สัญญาณชีวิตของอสูรเสือดาวลมกรดจะหายไปจากญาณสัมผัสการรับรู้

แน่นอนว่าฝ่ามือหยกบุปผาเพลิงวารีนี้ หนิงอ้ายไม่ลืมแฝงปราณธาตุพิษต้นกำเนิดออกไปเล็กน้อยที่เข้มข้นเพียงพอที่จะสังหารสัตว์อสูรตรงหน้านี้ได้ หลังจากจัดการทุกย่างเสร็จสิ้นหนิงอ้ายจึงไปรวมตัวกับอีกสามคนที่อยู่ด้านหลังในทันทีเพื่อสอบถามความเป็นไป...

ในห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่งที่เต็มไปกลิ่นอายของความเก่าแก่อันศักดิ์สิทธิ์ มีกลุ่มคนหลายสิบชีวิตที่นั่งอยู่ประจำลดหลั่นกันไปตามตำแหน่ง แน่นอนว่ากลุ่มคนเหล่านี้คือบรรดาผู้อาวุโสของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบหมายดูแลจัดการของงานทดสอบเข้าสำนักในครั้งนี้ พวกเขาต่างคอยเฝ้าดูความเป็นไปต่าง ๆ หากเห็นว่ารุ่นเยาว์คนไหนที่มีความโดดเด่นทั้งในเชิงยุทธ์และทักษะวิญญาณที่กล้าแกร่ง

พวกเขาต่างจดจำรายชื่อของรุ่นเยาว์คนนั้นไว้ในใจ เพื่อที่จะจะรอดูต่อไปว่ารุ่นเยาว์ที่ได้หมายตาไว้จะผ่านคุณสมบัติเข้ามาเป็นศิษย์ในการดูแลของตำหนักของตนหรือไม่ ทุกคนต่างนั่งมองภาพของเหตุการณ์ที่ถูกส่งเข้ามาจากค่ายกลสอดแนมที่ผู้อาวุโสฝ่ายค่ายกลได้วางไว้โดยรอบของเทือกเขาเร้นลับอสูรแห่งนี้

โดยเฉพาะภาพแรกเริ่มของเหตุการณ์ที่รุ่นเยาว์สองคนกำลังถูกตามล่าโจมตีด้วยสัตว์อสูรระดับนภาขั้นสูง พวกเขาต่างเฝ้ารอให้รุ่นเยาว์ทั้งสองบีบป้ายหยกของสำนักที่ได้มอบให้ไปก่อนหน้านี้ เพราะหากทำเช่นนั้นพวกตนจะได้สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ในทันที

จนผู้อาวุโสคนหนึ่งสังเกตได้ว่าพวกเขาทั้งคู่ได้ทำป้ายหยกดังกล่าวตกหล่นขณะหลบหนี ซึ่งผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่ทนเห็นภาพตรงหน้าไม่ไหวด้วยความเป็นห่วงและพร้อมที่จะใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายไปที่นั่นในทันที แต่ทว่าตัวคนกลับถูกเจ้าสำนักเอ่ยห้ามไว้

ทันใดนั้นภาพที่ปรากฎขึ้นให้เห็นอีกครั้งกลับเป็นรุ่นเยาว์สองคนที่เข้ามาช่วยเหลือเอาทั้งสองคนไว้ได้ ชายหนุ่มร่างกายสูงใหญ่ได้เข้าไปดูแลทั้งสองคนที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่ชายหนุ่มร่างบางจะร่ายเวทย์ป้องกันรับมือการโจมตีของสัตว์อสูรอย่างไม่กลัวเกรง

จากนั้นรุ่นเยาว์ทั้งสี่คนต่างเร่งใช้เคล็ดวิชาตัวเบาประจำตัวทะยานออกมาจากบริเวณนั้น แต่ทว่าสัตว์อสูรยังคงไม่ลดละและยังคงติดตามไปเรื่อย ๆ พร้อมกับส่งการโจมตีรุ่นเยาว์ทั้งสี่คนอยู่หลายครั้ง

ผู้อาวุโสหญิงท่านหนึ่งถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่าเหตุใดเจ้าลูกเต่าพวกนี้จึงไม่บีบป้ายหยกเสียที เมื่อหลบหนีไปได้หนึ่งเค่อเด็กหนุ่มร่างบางได้สั่งการให้ทุกคนอยู่ด้านหลังก่อนที่ตนจะหันหน้ารับมือกับสัตว์อสูรระดับนภาขั้นสูงย่างก้าวระดับมายาขั้นต้นตรงหน้า

ต้องบอกว่าเวทย์แต่ละบทที่เด็กหนุ่มร่ายขึ้นมานั้นมีกลิ่นอายของบทเวทย์ระดับเทวะที่มีความลึกล้ำกว่าระดับเทวะทั่วไปอยู่หลายขั้น ด้วยเพราะพวกเขาในที่นี้ต่างมีพลังวิญญาณอยู่ในระดับสูงจึงสามารถมองเห็นกลบางอย่างที่ถูกซุกซ่อนในเวทย์แต่ละบทว่ามีความลึกล้ำมากเพียงใดเป็นที่น่าตกใจเพราะว่าจากการที่พวกเขาสัมผัสได้เด็กหนุ่มคนนีเเป็นเพียงราชทินนามจักรพรรดิวิญญาณขั้นสูงคนหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่กลับสามารถร่ายบทเวทย์ระดับเทวะที่มีความรุนแรงเช่นนี้ได้นับว่าเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง…

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่55 เส้นทางที่เลือก

    ไม่นานจากเดิมที่เด็กหนุ่มยังมีใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกสิ่งใดก็ได้เผยใบหน้าติดรำคานขึ้นมาพร้อมกับพึมพัมอะไรบางอย่างชวนให้ผู้พบเห็นน่าเอ็นดูยิ่ง เพราะภาพตรงหน้าทำเอาพวกเขาทั้งหลายอดที่จะหัวเราะไม่ได้เพราะเด็กหนุ่มคนนี้ดูก็รู้ว่ามีอายุเพียงสิบห้าสิบหกแต่กลับปั้นท่าทางราวกับผู้ที่มากไปด้วยประสบการณ์ ยามเมื่อเผยใบหน้างอง้ำไม่พอใจนั้นทำเอารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้น่ามองขึ้นกว่าเดิมและดูสมกับวัยขึ้นมาไม่น้อยแต่แล้วทุกสิ่งอย่างไม่อาจทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องประหลาดใจได้เท่ากับการโจมตีสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้สังหารอสูรเสือดาวลมกรดให้ตายตกไปในครั้งเดียวความแข็งแกร่งของอสูรระดับนภาขั้นสูงในเขตขั้นย่าวก้าวระดับมายาขั้นต่ำนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนต่างรับรู้กัน แต่นี่เด็กหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งถึงกับสังหารอีกฝ่ายได้ง่ายดายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเด็กประหลาดคนหนึ่งที่มากไปด้วยพรสวรรค์หรืออย่างไร"เด็กทั้งสองคนนี้เคล็ดวิชาตัวเบาช่างคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ยิ่ง แสดงว่าทั้งสองน่าจะเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำเป็นแน่..." ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเนื่องจากเขาคุ้นเคยกับวิชาตั

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่56 อสูรอสรพิษราชันย์สุริยันจันทราทมิฬ

    ค่ายกลส่งภาพนับได้ว่าเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ขึ้นชื่อของทางตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลของสำนักศึกษา มีประโยชน์ในหลากหลายด้านรวมไปถึงความสะดวกในการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ายกลแบบเดียวกันหลายเท่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามขีดจำกัดและข้อด้อยของค่ายกลนี้ก็มีอยู่ให้เห็นเช่นกันแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะการทำงานของค่ายกลส่งภาพนี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพเหตุการณ์และเสียงสนทนาจะถูกส่งมายังผู้ใช้ค่ายกลโดยตรงก็ตามแต่เนื่องจากว่าในการทดสอบครั้งนี้ได้ใช้พื้นที่ป่าของเทือกเขาเร้นลับอสูรเป็นบริเวณกว้างดังนั้นด้วยความผันแปรของปราณฟ้าดินในแต่ละบริเวณที่มีความหนาแน่นแตกต่างกัน จึงส่งผลให้ในบางพื้นที่นั้นค่ายกลส่งภาพไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ สังเกตได้จากจอภาพของค่ายกลส่งภาพอันนั้นมักจะมีคลื่นเสียงรบกวนอยู่เสมอ บ้างก็กลายเป็นจอดำสนิทและมีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่สัญญาณมาขาด ๆ หาย ๆค่ายกลส่งภาพนี้ในปัจจุบันผู้ฝึกตนระดับสูงรวมไปถึงผู้ฝึกตนที่มากไปด้วยญาณสัมผัสต่างรับรู้ถึงการมีอยู่ของค่ายกลนี้ ทางตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลได้ทำการศึกษาแก้ไขอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ในอนาคตค่ายกลส่งภาพนี้จะออกมาสม

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่57 อันตรายในป่าไป๋เซินหลิน

    เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นผู้อาวุโสแต่ละตำหนักตัวแทนเข้าร่วมดูแลการทดสอบครั้งนี้ได้มีการถกเถียงถึงในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ เจียงเฉิงที่มีฐานะสูงสุดในที่นี้นั่นคือเจ้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ แม้ภายนอกจะดูนิ่งเฉยไม่ได้เอ่ยเสริมอะไรขึ้น แต่สายตายังคงจ้องเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังปกปิดอาการแตกตื่นดังกล่าวอย่างนิ่งสงบ ด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกเพียงเท่านี้ของอีกฝ่ายแต่กลับสามารถควบคุมสติได้มั่นคงหนักแน่น เขาอยากรู้นักว่าอีกฝ่ายรวมไปถึงสหายอีกทั้งสามคนจะสามารถผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ของสำนักได้หรือไม่เทือกเขาเร้นลับอสูรที่อยู่โดยรอบของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย ที่กระทั่งฝ่ายสำรวจของทางสำนักที่มีการเก็บรวมรวมข้อมูลมาหลายพันปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนัก แม้ข้อมูลที่อยู่ในมือนั้นจะมีมากมายแต่ถึงอย่างนั้นยังไม่ถึงกับครอบคลุมทั้งหมด สัตว์อสูรบางสายพันธ์นั้นถึงกับมีสายเลือดบรรพกาลไหลเวียนอยู่หรือบ้างก็มีความเป็นมาที่ลึกลับ อีกทั้งยิ่งกับสัตว์อสูรระดับสูงที่สามารถเปิดสติปัญญาได้นั้นมักจะมีการแบ่งพื้นที่เขตปกครอง

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่58 อสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะ

    "ยังมีเวลาอีกมากในการเพิ่มระดับฝีมือของตนให้เพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้พวกเราสองคนควรรีบออกไปช่วยหนิงอ้ายกับลู่ซีกันได้แล้ว..." ไม่รอช้าทั้งสองจึงได้สลายเวทย์ป้องกันพร้อมกับพุ่งตัวไปยังด้านข้างของหนิงอ้ายกับลู่ซีในทันที"กลุ่มคนพวกนี้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดสอบศิษย์ใหม่ของทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วมทดสอบมากเท่าไหร่ จำนวนของผู้ถูกสะกดจิตด้วยอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น...""บรรดาผู้ฝึกตนชายหญิงในตอนนี้ หากกล่าวตามตรงคงไม่แตกต่างไปจากหุ่นเชิดไร้ซึ่งสตินึกคิดคงไม่เกินจริงไปนัก..." เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณอันคุ้นเคยของสองคนที่ตามมาสมทบแล้วนั้น หนิงอ้ายจึงบอกให้ได้รับรู้ในทันทีแม้ว่าทุกคนในที่นี้อาจพอคาดเดาได้บ้างแล้วก็ตาม"ก็พอเข้าใจได้อยู่บ้าง เฮ้อ!! หากตัดผ่านตรงนี้ไปอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะถึงทางเข้าของสำนักศึกษาแล้ว..." อี้หลินเอ่ยเบา ๆ ด้วยความเสียดายเล็กน้อย เพราะตามที่หนิงอ้ายได้บอกก่อนหน้าว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงทางเข้าของสำนักศึกษาแล้ว แต่พวกเขากลับต้องมาพบเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าว อีกทั้งการทดสอบของสำนักศึกษาครั้งนี้มีเรื่องกำหนดเวลา

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม 1- ) บทที่59 หนึ่งท่าพิฆาตสังหาร

    คลื่นวายุสังหารนับไม่ถ้วนถูกพ่นจู่โจมอย่างต่อเนื่อง หากหนิงอ้ายไม่ได้ใช้วิชาตัวเบาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ประสานไปกับพลังวิญญาณของตนจนทำให้ระดับความเร็วของเขาเป็นที่น่าตกตะลึงแล้วคงยากที่จะรอดพ้นไปจากการโจมตีจากสัตว์อสูรตรงหน้านี้ได้ แน่นอนว่าหนิงอ้ายย่อมไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาศโจมตีตนได้ฝ่ายเดียว เพราะเขาก็ได้ใช้บทเวทย์โจมตีของตนโต้กลับไปในทุกครั้งที่มีโอกาสเช่นกันมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม! ตู้ม!ทุกครั้งที่หนิงอ้ายหลบหลีกและส่งการโจมตีโต้กลับไปยังอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่โทสะของสัตว์อสูรยิ่งเพิ่มขึ้น มันไม่คาดคิดว่าการปะทะกับผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิวิญญาณคนหนึ่งจะทำให้มันสูญเสียลมปราณในร่างกายไปได้มากถึงเพียงนี้พรึบ!ชายผ้าคลุมสีเขียวอ่อนปลิวไหวสะบัดไปตามแรงลมที่ต้านปะทะ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสูญเสียจังหวะไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว หนิงอ้ายเร่งเร้าพลังลมปราณทั่วทั้งร่ายกาย ก่อนที่แขนขวานั้นสะสะบัดออกเบื้องหน้า ขณะใช้ออกด้วยท่าร่างเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ เข็มโลหะสีเงินทั้งเก้าพุ่งทะยานผ่านอากาศจนเกิดเสียง ต้าเฮยที่ซ่อนตัวอยู่ได้ประสานปร

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่60 ถึงจุดหมายในที่สุด

    ทางฝั่งผู้อาวุโสของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เมื่อพวกเขาเห็นว่ากลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนสามารถจัดการอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะได้สำเร็จ แม้ว่าตอนนี้จะยังมีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ชายหญิงมากกว่าหลายสิบคนที่ยังไม่ฟื้นคืนสติก็ตามอำนาจสะกดใจที่เคยควบคุมไม่ต่างหุ่นเชิดไร้ซึ่งแรงต้านทาน เมื่อสัตว์อสูรนายแห่งพันธะดังกล่าวได้ตกตายไป ร่างกายของพวกเขาจะไม่ได้รับผลกระทบต่อวิถีทางแห่งผู้ฝึกตนในวันข้างหน้า หลังจากนี้เพียงไม่กี่ชั่วยามย่อมที่จะฟื้นสติกลับมาได้ดังเดิม หากว่ากลุ่มของรุ่นเยาว์เหล่านี้สามารถเดินทางมาถึงประตูทางเข้าของสำนักศึกษาได้สำเร็จ นั่นเท่ากับว่าในปีนี้ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ได้รับศิษย์ใหม่มากที่สุดของทางสำนักเลยทีเดียว"ในที่สุดพวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงประตูทางเข้าของสำนักได้เสียที บอกตามตรงว่าที่ผ่านมาในตำแหน่งผู้อาวุโสของสำนัก ได้เห็นการคัดเลือกศิษย์ใหม่มามากมายนับไม่ถ้วน ทว่าไม่มีครั้งใดซักครั้งที่ทำให้ข้าเกือบหัวใจจะวายเช่นนี้ได้!!" ผู้อาวุโสชราร่างเล็กคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเสียงดังราวกับอัดอั้นมาแสนนาน พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่เด็

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่61 ท่านเทพพยากรณ์

    เหล่าผู้คุ้มกันเห็นว่ารุ่นเยาว์ทั้งสี่คนเดินห่างออกไปแม้ภายนอกพวกเขาจะยังคงเต็มไปด้วยความเคร่งครึมและใบหน้าเรียบเฉย แต่ภายในกลับสื่อสารกันภายในจิตยิ่งกว่า'เด็กคนนั้นไม่เลวเลยทีเดียว…''ข้าว่าปีนี้คงมีศิษย์ใหม่เข้าร่วมสำนักเยอะที่สุดในประวัติการณ์ ยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่กำลังมุ่งตรงเข้ามาในอีกไม่กี่ชั่วยามแล้ว...' ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีญาณสัมผัสลึกล้ำเอ่ยเสริมขึ้น'เด็กหนุ่มตัวเล็กที่สุดน่าสนใจอย่างบอกไม่ถูก ข้าว่าในปีนี้ข้าอาจจะเข้าร่วมทดสอบเป็นผู้อาวุโสฝ่ายในก็เป็นไปได้…' ชายวัยกลางคนผู้เป็นหัวหน้าคุ้มกันที่คุยกับกลุ่มของหนิงอ้ายเอ่ยขึ้นอย่างมีเลศนัย ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนเรื่องพูดคุยเป็นเรื่องอื่นที่ต่างเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในมุมมองของตนเองสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ก็ไม่ต่างไปจากผู้อาวุโสในห้องโถงหลักของสำนักสักเท่าไหร่นัก พวกเขาทั้งหลายยังคงเฝ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นค่ายกลส่งภาพ ในใจพวกเขาต่างรู้สึกอยู่ในใจว่าการรับศิษย์ใหม่ในปีนี้ช่างเต็มไปด้วยเรื่องราวที่แปลกประหลาดใจเสียจริง...ทางฝั่งกลุ่มของหนิงอ้ายทั้งสี่คนต่างพากันเดินไปไม่ไกลไปจากประตูของสำนักทางด้านฝั่งซ้ายมือ ก่อนที่จะเลือ

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่62 สิ้นสุดการทดสอบแรก

    ทางฝั่งผู้อาวุโสที่เฝ้ามองกลุ่มของหนิงอ้ายผ่านค่ายกลส่งภาพนี้ พวกเขาต่างล้วนอยากรู้ว่าเด็กหนุ่มนั้นล่วงรู้ถึงแบบทดสอบในวันพรุ่งนี้จริงหรือไม่? เพราะหากเด็กหนุ่มทราบจริงนี่ออกจะเหลือเชื่อเกินไปสักหน่อยแล้วการทดสอบครั้งถัดไปเป็นท่านเจ้าสำนักและท่านรองเจ้าสำนักเป็นผู้ดูแลด้วยตนเอง เหล่าผู้อาวุโสตอนนี้ต่างจ้องมองกลุ่มของหนิงอ้ายสลับไปมากับทางฝั่งของทั้งสองคนผู้สูงศักดิ์ในสำนักศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้…"ให้ข้าเปิดเผยความลับสวรรค์ให้เช่นนั้นรึ? หากว่าเจ้าสามารถหยุดพูดไปถึงหนึ่งเค่อข้าจักยอมทำนายให้แก่เจ้าก็แล้วกัน..." ท่าทางของหนิงอ้ายที่แสดงออกมาช่างดูเหมาะสมกับช่วงวัยสิบห้าสิบหกยิ่งท่าทางหยอกล้อที่เต็มไปด้วยความสดใสทำเอาผู้ที่แอบเฝ้ามอง? ผ่านดวงตากลมโตสีแดงชาด อดที่จะขมวดคิ้วมุ่นไม่ได้ดูท่าแล้วตนคงต้องรีบไปพบเจ้ากระต่ายน้อยของตนให้เร็วที่สุด"หนิงอ้าย ไม่สิ!! เจ้าเป็นใครกันสหายของข้าไม่เคยพูดเล่นเช่นนี้ ไม่นะ!! เอาสหายข้าคืนมา..." เมื่อเห็นเด็กหนุ่มส่งมาแบบนั้นแล้ว อี้หลินจึงทำการละเล่นตอบกลับไปใหญ่โตกว่าเดิมหลายเท่า ท่ามกลางสายตาของลู่ซีและจินหั่วที่สายหัว

    Terakhir Diperbarui : 2025-03-06

Bab terbaru

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status