แชร์

บทที่51 เมืองหมอกทมิฬ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-06 11:32:27

ขบวนรถม้าของหนิงอ้ายได้มาถึงจุดหมายนั่นคือเมืองหมอกทมิฬได้อย่างปลอดภัยและใช้เวลาเดินทางไปตามที่คาดการณ์ไว้ พวกเขาทั้งหกคนต่างเดินเที่ยวชมบรรยากาศของเมืองนี้ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานมีชีวิตชีวา การแต่งกายของพวกเขาไม่ต่างไปจากผู้ฝึกตนคนอื่นที่มักจะสวมใส่เสื้อผ้าสีสันไม่โดดเด่นจนเกินไป ทว่ากลิ่นอายความแข็งแกร่งของผู้ฝึกตนระดับสูงที่แผ่ออกมาส่งผลให้ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับกลุ่มเดินทางของพวกเขาเท่าไหร่นัก

อีกไม่กี่วันจากนี้ก็จะถึงกำหนดการณ์ของการเข้าร่วมทดสอบเข้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว ในเวลานี้จึงมีผู้ฝึกตนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเมืองหมอกทมิฬนี้อย่างคึกคัก หนิงอ้ายยังอยากเดินชมบรรยากาศอีกสักหน่อยแต่ทางลู่ซีได้เอ่ยเตือนว่าเวลาเที่ยวเล่นยังพอมีอีกหลายวัน สิ่งแรกที่พวกเขาต้องจัดการกันก่อนคือการหาที่พักอาศัย โรงเตี๊ยมส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดสำหรับห้องว่างที่สามารถให้เข้าพักได้นั้นค่อนข้างเต็มหมดแล้ว ดังนั้นกว่าที่พวกเขานั้นจะหาโรงเตี๊ยมสำหรับพวกเขาทั้งหกคนได้เล่นเอาเสียเวลาไปเกือบหนึ่งชั่วยามเลยทีเดียว...

ตรงเส้นขอบฟ้าสุดสายตาได้ปรากฏเป็นแสงสีทองประกายส้มแห่งดวงอาทิตย์ที่คอยทำหน้าที่ของตนในการขับเคลื่อนให้ทุกสิ่งหมุนเวียนไปตามวัฏจักรวิถีให้เป็นไปตามกระแสแห่งโชคชะตาของแต่ละสิ่งมีชีวิต เสียงของผู้คนมากมายดังขึ้นแว่วลอยมาตามลมส่งเสริมให้บรรยากาศของเช้าวันแรกนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของชีวิต

เช้านี้หนิงอ้ายได้ตื่นลืมตาขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นด้วยเพราะว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาถือว่าเป็นการนอนหลับที่เต็มอิ่มอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับหลายวันก่อนหน้านี้เริ่มตั้งแต่ออกจากตระกูลหวังจนมาถึงเมืองหมอกทมิฬแห่งนี้ แม้ว่าทางโรงเตี๊ยมจะมีของอำนวยความสะดวกมากมายจนสามารถเทียบเท่าได้กับจวนของตระกูลชั้นกลาง หนิงอ้ายพอรับรู้มาบ้างว่าการลงทุนเริ่มก่อตั้งสร้างโรงเตี้ยมต้องใช้เงินลงทุนมากมายมหาศาล แต่ผลตอบแทนช่างคุ้มค่ายิ่งหากมองถึงผลพลอยได้ในระยะยาว

ต้องบอกก่อนว่าในโลกของผู้ฝึกตนนี้ก็มีของวิเศษเฉพาะสำหรับการไว้พักอาศัยได้ไม่ต่างไปจากเรือนสักหนึ่งหลัง แต่มูลค่านับว่ามากมายมหาศาลเป็นอย่างยิ่ง ด้วยจำนวนของวิเศษประเภทดังกล่าวที่มีปรากฎอยู่น้อยมากอีกทั้งการจะหาผู้สรรสร้างสักคนหนึ่งในการทำของวิเศษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายดายเท่าไหร่นัก เพราะพวกเขาเหล่านี้นั้นจะมักมีนิสัยประหลาดจนเกินไปที่จะสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย ดังนั้นแล้วกิจการโรงเตี๊ยมจึงเป็นอีกหนึ่งกิจการที่นับได้ว่าสร้างผลตอบแทนได้ดี

ก่อนที่จะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้หนิงอ้ายไม่รอช้าที่จะอาบน้ำชำระร่างกายของตนให้เรียบร้อย เพราทางเสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมได้เตรียมน้ำอุ่นให้เขาในก่อนหน้านี้แล้ว หนิงอ้ายที่คุ้นชินกับการอาบน้ำอย่างน้อยวันละสองครั้ง ทว่ากับการเดินทางที่ผ่านมาไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่นัก ดังนั้นในเช้านี้เขาจึงตั้งใจที่จะอาบน้ำให้ได้นานที่สุดเพื่อชดเชยกับความต้องการของตัวเอง

เมื่อเข้าไปถึงห้องอาบน้ำ ไอความร้อนจากอ่างน้ำที่ทำจากไม้แกะสลักงดงามประณีตได้ลอยขึ้นจนเห็นได้ชัด กลิ่นหอมของสมุนไพรที่ถูกผสมอยู่ในอ่างน้ำชวนให้รู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง ใกล้กันนั้นมีแจกันดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกหมู่ตาน (ดอกโบตั๋น) หลากสีทั้งสีขาว สีม่วง สีชมพูและสีเหลืองถูกจัดวางรวมช่อไว้ส่งกลิ่นหอมอบอวนไปทั่วทั้งห้อง ภาพการจัดเตรียมที่ครบครันเช่นนี้ทำเอาหนิงอ้ายยกยิ้มด้วยความพึงพอใจกับการบริการของโรงเตี๊ยมยิ่งนัก ถือได้ว่าช่างเหมาะสมกับราคาพักต่อคืนที่ค่อนข้างจะสูง แต่หากได้รับบริการที่ดีเช่นนี้แล้วตำลึงทองที่เสียไปจะนับว่าเป็นอันใดได้กัน...

เมืองหมอกทมิฬนี้เป็นเมืองหน้าด่าน ถือได้ว่าเป็นเมืองสำคัญที่อยู่ภายใต้การปกครองของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ โดยปกติจะมีนักเดินทางและผู้ฝึกตนจากทั่วทุกสารทิศเดินทางผ่านและแวะพักผ่อนที่เมืองนี้เป็นปกติ แต่ที่เห็นว่ามีผู้คนมากมายถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าในอีกไม่กี่วันนั้นจะถึงกำหนดที่ทางสำนักศึกษาเองจะเปิดให้ผู้ที่ถึงพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเข้าร่วมทดสอบการเข้าทั้งสำนักดังนั้นในตอนนี้เมืองหมอกทมิฬจึงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่ต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองแห่งนี้นั่นเอง

หนิงอ้ายใช้เวลาในการอาบน้ำไปถึงครึ่งชั่วยามนับว่าหนิงอ้ายใช้เวลาดังกล่าวได้อย่างสมใจกันเลยทีเดียว ในวันนี้หนิงอ้ายเลือกที่จะสวมชุดด้านนอกเป็นสีเขียวอ่อนปักลวดลายของต้นไผ่สีเขียวดิ้นทองสวยงาม หลังจากที่เขาปลุกสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์สำเร็จตรงจุดกลางระหว่างคิ้วทั้งสองได้ปรากฏเป็นสัญลักษณ์เฟิ่งหวงสีแดงขึ้นอยู่เลือนลาง หนิงอ้ายพอคาดเดาได้ว่าหากสายเลือดของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์เข้มข้นมากกว่านี้สัญลักษณ์ดังกล่าวคงเด่นชัดขึ้นอีกหลายเท่า

สำหรับเส้นผมสีขาวเงินบริสุทธิ์นั้นหนิงอ้ายชโลมด้วยเครื่องหอมที่เขาตั้งใจทำขึ้นด้วยตนเอง ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับนางเซียนจิ้งจอกเช่นนี้หากว่าเขาเลือกที่จะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงตั้งแต่ออกเดินทางจากตระกูลหวังแล้วคงไม่แคล้วที่มีปัญหาตามมาเป็นแน่ แม้ตอนนี้เขาจะได้รับการสนับสนุนที่แข็งแกร่งไม่ว่าจะด้วยฐานะเจ้าแห่งยุทธภพที่ขึ้นตรงกับวิหารเทพยุทธ์โดยตรงหรือตระกูลหวังหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของแคว้นเต่าดำที่คอยหนุนหลังเขาอยู่ในตอนนี้

แต่ถึงอย่างไรหนิงอ้ายก็รู้ดีว่ากลุ่มอิทธิพลทั้งที่ปรากฏตัวและหลบซ่อนตัวในมหาทวีปแห่งนี้ย่อมมีตัวตนระดับที่ไม่ธรรมดาซ่อนตัวและคอยหนุนหลัง เขาจึงเลือกที่จะปกปิดรูปลักษณ์ที่่แท้จริงของตนเอาไว้เสียก่อนหากว่าวันหนึ่งเขาสามารถเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงที่พร้อมไปด้วยกำลังจากสำนักศึกษาจากวิหารเทพยุทธ์และจากตระกูลหวังเเล้ว เมื่อถึงวันนั้นการปลอมแปลงนี้คงไม่จำเป็นอีกต่อไป

สำหรับวิชาปลอมแปลงตัวตนที่ท่านตาหวังจิ่งหลงมอบให้กับเขานั้นมีชื่อว่า กายาพักตร์ทวีอนันต์ อันเป็นบทเวทย์ระดับเทวะที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหวัง เป็นบทเวทย์ระดับเซียนที่มีความพิศดารล้ำลึกในการใช้เป็นอย่างยิ่ง บทเวทย์นี้มุ่งเน้นไปเพียงการปลอมแปลงรูปโฉมของผู้ใช้บทเวทย์ แต่ช่างเหมาะสมกับความต้องการของหนิงอ้ายในตอนนี้เป็นอย่างยิ่ง

ไม่รอช้าบทเวทย์ระดับเทวะที่ท่านตาหวังจิ่งหลงมอบให้กับเขาได้แสดงอานุภาพในทันที หนิงอ้ายเลือกที่จะใช้ใบหน้าที่แท้จริงของตนในโลกเดิม แต่ถึงอย่างไรก็ตามด้วยเพราะพวกเขาทั้งสองคนเป็นฝาแฝดจึงมีหน้าตาที่เหมือนกันแต่ทว่าสิ่งที่หายไปในตอนนี้คือเส้นผมสีขาวเงินที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ใบหน้างามยังมีเค้าโครงเดิมมากกว่าเจ็ดถึงสิบส่วน

หากไม่ใช่สมบัติวิเศษที่มีอำนาจทะลุการปลอมแปลงโดยเฉพาะหรือผู้ฝึกตนระดับเทพสวรรค์ขั้นสูงแล้วย่อมไม่สามารถเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขาได้อย่างแน่นอน จากนั้นหนิงอ้ายจึงรวบผมด้วยการใช้เพียงผ้าธรรมดาสีขาวมัดเก็บให้เรียบร้อย หนิงอ้ายทำการสำรวจตัวเองอีกครั้งก่อนที่จะพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าหนิงอ้ายผู้ที่ได้ออกงานสังคมมากมายในโลกเดิมย่อมที่จะดูเเลรูปลักษณ์ของตนให้ออกมาดูดีที่สุด

อีกเพียงสามวันจะถึงกำหนดเข้าร่วมทดสอบเข้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์แล้ว เมื่อตรวจสอบครั้งสุดท้ายว่าตนไม่ลืมอะไรแล้วหนิงอ้ายตั้งใจจะไปหาลู่ซีก่อนเพื่อที่จะชวนอีกฝ่ายและเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนไปข้างล่างเพื่อทานมื้อเช้ากัน

"คุณชายเล็กเมื่อคืนหลับสบายดีหรือไม่ขอรับ?" หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหนิงอ้ายนั้นออกจากห้องพักของตนแล้ว

"โรงเตี๊ยมนี้ไม่เลวเลย ถูกใจข้าเป็นอย่างยิ่ง..." หนิงอ้ายตอบกลับไปพร้อมกับเผยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเขานั้นหมายความเช่นนั้นจริงๆ ก่อนที่มองไปโดยรอบราวกับกำลังเสาะหาบางอย่าง

"คุณชายลู่ซียังไม่ออกจากห้องพัก อีกทั้งยังฝากแจ้งกับคุณชายเล็กว่าจะเข้าเก็บตัวดูดซับโอสถเลื่อนระดับและประสานร่างกายเข้ากับกระดูกวิญญาณขอรับ..." เมื่อเห็นท่าทางดังกล่าวหัวหน้าองครักษ์จึงเอ่ยตอบกลับไปอีกครั้ง

"ลู่เกอกำลังเก็บตัวเพื่อเลื่อนระดับเช่นนั้นรึ? ข้าขออวยพรให้ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี..."

"คุณชายเล็กอย่าได้เป็นกังวลไปเลยขอรับ ท่านประมุขได้มอบโอสถที่ดีที่สุดให้กับคุณชายใหญ่ อีกทั้งกระดูกวิญญาณของอสูรราชันย์วานรพันตะทมิฬที่คุณชายเล็กมอบให้ ด้วยเวลาที่เหลืออีกสามวันนับว่าเหมาะกับกับการเก็บตัวในครั้งนี้แล้วขอรับ..."ชายชุดดำอีกคนผู้เป็นรองหัวหน้าองครักษ์ตอบกลับไปให้หนิงอ้ายคลายความกังวลใจ

"เช่นนั้นพวกเราไปทานมื้อเช้ากันเถอะวันนี้พวกท่านพักผ่อนให้เต็มที่ไม่ต้องติดตามข้า นี่เป็นคำขอร้องหวังว่าพวกท่านจะทำตาม..."หนิงอ้ายรู้ว่าองครักษ์ทั้งสี่คนนั้นต่างมีความยินดีที่จะปกป้องพวกเขาทั้งสองคย

ทว่าตลอดการเดินทางที่ผ่านมานั้นพวกเขาล้วนเหนื่อยล้าไปไม่น้อยหนิงอ้ายจึงต้องการให้อีกฝ่ายพักผ่อนเพราะเขาตั้งใจเพียงเดินเที่ยวเล่นในเมืองนี้ จากนั้นพวกเขาทั้งหมดต่างทานมื้อเช้าอย่างไม่เร่งรีบ อาหารของโรงเตี๊ยมนี้นับว่ารสชาติดียิ่ง ขนาดหนิงอ้ายที่ชินรสมือของท่านแม่เยว่ซินของตนแล้วยังรู้สึกว่ารสมือของพ่อครัวแม้ครัวนี้ยอดเยี่ยมยิ่งนัก

หนิงอ้ายเอ่ยย้ำกับเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนอีกครั้งว่าไม่ต้องติดตามตนออกไปวันนี้ให้พักผ่อนเสีย เมื่อออกจากโรงเตี๊ยมหนิงอ้ายไม่รอช้าเรียกใช้เนตรเเห่งสวรรค์ในทันทีเพื่อเปิดประสาทการรับรู้ของสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะที่เขาสัมผัสได้ แน่นอนว่าสิ่งแรกที่หนิงอ้ายรับรู้ในตอนนี้คือในเมืองหมอกทมิฬเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งประจำการอยู่ สำหรับตัวตนที่เขาสัมผัสได้ไปทางฝั่งของจวนเจ้าเมืองนั้นเป็นถึงระดับเทพยุทธ์คนหนึ่งเลยทีเดียว

อีกทั้งจวนของผู้ปกครองที่สำคัญต่างมีตัวตนระดับราชันหรือเทวะอยู่เป็นจำนวนมากทำเอาหนิงอ้ายอดที่จะตกตะลึงอยู่ไม่น้อยเพราะว่าเมืองหมอกทมิฬนี้หากนับดูแล้ว เป็นเพียงเมืองหน้าด่านที่เป็นเมืองสุดของเขตแดนในการปกครองของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่มีกลับมีผู้ฝึกตนระดับสูงนั่งประจำการอยู่หลายคน แล้วกับเมืองชั้นในถัดไปเล่าจะเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนระดับสูงที่เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัตินี้มากมายเท่าใดกัน

แต่ถึงอย่างไรนั้นหนิงอ้ายก็ไม่สนใจอะไรไปมากกว่านี้และเลือกซื้อของบางอย่างตามที่ตนต้องการ แผงร้านค้าที่ตั้งอยู่เรียงรายที่กล่าวได้ว่าไม่ต่างไปจากตลาดนัดขนาดใหญ่ซึ่งราคาที่วางขายหนิงอ้ายมองว่าเป็นราคาที่จับต้องได้ไม่สูงจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้หรือแม้กระทั่งสิ่งของวิเศษระดับต่ำที่ผู้คนทั่วไปสามารถหาซื้อได้ หนิงอ้ายสังเกตว่ามีรุ่นเยาว์ผู้ฝึกตนที่เลือกเดินจับจ่ายกันอย่างคึกคัก เสียงของพ่อค้าเเม่ค้าทั้งหลายต่างเรียกลูกค้าให้เข้ามาซื้อสินค้าร้านตน หนิงอ้ายได้ยินเสียงเบา ๆ กล่าวกันว่าในปีนี้นับว่ามีผู้เดินทางเข้ามายังเมืองหมอกทมิฬมากที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว

เนตรแห่งสวรรค์ได้ให้โชคอันมหาศาลแก่หนิงอ้ายเป็นอย่างยิ่ง แน่นอนว่าการได้มาซึ่งสิ่งของที่ล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินได้จากภายนอกเมื่อเจอแผงร้านใดที่น่าสนใจหนิงอ้ายจะเดินเลียบ ๆ เคียงแล้วค่อยซื้อสินค้าในที่สุด บ้างก็ต่อราคาถือว่าเป็นสีสันของการใช้เงินแล้วกัน บางชิ้นนั้นที่มีลักษณะภายนอกดูธรรมดาเเต่ความจริงบางชิ้นถึงกับเคยถูกครอบครองด้วยผู้ฝึกตนระดับสูง หรือแม้กระทั่งสิ่งของต่าง ๆ ที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ หนิงอ้ายจึงเลือกที่ซื้อโดยไม่เสียดายตำลึงเงินในกระเป๋าของตัวเองเลยสักนิด เพราะเงินรางวัลที่ตนได้รับมาจากงานประลองนับว่าเยอะมาก และท่านตายังมอบตำลึงเงินให้อีกมากมายโดยกล่าวเพียงว่าเส้นทางของผู้ฝึกตนนั้นนอกจากต้องอาศัยโชควาสนาสวรรค์แล้ว เรื่องของการสนับสนุนของเงินก็สำคัญไม่แพ้กัน

หลังจากหนิงอ้ายเดินเล่นและหาของกินอร่อยจนพอใจแล้ว เขาเลือกนั่งพักตรงบริเวณด้านหนึ่งของเมืองหมอกทมิฬที่มีความคล้ายคลึงกับสวนสาธารณะในโลกเดิมของเขา ดอกโบตั๋นหลากสีที่บานสะพรั่งอยู่ส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ลอยมาตามลมชวนให้รู้สึกอยากเอนตัวลงนอนไม่น้อยหนิงอ้ายหลับตาซึมซับบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกสงบใจนี้อย่างมีความสุข

แต่ทันใดนั้นได้มีภาพในหัวเกิดขึ้นที่ถูกส่งมาจากวิหคสอดแนม เป็นภาพของจากมุมไกล ๆ เนื่องจากว่าสิ้นสุดเขตการรับรู้ของเขาในยามนี้แล้ว หนิงอ้ายเลือกที่จะไม่สนใจแต่อย่างไรเเล้วนั้นความอยากรู้อยากเห็นก็เอาชนะจนได้ ดังนั้นจึงไม่รอช้าทะยานตัวไปด้วยเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ไปในทิศทางดังกล่าวในทันที

แต่เมื่อไปถึงหนิงอ้ายกลับพบเพียงความเสียหายเป็นวงกว้างที่เกิดขึ้นโดยรอบ เปลวไฟสีทองดำยังลุกขึ้นติดไปทั่วบริเวณจนหนิงอ้ายต้องใช้ปราณธาตุน้ำบริสุทธิ์ดับลงในที่สุด เมื่อเข้าไปใกล้อีกนิดก็พบร่างไร้วิญญาณของผู้ฝึกตนระดับสูงมากถึงห้าถึงหกคนเลยทีเดียวจากสัมผัสการรับรู้ของเขานั้นทำให้ทราบว่ากลุ่มคนเหล่านี้ต่างอยู่ในระดับเทวะทั้งสิ้นนับว่าเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อยเพราะการที่เจ้าเมืองหมอกทมิฬไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เเสดงว่าเมื่อครู่นี้บริเวณดังกล่าวคงถูกปกคลุมไปด้วยบทเวทย์เขตแดนระดับสูงเป็นแน่

หางตาของหนิงอ้ายพบเห็นเป็นอสรพิษตัวน้อยสีดำที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ไม่ไกล จึงทำให้หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าก่อนหน้าที่คงมีการปะทะครั้งใหญ่เกิดขึ้น ไม่แน่ว่าสิ่งที่พวกมันต้องการนี้จะเป็นอสูรน้อยตัวนี้แม้จะมีความสงสัยจะมีอยู่เต็มเปี่ยมแต่ชีวิตของอสรพิษน้อยนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า หนิงอ้ายไม่ลังเลก่อนที่จะควบคุมปราณธาตุน้ำของตนให้เป็นมีดด้ามเล็กกรีดตรงปลายนิ้วและป้อนเลือดของเขาให้กับอีกฝ่าย ความพิเศษของพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์คือการที่สายเลือดภายในร่างกายนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต ดังนั้นหนิงอ้ายจึงคิดว่าแม้ในตอนนี้เขาจะเพิ่งปลุกพลังสายเลือดได้เพียงบางส่วนก็จริง แต่ถึงอย่างนั้นความพิเศษนี้ย่อมที่จะแอบแฝงอยู่เป็นแน่

ไม่กี่อึดใจเท่านั้นหนิงอ้ายสัมผัสได้ถึงผู้ฝึกตนระดับสูงหลายคนที่กำลังมุ่งตรงมาทางนี้ ดังนั้นหนิงอ้ายจึงไม่รอช้าใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้พุ่งตัวออกไปจากบริเวณนี้ทันที

เมื่อถึงห้องพักของเขาในโรงเตี๊ยมนั้นก็เป็นเวลายามเซิแล้ว หนิงอ้ายยังคงอิ่มท้องจาการกินของจากแผงร้านค้าต่าง ๆ เมื่อสัมผัสได้ว่าทางฝั่งของลู่ซีเองกำลังจะทะลวงคอขวดจากระดับขุนนางวิญญาณขั้นสูงช่วงปลายแล้วและพร้อมเข้าสู่เขตขั้นพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิวิญญาณขั้นสามัญอย่างเต็มเท้าแล้วทุกอย่างเป็นไปได้ดี

หนิงอ้ายดูอาการของอสรพิษตัวน้อยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ามันกำลังหลับตาอยู่ไม่ขยับตัวหนิงอ้ายก็เข้าใจได้ว่ามันคงกำลังรักษาตัวอยู่ จากนั้นเขาจึงปลีกตัวไปอาบน้ำในทันทีเมื่อจัดการตัวเองเสร็จแล้ว หนิงอ้ายจึงไม่รอช้าที่จะพักผ่อนในทันทีเพราะวันนี้รู้สึกว่าตนนั้นใช้พลังไปเยอะเลยทีเดียว

ตกดึกตอนกลางคืนหนิงอ้ายที่กำลังหลับไหลอยู่บนเตียง ใบหน้างามในยามนอนนั้นได้ปลดการปลอมแปลงไปสิ้น ริมฝีบางได้ยกยิ้มเล็กน้อยชวนให้สงสัยว่าอีกฝ่ายฝันถึงสิ่งใดกันจึงมีความสุขเช่นนี้ เส้นผมสีขาวเงินที่มีบางส่วนหลุดรุ่ยเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพตรงหน้านี้ไม่ต่างไปจากนางเซียนที่จำแลงกายลงมาหลอกล่อตามเรื่องเล่านิทานยิ่งนัก

ร่างของอสรพิษสีดำตัวน้อยค่อย ๆ ขยับตัว ดวงตาสีแดงกล่ำลืมตาขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ยากจะคาดเดาได้ ไม่กี่อึดใจตรงด้านข้างของเตียงได้ปรากฏเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่สวมชุดสีดำที่ไม่สามารถเห็นใบหน้าด้วยเพราะอีกฝ่ายยืนหันหลังให้กับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามา ชายชุดดำปริศนาหยิบเส้นผมสีขาวเงินขึ้นมาสูดดมพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

"เสี่ยวไปทู่ตัวน้อยนี่ช่างไม่ระวังตนเสียจริง..."

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่52 ต้าเฮย

    เหลือเวลาอีกเพียงสองวันเท่านั้นที่ทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ได้กำหนดการณ์เอาไว้สำหรับการรับศิษย์ใหม่ ดูเหมือนว่าปีนี้จำนวนของผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่สนใจเข้าร่วมการทดสอบเข้าสำนักศึกษามีจำนวนมากกว่าปกติในรอบหลายสิบปีเลยทีเดียว สังเกตได้จากการที่ในเมืองหมอกทมิฬเต็มไปด้วยผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ชายหญิงมากหน้าหลายตาที่เดินทางมาถึงเมืองแห่งนี้แล้วก่อนหน้านี้ท่านตาหวังจิ่งหลง ท่านยายเหมยฮวาและท่านแม่เยว่ซินต่างต้องการมาส่งพวกเขาทั้งสองคนในการเข้าร่วมทดสอบเข้าสำนักศึกษาที่เมืองหมอกทมิฬแห่งนี้ ทว่าหนิงอ้ายได้ปฏิเสธไปด้วยเพราะว่าทั้งสามคนต่างมีภาระหน้าที่รับผิดชอบภายในตระกูลหวัง การเดินทางครั้งนี้ต้องใช้เวลายาวนานหลายวันยังไม่รวมไปถึงการเข้าร่วมการทดสอบเพราะในแต่ละปีทางสำนักศึกษาจะมีการกำหนดจำนวนวันทดสอบที่แตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างไรท่านตาได้มอบหมายองครักษ์ฝีมือดีถึงสี่คนร่วมเดินทางกับพวกเขาทั้งสองคนในครั้งนี้ด้วยหลังจากเมื่อวานนี้ที่เขาได้เดินเที่ยวตลาดในเมืองได้พูดคุยกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามแผงร้านต่าง ๆ จึงพอทราบมาบ้างว่าการทดสอบของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์จะเปลี่ยนไปในทุกปีไม่ซ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่53 การทดสอบเข้าสำนัก

    ในที่สุดการรอคอยก็สิ้นสุดลงเสียที เช้าวันนี้หนิงอ้ายตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่า เขารู้สึกว่าตัวเองในตอนนี้พร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อมเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าแบบทดสอบของสำนักศึกษาในปีนี้จะออกมาในรูปแบบใด ทั้งเขาและลู่ซีจะต้องผ่านไปได้อย่างแน่นอน เพราะว่าพวกเขาทั้งสองคนได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านที่คาดว่าสามารถนำมาใช้ในการเข้าร่วมทดสอบครั้งนี้ได้ หลังจากสำรวจความเรียบร้อยของตนที่หน้ากระจกพร้อมกับทำการร่ายบทเวทย์ปลอมแปลงเสร็จสิ้นหนิงอ้ายไม่รอช้าออกจากห้องพักเพื่อไปพบกับลู่ซีและเหล่าองครักษ์ทั้งสี่คนที่ด้านล่างของโรงเตี๊ยมในทันทีหนิงอ้ายยังคงเลือกสวมใส่ชุดสีเขียวอ่อนเช่นเดิมเหมือนทุกวันด้วยความเคยชิน นับว่านี่เป็นสิ่งที่ทั้งเขาและหนิงอ้ายคนเดิมมีความชื่นชอบเหมือนกัน เพียงแต่ว่าอาจจะมีความแตกต่างในเรื่องของลวดลายปักที่เปลี่ยนไปในแต่ละวันให้ไม่ซ้ำกันเพียงเท่านั้น หนิงอ้ายเลือกสวมใส่เป็นลายปักดิ้นทองเป็นดอกเถาฮวา (ดอกท้อ) ที่ดูงดงามเหมือนจริงเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นผลงานจากท่านยายเหมยฮวาของเขาที่ก่อนออกเดินทางไม่กี่วัน ท่านยายได้ใช้เวลายามว่างบรรจงตัดเสื้อและปักลวดลายอันงดงามลงบนผ้าผืน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่54 การช่วยเหลือที่ทันท่วงที

    เช้าวันที่สองของการเดินทางหนิงอ้ายกับลู่ซีได้ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการจัดการตนเองและเร่งเดินทางไปในทันที ซึ่งในตอนนี้หลังจากที่หนิงอ้ายมีพลังวิญญาณในระดับที่สูงขึ้นและปลุกพลังสายเลือดพญาหงส์แดงอัคคีสุริยะมหาสวรรค์ได้สำเร็จซึ่งส่งผลให้บทเวทย์ระดับเซียนเนตรแห่งสวรรค์ของเขานั้นมีอาณุภาพที่ลึกล้ำขึ้นไปอีกขั้นซึ่งในตอนนี้หนิงอ้ายสามารถสร้างวิหคสอดเเนมขึ้นมาเพื่อเป็นการรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในขอบเขตของบทเวทย์ได้ แต่ก่อนที่ลู่ซีจะเอ่ยถามกับหนิงอ้ายว่าจะต้องเดินทางไปทิศใดต่อนั้นหนิงอ้ายเมื่อได้เห็นภาพเหตุการ์ณวิหคสอดแนมส่งเข้ามาให้ตนได้รับรู้นั้นจึงเอ่ยขึ้นกับลู่ซีในทันทีว่า"ทางด้านนั้นเกิดบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น...เกอรีบตามข้ามานะขอรับ!!!"เทือกเขาเร้นลับอสูรเป็นผืนป่าที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลอาจเทียบเท่าได้กับเมืองหลวงของสามแคว้นรวมกันเสียด้วยซ้ำ ภายในนั้นเต็มไปด้วยพืชพรรณไม้โบราณอายุหลายร้อยหลายพันปี เหล่าสมุนไพรล้ำค่า รวมไปถึงสัตว์อสูรหลากหลายเผ่าพันธ์ที่มีพลังวิญญาณระดับต่ำจนไปถึงระดับสูง ผู้คนที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงต่างรับรู้โดยทั่วกันหรืออาจเป็นการจงใจแต่งแต้มเรื่องราวนี้หรือไม่ก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่55 เส้นทางที่เลือก

    ไม่นานจากเดิมที่เด็กหนุ่มยังมีใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่รู้สึกสิ่งใดก็ได้เผยใบหน้าติดรำคานขึ้นมาพร้อมกับพึมพัมอะไรบางอย่างชวนให้ผู้พบเห็นน่าเอ็นดูยิ่ง เพราะภาพตรงหน้าทำเอาพวกเขาทั้งหลายอดที่จะหัวเราะไม่ได้เพราะเด็กหนุ่มคนนี้ดูก็รู้ว่ามีอายุเพียงสิบห้าสิบหกแต่กลับปั้นท่าทางราวกับผู้ที่มากไปด้วยประสบการณ์ ยามเมื่อเผยใบหน้างอง้ำไม่พอใจนั้นทำเอารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้น่ามองขึ้นกว่าเดิมและดูสมกับวัยขึ้นมาไม่น้อยแต่แล้วทุกสิ่งอย่างไม่อาจทำให้พวกเขาทั้งหมดต้องประหลาดใจได้เท่ากับการโจมตีสุดท้ายที่เด็กหนุ่มได้สังหารอสูรเสือดาวลมกรดให้ตายตกไปในครั้งเดียวความแข็งแกร่งของอสูรระดับนภาขั้นสูงในเขตขั้นย่าวก้าวระดับมายาขั้นต่ำนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงใดทุกคนต่างรับรู้กัน แต่นี่เด็กหนุ่มรุ่นเยาว์คนหนึ่งถึงกับสังหารอีกฝ่ายได้ง่ายดายเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเป็นเด็กประหลาดคนหนึ่งที่มากไปด้วยพรสวรรค์หรืออย่างไร"เด็กทั้งสองคนนี้เคล็ดวิชาตัวเบาช่างคล้ายคลึงกับเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ยิ่ง แสดงว่าทั้งสองน่าจะเป็นรุ่นเยาว์ของตระกูลหวังแห่งแคว้นเต่าดำเป็นแน่..." ผู้อาวุโสคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเนื่องจากเขาคุ้นเคยกับวิชาตั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่56 อสูรอสรพิษราชันย์สุริยันจันทราทมิฬ

    ค่ายกลส่งภาพนับได้ว่าเป็นผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่ขึ้นชื่อของทางตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลของสำนักศึกษา มีประโยชน์ในหลากหลายด้านรวมไปถึงความสะดวกในการใช้งานที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากกว่าค่ายกลแบบเดียวกันหลายเท่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามขีดจำกัดและข้อด้อยของค่ายกลนี้ก็มีอยู่ให้เห็นเช่นกันแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะการทำงานของค่ายกลส่งภาพนี้ไม่ว่าจะเป็นทั้งภาพเหตุการณ์และเสียงสนทนาจะถูกส่งมายังผู้ใช้ค่ายกลโดยตรงก็ตามแต่เนื่องจากว่าในการทดสอบครั้งนี้ได้ใช้พื้นที่ป่าของเทือกเขาเร้นลับอสูรเป็นบริเวณกว้างดังนั้นด้วยความผันแปรของปราณฟ้าดินในแต่ละบริเวณที่มีความหนาแน่นแตกต่างกัน จึงส่งผลให้ในบางพื้นที่นั้นค่ายกลส่งภาพไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพสักเท่าไหร่ สังเกตได้จากจอภาพของค่ายกลส่งภาพอันนั้นมักจะมีคลื่นเสียงรบกวนอยู่เสมอ บ้างก็กลายเป็นจอดำสนิทและมีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่สัญญาณมาขาด ๆ หาย ๆค่ายกลส่งภาพนี้ในปัจจุบันผู้ฝึกตนระดับสูงรวมไปถึงผู้ฝึกตนที่มากไปด้วยญาณสัมผัสต่างรับรู้ถึงการมีอยู่ของค่ายกลนี้ ทางตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลได้ทำการศึกษาแก้ไขอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ในอนาคตค่ายกลส่งภาพนี้จะออกมาสม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่57 อันตรายในป่าไป๋เซินหลิน

    เหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นผู้อาวุโสแต่ละตำหนักตัวแทนเข้าร่วมดูแลการทดสอบครั้งนี้ได้มีการถกเถียงถึงในเรื่องราวต่าง ๆ ที่เป็นไปได้ เจียงเฉิงที่มีฐานะสูงสุดในที่นี้นั่นคือเจ้าสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ แม้ภายนอกจะดูนิ่งเฉยไม่ได้เอ่ยเสริมอะไรขึ้น แต่สายตายังคงจ้องเด็กหนุ่มที่ตอนนี้กำลังปกปิดอาการแตกตื่นดังกล่าวอย่างนิ่งสงบ ด้วยอายุเพียงสิบห้าสิบหกเพียงเท่านี้ของอีกฝ่ายแต่กลับสามารถควบคุมสติได้มั่นคงหนักแน่น เขาอยากรู้นักว่าอีกฝ่ายรวมไปถึงสหายอีกทั้งสามคนจะสามารถผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ของสำนักได้หรือไม่เทือกเขาเร้นลับอสูรที่อยู่โดยรอบของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยสัตว์อสูรมากมาย ที่กระทั่งฝ่ายสำรวจของทางสำนักที่มีการเก็บรวมรวมข้อมูลมาหลายพันปีตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนัก แม้ข้อมูลที่อยู่ในมือนั้นจะมีมากมายแต่ถึงอย่างนั้นยังไม่ถึงกับครอบคลุมทั้งหมด สัตว์อสูรบางสายพันธ์นั้นถึงกับมีสายเลือดบรรพกาลไหลเวียนอยู่หรือบ้างก็มีความเป็นมาที่ลึกลับ อีกทั้งยิ่งกับสัตว์อสูรระดับสูงที่สามารถเปิดสติปัญญาได้นั้นมักจะมีการแบ่งพื้นที่เขตปกครอง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่58 อสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะ

    "ยังมีเวลาอีกมากในการเพิ่มระดับฝีมือของตนให้เพิ่มสูงขึ้น ตอนนี้พวกเราสองคนควรรีบออกไปช่วยหนิงอ้ายกับลู่ซีกันได้แล้ว..." ไม่รอช้าทั้งสองจึงได้สลายเวทย์ป้องกันพร้อมกับพุ่งตัวไปยังด้านข้างของหนิงอ้ายกับลู่ซีในทันที"กลุ่มคนพวกนี้เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมการทดสอบศิษย์ใหม่ของทางสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วมทดสอบมากเท่าไหร่ จำนวนของผู้ถูกสะกดจิตด้วยอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น...""บรรดาผู้ฝึกตนชายหญิงในตอนนี้ หากกล่าวตามตรงคงไม่แตกต่างไปจากหุ่นเชิดไร้ซึ่งสตินึกคิดคงไม่เกินจริงไปนัก..." เมื่อสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณอันคุ้นเคยของสองคนที่ตามมาสมทบแล้วนั้น หนิงอ้ายจึงบอกให้ได้รับรู้ในทันทีแม้ว่าทุกคนในที่นี้อาจพอคาดเดาได้บ้างแล้วก็ตาม"ก็พอเข้าใจได้อยู่บ้าง เฮ้อ!! หากตัดผ่านตรงนี้ไปอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็จะถึงทางเข้าของสำนักศึกษาแล้ว..." อี้หลินเอ่ยเบา ๆ ด้วยความเสียดายเล็กน้อย เพราะตามที่หนิงอ้ายได้บอกก่อนหน้าว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงทางเข้าของสำนักศึกษาแล้ว แต่พวกเขากลับต้องมาพบเหตุการณ์ความวุ่นวายดังกล่าว อีกทั้งการทดสอบของสำนักศึกษาครั้งนี้มีเรื่องกำหนดเวลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06
  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม 1- ) บทที่59 หนึ่งท่าพิฆาตสังหาร

    คลื่นวายุสังหารนับไม่ถ้วนถูกพ่นจู่โจมอย่างต่อเนื่อง หากหนิงอ้ายไม่ได้ใช้วิชาตัวเบาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ประสานไปกับพลังวิญญาณของตนจนทำให้ระดับความเร็วของเขาเป็นที่น่าตกตะลึงแล้วคงยากที่จะรอดพ้นไปจากการโจมตีจากสัตว์อสูรตรงหน้านี้ได้ แน่นอนว่าหนิงอ้ายย่อมไม่ใช่ลูกพลับนิ่มที่ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาศโจมตีตนได้ฝ่ายเดียว เพราะเขาก็ได้ใช้บทเวทย์โจมตีของตนโต้กลับไปในทุกครั้งที่มีโอกาสเช่นกันมหาบุปผชาติเหมันต์จำแลงลักษณ์!ตู้ม! ตู้ม!ทุกครั้งที่หนิงอ้ายหลบหลีกและส่งการโจมตีโต้กลับไปยังอสูรจักจั่นเก้าสุวรรณมรณะ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไหร่โทสะของสัตว์อสูรยิ่งเพิ่มขึ้น มันไม่คาดคิดว่าการปะทะกับผู้ฝึกตนระดับจักรพรรดิวิญญาณคนหนึ่งจะทำให้มันสูญเสียลมปราณในร่างกายไปได้มากถึงเพียงนี้พรึบ!ชายผ้าคลุมสีเขียวอ่อนปลิวไหวสะบัดไปตามแรงลมที่ต้านปะทะ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสูญเสียจังหวะไม่รอให้อีกฝ่ายตั้งตัว หนิงอ้ายเร่งเร้าพลังลมปราณทั่วทั้งร่ายกาย ก่อนที่แขนขวานั้นสะสะบัดออกเบื้องหน้า ขณะใช้ออกด้วยท่าร่างเคล็ดวิชาย่างก้าวทะยานหมื่นลี้ เข็มโลหะสีเงินทั้งเก้าพุ่งทะยานผ่านอากาศจนเกิดเสียง ต้าเฮยที่ซ่อนตัวอยู่ได้ประสานปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-06

บทล่าสุด

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 168 เดินทางกลับสำนักศึกษา

    มหาพิภพพิสดารแห่งนี้ประกอบไปด้วยสามพิภพ สี่มหาสมุทร แปดมหาทวีป โดยที่สามพิภพนั้นจะแบ่งเป็นดินแดนพิภพระดับสูง ดินแดนพิภพระดับกลางและพิภพระดับล่าง โดยมีสี่ทะเลมหาสมุทรตั้งอยู่ 4 ทิศล้อมรอบที่เชื่อว่าเป็นที่พักพิงของเทพบรรพกาลสูงสุดทั้งสาม และแปดมหาทวีปที่ได้มีการแบ่งการปกครองตามทิศทั้งแปดของดินแดนพิภพระดับกลาง ด้วยเพราะต่างมีผู้ปกครองดินแดนอันเป็นตัวตนที่ไม่ธรรมดาสามัญทั้งสิ้น ดังนั้นการเดินทางข้ามผ่านแต่ละเขตดินแดนจึงจำเป็นต้องมีเงื่อนไขกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไปสำหรับการเดินทางข้ามเขตแดนทั้งสามพิภพโดยเฉพาะดินแดนพิภพระดับสูงและดินแดนพิภพระดับกลางนั้น เงื่อนไขสำคัญคือผู้ฝึกตนที่บ่มเพาะพลังปราณในดินแดนพิภพระดับกลาง หากไม่สามารถเลื่อนระดับเป็นราชทินนามอัครพรหมยุทธ์วิญญาณหรือครอบครองพลังวิญญาณในระดับที่101ได้ย่อมไม่อาจก้าวล้ำมายังดินแดนพิภพระดับสูงนี้ได้ด้วยขีดจำกัดของกายเนื้อที่ไม่สามารถรองรับพลังปราณฟ้าดินบริสุทธิ์เข้มข้นที่ไหลเวียนหล่อเลี้ยงทั่วทั้งมหาพิภพ เพราะหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของสายโลหิตและพลังปราณที่ล้ำลึกที่เพียงพอ ไม่กี่ชั่วลมหายใจร่างกายและจิตวิญญาณย่อมถูกบดขยี้ไปสิ้นแต่ในทางก

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 167 การเลื่อนระดับที่เหนือล้ำ

    ไม่น่าเชื่อว่าเพียงหนึ่งราตรีที่ผ่านพ้น สำนักหมาป่าทมิฬจะถูกฆ่าล้างสำนักจนไม่เหลือแม้แต่ผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว การจู่โจมโดยไม่อาจตั้งตัวนั้นได้ส่งผลให้เหล่าสมาชิกในสำนักต้องสังเวยชีวิตอย่างน่าสลดใจ สิ่งนี้กล่าวว่าได้สร้างความตื่นตะลึงแก่กลุ่มอิทธิพลมืดในยุทธภพอยู่ไม่น้อย แม้ว่าสำนักหมาป่าทมิฬจะเป็นสำนักที่พึ่งก่อตั้งได้ไม่กี่สิบปีแต่ก็มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านความโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี การล่มสลายของสำนักในครั้งนี้จึงกลายเป็นปริศนาที่ยากจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นสิ่งที่น่าตื่นตะลึงนั่นคืออดีตผู้ก่อตั้งสำนักนั้นเป็นถึงราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณที่มีรากฐานบ่มเพาะไม่ธรรมดาสามัญรวมไปถึงเจ้าสำนักคนปัจจุบันนั้นก็เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นสูงที่มากไปด้วยความสามารถไม่อ่อนด้อยแม้จะขึ้นชื่อในเรื่องของความวิปริตมากกว่าก็ตาม ไม่นับรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสที่ล้วนต่างเป็นราชทินนามระดับสูงที่ไม่อาจดูแคลนได้ทั้งสถานที่ตั้งยังรายล้อมไปด้วยมหาค่ายกลเขตแดนธรรมชาติที่ใช่ว่าจะสามารถบุกฝ่าทะลวงไปได้โดยง่าย ข่าวการกวาดล้างสำนักหมาป่าทมิฬได้แพร่สะพัดออกไปราวกับไฟลามทุ่ง ไม่รู้ว่าทางสำนักได้ไปรับภารกิจหรือได้ล

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 166 ความร่วมมือ

    ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือดและเศษซากร่างไร้วิญญาณของศัตรูที่พ่ายแพ้ หนิงอ้ายเรียกใช้พลังปราณตวัดเอาแหวนมิติและสมบัติวิเศษประจำตัวของผู้ตกตายทั้งหมดย้ายเข้ามาในแหวนมิติของตนอย่างไรสิ่งเหล่านี้ย่อมสามารถทำประโยชน์ได้อยู่ไม่น้อย ในใจเขาไม่นึกรังเกียจเลยเพียงนิด การเข่นฆ่าสังหารแล้วช่วงชิงสิ่งของของผู้ที่ตกตายไปนั้นเป็นสิ่งที่พบเจอได้ทั่วไปในยุทธภพจากนั้นหนิงอ้ายได้ระดมเรียกเปลวเพลิงบริสุทธิ์จากปราณทิวาธาตุเข้าแผดเผาเศษซากชิ้นเนื้อรวมไปถึงจิตวิญญาณของบรรดานักฆ่าเหล่านี้ให้สูญสลายโดยไม่อาจหวนคืนในวัฏจักรสังขารได้อีก จากเศษเสี้ยวความทรงจำที่เขาสัมผัสได้นั้นคนกลุ่มนี้หาใช่เป็นคนดีแต่อย่างใด ตลอดช่วงอายุที่ผ่านมาก็ล้วนแต่กระทำต่ำช้า สังหารผู้บริสุทธิ์มาไม่น้อย เพียงเท่านี้ย่อมไม่อาจชดเชยได้เสียด้วยซ้ำไม่ถึงครึ่งเค่อให้หลัง ห้วงมิติที่ถูกผนึกไว้เมื่อไร้ซึ่งผู้บัญชาการยามนี้ม่านพลังประหลาดดังกล่าวจึงได้ซ่านสลายไปในที่สุด เผยให้เห็นหมู่เมฆาที่ล่องลอยประดับเหนือท้องฟ้า เสียงแมลงน้อยใหญ่ดังขึ้นทั่วทั้งผืนป่าโดยรอบขับขานบรรเลงสอดประสานเป็นท่วงทำนองเสนาะหู แสงไฟเวทย์จากอาคารบ้านเรือน เสียงโหวกเหวกโวยวาย

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status