แชร์

บทที่ 0004

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-23 15:52:53

4 : ข้ากำลังจะมีน้อง

เมื่อคืนที่ผ่านมา หลี่เมิ่งเหยาถูกดีดออกจากความฝันมาอย่างมึนงง อีกทั้งยังไม่ได้สำรวจอะไรมากมายนัก เพราะนางมัวแต่ตะลึงกับสมบัติมากมายตรงหน้า

แม้ยามนี้ยังแยกไม่ออก ไหนความจริงไหนความฝัน หรือว่าสมบัติเหล่านั้นมีอยู่จริงไหม แต่หากมีอยู่แค่ในความฝัน คงเป็นเรื่องเศร้าเกินไปแล้ว

วันนี้สองแม่ลูก เข้าไปซื้อของกินของใช้ในตัวเมืองฉาง ที่นี่เป็นเมืองขนาดเล็ก ไม่ต่างจากเมืองถังที่เคยอยู่ แต่ข้อดีของที่นี่คืออยู่ใกล้กับเมืองหลวงมากกว่า อีกทั้งของกินของใช้ ยังดูดีกว่าเมืองถังเสียอีก

“ท่านแม่ท่านมีเงินติดตัวมามากน้อยเพียงใด”

เฉาซูหลิ่งหน้าเจื่อนหลังได้ยิน “มีไม่มากหรอก ท่านปู่ท่านย่าของเจ้า ไม่ได้ให้อะไรติดตัวมาเลย”

หลี่เมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นสูง “ท่านพ่อเล่า”

“พ่อเจ้าน่ะหรือ แม้แต่หน้าของข้า ยังไม่อยากมองด้วยซ้ำ”

“เงินเก็บส่วนตัวเล่า”

“มีอยู่แค่หนึ่งร้อยตำลึง เบี้ยเลี้ยงข้าได้เดือนละห้าตำลึงเท่านั้น ดีที่ก่อนหน้าข้าแอบขอท่านพ่อของเจ้าเอาไว้บ้าง”

“หนึ่งร้อยตำลึง ท่านแม่คิดว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน”

หลี่เมิ่งเหยาทำหน้ายุ่งยาก ยิ่งคิดถึงสมบัติล้ำค่าในความฝันยิ่งโมโห มาหลอกให้อยากแล้วถีบออกมาได้อย่างไร แต่นางยังไม่ทันได้คิดอะไรไปไกล มารดาที่เดินอยู่ด้านข้าง ก็ทำท่าเซคล้ายจะเป็นลม

“ท่านแม่ !”

นางรีบเข้าไปประคองมารดา พานั่งพักอยู่ข้างทาง

“ท่านแม่แวะร้านโจ๊กก่อนดีหรือไม่ พวกเรายังไม่ได้กินข้าวเช้า เดินเท้ามาเป็นลี้ ท่านคงเหนื่อยเพราะหิว”

“แต่ข้าไม่ได้หิวนะ” คนเป็นมารดารีบแย้ง

หลี่เมิ่งเหยามองหน้ามารดาแล้วไม่เข้าใจ ไม่หิวแต่เหมือนคนเป็นลมได้อย่างไร

“นั่งอยู่นี่ก่อนแล้วกัน ข้าจะไปซื้อซาลาเปามาให้กินรองท้อง” เอ่ยแล้วแบมือไปตรงหน้า

เฉาซูหลิ่งหยิบก้อนเงินหนึ่งพวง วางลงบนมือของบุตรสาว มองตามนางไปด้วยความรู้สึกวิตกกังวล คงไม่ใช่อย่างที่นางคิดหรอกนะ

แต่พอหลี่เมิ่งเหยานำซาลาเปากลับมา นางกัดไปเพียงคำเดียว ก็อาเจียนออกมาในทันที

“ท่านแม่ข้าว่าท่านไปหาหมอเถอะ”

หลี่เมิ่งเหยาไปถามทางคนแถวนั้น และจ้างรถม้าให้พาไปส่งยังโรงหมอ ระหว่างทางนางไม่ได้ถามอะไรมารดาเพิ่มเติม รู้เพียงว่าอาการของมารดานั้น ไม่น่าจะปกติ

และแล้วก็ไม่ได้ผิดไปจากที่นางคิดไว้จริง ๆ จ่ายค่าหมอและยาไปสองตำลึง พร้อมกับได้รู้ว่ามารดาของนาง กำลังตั้งท้องได้หนึ่งเดือน

“เหยาเอ๋อร์ ข้ากลับไปที่เมืองถังดีกว่า พวกเขาต้องให้อภัยข้าแน่ ในท้องข้ามีสายเลือดของตระกูลหลี่อยู่ ไม่แน่ในท้องของข้าอาจเป็นเด็กผู้ชายก็ได้” ยามเอ่ยดวงตาของเฉาซูหลิ่ง เปล่งประกายอย่างมีความหวัง

หลี่เมิ่งเหยาปรายตามองนางแล้วถอนหายใจเบา ๆ

“เจ้าไม่เห็นด้วยรึ”

“ท่านแม่หากท่านกลับไปเมืองถัง พวกเขาจะรับท่านเอาไว้ รอจนท่านคลอดเพื่อรอดู ว่าลูกในท้องเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง หากข้าเดาไม่ผิด ถ้าเป็นเด็กผู้ชายพวกเขาจะเก็บเด็กเอาไว้ แล้วขับไล่ท่านแม่ออกมาอยู่ดี แต่หากเป็นเด็กผู้หญิงดีไม่ดี อาจไล่กลับมาทั้งแม่ทั้งลูก”

“เช่นนั้นไม่ดีรึ อย่างน้อยหากเขาเป็นเด็กผู้ชาย ก็ไม่ต้องลำบากอยู่ที่นี่”

“ท่านแม่รับได้หรือ หากลูกชายตัวเองเรียกคนอื่นว่าแม่ วันข้างหน้าเขาจะเติบโตขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าท่านคือแม่จริง ๆ ด้วยซ้ำ และคนที่จะได้เป็นแม่ของเขาก็คงเป็นแม่ใหญ่ ยามที่นางยังไม่มีบุตรของตัวเอง ก็คงรักและเอ็นดูเขาแหละ แต่ท่านเคยคิดไหมว่า หากแม่ใหญ่มีลูกชายของตัวเองขึ้นมา น้องชายข้าจะยังมีที่ยืนอีกหรือไม่”

เจ้าเด็กนี่ยังเป็นแค่ก้อนเลือด กลับทำให้ข้าต้องมาคิดเผื่ออนาคตเอาไว้แล้ว

“เหยาเอ๋อร์ ข้า...” เหตุใดคิดตามคำพูดของบุตรสาวแล้ว หัวใจเกิดเจ็บแปลบขึ้น ทำใจแทบไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ท่านแม่ท่านกลัวว่าตัวเอง จะเลี้ยงดูเขาไม่ดีใช่ไหม”

เฉาซูหลิ่งก้มหน้าลงเหมือนยอมรับว่าใช่ เลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งใช่ว่าง่าย นี่ต้องเลี้ยงดูถึงสองคนด้วยแล้ว

“มีข้าอยู่ทั้งคนท่านจะกลัวอะไร ข้าจะช่วยท่านเลี้ยงน้องเอง”

“เจ้าก็พูดง่าย”

“ท่านแม่อย่าเพิ่งคิดอะไรไปก่อนเลย ข้าจะหาทางช่วยเอง ตอนนี้เราไปซื้อเสบียงกับของใช้กันก่อนเถอะ” นางยังคิดถึงเรื่องซ่อมแซมห้องสุขาด้วย เรื่องนี้สำคัญที่สุด

เฉาซูหลิ่งยามนี้ไม่มีความคิดอื่นใดอยู่ในหัว จึงทำเพียงพยักหน้าลงให้บุตรสาว คงต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอกไปก่อน

หลังจากซื้อเสบียงได้ตามที่ต้องการแล้ว หลี่เมิ่งเหยาเดินไปถามชาวบ้านแถวนั้น ว่าพอรู้จักนายช่าง ซ่อมแซมห้องสุขาบ้างไหม เถ้าแก่ร้านขายบะหมี่เนื้อ เป็นคนแนะนำให้นาง ไปหานายช่างที่เรือนของเขา

“ท่านแม่เอาเงินมาให้ข้า ข้าจะไปตามนายช่างเอง ส่วนท่านก็เอาของพวกนี้ กลับเรือนไปก่อน”

“เหยาเอ๋อร์เจ้าเป็นแค่เด็กจะไปคุยเรื่องงานช่างกับบุรุษได้อย่างไร”

“หรือท่านจะไปเอง”

“ข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้หรอก ไปก็คุยไม่รู้เรื่องอยู่ดี”

เฉาซูหลิ่งหลุบตาต่ำมองพื้น นางไหนเลยจะเคยทำเรื่องพวกนี้ ตลอดชีวิตของนาง มีแต่ผู้อื่นจัดหาจัดทำให้

“ข้าถึงบอกให้ท่านกลับเรือนไปก่อน เรื่องห้องสุขามันสำคัญมาก ถ่ายเบายังพอว่า หากถ่ายหนักขึ้นมาจะแย่เอา”

“เป็นสตรีมาพูดจาอะไรเยี่ยงนี้ เจ้านี่นะ ข้าจะกลับก่อนก็แล้วกัน”

นางห่วงหน้าตาของบุตรสาวอยู่หรอก แต่ได้ยินคำพูดของนางแล้ว ไหนเลยจะมีความกลัวผู้คนอยู่ ไหน ๆ ก็ออกมาอยู่ข้างนอกแล้ว จะทำตัวเป็นคุณหนูอยู่ในเรือน เหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้

นางหันไปถามภรรยาของเถ้าแก่ร้านบะหมี่

“ท่านน้าช่างที่ว่าไว้ใจได้หรือไม่”

“แม่นางเจ้าไม่ต้องห่วงไป เดี๋ยวข้าจะให้ลูกชายข้า ไปเป็นเพื่อนนางเอง”

“ขอบคุณท่านมาก” ได้ยินแล้วเฉาซูหลิ่งพลันวางใจลงได้

บุตรชายของร้านบะหมี่เนื้ออายุราวแปดปี เขากระตือรือร้นพาหลี่เมิ่งเหยาไปหานายช่าง ที่อยู่ไม่ไกลจากร้านของเขาเท่าใดนัก ในคราแรกนายช่างไม่เชื่อในคำพูดของหลี่เมิ่งเหยา เพราะนางยังเด็ก คิดว่าคุยเรื่องงานช่างไม่รู้เรื่อง แต่พอได้คุยกันจริง ๆ นางกลับเข้าใจคำพูดของตนได้ในทันที สร้างความประหลาดใจให้แก่เขายิ่งนัก

“ข้าจะไปดูหน้างานก่อนว่าเป็นอย่างไร” นายช่างกัวยอมไปดูงานที่เรือนของนาง

“ข้าอยากให้เสร็จวันนี้ ท่านลุงช่างท่านรู้ใช่ไหม ว่ามันลำบากมาก หากไม่มีห้องสุขา” นางใช้หน้าตาของเด็กน้อย อ้อนวอนขอร้องเขา

“ได้ ๆ ข้าจะรีบจัดการให้ ไป ๆ รีบไปดูกัน”

เจอลูกไม้อ้อนตาใสของหลี่เมิ่งเหยาเข้า นายช่างกัวพลันคิดถึงบุตรสาวตัวน้อยของตนเอง ไหนเลยจะใจแข็งได้อีก รีบตามนางไปในทันที

นายช่างกัวประเมินหน้างานไม่นาน ก็ตอบตกลงรับทำ เพราะเป็นส้วมที่ไม่มีคนใช้มานาน จึงไม่ได้มีสิ่งปฏิกูลหลงเหลืออยู่ นายช่างทำงาน โดยให้ลูกชายของร้านบะหมี่เนื้อเป็นลูกมือ เด็กอายุแปดปีแต่ทำงานได้คล่องแคล่วนัก เพียงแค่ครึ่งวัน ส้วมของนางก็เสร็จพร้อมใช้งาน

หลี่เมิ่งเหยาให้พวกเขาไปดูบ่อน้ำด้านหลังเรือนด้วย พบว่ามีพวกใบไม้ทับถมเต็มไปหมด เลยจ้างพวกเขาตักเศษใบไม้กับกิ่งไม้ออกจนหมด ถึงได้เห็นว่ามีน้ำอยู่ข้างล่าง

“น้ำไม่ค่อยสะอาด ต้องตักน้ำเก่าทิ้งให้หมดก่อน แล้วขุดดินลงไปอีกหน่อย ข้าต้องจ้างคนเพิ่มอีกหนึ่งคน เจ้าจะว่าอย่างไร” นายช่างกัวถามนางก่อนลงมือทำ

“ทำตามที่ท่านลุงเห็นสมควรเลยเจ้าค่ะ”

หลี่เมิ่งเหยาต้องการน้ำสะอาด จึงยอมรับเงื่อนไขเพิ่มเติมของเขาได้

สักพักพวกเขาก็ได้คนงานเพิ่มมาอีกหนึ่งคน คนหนึ่งขุดดินอีกคนดึงถังไม้ขึ้นมาเททิ้ง เป็นการทำงานที่ไม่ง่าย มารดาของนางจึงลงมือทำอาหารเที่ยงให้พวกเขากิน และเมื่องานเสร็จก็มอบค่าแรงให้ตามที่ตกลงกันไว้

“ขอบคุณท่านลุงช่างมากเจ้าค่ะ” หลี่เมิ่งเหยาเอ่ยอย่างนอบน้อม นางค่อนข้างพอใจในผลงานของพวกเขา

“ไม่เป็นไร ๆ ข้ารับค่าจ้างมา ก็ต้องทำงานให้ดีที่สุดอยู่แล้ว ข้าไปก่อนล่ะ” นายช่างกัวโบกมือให้นาง ก่อนเดินหิ้วอุปกรณ์กลับเรือนไป

หลี่เมิ่งเหยานั่งมองดูน้ำที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากก้นบ่น ตอนนี้ยังคงขุ่นอยู่คงต้องรอสักพักถึงจะใส จึงสามารถตักไปใช้งานได้

“เหยาเอ๋อร์”

เฉาซูหลิ่งเดินออกมาหาบุตรสาวที่บ่อน้ำด้านหลังเรือน

“ท่านแม่ออกมาทำไม ไม่พักผ่อนอยู่ในบ้านเล่า”

“ข้าทำความสะอาดห้องให้เจ้าแล้ว”

“กำลังท้องอยู่จะไปออกแรงทำทำไม” นางหันไปตำหนิมารดาเล็กน้อย

“ท้องเดือนเดียวมีอะไรต้องให้ห่วง ทำความสะอาดง่าย ๆ แค่นี้ ไม่ได้ปีนป่ายที่สูงเสียหน่อย”

หลี่เมิ่งเหยาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ก่อนที่นางจะฉุกคิดบางเรื่องออก “ท่านแม่เรือนนี้เป็นชื่อของท่านหรือไม่”

“ใช่ที่ไหนกัน เป็นของตระกูลหลี่”

“เช่นนั้นพวกเขาก็สามารถยึดกลับคืนได้ทุกเมื่อ”

นางยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้ หันไปมองมารดาแล้วเอ่ยถาม “ท่านแม่ท่านกับท่านพ่อถือว่าหย่าร้างกันหรือยัง”

“หย่าร้างอะไรของเจ้า ข้าไม่ใช่ภรรยเอกไม่มีทะเบียนสมรส ข้ามีแค่หนังสือมอบตัวเป็นอนุ”

“ฮะ ! แล้วหากต้องเลิกกันล่ะ”

“ต้องมีการเขียนหนังสือปลดปล่อยอนุให้”

“ท่านพ่อไม่ได้เขียนให้ท่านใช่ไหม ไอ้หนังสือปลดปล่อยอนุอะไรนี่” หลี่เมิ่งเหยาเริ่มมองเห็นเค้าความยุ่งยากของเรื่องนี้

“ไม่ได้เขียนก็ดีแล้ว ข้าเป็นคนของพ่อเจ้า มอบทั้งตัวและหัวใจให้เขาไปแล้ว เป็นคนของตระกูลหลี่ไปจนวันตาย”

ยามเอ่ยเรื่องนี้แววตาของเฉาซูหลิ่ง เผยความผูกพันลึกซึ้งกับสามีอยู่ไม่น้อย

นี่ท่านโง่เกินไปไหม

“ในเมื่อไม่มีหนังสือปลดปล่อยอนุก็ช่างเถอะ ตอนนี้ท่านกำลังตั้งท้องอยู่ คงทำงานหนักมากไม่ได้ ต่อไปหน้าที่ของท่านแม่ทำแค่อาหารก็พอ เรื่องทำความสะอาดบ้านก็ทำห้องใครห้องมันไป ส่วนเรื่องตักน้ำข้าจะทำเอง”

หลี่เมิ่งเหยาคิดหนักขึ้นมา ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งคงไม่ใช่น้อย ๆ หนึ่งร้อยตำลึงนั่น ยามนี้จ่ายออกไปแล้วถึงสิบตำลึง จะอยู่ได้กี่ปีกันเชียว

“เจ้ามองข้าทำไม”

“เครื่องประดับของท่านพอขายได้เงินหรือไม่”

“เจ้าจะบ้ารึ นั่นเป็นของที่พ่อของเจ้าให้ข้ามา เป็นตายยังไงข้าก็ไม่ขาย เงินก็ยังมีอยู่ตั้งเก้าสิบตำลึงไม่ใช่รึ”

เฉาซูหลิ่งรีบจับต่างหูตนเองเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าบุตรสาวจะมายื้อแย่งมันไป

“ข้าพูดเผื่อเอาไว้ หากวันข้างหน้าเงินหมด อาจต้องได้ขาย”

“ไม่ ! ข้าไม่ขาย !”

“ตามใจ !” หลี่เมิ่งเหยาสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป ไม่อยากมีมารดาโง่เขลาเช่นนี้เลยจริง ๆ

หลี่เมิ่งเหยาจัดการทำความสะอาดห้องโถงด้านนอก กวาดลานหน้าเรือนให้สะอาดสะอ้าน จากนั้นก็ทำความสะอาดห้องครัวต่อ ไม่ทันไรท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0005

    5 : แม่เจ้าโว้ย ! ข้ารวยแล้ว ! บุรุษที่อยู่เรือนด้านข้างเริ่มหงุดหงิด เขาได้ยินเสียงคำพูดคุยหรือเสียงเหมือนคน กำลังทำงานตลอดทั้งวัน ให้ซ่งหลินต๋าไปแอบดู ถึงได้รู้ว่าบ้านของเด็กสาวผู้นั้น กำลังซ่อมแซมห้องสุขา กับล้างบ่อน้ำอยู่ “ความจริงพวกนางก็น่าสงสารนะขอรับ เพิ่งย้ายมาอยู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0006

    6 : ฮูหยินเป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ จงกุ้ยเดิมทีเคยทำงาน ตำแหน่งพ่อบ้านใหญ่มาก่อน ส่วนหลูเพ่ยเคยเป็นแม่นมภรรยาเอกของเจ้านาย ดังนั้นเรื่องการดูแลสตรีตั้งครรภ์จึงไม่ใช่เรื่องยาก หลี่เมิ่งเหยาเคยถามถึงลูก ๆ ของทั้งคู่ จึงได้คำตอบว่ามีบุตรสาวเพียงหนึ่งคน แต่งงานออกเรือนไปอยู่กับสามี

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0007

    7 : พี่หญิงใหญ่บ้านข้าง ๆ เรามีคนกลับมาอยู่แล้วนะ ยามนำโอสถล้ำค่าไปขายที่หอโอสถ นางจะสวมหมวกตาข่ายปิดหน้าตาเอาไว้ และตั้งกฎกับเถ้าแก่ของหอโอสถไว้ ห้ามถามไถ่ถึงตัวตนของนางเด็ดขาด มิเช่นนั้นนางจะยุติการซื้อขายนี้ลง ตอนแรกเถ้าแก่หอโอสถไม่เชื่อนาง เกรงว่าจะเป็นพวกมาตุ้มตุ๋นหลอกลว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0008

    8 : เจ้าจะเอ่ยออกมาทำไม ขายหน้าชะมัด ทันใดนั้นสายตานางมองไปเห็นบุรุษผู้หนึ่ง สายตาของเขาเหมือนจะมองมาทางนี้ จึงรีบทิ้งตัวลงมาจากต้นไม้ คนผู้นั้นสายตากว้างไกล เกรงว่าวรยุทธ์สูงส่งอยู่ไม่น้อย หน้าตาคุ้น ๆ แต่นางนึกไม่ออก ว่าเคยเจอกันที่ไหนมาก่อน รีบเดินกลับเข้าห้องนอนของตัวเองไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0009

    9 : ยึดทรัพย์ตระกูลหลี่พอได้อยู่เพียงลำพัง หยวนเหวินเซียวอดนึกถึงเสียงเล็ก ๆ ของเด็กน้อยเสี่ยวหยวนไม่ได้ ทำให้หัวใจอันมืดมนของเขาพลันสดชื่นขึ้นมา ย้อนเหตุการณ์ไปยามที่ได้พูดคุย กับเสี่ยวหยวนตัวน้อยนั่น “พี่ชายเหตุใดมีผ้าคาดตาด้วยเล่า” เขาสัมผัสได้ถึงฝ่ามือน้อย ๆ จับตรงต้นขาข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0010

    10 : อยากตายก็เข้ามาสิ เสี่ยวหยวนน้อยเห็นคนวัยเดียวกันก็ใจชื้นขึ้นมา ยกมือขึ้นมาโบกส่ายเล่นกับเขา เด็กน้อยหลี่ซืออี้ยกมือโบกตอบกลับเขาด้วยความเขินอาย จี้ชิวหรงดึงมือน้อย ๆ ของบุตรชายลงแทบไม่ทัน “เจ้าคือเหยาเอ๋อร์รึ” หลี่หงซวนมองหลานสาวตนเองด้วยความประหลาดใจ เด็กน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-04
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0011

    11 : อี้เอ๋อร์นี่เป็นของขวัญพบหน้าจากพี่สาว หลี่เมิ่งเหยาให้มารดาพาน้องชายกับป้าหลู เข้าไปสอบถามเรื่องเช่าเรือนกับหม่าหลิงเฟย ให้ลุงจงทำหน้าที่ขนของขึ้นรถม้าเพียงลำพัง ส่วนตัวนางเดินไปทวงหนังสือปลดปล่อยอนุภรรยากับบิดา “เหลวไหล ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กจะมาพูดกับผู้ใหญ่ได้”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10
  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0012

    12 : สามีที่ดีคือสามีใหม่นะท่านแม่ หลังจัดแจงที่พัก ให้ครอบครัวของเฉาซูหลิ่ง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แม่นมหูยกของว่างกับน้ำชา มาให้หม่าหลิงเฟยในห้องนั่งเล่น “ฮูหยินท่านใจอ่อนไปแล้วนะเจ้าคะ” มีความห่วงใยในน้ำเสียงของแม่นมหู หม่าหลิงเฟยอมยิ้มในหน้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-10

บทล่าสุด

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0282

    ฤดูร้อนปีนี้ไม่ได้ร้อนมากอย่างที่คิด บรรยากาศกำลังเย็นสบาย สายลมพัดเอื่อยสายน้ำไหลฉ่ำ หลี่เมิ่งเหยากำลังอ้าปากรับเนื้อปลาย่าง ที่สามีป้อนให้อย่างมีความสุข นางมองเด็ก ๆ ที่นั่งกินข้าวกันอย่างเพลิดเพลิน ชีวิตแสนเรียบง่ายนั้น ต้องแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อยเพียงใด นางค่อนข้างหวงแหนพวกเขาทุกคน

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0281

    “เจ้าอยู่นิ่ง ๆ ข้าจะเอาออกให้” เซี่ยโหวหานเฟิงรีบตรงไป ดึงหนามกิ่งไม้ออกจากตัวของเขา “ขอบคุณขอรับพี่เขย” เขาเอ่ยอย่างนอบน้อม ไม่คิดว่าตอนทำธุระเสร็จ เดินกลับออกมานั้น กิ่งไม้หนามดันมาเกี่ยวเสื้อผ้า และบาดนิ้วมือของเขาเข้า บอกว่าไม่เจ็บก็คงไม่ใช่ “พี่หญิงใหญ่ข้าเจ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0280

    147 : เหมยเอ๋อร์นี่คือเมืองของแม่เจ้า (จบ) เข้าสู่คิมหันตฤดู หลี่เมิ่งเหยาตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว แต่เพราะเป็นครรภ์แรก ท้องของนางจึงไม่ได้ใหญ่เหมือนเช่นผู้อื่น นางเคยให้สัญญากับน้องชาย ว่าจะพาเขาออกไปท่องเที่ยว เมื่อสะสางงานทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นางจึงจัดตั้งขบวนรถม้า มุ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0279

    “ท่านรู้จักพี่ชายข้าด้วยหรือ” “รู้จัก วันก่อนข้าเพิ่งพาหลานชายไปสมัครเรียนที่นั่น” “เช่นนี้นี่เอง” สวีฟางจิงยืดอกน้อย ๆ ขึ้น นางรู้สึกเหมือนมีดอกไม้เบ่งบานอยู่ในหัวใจ ทำให้ไม่อาจหุบยิ้มลงได้ เสี่ยวหยวนมองเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขารู้ทันทีว่าสตรีนางนี้ หมายปองเสิ่นหร

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0278

    “เสี่ยวหยางโตเร็วมาก ตอนนี้ข้าอุ้มแทบไม่ไหวแล้ว” นางนั่งลงด้านข้างกับมารดา จ้องมองหน้าท้องของนางด้วยความรู้สึกยินดี “เจ้าไม่ต้องมองข้า เรื่องแบบนี้ข้าควบคุมไม่ได้” เฉาซูหลิ่งแอบอายเล็กน้อย นางตั้งครรภ์อีกแล้ว ทั้งยังท้องพร้อมกับบุตรสาวอีกด้วย “ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสีย

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0277

    146 : หยางเป่ยจวิ้นจู่ ฮ่องเต้ที่อยู่เมืองหลวงได้รู้ข่าวนี้ กลับรู้สึกพูดไม่ออกไปชั่วขณะหนึ่ง ใครจะรู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮ่องเต้ทรงได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมากมายนัก ราชครูฮู่ผู้เป็นอาจารย์ของพระองค์ มีสายเลือดของราชวงศ์เก่าไหลเวียนอยู่ในกาย และพยายามก่อกบฏอยู่หลายครั้ง

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0276

    ใบหน้าของคนเป็นสามีซีดเผือดหลังได้ยิน “เป็นปีเลยหรือ” “อื้ม” “เช่นนั้นยังไม่ต้องมีก็ได้” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อน ๆ หลี่เมิ่งเหยาหัวเราะจนตัวงอ เรื่องนี้นางเลือกที่จะคุมกำเนิดด้วยการกินยาไว้ก่อน เกิดนางกับมารดาท้องพร้อมกัน คงเหนื่อยไม่น้อย เอาไว้ให้น้องของนางโตได้ส

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0275

    145 :มาตกลงเรื่องงานแต่งกันเถอะ เมื่อถูหลิวได้มาเยือนที่เรือนของเฉาซูหลิ่งอย่างเป็นทางการ เขาไม่ได้มาตัวคนเดียว กลับพาแม่สื่อมากับเขาด้วย เฉาซูหลิ่งยังไม่ได้บอกเรื่องตั้งครรภ์กับเขา นางกำลังนั่งเหม่อกับคำพูดของแม่สื่อ ราวกับได้ย้อนเวลาไปเป็นบุปผาแรกรุ่น ซ่งฉีโหย่งกับหลิวอี๋เฉ

  • บุตรีอนุผู้ถูกทอดทิ้ง   บทที่ 0274

    “ว่าอย่างไรได้หรือไม่” อย่าอ้อนข้า หลี่เมิ่งเหยาก้มหน้าลงต่ำ ดันเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า เขาพร้อมขนาดนี้ หากนางปฏิเสธจะดูใจร้ายใจดำเกินไปไหม “เหยาเอ๋อร์” เสียงแหบพร่าบ่งบอกถึงอารมณ์ของสามี นางจะทำสิ่งใดได้ นอกจากพยักหน้าลงช้า ๆ เอวนางถูกรว

DMCA.com Protection Status