พวกเขากอดกันด้วย!ไม่สิ น่าจะพูดว่า ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นกอดจวินเย่เสวียนแต่จวินเย่เสวียนก็ไม่ได้ผลักนางออกกู้อวิ๋นซีจับขอบหน้าต่างเอาไว้ ในใจเกิดความรู้สึกประหลาด เป็นความรู้สึกที่ก็อธิบายไม่ถูกทันใดนั้นจวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้น สายตาคล้ายจะหันมามองทางนี้พอดีกู้อวิ๋นซีปิดหน้าต่างดังปึง ตัวพิงหน้าต่าง หัวใจเต้นระรัวเร็วทั้งๆ ที่คนแอบนัดเจอไม่ใช่ตัวเอง แต่ในตอนนี้ ตัวเองกลับรู้สึกเหมือนโดนตำรวจจับได้อย่างนั้นกว่าจะทำใจให้สงบลงได้ กู้อวิ๋นซีก็ยังอดไม่ได้ที่จะแง้มหน้าต่างออกดูไม่มีเงาร่างของจวินเย่เสวียนอยู่ด้านล่างแล้วเหลือเพียงผู้หญิงชุดขาวคนนั้นที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้คนเดียว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้นก็เกิดการเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆกู้อวิ๋นซีรู้สึกตื่นตระหนก นางเห็นว่ามีผู้หญิงชุดขาวสี่คนเหาะลงมาจากฟ้า มายืนอยู่ด้านหลังของผู้หญิงชุดขาวคนนั้นการแต่งกายเหมือนกัน เป็นสีขาวล้วนแบบเดียวกัน หรือว่า จะเป็นคนของพรรคไป๋ถันจริงๆ?ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกับผู้หญิงชุดขาว สุดท้ายผู้หญิงชุดขาวก็หมุนตัวตามพวกเขาออกไปเงาแผ่นหลังดูจะออกเศร้าหมองนิดๆเหตุใดองค์ชายสี่ถึงรู้จักคนขอ
กู้อวิ๋นซีรู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งร่าง ไม่รู้ว่าถูกคนพามาที่ไหนเหมือนกับว่าจะเป็นห้องๆ หนึ่งรอบๆ มีกลิ่นหอมดอกไม้จางๆแต่กลิ่นดอกไม้นี้หอมมาก ไม่เหมือนกับที่ได้กลิ่นตอนอยู่ในห้องพักร่างกายอ่อนเปลี้ย แขนขาไร้เรี่ยวแรง ขนาดแค่จะขยับยกนิ้วขึ้นมาก็ยังลำบากมากนางถูกวางยาสลบใครกันที่พานางมาที่นี่?ใครขณะที่กำลังงุนงงอยู่นั้น กู้อวิ๋นซีก็คล้ายว่าจะได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน"นางก็คือพระชายาของจวินฉู่หลีเหรอ?"เป็นเสียงของผู้หญิง ฟังดู เสียงมีอายุหน่อยๆ น่าจะเป็นผู้หญิงที่อายุเกินสี่สิบไปแล้วส่วนเสียงของผู้หญิงอีกคน น่าจะยังไม่ถึงยี่สิบดี "เจ้าค่ะ"เสียงนี้ฟังดูจะเคารพต่อหญิงวัยกลางคนที่เพิ่งถามคำถามเมื่อกี้มาก"เหตุใดจวินฉู่หลีถึงแต่งภรรยาได้? สถานการณ์เขาเป็นเช่นไร เจ้ากับข้าต่างรู้ดี" หญิงวัยกลางคนพูดหัวเราะอย่างเย็นชาปลายนิ้วของกู้อวิ๋นซียังคงไร้เรี่ยวแรงเช่นเดิม แต่ก็ค่อยๆ เกร็งขึ้นเหตุใดนางจึงพูดว่าฉู่หลีไม่สามารถแต่งภรรรยาได้?หญิงสาววัยรุ่นพยักหน้าพูด "ใช่...ดังนั้นเรื่องนี้ ลูกก็รู้สึกว่าแปลกมากเหมือนกัน อีกอย่าง พระชายาของฉู่หลี หลายวันมานี้กลับอยู่กับเย่เสวียนตลอด
จวินเย่เสวียนมาแล้วกู้อวิ๋นซียังคงสะลึมสะลืออยู่เช่นเดิม ตอนที่ถูกคนพยุงตัวขึ้นมาตอนที่ตัวมาถึงห้องโถง ก็ยังคงไร้ซึ่งเรี่ยวแรงถูกหญิงสาวชุดขาวสองคงทิ้งลงบนเก้าอี้ จากนั้น ก็มีหญิงชุดขาวคนหนึ่งถือมีดเข้ามาใกล้ กดมีดไว้บนลำคอของนาง"ไม่ทราบว่าประมุขมู่หมายความว่าอย่างไร?"สายตาของจวินเย่เสวียน จับจ้องไปที่ตัวของกู้อวิ๋นซีนางลืมตาขึ้นมาได้แล้ว กำลังสบตากับเขาแต่แววตายังดูเหม่อลอยอยู่ คล้ายกับยังถูกยาสะกดไว้ทำได้เพียงมองร่างเขาอย่างเลืองราง แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจวินเย่เสวียนเพียงแค่กวาดสายตามองไปที่นาง แทบจะไม่ได้สนใจอะไรมากนัก"ไม่ทราบว่าท่านประมุขจับคนในจวนของข้ามา ต้องการอะไร?" เขามองไปที่มู่หงยื่อมู่หงยื่อที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ประธานหัวเราะออกมา "เสวียนอ๋องมาถึงอูฉง ก็ถือว่าเป็นแขก ข้าเพียงอยากเชิญเสวียนอ๋องมาเป็นแขกที่พรรคไป๋ถันก็เท่านั้น ต้องการอะไรกันเล่า?""นี่คือวิธีการต้อนรับแขกของประมุขมู่อย่างนั้นเหรอ?" เขามองไปที่มีดสั้นที่กดอยู่บนลำคอของกู้อวิ๋นซีหนึ่งทีสายตานั้น ยังคงสงบนิ่งราวสายน้ำประกายวาววับปรากฏขึ้นในแววตาของมู่หงยื่อ นางยิ้มออกมาอย่างไม่จร
โครม จวินเย่เสวียนกอดกู้อวิ๋นซี ล้มลงนอกประตูห้องโถงฝ่ามือของมู่หงยื่อ ประทับลงบนตัวของจวินเย่เสวียนกู้อวิ๋นซีเพียงได้รับแรงอัดกระแทกจากฝ่ามือก็ยังรู้สึกแทบจะกระอักเลือดออกมาแล้วรู้ได้เลยว่าพลังฝ่ามือนั้นรุนแรงขนาดไหนแต่จวินเย่เสวียนกลับใช้ร่างกายของเขารับฝ่ามือนั้นแทนนาง!จังหวะที่ทั้งสองคนล้มลงไปไปบนพื้น จวินเย่เสวียนกลับพลิกตัว ใช้ร่างกายของเขา รับแรงกระแทกแทนนางทั้งหมดทั้งสองคนล้มลงไปบนพื้นอย่างแรงแค่จวินเย่เสวียนอ้าปาก ก็สำลักเลือดออกมาเลือดสดๆ ทำให้เสื้อผ้าของเขา ถูกชโลมไปด้วยสีแดงทันทีกู้อวิ๋นซีนอนฟุบอยู่บนตัวของจวินเย่เสวียน สีแดงสดบนเสื้อผ้าของเขากระแทกเข้าดวงตาของนางอย่างจัง"ท่านไปเถอะ สำหรับท่านข้ามีเพียงความหวาดกลัว ไม่เคยชอบท่านเลยสักนิด!"หากว่าองค์ชายสี่คนเดียว นางเชื่อว่า เขาคงไปมาได้ดั่งสายลมสำหรับเขาแล้ว นางก็คือตัวถ่วงจวินเย่เสวียนจ้องนางด้วยสายตาเย็นชา "อย่า...เข้าข้างตัวเองหน่อยเลย เจ้าคิดว่าข้า..."ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง"เหอะ คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าเสวียนอ๋องผู้เย็นชาไร้ความรู้สึก ก็จะมีวันนี้ด้วย"มู่หงยื่อเดินออกมา
กู้อวิ๋นซีตกใจจนแทบสติแตก "องค์ชายสี่ ระวัง!"คิดไม่ถึงว่า จวินเย่เสวียนเพียงมองมาที่นาง ราวกับลืมสิ้นแล้วทุกอย่างพลังปราณจากฝ่ามือซัดกระหน่ำเข้ามาอย่างดุดันและบ้าคลั่งเส้นผมยาวของเขา ถูกพัดจนกระเซอะกระเซิงแต่เขา กลับไม่ขยับเลยสักนิด ไร้ซึ่งปฏิกริยาตอบสนองใดๆโลกของเขา คล้ายกับเหลือเพียงคำพูดที่ว่า "ทุกครั้งที่ท่านแตะต้องตัวข้า ล้วนทำให้ข้ารู้สึกขยะแขยงจนอยากจะอ้วก!"ทุกครั้ง นางล้วนอยากอ้วก...โครมจวินเย่เสวียนถูกชนล้มลงไปบนพื้นร่างสีขาว ล้มลงในอ้อมแขนของเขา รับแรงกระแทกจากฝ่ามือเกือบจะทั้งหมดแทนเขากู้อวิ๋นซีคิดจะพุ่งตัวเข้าไป แต่นางก็ไม่มีแรงหญิงสาวชุดขาวที่ช่วยรับฝ่ามือแทนจวินเย่เสวียนคนนั้น ก็คือหญิงสาวที่ลูบหน้านางแล้วพูดพึมพัมคนเดียวในห้องเมื่อกี้มู่อันหนิง!"อันหนิง!" มู่หงยื่อสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีอยากจะพุ่งตัวเข้าไปดูอาการบาดเจ็บของมู่อันหนิงแต่จวินเย่เสวียนกลับคืนสภาพกลับมาเย็นชาดังเดิมแล้ว ดึงเสื้อของมู่อันหนิง ดึงตัวนางให้ขึ้นมา"เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฉีกชุดนางออกเป็นชิ้นๆ?"ในเวลานี้ด้านนอก คนของสิบสองทหารม้ากำลังพยายามบุกเข้ามาเยี่ยนสือเอ้อรีบพุ่ง
จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเย็นเยียบจู่ๆ ก็อุ้มมู่อันหนิงขึ้นมา "ถอย!"สิบสองทหารม้าคอยคุ้มกันพวกเขา พลางคอยระวังไม่ให้คนของพรรคไป๋ถันลอบโจมตี พลางก็ถอนกำลังออกกู้หนานฟงเองก็ช่วยประคองกู้อวิ๋นซีที่ไร้เรี่ยวแรงออกไปทางประตูใหญ่เด็กสาวอายุประมาณสิบห้าคนนั้นไล่ตามขึ้นมา รีบร้อนพูดว่า "กู้หนานฟง เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!"กู้หนานฟงเพียงแค่มองนางหนึ่งที แล้วก็ไม่ได้สนใจอีกผู้หญิงคนนั้นพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า "ถ้าเจ้าไป เจ้าจะตายนะ!""เจ้าคิดว่าข้าสนใจหรือยังไง?" กู้หนานฟงประคองกู้อวิ๋นซีต่อไป ไม่สนใจนางอีกเพิ่งออกจากประตูหลังมาได้ เสวียนอิ่งก็วิ่งเข้ามาทันใดจวินเย่เสวียนประคองมู่อันหนิง กระโดดขึ้นม้าไปเสื้อผ้าของมู่อันหนิง เต็มไปด้วยเลือดที่ตัวเองกระอักออกมาแต่ในเวลานี้ นางได้นอนอิงหมดแรงอยู่ในอ้อมกอดของจวินเย่เสวียน ไม่เพียงไม่รู้สึกทรมาน กลับกันในแววตายังเต็มไปด้วยรอยยิ้มในเวลานี้ ราวกับหากนางจะต้องตายในอ้อมแขนของจวินเย่เสวียน นางก็ยินดี"แม่ทัพกู้ ท่านขี่ม้าของข้าเถิด!" เยี่ยนสืออีจูงม้าเดินเข้ามากู้หนานฟงกระโดดขึ้นม้า ก่อนจะยื่นมือออกไปให้กู้อวิ๋นซีแต่สายตาของกู้อวิ๋นซี ก
มู่อันหนิงใช้มือกุมหน้าอกด้วยสีหน้าเจ็บปวด "เย่เสวียน ขะ ข้ารู้สึกเจ็บที่หัวใจอย่างมาก ข้า..."สีหน้านางเปลี่ยนไปในฉับพลัน แต่เมื่ออ้าปากก็ต้องกระอักเลือดสดๆ ออกมาอีกครั้งกู้อวิ๋นซีอึ้งไปนิดหน่อย ก่อนจะรีบเข้าไปจับชีพจรของนางดูทันที "เป็นไปไม่ได้ นางน่าจะอาการดีขึ้นสิ""อย่า...แตะต้องข้า" มู่อันหนิงพูดเสียงแหบพร่า คิดจะหลบมือนางโดยสัญชาตญาณแต่เนื่องจากตื่นเต้นเกินไป ก็เลยกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง"แต่ข้า...""อย่าแตะต้องนาง!" จวินเย่เสวียนคว้าข้อมือของกู้อวิ๋นซีไว้ก่อนจะผลักออกเดิมทีวันนี้กู้อวิ๋นซีไม่มีเรี่ยวแรง ฤทธิ์ของยาสลบยังไม่หายไปหมดสิ้นเมื่อโดนเขาผลักเช่นนี้ ก็รู้สึกมึนหัว ตึง ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้น"ซีเออร์!" กู้หนานฟงรีบเดินเข้ามาช่วยประคองให้นางลุกขึ้น"ซีเออร์ นางบาดเจ็บเพราะถูกฝ่ามือของมู่หงยื่อ เจ้ารักษาไม่ได้หรอก อย่าลองเลย""พี่ใหญ่ ข้ารักษานางให้หายได้จริงๆ นะ" กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขากู้หนานฟงพยักหน้า แล้วก็ส่ายหน้า ไม่ได้พูดอะไรกู้อวิ๋นซีก็เข้าใจในทันที พี่ใหญ่เชื่อนาง แต่พี่ใหญ่คิดว่า เสวียนอ๋องกับแม่นางมู่คนนั้นล้วนไม่เชื่อนางดังนั้นเรื
กู้อวิ๋นซีเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่เมืองหลวงหลังจากที่กู้หนานฟงออกจากเมืองฝานไปให้เขาฟังอย่างคร่าวๆสีหน้าของกู้หนานฟงเคร่งเครียดขึ้นทันที"ข้าถูกคนวางยาพิษกู่...""ผู้หญิงชุดขาวคนนั้นที่เจอวันนี้เหรอ?" ผู้หญิงคนนั้น ดูก็รู้ว่าปฏิบัติกับพี่ใหญ่ไม่เหมือนคนอื่นสายตาที่มองพี่ใหญ่ ดูก็รู้ว่าชอบมากแต่ก็เผด็จการมาก!"ไม่ใช่ นาง..." กู้หนานฟงคล้ายจะอยากพูดอะไร สายตาวูบไหวน้อยๆเขาพยายามหลบเลี่ยงสายตาของกู้อวิ๋นซี "นางคือผู้มีพระคุณของข้า หากไม่ได้นางข้าคงไม่มีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้""เช่นนั้นตอนนี้ท่าน...""ข้าไม่เป็นไร!" กู้หนานฟงไม่อยากพูดเรื่องที่ตัวเองถูกพิษกู่เยอะเกินไป"ตอนนี้กองทัพใหญ่ของอูฉงล้อมเข้าประชิดเมือง ข้าจำเป็นจะต้องกลับไปป้องกันเมืองเดี๋ยวนี้ เพื่อทำคุณประโยชน์ชดใช้ความผิด ไม่เช่นนั้น คนในจวนแม่ทัพทั้งหมดจะต้องเดือดร้อนไปด้วย"ถึงแม้กู้อวิ๋นซีจะรู้ว่าแววตาของเขาไม่ปกติ แต่ก็ไม่ได้ถามไถ่เพิ่มเติมอีกขอเพียงพี่ใหญ่กลับมาอย่างปลอดภัยก็ดีแล้ว"ตอนที่ข้ามา ได้ศึกษาแผนที่ของอูฉงกับเมืองฝานมาอยู่บ้าง"เดิมทีคิดว่าสัมภาระของตัวเองถูกโจรภูเขาชิงไปแล้ว คงจะเอาของกลับมาไม่ไ