กู้อวิ๋นซีรู้สึกสิ้นหวังแล้วจริงๆไม่ว่านางจะทุบหรือขัดขืนยังไง เขาก็ไม่สนใจเลยตอนนี้จวินเย่เสวียนคล้ายกับว่าตกอยู่ในภวังค์แห่งมาร กลายร่างเป็นมารร้ายที่น่ากลัวไปแล้วหลังจากที่ปลดชุดของนางแล้ว เขาก็มุดหัวเข้าไปที่หน้าอกนาง ดูดกลืนอย่างบ้าคลั่ง"ไม่..." กู้อวิ๋นซีปฎิเสธเสียงพร่า สุดท้ายเสียงที่ออกมาก็กลายเป็นเสียงครางที่ต่ำที่น่าตกใจแทน "อ๊า..."นี่เขากล้ากดนางลงบนหลังม้าเลยเหรอ!ไอ้มารร้ายนี่! บ้าระห่ำจนน่ากลัว!"ปล่อยข้า..." กู้อวิ๋นซีพยายามขัดขืนสุดกำลัง สุดท้าย ไม่รู้ว่ามือคว้าเอาอะไรมาได้ดึงออกมาในทันใด ก่อนจะปักลงไปบนร่างกายของจวินเย่เสวียนอย่างแรงเวลา คล้ายกับว่าจะหยุดหมุนจวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้นจากหน้าอกของนาง ก้มลงมอง ก็เห็นมีดสั้นที่ถูกแทงอยู่บนไหล่ของเขาเล่มนั้นเป็นมีดสั้นบนหลังม้าของเขาเพื่อปกป้องตัวเอง นางได้ดึงเอามีดสั้นของเขาออกมาแทงลงบนที่ตัวเขาเลือดสดๆ ไหลรินลงมาในทันใดกู้อวิ๋นซีมองดูอย่างอึ้งๆ ตัวนางเองก็ตกใจเหมือนกันลมเย็นๆ พัดเข้ามา กู้อวิ๋นซีห่อตัวอย่างไม่รู้ตัวร่างกาย เปลือยเปล่าแล้ว...วินาทีต่อมา นางตกใจจนกรีดร้องออกมา ใช้ฝ่ามือตบลงไปบนต
หลังจากที่กระแทกอย่างรุนแรงในครั้งสุดท้าย ทั้งสองคนก็หยุดลงบนพื้นกู้อวิ๋นซีนอนซบอยู่บนตัวของจวินเย่เสวียนยันตัวเองลุกขึ้นมาจากอ้อมอกของเขา ที่เห็นอย่างแรกก็คือเสื้อผ้าเขาที่มีรอยเลือดเปื้อนอยู่เป็นวงกว้างทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ซึ่งล้วนกำลังมีเลือดไหลรินแต่ที่รุนแรงที่สุดเหมือนจะเป็นแผลจากมีดสั้นบนไหล่ที่ยังมีเลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาอยู่ใบหน้าของเขาขาวซีดราวกับกระดาษ ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆกู้อวิ๋นซีตกใจมากจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น นางประคองใบหน้าเขาขึ้นมาเบาๆ นิ้วมือต่างก็กำลังสั่นไหว"องค์ชายสี่ องค์ชายสี่ท่านเป็นยังไงบ้าง? ท่านฟื้นสิ อย่าแกล้งให้ข้าตกใจ องค์ชายสี่!"เนื่องจากตกใจเกินไป จนนางลืมไปแล้วว่าตัวเองก็รู้วิชาแพทย์อยู่นางได้แต่ประคองหน้าเขาไว้อย่างระมัดระวัง น้ำตาไหลรินลงมา นางตกใจจนตัวสั่น "องค์ชายสี่..."คิ้วเข้มของจวินเย่เสวียนขมวดมุ่นเข้าหากันเมื่อกู้อวิ๋นซีเห็น ก็เหมือนว่านางจะคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบจับฝ่ามือใหญ่ของเขาขึ้นมาทันที นิ้วเรียวยาวกดลงไปบนจุดชีพจรบนข้อมือของเขาเขายังมีลมหายใจอยู่!ไม่สิ ต้องบอกว่า ชีพจรของเขายังเต้นแรงมีพลั
คำถามนี้ กู้อวิ๋นซีก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไงดีโชคดีที่จวินเย่เสวียนเองก็ไม่ได้บีบบังคับนางอีกไม่ไกลนักมีลำธารเล็กๆ อยู่สายหนึ่งหลังจากที่กู้อวิ๋นซีหาสมุนไพรมาได้แล้ว ก็จูงจวินเย่เสวียนมานั่งลงที่ข้างลำธารนางฉีกชุดของตัวเองออกส่วนหนึ่ง จุ่มลงไปในลำธารก่อนจะซักให้สะอาด จากนั้นค่อยกลับมานั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา ทำความสะอาดบาดแผลให้เขาอย่างระมัดระวังจากนั้น ใส่ยา นางดึงผ้าที่กระโปรงตัวเองมาอีกชิ้นเป็นผืนยาวสำหรับพันแผลให้เขา"องค์ชายสี่ บนตัวของท่านมีแผลอยู่เต็มไปหมด""ไม่เป็นไร" แค่เพียงไม่มีเลือดไหล ก็ไม่ทำให้นางตกใจแล้วแผลเล็กน้อย เขาไม่สนใจอยู่แล้วกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก มองดูใบหน้าที่ขาวซีดของเขาทั้งๆ ที่สีหน้าแย่มากขนาดนี้แล้วแท้ๆ แต่เขากลับยังดูกระปรี้กระเปร่าอยู่เลย"ไม่เจ็บเหรอ?""เจ้าว่าไงล่ะ?" เขาไม่ใช่คนตายสักหน่อย จะไม่เจ็บจริงๆ ได้ยังไง?ก็แค่ไม่อยากให้นางเป็นห่วง ก็เลยไม่กล้าแม้แต่จะขมวดคิ้วสักนิดก็เท่านั้นจวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้นมามอง ที่นี่ไม่จัดว่าเป็นหุบเหวลึกหรอก เป็นเพียงเชิงเขาของหน้าผาเท่านั้นแต่หน้าผานี้ก็ลึกไม่หยอก ตอนนี้เงยหน้าขึ้นไปมอง ยังม
"นั่งลง ถอดรองเท้าออก ให้ข้าดูหน่อย" จวินเย่เสวียนย่อตัวนั่งลงไม่รอให้กู้อวิ๋นซีพูดอะไร ก็ประคองนางให้นั่งลง จากนั้นก็ถอดรองเท้ายาวของนางออกกู้อวิ๋นซีกำชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เจ็บจนน้ำตาจะไหลออกมาแล้วจวินเย่เสวียนถอดถุงเท้าของนางออก ใช้ฝ่ามือจับข้อเท้าเปลือยเปล่าของนางไว้"เจ็บ..." กู้อวิ๋นซีขมวดคิ้วมุ่น"อดทนหน่อย" เขาออกแรงที่ฝ่ามือเล็กน้อย พลังงานอุ่นๆ ก็ไหลเข้าสู่ข้อเท้าของนางพลังปราณ อบอุ่นมากความรู้สึกเจ็บปวดก็เบาลงไปมากแล้วแต่ว่า ขาบวมแบบนี้ จะออกไปยังไง?กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นมองไปที่บนยอดหน้าผาสูงมาก!จากนั้นสายตา ก็มองมาที่ใบหน้าของจวินเย่เสวียนโดยไม่รู้ตัว"มีเรื่องลำบากก็เลยเรียกหาข้าเหรอ?" จวินเย่เสวียนสีหน้าเรียบเฉยไร้ความรู้สึกกู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก ส่ายหน้าเมื่อเขาวางเท้าของนางลง นางก็จับไหล่ของเขาเพื่อพยุงตัวให้ลุกขึ้นอย่างช้าๆคิดไม่ถึงว่า เพิ่งก้าวเท้าแค่ก้าวเดียว ก็จะเจ็บมากจนต้องขบฟัน ที่ขมับเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดออกมาดูเหมือนว่าจะเดินไม่ไหวแล้วจริงๆอยากจะหันไปมองเขา แต่ก็ไม่กล้าตอนนี้องค์ชายสี่ คงจะรังเกียจนางมากแล้วกระมัง?คิดไม่ถึงว่
ไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไร กู้อวิ๋นซีเริ่มสะลึมสะลือ รู้สึกง่วงงุนแล้วนางขยี้ตาเบาๆ นอนซบลงไปบนไหล่ของจวินเย่เสวียน น้ำเสียงเริ่มแหบพร่า "องค์ชายสี่...""อืม" จวินเย่เสวียนเงยหน้าขึ้นไปมองเดินขึ้นเขามาได้ครึ่งทางแล้ว ทางที่เหลือ ถ้าขึ้นไปน่าจะต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงหากว่าเป็นเขาคนเดียว คงจะสามารถขึ้นไปได้อย่างง่ายดายแต่ตอนนี้ ยังแบกไว้อีกคนหนึ่ง ตัวเขาเองก็บาดเจ็บพลังปราณเสียหายหากว่าดันทุรังจะขึ้นไป หากว่าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ก็จะทำให้เจ้าตัวเล็กบนหลังได้รับบาดเจ็บได้ดังนั้น จวินเย่เสวียนจึงตัดสินใจจะเดินเท้าต่อกู้อวิ๋นซีปิดตา น้ำเสียงเริ่มละสะลึมสะลือ "องค์ชายสี่ เหตุใดท่านจึงคอยรังแกข้าอยู่เรื่อย?""..." ไปเอาเหตุใดมาจากไหนนักหนา? รังแกนางต้องมีเหตุผลด้วยหรือไง?"องค์ชายสี่ เพราะท่านเป็นคู่แฝดกับฉู่หลีเหรอ? จูจี้คนนั้นบอกว่า คู่แฝด...จะสามารถสื่อความรู้สึกถึงกันได้...""ท่านจะรับรู้ความรู้สึก...เช่นเดียวกับที่ฉู่หลีรู้สึกหรือไม่?"ดังนั้นบางครั้งเขา ก็เลยปฏิบัติต่อนางแบบเดียวกับฉู่หลี จึงเกิดความคิดที่ไม่ควรเกิดได้?จวินเย่เสวียนนัยน์ตาเคร่งขรึมไปเอาความคิ
ไม่มีใครพูดอะไรฉันพลัน ทั้งป่าก็เงียบสนิทราวกับคนตายเหลือเพียงเสียงนกเสียงแมลงที่ยังดังอยู่บริเวณรอบๆจวินเย่เสวียนใช้ฝ่ามือใหญ่คว้าเอากระบี่แบบพกพาที่เหน็บเอวอยู่ของทหารองครักษ์คนนั้นที่อยู่ไม่ไกล ถูกเขาคว้ามากลางอากาศเขายกมือชี้ปลายกระบี่ไปยังทหารองครักษ์ที่คุกเข่าอยู่บนพื้น "พูดมา ใครเป็นคนสั่งการให้เจ้าลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง"ลอบทำร้ายพระชายาหลีอ๋อง?คนในที่นั้นทุกคนต่างพากันตกตะลึง คิดไม่ถึงเลยทำไมถึงเป็นพระชายาหลีอ๋อง?พระชายาที่ไร้ซึ่งอำนาจใดๆ คนหนึ่ง ขนาดหลีอ๋องซึ่งเป็นสามีของนาง ก็ไม่เคยเข้าร่วมการชิงอำนาจภายในราชสำนัก เนื่องจากสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ยังเล็กลอบทำร้ายนางจะมีประโยชน์อะไร?ทหารองครักษ์คนนั้นพูดเสียงค่อยๆ อย่างหวาดกลัว "กระหม่อม กระหม่อมไม่ได้...อ๊า! อ๊ากกก..."ทหารองครักษ์ล้มกลิ้งลงไปบนพื้น ร้องเสียงดังโหยหวน"อ๊า!" ไม่รู้ว่าสาวในจวนของบ้านไหนที่กรีดร้องออกมา ตกใจจนรีบถอยร่นออกไปมือข้างหนึ่งกลิ้งลงมาตกอยู่ข้างขาของนางเลือดสดๆ ไหลริน!สาวในจวนทั้งหลายต่างก็หวาดกลัวกันจนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ต่อให้ไม่ได้กรีดร้องออกมา แต่ก็ตัวสั่นเทา มองไปที่จวิ
จูจี้ล้มลงไปจวินฉีเจิ้งรีบไปประคองนางขึ้นมาทันที "จูจี้.."ในแววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่พยายามเก็บซ่อนไว้แต่จูจี้กลับส่ายหัวให้เขา มุมปากเต็มไปด้วยเลือด เจ็บปวดไปทั้งตัว แต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น"มือของท่านอ๋อง..."จวินฉีเจิ้งมองไปที่มือของตัวเองหนึ่งทีฝ่ามือที่โดนแรงปราณจากลูกธนูที่ถูกยิงออกไปดอกนั้น ทำให้เกิดไปแผลถลอกเลือดออกขึ้นมาในใจของทั้งสองคน เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาพร้อมกันวรยุทธ์ของเสวียนอ๋อง น่ากลัวกว่าที่พวกเขาเคยคิดเอาไว้!จูจี้ยังคงส่ายหัว เจ็บปวดจนไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ได้เพียงแต่มองไปที่จวินฉีเจิ้งจวินฉีเจิ้งพยายามหลับตาลง เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ในแววตาของเขาก็ไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรออกมาอีกเลย"ในเมื่อจูจี้ทำผิด เช่นนั้นก็ให้น้องสี่ลงโทษได้ตามใจเถอะ" เขาใช้ฝ่ามือผลักจูจี้ออกไปโดยไม่มองเลยจูจี้ล้มลงบนพื้นโชคดีพละกำลังที่เสวียนอ๋องใช้เมื่อครู่แรงพอ จึงทำให้ธนูดอกนั้นทะลุทรวงอกของจูจี้ออกไป ไม่ได้ปักคาร่างเอาไว้ไม่เช่นนั้นการที่จวินฉีเจิ้งผลักออกมาเช่นนี้ คงจะทำให้นางต้องบาดเจ็บเป็นครั้งที่สองอีกแน่กู้อวิ๋นซีกำแขนเสื้อของจวินเย่เสวียนไว้ และมองไป
ทุกคนต่างชะงักฝีเท้ากันในทันที สายตาทุกคู่ต่างหันกลับไปมองกู้อวิ๋นซีโดยพร้อมเพียงเสวียนอ๋องจะแบกพระชายาหลีอ๋องไปเหรอ?จู่ๆ พวกเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่เสวียนอ๋องกับพระชายาหลีอ๋องกลับมา พระชายาหลีอ๋องเดินกะเผลกอยู่ด้วยความเร็วนั้น หากว่าค่อยๆ เดินไต่ขึ้นมาจากตีนเขาด้วยอาการขาแพลงจริง เช่นนั้นต่อให้เป็นเช้าวันที่สองก็คงจะกลับมาไม่ถึงที่นี่หรอกมั้ง?หรือว่า ตลอดทางที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เสวียนอ๋องจะเป็นคนแบกพระชายาหลีอ๋องกลับมา?รู้สึกได้ถึงสายตาที่มองมาอย่างสงสัยใคร่รู้ กู้อวิ๋นซีเกร็งไปทั้งตัว ปล่อยมือจากแขนเสื้อของจวินเย่เสวียน ก่อนจะมองไปที่เขาถึงแม้เมื่อครู่เจิ้งอ๋องจะผลักจูจี้ออกมา แต่ความจริงนางเห็นอย่างชัดเจนว่าเจิ้งอ๋องใส่ใจจูจี้จริงๆแต่เพียงแค่กลัวว่าจุดอ่อนของตัวเองจะถูกเปิดเผยยิ่งแสดงออกว่าไม่ใส่ใจ ความจริงแล้ว ภายในใจก็คือยิ่งใส่ใจแต่ตอนนี้ องค์ชายสี่กลับแสดงออกว่าโปรดปรานนางอย่างออกหน้าออกตาขนาดนี้...คนสารเลวนี่กำลังจะหาเรื่องให้นางอยู่หรือไง?กู้อวิ๋นซีไม่อาจอธิบายได้ว่าตอนนี้ในใจนางรู้สึกยังไง เพียงพูดเสียงเบาออกไปว่า "ไม่จำเป็น ข้าขี่ม้ากลับไปก็ได
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี