วันนี้กู้อวิ๋นซีอารมณ์ดีมากเรื่องนี้แม้แต่เยียนเป่ยก็มองออกตอนที่กินข้าวเช้า นางไม่เพียงกินขนมไปสองชิ้นในคราวเดียวแถมยังหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยื่นไปให้ถึงหน้าจวินเย่เสวียนด้วย "องค์ชายสี่ ขนมนี่อร่อยมาก ท่านเองก็ลองชิมดูสิเพคะ"เยียนเป่ยกำลังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าจะเตือนพระชายาหลีอ๋องหน่อยดีไหม ว่าท่านอ๋องไม่กินของหวานอีกอย่าง นางก็กลัวท่านอ๋องมากไม่ใช่หรือ?แต่น้อยครั้งนักที่นางจะปฏิบัติอย่างเป็นกันเองกับท่านอ๋องเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกเลยกระมังหากว่าเขาเอ่ยขัดขึ้นมา ท่านอ๋องคงจะเอาเขาตายแน่กระมัง?จวินเย่เสวียนรับไปจริงๆอย่างที่เยียนเป่ยคิดเอาไว้"มีเรื่องอะไรถึงได้ดีใจถึงเพียงนี้?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่ดวงตาของกู้อวิ๋นซีที่เปล่งประกายแห่งรอยยิ้มเจ้าตัวเล็กนี่!"เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่หิวน่ะ ก็เลยอดไม่ได้ต้องกินเยอะหน่อย" กู้อวิ๋นซีหยิบขนมลูกสนขึ้นมาอีกก้อนก่อนจะกัดหนึ่งคำใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสดใสเป็นประกาย ยังจะบอกว่าไม่ได้ดีใจอีก"องค์ชายสี่" จู่ๆ นางก็เรียกเขาขึ้นมาจวินเย่เสวียนที่กำลังดื่มชาอยู่เลิกคิ้วขึ้น "หืม?""อืม..." กู้อวิ๋นซีคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้
กู้อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกมองคันธนูอันเล็กในมือของตัวเอง นางอยากจะด่าออกไปจริงๆใช่ ด่าองค์ชายสี่ที่นางเพิ่งจะคิดว่าตัวเองสามารถรักและเคารพเขาได้คนนั้นนั่นแหละ"น้องสี่!" องค์ชายใหญ่จวินฉีเจิ้ง หรือเจิ้งอ๋อง โอรสของฮองเฮาเขากระโดดลงจากหลังม้า จวินฉีเจิ้งก้าวเท้ายาวๆ มาหยุดตรงหน้าจวินเย่เสวียน "น้องห้าล่ะ?""ฉู่หลีไม่สบาย วันนี้ภรรยาของเขาจะมาช่วยด้วยเป็นตัวแทน"จวินเย่เสวียนดึงคนตัวเล็กที่แอบอยู่ด้านหลังเขา และคาดว่าน่าจะยังคงก่นด่าเขาไม่จบมายืนต่อหน้าจวินฉีเจิ้งกู้อวิ๋นซีรีบเก็บซ่อนสายตาเคียดแค้นในทันที ย่อตัวทำความเคารพจวินฉีเจิ้ง "ยินดีที่ได้พบองค์ชายใหญ่เพคะ""แม่นางหน้าตาใช้ได้เลยหนิ" จวินฉีเจิ้งเพียงแค่มองแว๊บเดียว จากนั้นก็ไม่ได้สนใจนางอีกเขามองไปที่จวินเย่เสวียน "ได้ยินว่าไม่นานนี้ เจ้าออกนอกเมืองไปปราบกบฎนับร้อย ตอนนี้เกรงว่ากบฎพวกนี้จะลอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้น้องสี่เจ้าระวังตัวหน่อยก็ดีนะ"จวินเย่เสวียนพูดเสียงราบเรียบ "ขอบพระทัยพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง ข้าจะระวังให้มาก""เช่นนั้นก็ดี" เมื่อจวินฉีเจิ้งเห็นว่าบรรดาอ๋องทั้งหลายมากันแล้ว ก็บอกลาจวินเย่เ
"ข้าไม่อยู่" จวินเย่เสวียนสีหน้าเรียบเฉยจวินติ้งเป่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจมาก "เป็นไปได้ยังไง? ท่านพี่สี่ตัดหัวพวกโจรเสร็จก็ออกไปเลยหนิ ไม่สนใจพวกพี่น้องคนอื่นเลยด้วยซ้ำ...""วันนี้เจ้าพูดเยอะจังนะ ว่างนักหรือไง?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่เขาจวินติ้งเป่ยที่เดิมทีคิดอยากจะพูดอะไรก็รีบปิดปากลงทันควันจวินเย่เสวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "วันนี้หากไม่สามารถตัดหัวมาป่ามาได้ยี่สิบหัว ต่อไป ก็ไสหัวออกจากค่ายทหารของข้าได้เลย"จวินติ้งเป่ยหน้าเสียขึ้นมาในทันที "หากว่า ด้านในมีหมาป่าไม่ถึงยี่สิบตัวเล่า...""ไม่พอใจหรือไง?" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว"ไม่มี ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!"จวินติ้งเป่ยยืดตัวตรง ก้มมองไปที่กู้อวิ๋นซีที่ตัวเตี้ยกว่าตัวเองหนึ่งช่วงหัว พูดว่า"พี่สะใภ้ห้า เดี๋ยวข้าจะไปล่าหมูป่ามาให้ท่านเป็นของขวัญแต่งงานนะ รอข้านะ!"ก่อนที่ท่านพี่สี่จะเหวี่ยงอีก เขาก็รีบชิ่งออกไปก่อนอย่างรวดเร็วไปมาดุจสายลม ดูออกเลยว่าทั้งวิชาตัวเบาและวรยุทธ์ของเขาคงร้ายกาจไม่หยอก"องค์ชายสี่..." กู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน"ข้าบอกแล้วไง วันนี้ ข้าไม่อยู่!" จวินเย่เสวียนสีหน้าขรึมขึ้นกู้อวิ๋นซีก
เดิมทีเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายล้วนมีสาวในจวนตามมาปรนนิบัติด้วยดังนั้น ตอนนี้จะเรียกรวมตัวสาวในจวน ไม่นาน พวกนางต่างก็มารวมตัวกันครบมีก็แต่จวินเย่เสวียนที่ก่อนจะเข้าไปในนาทีสุดท้ายนี่แหละ ที่เหมือนจะได้สติขึ้นมา "ให้เยียนเป่ยอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าที่ข้างนอกนี่แหละ ข้าจะรีบออกมาโดยเร็ว""ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยเข้าไปกับท่านด้วยเถิด" เยียนเป่ยพูดขอร้องครั้งก่อนพวกเขาเห็นความร้ายกาจของฝูงหมาป่ากับตาตัวเองกันมาแล้ว ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทก็คงไม่ให้เจิ้งอ๋องมาคุมการสังหารหมาป่าด้วยตัวเองหรอกหนานหลิงเป็นแคว้นที่มีความโหดร้าย ฝูงหมาป่าคร่าชีวิตทหารองค์รักษ์ของพวกเขาไปไม่น้อย เช่นนั้นก็ต้องฆ่าเพื่อหยุดการฆ่า!ตอนนี้จะปล่อยให้ท่านอ๋องไปคนเดียว เยียนเป่ยไม่วางใจเลยกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียนอย่างจนใจ "หากว่าองค์ชายสี่สามารถเปลี่ยนเป็นคันธนูขนาดปกติให้ข้า จะให้ข้าเข้าไปเดินเที่ยวเล่นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหานะเพคะ""เจ้าแน่ใจเหรอ" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้วอย่างสงสัยเด็กน้อยคนนี้ อยากจะให้เขาเปลี่ยนขนาดคันธนูให้มาตลอด นางคิดจริงๆ เหรอว่า คันธนูของที่นี่มันง้างได้ง่ายดายขนาดนั้น?กู้อวิ๋นซีม
พวกผู้ชายพากันล่าหมาป่าตลอดทั้งเช้า ส่วนพวกผู้หญิง ประมาณเที่ยงสิบนาทีก็เริ่มจะพักผ่อนกันแล้วจูจี้ไปหากู้อวิ๋นซี "พระชายาหลีอ๋อง ข้าเอาขนมมาด้วยนิดหน่อยพระชายาจะชิมดูสักหน่อยไหมเพคะ?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่ไม่ไกลเท่าไร เห็นพวกผู้ชายก็กำลังเริ่มพักกันแล้วแต่ว่า ตอนที่พวกเขาพักกันก็ยังไงศึกษาแผนที่ภูมิศาสตร์ของเขตสัตว์ดุร้ายอยู่ด้วยได้ยินว่าเจอพื้นที่ที่พวกหมาป่าไปรวมตัวกันแล้ว คาดว่าหลังจากพักเสร็จก็คงมุ่งหน้าไปที่รังของมันเพื่อฆ่าให้สะใจเต็มที่กระมังกู้อวิ๋นซีหันกลับมา ก็เห็นจูจี้เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง "เจ้าคือ...""ข้าคือจูจี้ เป็นสนมของเจิ้งอ๋อง" จูจี้ยื่นขนมที่นางเอามาให้ด้วยสองมือ"พระชายาหลีอ๋องอยากชิมดูหน่อยไหม?""องค์ชายสี่ไม่อนุญาตให้ข้ากินของไปเรื่อย ขอโทษด้วย พี่จูจี้" กู้อวิ๋นซีส่ายหน้าเจิ้งหวังกับเสวียนอ๋อง ต่อหน้าดูจะสามัคคีกัน แต่ความจริงแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่มีสิทธิในบัลลังก์มากที่สุดต่างก็แอบสู้กันทั้งทางตรงและทางอ้อมกู้อวิ๋นซีไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคนในสมัยโบราณสักเท่าไร แต่เพื่อการอยู่รอด ก็ต้องกำจัดทุกอย่างที่อาจจะเป็นอันต
ลางสังหรณ์ของกู้อวิ๋นซีแม่นยำเสมอหลังพักเที่ยง ตอนที่ทุกคนกำลังเริ่มจะมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ที่ลึกที่สุดในเขตสัตว์ดุร้ายจู่ๆ ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งยิงมาทางกู้อวิ๋นซีต่อให้กู้อวิ๋นซีจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว เตรียมป้องกันอยู่ตลอดเวลาก็ตามทีแต่ ธนูลอบยิงมันก็ป้องกันยาก ลูกธนูที่เย็นเยียบ เกือบจะยิงโดนตัวนางอยู่แล้วได้ยินเพียงเสียงเคร้ง เสียงเดียว ผู้ชายที่เดินนำหน้านางอยู่ก็หันกลับมาวาดดาบออกไปอย่างรวดเร็ว ธนูดอกนั้นก็ถูกปัดกลับไปในทิศทางเดิม"อ๊า..." ไม่ไกลนัก มีคนถูกยิงล้มลงไปกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน แววตามีความไม่สบายใจนางคิดไว้แล้วว่าเจิ้งอ๋องกับจูจี้จะต้องลงมือกับนางเพื่อลองใจแต่คิดไม่ถึงเลย ว่าจะกระทำอุกอาจคิดจะเอาชีวิตของนางเช่นนี้!การลองใจแบบนี้ มันเกินไปหน่อย!"องค์ชายสี่..." ธนูดอกเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านหน้าพากันหวาดกลัวไปหมดจวินเย่เสวียนไม่พูดอะไร เขาบังคับม้าให้ไปอยู่ข้างๆ นาง ก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่ช้อน"ว๊าย..." กู้อวิ๋นซีถูกเขาอุ้มขึ้นมา ฉับพลันก็ร่วงลงมาอยู่บนหลังม้าของเขา"องค์ชายสี่!" แบบนี้ ไม่ดีแน่!ตอนนี้นางกับเขานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันแล้ว!ผิ
ในเขตสัตว์ดุร้ายมีนักฆ่าแอบซ่อนตัวอยู่นี่มันยิ่งทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าการจัดการฝูงหมาป่าเฉยๆ เสียอีกกู้อวิ๋นซีคิดว่า พวกองค์ชายในสมัยโบราณเหล่านี้ เนื่องจากมีฐานะสูงส่งก็คงจะรักชีวิตยิ่งกว่าใครๆ เสียอีกแต่ทุกคนต่างก็ไม่กลัวอันตรายกันเลย ไม่เหมือนชีวิตอยู่ดีกินดีของพวกองค์ชายในละครโทรทัศน์สักนิดจวินติ้งเป่ยนำออกไปเป็นคนแรก ไม่เพียงแต่สังหารหมาป่า แต่ยังต้องจับตัวนักฆ่าออกมาให้ได้อย่าให้พูดเลยว่าน่าตื่นเต้นมากแค่ไหนสมแล้วที่เป็นราษฎรของหนานหลิงกั๋วที่เติบโตขึ้นมาบนหลังม้า!"องค์ชายสี่ ข้าไปเองได้ ข้าอยาก..." แต่เมื่อกู้อวิ๋นซีหันกลับไปมองก็ต้องตกตะลึงม้าของนางล่ะ?"อยากลงจากม้าไปเดินเองเหรอ?" สายตาของจวินเย่เสวียนฉายแววเยาะเย้ยน้อยๆ"ถ้าลงจากม้า ไม่เพียงต้องรับมือกับนักฆ่า แถมยังต้องต่อกรกับหมาป่าที่สามารถเข้ามาจู่โจมได้ทุกเมื่อ เจ้าดูสิ..."อะวู๊ววว หมาป่าตัวหนึ่งจู่โจมเข้ามาอย่างดุร้ายจวินเย่เสวียนตวัดดาบออกไปหนึ่งทีโดยไม่หันไปมองเลยด้วยซ้ำทันใดนั้นหมาป่าก็โดนฟันฉับออกจากกันเป็นสองซีก ร่วงหล่นลงบนพื้น เลือดสดๆ ไหลนอง"อุ้งเท้าของพวกมันคมกริบยิ่งกว่าอะไร ถ้
กู้อวิ๋นซีตกใจไปหมด นางพยายามออกแรงคิดจะผลักจวินเย่เสวียนออกแต่เขาก็เป็นเหมือนภูเขาลูกใหญ่ ที่ไม่ว่านางจะออกแรงผลักยังไง ก็ไม่ขยับเขยื้อนเลยนางยังคงดิ้นรนต่อไป แต่กลับยิ่งทำให้เขาควบคุมนางหนักขึ้นจวินเย่เสวียนใช้แขนยาวของเขาออกแรงกอดไว้แน่น ทำให้มือทั้งสองข้างของนางถูกกักไว้อยู่ที่ข้างลำตัวอย่างแน่นหนาส่วนฝ่ามือใหญ่อีกข้างก็จับศีรษะของนางไว้ เชิดหน้าของนางขึ้นมาเขาก้มหัวลงต่ำ เพื่อมอบจูบที่ดูดดื่มยิ่งขึ้นการลุกล้ำเข้ามาอย่างเผด็จการของเขาดูดกลืนความหอมหวานของนางไปจนหมดสิ้นกู้อวิ๋นซีทั้งตกใจทั้งโกรธ แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกจากพันธนาการของเขาได้เลย"อื้อ..." นางพยายามหลบเลี่ยงอย่างสุดชีวิต แต่ริมฝีปากบางของเขาก็คล้ายกับแปะติดกับริมฝีปากของนางไปแล้วไม่ว่านางจะหลบไปที่ไหน เขาก็ตามติดเป็นเงาไปได้ตลอด ปิดช่องทางหนีของนางโดยสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดาย"อื้อๆ...ปะ ปล่อย..." เขาคือองค์ชายสี่นะ!เป็นพี่ชายของฉู่หลี!ทำไมเขาถึงทำเช่นนี้?ถึงแม้ครั้งก่อนในหอนอนของตำหนักไทเฮา พวกเขาจะเคยใกล้ชิดกันเช่นนี้มาแล้วก็ตาม แต่ตอนนั้นพวกเขาต่างก็ดื่มน้ำแกงบุตรหลานไป ไม่มีสติขาดความยั้งคิดในตอ