กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก หว่างคิ้วสวยขมวดมุ่นเจ็บจะตาย!เหตุใดจู่ๆ เขาจึงเปลี่ยนมาบ้าคลั่งเช่นนี้ได้นางยังพูดไม่ทันจบเลย"อ๊า! เบาหน่อย..."แต่จวินฉู่หลีก็ไม่ได้สนใจหลังจากครอบครองริมฝีปากบางของนางแล้ว เขาก็เริ่มการลุกล้ำดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งกู้อวิ๋นซีไม่อาจพูดอะไรได้อีกแม้เพียงนิด ตัวนางถูกเขาจับพลิกให้หันหลัง ก่อนที่ร่างกายร้อนรุ่มของชายหนุ่มจะกดทาบทับตามลงมาอย่างรุนแรงกู้อวิ๋นซีใช้มือจิกฟูกใต้ร่างของนางเอาไว้แน่น กัดริมฝีปากอย่างแรงนางยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจะพูด เกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายสี่แต่ตอนนี้นาง พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียวแค่อ้าปากก็เป็นเสียงร้องครวญครางที่แม้แต่ตัวนางเองยังต้องรู้สึกอายทำไมเขาถึงชอบร่างกายด้านหลังของนางนักนะ...ผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง ความอบอุ่นอ่อนโยนในดวงตาได้หายไปแล้ว ในดวงตาดำขลับคู่นั้น เหลือเพียงประกายดุร้ายราวกับสัตว์ป่าหากว่านางได้เห็น จะต้องตกใจกับความเย็นชานั้นแน่นอน!การครอบครองอย่างบ้าคลั่งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกแล้วว่า พละกำลังของตัวนางเริ่มจะไม่ไหวความรู้สึกเวียนหัวตาลาย ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นตามการจู่โจมอย่า
วันนี้กู้อวิ๋นซีอารมณ์ดีมากเรื่องนี้แม้แต่เยียนเป่ยก็มองออกตอนที่กินข้าวเช้า นางไม่เพียงกินขนมไปสองชิ้นในคราวเดียวแถมยังหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยื่นไปให้ถึงหน้าจวินเย่เสวียนด้วย "องค์ชายสี่ ขนมนี่อร่อยมาก ท่านเองก็ลองชิมดูสิเพคะ"เยียนเป่ยกำลังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าจะเตือนพระชายาหลีอ๋องหน่อยดีไหม ว่าท่านอ๋องไม่กินของหวานอีกอย่าง นางก็กลัวท่านอ๋องมากไม่ใช่หรือ?แต่น้อยครั้งนักที่นางจะปฏิบัติอย่างเป็นกันเองกับท่านอ๋องเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกเลยกระมังหากว่าเขาเอ่ยขัดขึ้นมา ท่านอ๋องคงจะเอาเขาตายแน่กระมัง?จวินเย่เสวียนรับไปจริงๆอย่างที่เยียนเป่ยคิดเอาไว้"มีเรื่องอะไรถึงได้ดีใจถึงเพียงนี้?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่ดวงตาของกู้อวิ๋นซีที่เปล่งประกายแห่งรอยยิ้มเจ้าตัวเล็กนี่!"เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่หิวน่ะ ก็เลยอดไม่ได้ต้องกินเยอะหน่อย" กู้อวิ๋นซีหยิบขนมลูกสนขึ้นมาอีกก้อนก่อนจะกัดหนึ่งคำใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสดใสเป็นประกาย ยังจะบอกว่าไม่ได้ดีใจอีก"องค์ชายสี่" จู่ๆ นางก็เรียกเขาขึ้นมาจวินเย่เสวียนที่กำลังดื่มชาอยู่เลิกคิ้วขึ้น "หืม?""อืม..." กู้อวิ๋นซีคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้
กู้อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกมองคันธนูอันเล็กในมือของตัวเอง นางอยากจะด่าออกไปจริงๆใช่ ด่าองค์ชายสี่ที่นางเพิ่งจะคิดว่าตัวเองสามารถรักและเคารพเขาได้คนนั้นนั่นแหละ"น้องสี่!" องค์ชายใหญ่จวินฉีเจิ้ง หรือเจิ้งอ๋อง โอรสของฮองเฮาเขากระโดดลงจากหลังม้า จวินฉีเจิ้งก้าวเท้ายาวๆ มาหยุดตรงหน้าจวินเย่เสวียน "น้องห้าล่ะ?""ฉู่หลีไม่สบาย วันนี้ภรรยาของเขาจะมาช่วยด้วยเป็นตัวแทน"จวินเย่เสวียนดึงคนตัวเล็กที่แอบอยู่ด้านหลังเขา และคาดว่าน่าจะยังคงก่นด่าเขาไม่จบมายืนต่อหน้าจวินฉีเจิ้งกู้อวิ๋นซีรีบเก็บซ่อนสายตาเคียดแค้นในทันที ย่อตัวทำความเคารพจวินฉีเจิ้ง "ยินดีที่ได้พบองค์ชายใหญ่เพคะ""แม่นางหน้าตาใช้ได้เลยหนิ" จวินฉีเจิ้งเพียงแค่มองแว๊บเดียว จากนั้นก็ไม่ได้สนใจนางอีกเขามองไปที่จวินเย่เสวียน "ได้ยินว่าไม่นานนี้ เจ้าออกนอกเมืองไปปราบกบฎนับร้อย ตอนนี้เกรงว่ากบฎพวกนี้จะลอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้น้องสี่เจ้าระวังตัวหน่อยก็ดีนะ"จวินเย่เสวียนพูดเสียงราบเรียบ "ขอบพระทัยพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง ข้าจะระวังให้มาก""เช่นนั้นก็ดี" เมื่อจวินฉีเจิ้งเห็นว่าบรรดาอ๋องทั้งหลายมากันแล้ว ก็บอกลาจวินเย่เ
"ข้าไม่อยู่" จวินเย่เสวียนสีหน้าเรียบเฉยจวินติ้งเป่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจมาก "เป็นไปได้ยังไง? ท่านพี่สี่ตัดหัวพวกโจรเสร็จก็ออกไปเลยหนิ ไม่สนใจพวกพี่น้องคนอื่นเลยด้วยซ้ำ...""วันนี้เจ้าพูดเยอะจังนะ ว่างนักหรือไง?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่เขาจวินติ้งเป่ยที่เดิมทีคิดอยากจะพูดอะไรก็รีบปิดปากลงทันควันจวินเย่เสวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "วันนี้หากไม่สามารถตัดหัวมาป่ามาได้ยี่สิบหัว ต่อไป ก็ไสหัวออกจากค่ายทหารของข้าได้เลย"จวินติ้งเป่ยหน้าเสียขึ้นมาในทันที "หากว่า ด้านในมีหมาป่าไม่ถึงยี่สิบตัวเล่า...""ไม่พอใจหรือไง?" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว"ไม่มี ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!"จวินติ้งเป่ยยืดตัวตรง ก้มมองไปที่กู้อวิ๋นซีที่ตัวเตี้ยกว่าตัวเองหนึ่งช่วงหัว พูดว่า"พี่สะใภ้ห้า เดี๋ยวข้าจะไปล่าหมูป่ามาให้ท่านเป็นของขวัญแต่งงานนะ รอข้านะ!"ก่อนที่ท่านพี่สี่จะเหวี่ยงอีก เขาก็รีบชิ่งออกไปก่อนอย่างรวดเร็วไปมาดุจสายลม ดูออกเลยว่าทั้งวิชาตัวเบาและวรยุทธ์ของเขาคงร้ายกาจไม่หยอก"องค์ชายสี่..." กู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน"ข้าบอกแล้วไง วันนี้ ข้าไม่อยู่!" จวินเย่เสวียนสีหน้าขรึมขึ้นกู้อวิ๋นซีก
เดิมทีเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายล้วนมีสาวในจวนตามมาปรนนิบัติด้วยดังนั้น ตอนนี้จะเรียกรวมตัวสาวในจวน ไม่นาน พวกนางต่างก็มารวมตัวกันครบมีก็แต่จวินเย่เสวียนที่ก่อนจะเข้าไปในนาทีสุดท้ายนี่แหละ ที่เหมือนจะได้สติขึ้นมา "ให้เยียนเป่ยอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าที่ข้างนอกนี่แหละ ข้าจะรีบออกมาโดยเร็ว""ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยเข้าไปกับท่านด้วยเถิด" เยียนเป่ยพูดขอร้องครั้งก่อนพวกเขาเห็นความร้ายกาจของฝูงหมาป่ากับตาตัวเองกันมาแล้ว ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทก็คงไม่ให้เจิ้งอ๋องมาคุมการสังหารหมาป่าด้วยตัวเองหรอกหนานหลิงเป็นแคว้นที่มีความโหดร้าย ฝูงหมาป่าคร่าชีวิตทหารองค์รักษ์ของพวกเขาไปไม่น้อย เช่นนั้นก็ต้องฆ่าเพื่อหยุดการฆ่า!ตอนนี้จะปล่อยให้ท่านอ๋องไปคนเดียว เยียนเป่ยไม่วางใจเลยกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียนอย่างจนใจ "หากว่าองค์ชายสี่สามารถเปลี่ยนเป็นคันธนูขนาดปกติให้ข้า จะให้ข้าเข้าไปเดินเที่ยวเล่นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหานะเพคะ""เจ้าแน่ใจเหรอ" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้วอย่างสงสัยเด็กน้อยคนนี้ อยากจะให้เขาเปลี่ยนขนาดคันธนูให้มาตลอด นางคิดจริงๆ เหรอว่า คันธนูของที่นี่มันง้างได้ง่ายดายขนาดนั้น?กู้อวิ๋นซีม
พวกผู้ชายพากันล่าหมาป่าตลอดทั้งเช้า ส่วนพวกผู้หญิง ประมาณเที่ยงสิบนาทีก็เริ่มจะพักผ่อนกันแล้วจูจี้ไปหากู้อวิ๋นซี "พระชายาหลีอ๋อง ข้าเอาขนมมาด้วยนิดหน่อยพระชายาจะชิมดูสักหน่อยไหมเพคะ?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่ไม่ไกลเท่าไร เห็นพวกผู้ชายก็กำลังเริ่มพักกันแล้วแต่ว่า ตอนที่พวกเขาพักกันก็ยังไงศึกษาแผนที่ภูมิศาสตร์ของเขตสัตว์ดุร้ายอยู่ด้วยได้ยินว่าเจอพื้นที่ที่พวกหมาป่าไปรวมตัวกันแล้ว คาดว่าหลังจากพักเสร็จก็คงมุ่งหน้าไปที่รังของมันเพื่อฆ่าให้สะใจเต็มที่กระมังกู้อวิ๋นซีหันกลับมา ก็เห็นจูจี้เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง "เจ้าคือ...""ข้าคือจูจี้ เป็นสนมของเจิ้งอ๋อง" จูจี้ยื่นขนมที่นางเอามาให้ด้วยสองมือ"พระชายาหลีอ๋องอยากชิมดูหน่อยไหม?""องค์ชายสี่ไม่อนุญาตให้ข้ากินของไปเรื่อย ขอโทษด้วย พี่จูจี้" กู้อวิ๋นซีส่ายหน้าเจิ้งหวังกับเสวียนอ๋อง ต่อหน้าดูจะสามัคคีกัน แต่ความจริงแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่มีสิทธิในบัลลังก์มากที่สุดต่างก็แอบสู้กันทั้งทางตรงและทางอ้อมกู้อวิ๋นซีไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคนในสมัยโบราณสักเท่าไร แต่เพื่อการอยู่รอด ก็ต้องกำจัดทุกอย่างที่อาจจะเป็นอันต
ลางสังหรณ์ของกู้อวิ๋นซีแม่นยำเสมอหลังพักเที่ยง ตอนที่ทุกคนกำลังเริ่มจะมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ที่ลึกที่สุดในเขตสัตว์ดุร้ายจู่ๆ ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งยิงมาทางกู้อวิ๋นซีต่อให้กู้อวิ๋นซีจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว เตรียมป้องกันอยู่ตลอดเวลาก็ตามทีแต่ ธนูลอบยิงมันก็ป้องกันยาก ลูกธนูที่เย็นเยียบ เกือบจะยิงโดนตัวนางอยู่แล้วได้ยินเพียงเสียงเคร้ง เสียงเดียว ผู้ชายที่เดินนำหน้านางอยู่ก็หันกลับมาวาดดาบออกไปอย่างรวดเร็ว ธนูดอกนั้นก็ถูกปัดกลับไปในทิศทางเดิม"อ๊า..." ไม่ไกลนัก มีคนถูกยิงล้มลงไปกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน แววตามีความไม่สบายใจนางคิดไว้แล้วว่าเจิ้งอ๋องกับจูจี้จะต้องลงมือกับนางเพื่อลองใจแต่คิดไม่ถึงเลย ว่าจะกระทำอุกอาจคิดจะเอาชีวิตของนางเช่นนี้!การลองใจแบบนี้ มันเกินไปหน่อย!"องค์ชายสี่..." ธนูดอกเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านหน้าพากันหวาดกลัวไปหมดจวินเย่เสวียนไม่พูดอะไร เขาบังคับม้าให้ไปอยู่ข้างๆ นาง ก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่ช้อน"ว๊าย..." กู้อวิ๋นซีถูกเขาอุ้มขึ้นมา ฉับพลันก็ร่วงลงมาอยู่บนหลังม้าของเขา"องค์ชายสี่!" แบบนี้ ไม่ดีแน่!ตอนนี้นางกับเขานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันแล้ว!ผิ
ในเขตสัตว์ดุร้ายมีนักฆ่าแอบซ่อนตัวอยู่นี่มันยิ่งทำให้คนรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าการจัดการฝูงหมาป่าเฉยๆ เสียอีกกู้อวิ๋นซีคิดว่า พวกองค์ชายในสมัยโบราณเหล่านี้ เนื่องจากมีฐานะสูงส่งก็คงจะรักชีวิตยิ่งกว่าใครๆ เสียอีกแต่ทุกคนต่างก็ไม่กลัวอันตรายกันเลย ไม่เหมือนชีวิตอยู่ดีกินดีของพวกองค์ชายในละครโทรทัศน์สักนิดจวินติ้งเป่ยนำออกไปเป็นคนแรก ไม่เพียงแต่สังหารหมาป่า แต่ยังต้องจับตัวนักฆ่าออกมาให้ได้อย่าให้พูดเลยว่าน่าตื่นเต้นมากแค่ไหนสมแล้วที่เป็นราษฎรของหนานหลิงกั๋วที่เติบโตขึ้นมาบนหลังม้า!"องค์ชายสี่ ข้าไปเองได้ ข้าอยาก..." แต่เมื่อกู้อวิ๋นซีหันกลับไปมองก็ต้องตกตะลึงม้าของนางล่ะ?"อยากลงจากม้าไปเดินเองเหรอ?" สายตาของจวินเย่เสวียนฉายแววเยาะเย้ยน้อยๆ"ถ้าลงจากม้า ไม่เพียงต้องรับมือกับนักฆ่า แถมยังต้องต่อกรกับหมาป่าที่สามารถเข้ามาจู่โจมได้ทุกเมื่อ เจ้าดูสิ..."อะวู๊ววว หมาป่าตัวหนึ่งจู่โจมเข้ามาอย่างดุร้ายจวินเย่เสวียนตวัดดาบออกไปหนึ่งทีโดยไม่หันไปมองเลยด้วยซ้ำทันใดนั้นหมาป่าก็โดนฟันฉับออกจากกันเป็นสองซีก ร่วงหล่นลงบนพื้น เลือดสดๆ ไหลนอง"อุ้งเท้าของพวกมันคมกริบยิ่งกว่าอะไร ถ้
"ท่านอ๋อง ข้าต้องการยาเล็กน้อย อีกทั้งเหล้ากาหนึ่ง" กู้หรูชิวกล่าวจวินเย่เสวียนโบกมือหนึ่งที ความจริงเยียนเป่ยไม่ยินยอม แต่สุดท้ายเขาก็ไปเตรียมของมาให้กู้หรูชิวอย่างรวดเร็วกู้หรูชิวเดินไปอยู่ตรงหน้าของหลานโจว พูดอย่างอ่อนโยนว่า "คุณชายท่านนี้ ขออภัยด้วย"ที่ขมับของหลานโจวมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมาเยี่ยนอีกำมือแน่น แต่ก็ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ได้พูดอะไรเยียนเป่ยร้อนใจ "ท่านอ๋อง หลานโจวติดตามข้างกายท่านมาสิบกว่า สิบกว่าปี เขา..."จวินเย่เสวียนไม่ได้พูดอะไร ได้แต่มองด้วยสายตาเย็นชากู้หรูชิวบดยาหลายชนิดให้กลายเป็นผงแล้วใส่ลงไปในเหล้าหลานโจวรู้ว่านั่นเป็นยาที่ทำให้เขาขาดสติ โดยส่วนมากไว้ใช้สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดความเจ็บปวดของร่างกายเขาไม่รู้เลยว่ายาพวกนี้เมื่อเอามาผสมกับเหล้าแรงจะสามารถดึงวิญญาณของคนๆ หนึ่งได้แต่เมื่อทั้งสองชนิดผสมเข้าด้วยกัน ก็สามารถทำให้คนๆ หนึ่งมีสติเลือนลาน ช้าเชือนได้จริงๆ!เมื่อเห็นว่ากู้หรูชิวผสมยากับเหล้าเข้ากันดีแล้ว เดินถือมาอยู่ตรงหน้าของตัวเอง หลานโจวก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดอย่างสงบว่า "ท่านอ๋อง เป็นกระหม่อมที่เอายาพิษรุนแรง
ไม่รอให้หลานโจวได้เอ่ยปาก หมอคนนั้นก็พูดขึ้นว่า "จะไม่มีปัญหาได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นดื่มยาพิษอะไรเข้าไป ซึ่งเป็นการทำร้ายเด็กในท้องตั้งนานแล้ว"เมื่อหมอคิดไปถึงสีหน้าของผู้หญิงคนนั้นในตอนนั้น ก็อดที่จะสงสารไม่ได้"ผู้หญิงคนนั้นจะต้องรักลูกในท้องของนางมากแน่ ข้าน้อยแนะนำให้นางรีบตัดสินใจ อะ เอาเด็กออก..."เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาของเสวียนอ๋อง ที่จู่ๆ ก็เย็นเยียบขึ้นมา หมอคนนั้นก็หวาดกลัวจนตัวสั่น ฉับพลันไม่รู้ว่าควรจะพูดต่อไปหรือไม่แต่ก็เป็นจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา "พูดต่อ!"หมอคนนั้นถึงได้พูดต่อไปอย่างกลัวๆ กล้าๆ "ข้าน้อยคิดเพื่อร่างกายของผู้หญิงคนนั้นเองถึงได้แนะนำให้ดื่มยาขับเลือด แต่ผู้หญิงคนนั้นไม่ยินยอม ข้าน้อยรู้ว่านางยังแอบมีความหวังอยู่"สายตาของจวินเย่เสวียนมองไปยังร่างของหลานโจวหลานโจวรู้สึกสิ้นหวังมากเขารู้อยู่แล้วว่าสักวัน วันนี้ก็จะต้องมาถึงแต่แค่คิดไม่ถึงว่ามันจะมาเร็วขนาดนี้"มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?" ในที่สุดเยียนเป่ยก็ทนไม่ไหวเขาเชื่อใจหลานโจวขนาดนั้น แต่ทำไมตอนนี้ หลานโจว...ดูเหมือนว่าหลานโจวกำลังปกปิดอะไรไว้อยู่จริงๆ
"เสวียนเออร์ เจ้า...เจ้าพูดเรื่องเหลวไหลอะไร? ข้าจะไปทำอะไรนางได้? นางอยู่ในการคุ้มครองของเจ้าตลอดเวลานะ!"พระสนมหรงรู้สึกละอายใจ แต่ก็พยายามรักษาจิตใจให้สงบนิ่งนางปล่อยมือที่จับชายเสื้อของจวินเย่เสวียนเอาไว้ แล้วก้าวถอยหลังไปสองก้าวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวลูกชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ขึ้นมาอย่างประหลาด"เสวียนเออร์ เจ้าลืมความเจ็บปวดของเจ้าได้เร็วขนาดนี้เชียวเหรอ? นางเป็นคนฆ่า...ของเจ้าเองกับมือเพื่อช่วยหลีเออร์นะ...""ลูก" คำนี้พระสนมหรงไม่กล้าที่จะพูดมันออกไปรอบข้างมีทั้งขันทีและนางกำนัลมากมายแต่นางรู้ดีว่าลูกชายของนางเข้าใจจริงดังนั้น ประโยคนี้ทำให้จวินเย่เสวียนกำหมัดแน่นทีเดียวเขาไม่อาจทำใจยอมรับเรื่องนี้ได้!โชคดีที่หลังจากกลับมา นางได้พบกับมู่อันหนิงแล้ว และได้คุยกับเรื่องคำที่จะพูดแล้วมู่อันหนิงช่างรู้งานจริงๆ!หากว่าไม่มีมู่อันหนิง พระสนมหรงเองคนเดียวคงไม่อาจจัดการเรื่องให้ดีได้เช่นนี้"เสวียนเออร์ แม่ก็แค่สงสารเจ้า หรือว่าเจ้าไม่คิดแค้นนาง...""นางช่วยลูกชายสุดที่รักของท่านไว้ แต่ท่านกลับ แค้นนาง?"จวินเย่เสวียนหรี่ตาลง ฉับพลันก็เดินขึ้นไปข้างหน้าพระสนมหรงตกใจจ
"เจ้า..."พระสนมหรงคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีจะกล้ายอมรับออกมาจริงๆ!นางทำไปเพื่อแก้แค้นนางจริงๆ!แถมนางยังคิดจะให้ลูกชายทั้งสองคนของนางกลายเป็นศัตรู ฆ่ากันเอง!พระสนมหรงโมโหจนตัวสั่น แต่กู้อวิ๋นซีกลับใช้ดวงตาคู่โตชุ่มชื้นนั้นมองมาที่นางด้วยสายตาที่ไร้เดียงสาอย่างเดิมรอยยิ้มที่มุมปากเหมือนจะอ่อนโยน แต่คำพูดที่ออกมากลับเย็นชาสุดขีด"เสด็จแม่ ข้าเกือบจะถูกท่านฆ่าตายแล้ว หากว่าข้าไม่ทำให้ลูกชายทั้งสองของท่านตายไปบ้าง ข้าจะทำใจเรื่องความแค้นนี้ได้อย่างไร?""นังแพศยา เจ้ากล้า!"พระสนมหรงโมโหจนเสียสติ ยกมือขึ้นมาอย่างเร็ว และกำลังจะตบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงที่น่าแปลกก็คือ การต้องเผชิญกับฝ่ามือของตัวเอง กู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่คิดหลบ แต่ยังกลับยิ้มออกมาอย่างสะใจพระสนมหรงตกใจ จู่ๆ ก็เข้าใจได้ทันทีว่าตัวเองโดนหลอกแล้ว!แต่แรงตบที่นางอ้างออกไปมันไม่สามารถเก็บกลับได้ทันแล้ว ฝ่ามือนี้ในที่สุดก็จบลงไปบนหน้าของกู้อวิ๋นซีอย่างแรงเพราะว่าแรงมาก กู้อวิ๋นซีถึงได้ล้มลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นทันทีตาลายไปหมด ลุกขึ้นมาไม่ได้เลย"ซีเออร์!" เงาของสองร่างปรากฎออกมาในทันทีตอนที่จวินฉู่หลีช่
ความจริงแล้วพระสนมหรงไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่กลับมาจะยังเจอหน้าผู้หญิงคนนี้อีกตอนนั้นที่นางจากมา กู้อวิ๋นซีนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างเตียง ปากก็กระอักเลือดสีดำ ลมหายใจรวยรินถึงแม้นางจะมีความสงสารอยู่บ้าง แต่เมื่อคิดถึงว่าลูกชายของตัวเองทังสองคนจะต้องผิดใจกันเพราะผู้หญิงคนนี้ นางก็ใจแข็งได้อีกครั้งวันนั้นที่ออกคำสั่งไม่ให้มีใครมา จริงๆ แล้วไม่ใช่ความปรารถนาของมู่อันหนิงแค่คนเดียวแต่เป็นความอนุญาตกลายๆ ของพระสนมหรงอีกด้วยเพียงแค่มู่อันหนิงนับว่ายังดีอยู่บ้างที่รับจบเรื่องนี้เอาไว้เอง ไม่ได้ทำให้ลูกชายทั้งสองของนางเกลียดนางด้วยเรื่องนี้ ทำให้ท่าทีที่พระสนมหรงมีต่อมู่อันหนิงก็ยิ่งดีขึ้นอีกเดิมคิดว่าหลังจากสามเดือนผ่านไป ตอนที่กลับมากู้อวิ๋นซีก็คงจะตายไปนานแล้ว และด้วยระยะเวลาที่ยาวนานนี้ ลูกชายทั้งสองของนางก็คงทำใจเรื่องผู้หญิงคนนี้ไปได้แล้วถึงตอนนั้น หลีเออร์ก็จะมีชีวิตใหม่ ส่วนเสวียนเออร์ นางเองก็ชอบมู่อันหนิงถ้าจะให้มู่อันหนิงมาเป็นพระชายาของเสวียนอ๋อง นางก็พอใจอย่างมากสรุปก็คือมันจะต้องเป็นการจบเรื่องที่สมบูรณ์แบบแต่นางคิดไม่ถึงเลยว่ากู้อวิ๋นซีไม่เพียงไม่ตาย แต่ยังกล้าท
สองวันต่อจากนั้น กู้อวิ๋นซีก็พักอยู่ที่ตำหนักของไทเฮาตลอดสองวันนี้จวินฉู่หลียุ่งมากด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการก่อสร้างจวนหลีอ๋อง อีกด้านหนึ่งก็ยุ่งเรื่องการย้ายไปประจำการที่เมืองฝานกู้อวิ๋นซีได้พักผ่อนอยู่สองวัน พอถึงเช้าตรู่วันที่สาม ในที่สุดก็ได้รับข่าวดี"คนในจวนแม่ทัพออกนอกเมืองไปแล้วเหรอ?"ข่าวนี้ทำให้นางอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกไปทั้งวัน"เจ้ากังวลว่าเสวียนอ๋องจะมาขัดขวางเหรอ?" ขนาดมู่เฟยหย่ายังดูออกเลยว่านางเบาใจไปมากกู้อวิ๋นซีไม่ได้ตอบคำถามนี้ความคิดของจวินเย่เสวียน ใครจะเดาออกกัน?สามวันก่อนหน้านี้เขาถูกนางทำให้โกรธจนกลับออกไป เสวียนอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวณ อีกทั้งยังรู้ว่านางตั้งใจจะให้คนในจวนแม่ทัพออกห่างจากความวุ่นวายนี้ดังนั้นการที่เขาจะขวางก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร"เรื่องนี้ข้าได้ปรึกษากับอาหลีแล้ว อาหลีเองก็เคยคิดวิธีรับมือ หากว่าเสวียนอ๋องตั้งใจจะขวาง อาหลีก็จะทำตามที่ข้าบอก"การที่จวินเย่เสวียนเก็บตัวเงียบแบบนี้ เป็นเรื่องที่เหนือการคาดหมายไปเหมือนกัน"วันนี้เจ้าช่วยข้าออกไปตามหาคุณชายมู่อีกครั้งเถอะ" จู่ๆ กู้อวิ๋นซีก็พูดขึ้นมา"หามาตั้งหลายวันแล้วยังไม่ได้ข
"อื้อ!"หมอนใบหนึ่งกระเด็นมาโดนที่หัวของมู่เฟยหย่าพอดิบพอดีมู่เฟยหย่าจึงทำได้เพียงแค่ต้องเงียบปากไปเท่านั้นแต่ในหัวสมองของนางยังคงมีภาพแผ่นหลังที่โดดเดี่ยวอ้างว้าง ราวกับถูกคนทั้งโลกละทิ้งของจวินเย่เสวียนตอนเดินจากไปวนเวียนอยู่ไม่หายนางรู้สึกปวดใจจริงๆ นะ!ก็ไม่รู้ว่าทำไมกู้อวิ๋นซีถึงใจร้ายได้แบบนี้กู้อวิ๋นซีในตอนนี้ นิ่งสงบราวกับผิวน้ำที่ไร้คลื่นความเจ็บปวดของเขา มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดของนางแม้เพียงสักหนึ่งส่วน มีอะไรให้น่าสงสารกัน?อีกอย่าง ต่อไปเสวียนอ๋องก็มีโอกาสอีกกว้างไกลในอนาคตแต่ตัวนางกับคนในจวนแม่ทัพกลับต้องตกอยู่ในสภาพที่ลำบากแค่สถานการณ์ของตัวนางเองในตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิที่จะไปสงสารคนอื่นแล้ว"เอาล่ะ ข้าไม่พูดแล้ว แต่ว่า เจ้าไม่ใช่ต้องการจะแก้แค้นเหรอ? เหตุใดเจ้าถึงไม่ใช้เสวียนอ๋องกับหลีอ๋องมาต่อกรกับพระสนมหรงโดยตรงล่ะ?"ตอนนี้เป็นไง ทำให้เสวียนอ๋องโกรธจนจากไปแล้ว ต่อไปไม่ใช่ว่าจะมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกคนอย่างนั้นเหรอ?กู้อวิ๋นซีได้แต่มองนางอย่างนิ่งสงบ "แล้วถ้าหากว่าเป็นเจ้า เจ้าจะทำอย่างไร?"มู่เฟยหย่าคิดสักพัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้นางแล้วพู
"ข้าชอบอาหลีหรือไม่ ข้าไม่รู้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ารู้ได้ชัดเจน"กู้อวิ๋นซีเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา อย่างน้อย ครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ"จวินเย่เสวียน ข้าไม่รักท่านแล้ว""เจ้าคิดว่าข้าจะสนหรือยังไง?" น้ำเสียงของจวินเย่เสวียนที่พูดออกมาแทบจะแค้นมันออกมาจากซอกฟันอยู่แล้วถ้าเป็นในเวลาปกติ กู้อวิ๋นซีจะต้องกลัวแน่แต่ตอนนี้ ไม่รู้ทำไม จู่ๆ นางก็รู้สึกไม่กลัวแล้วจริงๆ"ทางที่ดีท่านอ๋องพูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ไม่สน ต่อไปก็อย่ามารบกวนชีวิตของพวกเราสองสามีภรรยา"ใบหน้าเขาเรียบเฉย ดูแล้วจิตใจสงบนิ่งราวผิวน้ำแต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าคำพูดของกู้อวิ๋นซี เป็นเหมือนมีดเล่มหนึ่งที่ปักเข้าไปในหัวใจเขาอย่างจังลึกและแรงมาก!ประกายแสงเพียงน้อยนิดในดวงตาของเขา หายไปหมดแล้ว"กู้อวิ๋นซี เจ้าอย่าเสียใจทีหลังล่ะ!"...ในที่สุดเขาก็ไปแล้วกู้อวิ๋นซีนั่งลงไปบนพื้นอย่างอ่อนแรง หมดอาลัยตายอยากด้านนอกมีคนวิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อนนางจับขอบเตียงเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองขึ้นมาอย่างช้าๆเพิ่งจะลุกขึ้นมาได้ ก็เห็นจวินฉู่หลีที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงด้วยสีหน้าที่ร้อนรน"ท่านพี่สี่เขา...""ไปแล้ว" กู้
การปรากฎตัวขึ้นของจวินเย่เสวียนเป็นอะไรที่กู้อวิ๋นซีคิดไม่ถึงมาก่อนตอนที่เห็นเงาร่างของเขาเดินเข้ามา นางก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างตกใจ ก่อนจะถอยหลังไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ"เจ้าคิดเหรอว่ามาหลบอยู่ที่ตำหนักของเสด็จย่าแล้วจะสามารถหลบข้าพ้น?"สายตาเย็นเยียบของจวินเย่เสวียนจับจ้องไปที่ร่างกายของนางตรงๆ"ให้คนของจวนแม่ทัพย้ายไปที่เมืองฝาน เพื่อจะได้รอดพ้นจากขอบเขตอำนาจของข้าก็คิดว่าจะสามารถไปไหนก็ได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?""ก็แค่พวกมดแมลงตัวเล็กๆ ที่ต้องการรักษาชีวิตเท่านั้น ท่านอ๋อง ท่านต้องการปกป้องครอบครัวของท่าน ข้าก็ต้องการให้ครอบครัวของข้าได้มีชีวิตต่อไป เหตุใดท่านอ๋องถึงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปล่ะ?"กู้อวิ๋นซียังคงเดินถอยหลังอยู่ ไม่ทันระวังก็เลยเดินถอยไปจนถึงเตียงนอน จนไม่อาจถอยหลังได้อีก"ท่านอ๋อง คนที่ท่านแค้นคือข้า ไม่เกี่ยวกับพวกเขา ท่านอ๋องจะสามารถปล่อยให้พวกเขาได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้หรือไม่?"ถึงแม้ฝีเท้าของจวินเย่เสวียนจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่เพียงไม่นานเขาก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของนางแล้ว"ดังนั้น ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเจ้ายังพูดว่าต้องการผู้ชายที่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่แบบข้าในอ้อมแขนของข้า แต่คืนนี