กู้อวิ๋นซีตกใจ รู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งร่างเขา...หายตัวไปตั้งหลายวัน เพิ่งจะกลับมาก็จะ...กับนางแล้วเหรอ"ฉะ ฉู่หลี..." นางเบี่ยงหน้าออก กว่าจะหลีกหนีริมฝีปากของเขามาได้ก็รู้สึกได้ว่ามือของเขากำลังลูบไล้ไปตามร่างกายของนางหลังจากที่ถอดเสื้อผ้าของนางออกได้สำเร็จนางผลักเขาออกเบาๆ รู้สึกตื่นกลัว "ฉู่หลี ดะ เดี๋ยวก่อน ข้ายังมีเรื่องจะพูดอีกมาก...อืม...""อยากพูดอะไร?" จวินฉู่หลียิ้มออกมาน้อยๆ พลิกตัวครั้งเดียวก็สามารถกดให้นางอยู่ใต้ร่างได้"เจ้าพูดสิ ข้าฟังอยู่"แต่มือของเขา กลับยิ่งกำเริบขึ้นทุกที"ฉู่หลี เจ้า อย่าทำเช่นนี้ ข้ามี...มีเรื่องจะพูดจริงๆ อย่า...อ๊า!"ถูกเขาหยิกไปหนึ่งที กู้อวิ๋นซีทั้งลนลานทั้งตกใจ ออกแรงผลักแขนของเขาอย่างแรง"ฉู่หลี...""ก็ได้ เจ้าว่ามาสิ ข้ากำลังฟังอยู่" จวินฉู่หลีหอบต่ำหนึ่งที ก่อนจะมองนางอย่างจริงจังถึงแม้สายตายังคงเจือความร้อนแรง และถึงแม้ว่ากู้อวิ๋นซีเองก็จะรับรู้ได้ว่าร่างกายของเขามันแข็งขืนขนาดไหนก็ตามแต่มือของเขาก็หยุดลง คล้ายกับจะฟังสิ่งที่นางพูดจริงๆนางกระพริบตาปริบๆ อยู่ใต้ร่างเขา ก็ยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ดีคล้ายกับเป็นกระต่าย
กู้อวิ๋นซีกัดริมฝีปาก หว่างคิ้วสวยขมวดมุ่นเจ็บจะตาย!เหตุใดจู่ๆ เขาจึงเปลี่ยนมาบ้าคลั่งเช่นนี้ได้นางยังพูดไม่ทันจบเลย"อ๊า! เบาหน่อย..."แต่จวินฉู่หลีก็ไม่ได้สนใจหลังจากครอบครองริมฝีปากบางของนางแล้ว เขาก็เริ่มการลุกล้ำดูดกลืนอย่างบ้าคลั่งกู้อวิ๋นซีไม่อาจพูดอะไรได้อีกแม้เพียงนิด ตัวนางถูกเขาจับพลิกให้หันหลัง ก่อนที่ร่างกายร้อนรุ่มของชายหนุ่มจะกดทาบทับตามลงมาอย่างรุนแรงกู้อวิ๋นซีใช้มือจิกฟูกใต้ร่างของนางเอาไว้แน่น กัดริมฝีปากอย่างแรงนางยังมีอีกหลายอย่างที่อยากจะพูด เกี่ยวกับเรื่องขององค์ชายสี่แต่ตอนนี้นาง พูดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียวแค่อ้าปากก็เป็นเสียงร้องครวญครางที่แม้แต่ตัวนางเองยังต้องรู้สึกอายทำไมเขาถึงชอบร่างกายด้านหลังของนางนักนะ...ผู้ชายที่อยู่ด้านหลัง ความอบอุ่นอ่อนโยนในดวงตาได้หายไปแล้ว ในดวงตาดำขลับคู่นั้น เหลือเพียงประกายดุร้ายราวกับสัตว์ป่าหากว่านางได้เห็น จะต้องตกใจกับความเย็นชานั้นแน่นอน!การครอบครองอย่างบ้าคลั่งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น กู้อวิ๋นซีก็รู้สึกแล้วว่า พละกำลังของตัวนางเริ่มจะไม่ไหวความรู้สึกเวียนหัวตาลาย ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้นตามการจู่โจมอย่า
วันนี้กู้อวิ๋นซีอารมณ์ดีมากเรื่องนี้แม้แต่เยียนเป่ยก็มองออกตอนที่กินข้าวเช้า นางไม่เพียงกินขนมไปสองชิ้นในคราวเดียวแถมยังหยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง ยื่นไปให้ถึงหน้าจวินเย่เสวียนด้วย "องค์ชายสี่ ขนมนี่อร่อยมาก ท่านเองก็ลองชิมดูสิเพคะ"เยียนเป่ยกำลังลังเลอยู่ ไม่รู้ว่าจะเตือนพระชายาหลีอ๋องหน่อยดีไหม ว่าท่านอ๋องไม่กินของหวานอีกอย่าง นางก็กลัวท่านอ๋องมากไม่ใช่หรือ?แต่น้อยครั้งนักที่นางจะปฏิบัติอย่างเป็นกันเองกับท่านอ๋องเช่นนี้นับเป็นครั้งแรกเลยกระมังหากว่าเขาเอ่ยขัดขึ้นมา ท่านอ๋องคงจะเอาเขาตายแน่กระมัง?จวินเย่เสวียนรับไปจริงๆอย่างที่เยียนเป่ยคิดเอาไว้"มีเรื่องอะไรถึงได้ดีใจถึงเพียงนี้?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่ดวงตาของกู้อวิ๋นซีที่เปล่งประกายแห่งรอยยิ้มเจ้าตัวเล็กนี่!"เปล่าสักหน่อย ข้าก็แค่หิวน่ะ ก็เลยอดไม่ได้ต้องกินเยอะหน่อย" กู้อวิ๋นซีหยิบขนมลูกสนขึ้นมาอีกก้อนก่อนจะกัดหนึ่งคำใบหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสดใสเป็นประกาย ยังจะบอกว่าไม่ได้ดีใจอีก"องค์ชายสี่" จู่ๆ นางก็เรียกเขาขึ้นมาจวินเย่เสวียนที่กำลังดื่มชาอยู่เลิกคิ้วขึ้น "หืม?""อืม..." กู้อวิ๋นซีคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้
กู้อวิ๋นซีรู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกมองคันธนูอันเล็กในมือของตัวเอง นางอยากจะด่าออกไปจริงๆใช่ ด่าองค์ชายสี่ที่นางเพิ่งจะคิดว่าตัวเองสามารถรักและเคารพเขาได้คนนั้นนั่นแหละ"น้องสี่!" องค์ชายใหญ่จวินฉีเจิ้ง หรือเจิ้งอ๋อง โอรสของฮองเฮาเขากระโดดลงจากหลังม้า จวินฉีเจิ้งก้าวเท้ายาวๆ มาหยุดตรงหน้าจวินเย่เสวียน "น้องห้าล่ะ?""ฉู่หลีไม่สบาย วันนี้ภรรยาของเขาจะมาช่วยด้วยเป็นตัวแทน"จวินเย่เสวียนดึงคนตัวเล็กที่แอบอยู่ด้านหลังเขา และคาดว่าน่าจะยังคงก่นด่าเขาไม่จบมายืนต่อหน้าจวินฉีเจิ้งกู้อวิ๋นซีรีบเก็บซ่อนสายตาเคียดแค้นในทันที ย่อตัวทำความเคารพจวินฉีเจิ้ง "ยินดีที่ได้พบองค์ชายใหญ่เพคะ""แม่นางหน้าตาใช้ได้เลยหนิ" จวินฉีเจิ้งเพียงแค่มองแว๊บเดียว จากนั้นก็ไม่ได้สนใจนางอีกเขามองไปที่จวินเย่เสวียน "ได้ยินว่าไม่นานนี้ เจ้าออกนอกเมืองไปปราบกบฎนับร้อย ตอนนี้เกรงว่ากบฎพวกนี้จะลอบเข้ามาในเมืองหลวงแล้ว ช่วงนี้น้องสี่เจ้าระวังตัวหน่อยก็ดีนะ"จวินเย่เสวียนพูดเสียงราบเรียบ "ขอบพระทัยพี่ใหญ่ที่เป็นห่วง ข้าจะระวังให้มาก""เช่นนั้นก็ดี" เมื่อจวินฉีเจิ้งเห็นว่าบรรดาอ๋องทั้งหลายมากันแล้ว ก็บอกลาจวินเย่เ
"ข้าไม่อยู่" จวินเย่เสวียนสีหน้าเรียบเฉยจวินติ้งเป่ยแสดงสีหน้าประหลาดใจมาก "เป็นไปได้ยังไง? ท่านพี่สี่ตัดหัวพวกโจรเสร็จก็ออกไปเลยหนิ ไม่สนใจพวกพี่น้องคนอื่นเลยด้วยซ้ำ...""วันนี้เจ้าพูดเยอะจังนะ ว่างนักหรือไง?" จวินเย่เสวียนจ้องไปที่เขาจวินติ้งเป่ยที่เดิมทีคิดอยากจะพูดอะไรก็รีบปิดปากลงทันควันจวินเย่เสวียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "วันนี้หากไม่สามารถตัดหัวมาป่ามาได้ยี่สิบหัว ต่อไป ก็ไสหัวออกจากค่ายทหารของข้าได้เลย"จวินติ้งเป่ยหน้าเสียขึ้นมาในทันที "หากว่า ด้านในมีหมาป่าไม่ถึงยี่สิบตัวเล่า...""ไม่พอใจหรือไง?" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้ว"ไม่มี ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้!"จวินติ้งเป่ยยืดตัวตรง ก้มมองไปที่กู้อวิ๋นซีที่ตัวเตี้ยกว่าตัวเองหนึ่งช่วงหัว พูดว่า"พี่สะใภ้ห้า เดี๋ยวข้าจะไปล่าหมูป่ามาให้ท่านเป็นของขวัญแต่งงานนะ รอข้านะ!"ก่อนที่ท่านพี่สี่จะเหวี่ยงอีก เขาก็รีบชิ่งออกไปก่อนอย่างรวดเร็วไปมาดุจสายลม ดูออกเลยว่าทั้งวิชาตัวเบาและวรยุทธ์ของเขาคงร้ายกาจไม่หยอก"องค์ชายสี่..." กู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน"ข้าบอกแล้วไง วันนี้ ข้าไม่อยู่!" จวินเย่เสวียนสีหน้าขรึมขึ้นกู้อวิ๋นซีก
เดิมทีเหล่าอ๋องและองค์ชายทั้งหลายล้วนมีสาวในจวนตามมาปรนนิบัติด้วยดังนั้น ตอนนี้จะเรียกรวมตัวสาวในจวน ไม่นาน พวกนางต่างก็มารวมตัวกันครบมีก็แต่จวินเย่เสวียนที่ก่อนจะเข้าไปในนาทีสุดท้ายนี่แหละ ที่เหมือนจะได้สติขึ้นมา "ให้เยียนเป่ยอยู่เล่นเป็นเพื่อนกับเจ้าที่ข้างนอกนี่แหละ ข้าจะรีบออกมาโดยเร็ว""ท่านอ๋อง ให้ข้าน้อยเข้าไปกับท่านด้วยเถิด" เยียนเป่ยพูดขอร้องครั้งก่อนพวกเขาเห็นความร้ายกาจของฝูงหมาป่ากับตาตัวเองกันมาแล้ว ไม่เช่นนั้น ฝ่าบาทก็คงไม่ให้เจิ้งอ๋องมาคุมการสังหารหมาป่าด้วยตัวเองหรอกหนานหลิงเป็นแคว้นที่มีความโหดร้าย ฝูงหมาป่าคร่าชีวิตทหารองค์รักษ์ของพวกเขาไปไม่น้อย เช่นนั้นก็ต้องฆ่าเพื่อหยุดการฆ่า!ตอนนี้จะปล่อยให้ท่านอ๋องไปคนเดียว เยียนเป่ยไม่วางใจเลยกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียนอย่างจนใจ "หากว่าองค์ชายสี่สามารถเปลี่ยนเป็นคันธนูขนาดปกติให้ข้า จะให้ข้าเข้าไปเดินเที่ยวเล่นสักหน่อยก็ไม่มีปัญหานะเพคะ""เจ้าแน่ใจเหรอ" จวินเย่เสวียนเลิกคิ้วอย่างสงสัยเด็กน้อยคนนี้ อยากจะให้เขาเปลี่ยนขนาดคันธนูให้มาตลอด นางคิดจริงๆ เหรอว่า คันธนูของที่นี่มันง้างได้ง่ายดายขนาดนั้น?กู้อวิ๋นซีม
พวกผู้ชายพากันล่าหมาป่าตลอดทั้งเช้า ส่วนพวกผู้หญิง ประมาณเที่ยงสิบนาทีก็เริ่มจะพักผ่อนกันแล้วจูจี้ไปหากู้อวิ๋นซี "พระชายาหลีอ๋อง ข้าเอาขนมมาด้วยนิดหน่อยพระชายาจะชิมดูสักหน่อยไหมเพคะ?"กู้อวิ๋นซีมองไปที่ไม่ไกลเท่าไร เห็นพวกผู้ชายก็กำลังเริ่มพักกันแล้วแต่ว่า ตอนที่พวกเขาพักกันก็ยังไงศึกษาแผนที่ภูมิศาสตร์ของเขตสัตว์ดุร้ายอยู่ด้วยได้ยินว่าเจอพื้นที่ที่พวกหมาป่าไปรวมตัวกันแล้ว คาดว่าหลังจากพักเสร็จก็คงมุ่งหน้าไปที่รังของมันเพื่อฆ่าให้สะใจเต็มที่กระมังกู้อวิ๋นซีหันกลับมา ก็เห็นจูจี้เดินมาอยู่ตรงหน้าของนาง "เจ้าคือ...""ข้าคือจูจี้ เป็นสนมของเจิ้งอ๋อง" จูจี้ยื่นขนมที่นางเอามาให้ด้วยสองมือ"พระชายาหลีอ๋องอยากชิมดูหน่อยไหม?""องค์ชายสี่ไม่อนุญาตให้ข้ากินของไปเรื่อย ขอโทษด้วย พี่จูจี้" กู้อวิ๋นซีส่ายหน้าเจิ้งหวังกับเสวียนอ๋อง ต่อหน้าดูจะสามัคคีกัน แต่ความจริงแล้ว ใครๆ ก็รู้ว่า พวกเขาทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่มีสิทธิในบัลลังก์มากที่สุดต่างก็แอบสู้กันทั้งทางตรงและทางอ้อมกู้อวิ๋นซีไม่ค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของคนในสมัยโบราณสักเท่าไร แต่เพื่อการอยู่รอด ก็ต้องกำจัดทุกอย่างที่อาจจะเป็นอันต
ลางสังหรณ์ของกู้อวิ๋นซีแม่นยำเสมอหลังพักเที่ยง ตอนที่ทุกคนกำลังเริ่มจะมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ที่ลึกที่สุดในเขตสัตว์ดุร้ายจู่ๆ ก็มีลูกธนูดอกหนึ่งยิงมาทางกู้อวิ๋นซีต่อให้กู้อวิ๋นซีจะเตรียมพร้อมไว้แล้ว เตรียมป้องกันอยู่ตลอดเวลาก็ตามทีแต่ ธนูลอบยิงมันก็ป้องกันยาก ลูกธนูที่เย็นเยียบ เกือบจะยิงโดนตัวนางอยู่แล้วได้ยินเพียงเสียงเคร้ง เสียงเดียว ผู้ชายที่เดินนำหน้านางอยู่ก็หันกลับมาวาดดาบออกไปอย่างรวดเร็ว ธนูดอกนั้นก็ถูกปัดกลับไปในทิศทางเดิม"อ๊า..." ไม่ไกลนัก มีคนถูกยิงล้มลงไปกู้อวิ๋นซีมองไปที่จวินเย่เสวียน แววตามีความไม่สบายใจนางคิดไว้แล้วว่าเจิ้งอ๋องกับจูจี้จะต้องลงมือกับนางเพื่อลองใจแต่คิดไม่ถึงเลย ว่าจะกระทำอุกอาจคิดจะเอาชีวิตของนางเช่นนี้!การลองใจแบบนี้ มันเกินไปหน่อย!"องค์ชายสี่..." ธนูดอกเดียว ทำให้คนที่อยู่ด้านหน้าพากันหวาดกลัวไปหมดจวินเย่เสวียนไม่พูดอะไร เขาบังคับม้าให้ไปอยู่ข้างๆ นาง ก่อนจะใช้ฝ่ามือใหญ่ช้อน"ว๊าย..." กู้อวิ๋นซีถูกเขาอุ้มขึ้นมา ฉับพลันก็ร่วงลงมาอยู่บนหลังม้าของเขา"องค์ชายสี่!" แบบนี้ ไม่ดีแน่!ตอนนี้นางกับเขานั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกันแล้ว!ผิ